มาส่งเรื่อยๆนะคะ จริงๆเขียนไปถึงตอนที่ 11แล้วค่ะ แต่สำหรับที่นี่ค่อยๆโพสค่ะ
******
ตอนที่ 4
เซียร่าเสียเวลาจัดการกับตัวเองในการเปลี่ยนชุดไปไม่ถึง2นาทีดี หญิงสาวสำรวจตัวเองตรงหน้ากระจกอีกครั้ง เสื้อยืดสีน้ำเงินเข้มกับกางเกงยีนส์เข้ารูปนี่เหมาะกับสัดส่วนของเธอราวกับคนซื้อให้มีตาทิพย์ยั้งรู้สัดส่วนของชาวบ้าน แต่ถึงกระนั้นเธอก็ไม่ได้คิดอะไรให้มากมายเพราะมันคงดีกว่าให้เธอใส่ชุดพื้นเมืองไปคอกม้า..แบบนั้นมันคงดูแย่เต็มทน แล้วถ้าเกิดเธอซุ่มซ่ามขึ้นมาก็คงอายคนอื่นอีกแน่ๆ ครั้นแล้วเธอก็สูดหายใจลึกๆ เรียกความมั่นใจความเก่งกล้าที่เคยมีกลับมา เธอต้องพกพาความมั่นใจเพื่อต่อกรกับภวินทร์
หญิงสาวปฏิญาณตนกับเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกว่า จะไม่ยอมแพ้ภวินทร์เป็นอันขาด เธอจะไม่ยอมถูกส่งตัวกลับอเมริกาง่ายๆแน่นอน เธอจะทำให้คนหัวดื้อยอมอ่อนข้อกับเธอให้ได้
ร่างบางระหงก้าวยาวๆลงขั้นบันไดมาด้วยความกระฉับกระเฉง นัยน์คู่สวยตอนนี้มีแววมาดมั่นตามแบบฉบับเซียร่า..แม่ลูกสาวมาเฟียจอมก่อเรื่องโดยแท้ เธอเดินตรงเข้าไปในห้องอาหารพลางเชิดหน้าใส่เจ้าของไร่ที่นั่งอยู่ด้านหัวโต๊ะอาหาร ก่อนจะยืนอยู่หลังเก้าอี้ฝั่งขวามือของภวินทร์ หญิงสาวยืนอยู่อย่างงั้นรอให้ภวินทร์อนุญาตให้นั่งตามมารยาท แต่ทว่ากลับเจอเจ้าของไร่ตัวดีแกล้งเข้าให้ โดยการไม่เอ่ยเชื้อเชิญเธอแต่กลับ
ที่อเมริกาเขาสอนให้ยืนทานข้าวค้ำหัวผู้ใหญ่เหรอ ถึงได้ยืนอยู่แบบนั้น?
คนโดนว่าฟังแล้วก็ถึงกับหน้าตึงขึ้นมาทันที ก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ตรงหน้าออกกระแทกตัวลงนั่งอย่างไม่สบอารมณ์พลางตวัดตามองคนที่นั่งหัวโต๊ะด้วยอาการที่เรียกได้ว่า อยากจะกินเลือดกินเนื้อ ซะเต็มประดา
แต่แล้วเซียร่าก็ต้องละความสนใจจากภวินทร์เมื่อมองชามอาหารบนโต๊ะตรงหน้า เม็ดข้าวสีขาวสะอาดถูกต้มจนสุกมีหมูปั้นเป็นก้อนกลมเล็กๆ และกุ้งสีส้มสวยดูน่ารับประทาน ผักสีเขียวแต่งแต้มให้เชิญชวนลิ้มลองมากขึ้น แต่ทว่าหญิงสาวกลับทำหน้าเบ้ เพราะเธอเกลียดข้าวต้ม!! อยากขอร้องเจ้าของไร่หน้าบึ้งให้เปลี่ยนเมนูอาหารให้หน่อยสำหรับเช้านี้ แต่ก็ดูเหมือนกับว่าตายักษ์ใจร้ายภวินทร์คงไม่ยอมฟังเธอแน่ เพราะเขาเอาแต่สนใจอาหารตรงหน้า ไม่มีทีท่าเลยสักนิดว่าจะสนใจเธอ
ครั้นแล้วเธอต้องจำใจ หยิบช้อนตักข้าวต้มหอมกรุ่นนั้นเข้าปาก เพราะ กินเพื่ออยู่
อยู่เพื่อสู้รบปรบมือกับลูกชายมาเฟียใจร้าย!!
เซียร่านั่งฝืนทนตักข้าวต้มทรงเครื่องใส่ปากไปได้ไม่ถึงครึ่งชามก็วางช้อนปลงกับการมีชีวิตอยู่ที่นี่ ชักเริ่มสงสัยตัวเองแล้วว่า
มองพ่อเสือร้ายนายพี่วินนี่ผิดไปแน่ๆ สงสัยจะคมในฝัก?
และแล้วเมื่อภวินทร์จัดการอาหารมื้อเช้าของเขาเสร็จ ชายหนุ่มก็ลุกจากโต๊ะแต่ก็ไม่ลืมที่จะหยิบหมวกคาวบอยของเขาติดมือมาด้วย
มือก็หยิบไปปากก็สั่งไปไม่ได้หยุด
ตามมาที่คอกม้า ยังมีงานให้ทำอีกเยอะ เขาว่าแล้วก็ก้าวฉับๆออกจากห้องอาหารไป ปล่อยให้เซียร่ามองตามอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน
ตาพี่วินนี้บ้า!!!!
เมื่อมาถึงคอกม้า ภวินทร์ก็หันไปสั่งคนงานก่อนจะสอบถามคุรันคนดูแลม้า เขาไม่ได้หันมาสนใจเซียร่าที่ยืนอยู่ด้านหลังเลยแม้แต่น้อย เธอเองก็ไม่ได้สนใจเขาเหมือนกัน ดวงตาคู่สวยของลูกสาวมาเฟียจอมยุ่งเบนความสนใจไปที่ม้าทั้งหลายที่อยู่ในคอก จนกระทั่งภวินทร์เดินเข้ามาหาเธอพร้อมกุญแจในมือ
ชายหนุ่มยื่นกุญแจดอกเดียวให้ เธอถึงกับทำหน้างงๆ หญิงสาวเอียงคอมองกุญแจทีสลับกับมองหน้าคนให้กุญแจอย่างไม่เข้าใจ
ให้เซียร่าทำไมคะ?
หน้าที่เธอ พูดแล้วก็ถือวิสาสะจับมือเซียร่า แล้วยัดเยียดกุญแจนั้นให้เธอ ถ้าจะอยู่ที่ไร่นี้ก็ต้องทำงาน กุญแจดอกนี้เป็นกุญแจห้องกับอุปกรณ์สำหรับคอกม้า เธอต้องตื่นแต่เช้าเพื่อมาเตรียมอุปกรณ์ และดูแลอุปกรณ์ในการทำความสะอาดคอกม้า รวมถึง..เธอก็ต้องช่วยล้างและทำความสะอาดคอกม้า รวมทั้งม้าด้วยเช่นกัน
ง่า.. เอ่อ คือ..พี่วินหมายถึงว่า ให้เซียร่าดูแลเฉพาะเจ้าโจเซล ใช่มั้ยคะ? หยั่งเชิงถามเขา
ภวินทร์เหยียดยิ้มนิดๆ ให้กับคำถามของเธอเหมือนเห็นชัยชนะลางๆ
ผิดแล้วละคุณหนูน้อย ฉันหมายถึง คอกม้าทั้งคอก ม้าทุกตัว และคุรันจะคอยเป็นพี่เลี้ยงเธอในการจัดการทำความสะอาดและดูแลคอกม้าให้เรียบร้อย นี่เป็นกิจวัตรประจำวันที่เธอต้องทำในช่วงเช้า เขาหยุดพูดไปนิดหนึ่งเพื่อลอบมองปฏิกิริยาเธอ แต่พอยังเห็นว่าเธอมีอาการอึ้งพูดไม่ออก เขาก็ใส่ต่อทันที
เธอต้องช่วยคุรันแปรงขนม้า ทำความสะอาดม้าทุกวัน ม้าในคอกของเรามีทั้งหมด 12 ตัว ถ้ารวมโจเซลที่มาใหม่แล้วก็ 13 ตัวพอดี คงลัคกี้นัมเบอร์สำหรับคุณจริงๆ คุณหนูตัวน้อย แต่ถ้าทำไม่ได้
ตั๋วเครื่องบินกลับอเมริกาวางอยู่บนโต๊ะทำงานในห้องหนังสือ เชิญไปหยิบได้เสมอ คราวนี้เราจะได้รู้กันว่าลูกสาวมาเฟียอย่างคุณเซียร่า อัล มาเวล พ่ายแพ้กับแค่การดูแลม้า..หึ ท้ายประโยคนั้นหัวเราะในลำคอเหมือนขบขันเสียเต็มประดา
ครั้นแล้วคนที่หัวเราะคนอื่นก็หมุนกายก้าวฉับๆจากไป ปล่อยให้เซียร่ายืนอ้าปากค้างกับคำสั่งของเขา หญิงสาวอยากตามไปกระชับคนหัวเราะนั้นแล้วต่อยปากสักยกให้รอยยิ้มเหยียดๆนั้นหายไป แทนที่ด้วยรอยช้ำจากหมัดเสียนี่กะไร แต่ขืนทำแบบนั้น เธอได้ถูกส่งตัวกลับอเมริกาแบบเร่งด่วนแน่ๆ
และแล้วเธอก็กลายเป็นผู้ช่วยคุรัน คนดูแลม้าของไร่ธาร-ตะวัน หญิงสาวต้องทำทุกอย่างที่คุรันบอก แรกๆก็ทำกระฟัดกระเฟียดใส่ตามสไตล์เซียร่าของแท้ พอคุรันกำลังจะพูดสอนการแปรงขนม้า เธอก็สวนขึ้นทันควัน
ไม่ต้องบอก เซียร่าทำเป็น
น้ำเสียงยังคงหงุดหงิด
คุรันเลิกคิ้วมองเซียร่านิดหนึ่งเหมือนไม่แน่ใจ แต่เขาก็ลองเชิงเธอโดยการปล่อยให้เธอลองจัดการแปลงขนม้าให้กับโจเซลที่ยืนอยู่กลางคอกม้าทำหน้าละห้อยเหมือนรู้ตัวว่าตัวเองเป็นหนูทดลองของเซียร่า
แต่แล้วเซียร่าก็ทำให้คุรันอดทึ่งไม่ได้ เธอไม่ได้ดีแต่พูดว่าเธอทำเป็น เพราะเธอทำเป็นจริงๆ หญิงสาวเริ่มจากการใช้กราด กราดไปตามลำคอและตัวของโจเซล
เพราะการกราดนั้นมีประโยชน์สำหรับม้ามาก มันจะทำให้ร่างกายของม้าสะอาด ป้องกันโรคผิวหนังและทำให้หนังมีความสมบูรณ์ โดยเธอเลือกใช้กราดที่มีขนาดเล็กเพื่อให้ขี้รังแคออกให้หมด
เซียร่าลากกราดไปตามเนื้อตัวของม้าอย่างระมัดระวัง เพราะถ้าหนักมือมาก ฟันของกราดที่เป็นเหล็กจะทำให้ผิวของม้าถลอก เนื่องจากม้าเป็นสัตว์ที่มีผิวหนังบาง พอกราดเสร็จเธอก็ต่อด้วยการใช้แปรงขนให้มันอย่างอ่อนโยน ตลอดเวลาที่เธอจัดการเจ้าโจเซลนั้น มันทำท่าเหมือนเคลิ้มฝันว่ามีคนมาลูบไล้มันจนแทบจะยืนหลับ
หญิงสาวยิ้มให้กับอาการเคลิ้มของมันก่อนจะตบแผงคอมันเบาๆ เธอไม่ได้เดือดร้อนอะไรเท่าไหร่ ที่ต้องมาคอยดูแลม้าและล้างคอกม้า เพียงแต่ว่าม้าที่เธอต้องรับผิดชอบดูแลมันมีเยอะเกินไปสักนิดนั้นแหละที่เป็นปัญหา นอกนั้นน่ะเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับเธอ เพราะอยู่ที่อเมริกางานพวกนี้เธอเคยทำ แพรทริคคนดูแลม้าที่พ่อไว้ใจที่สุดและถือว่าเขาเป็นพี่ชายร่วมโลกของเธอเป็นคนสอนเธอเอง แพรทริคคลุกคลีอยู่กับม้ามาตั้งแต่เด็ก พอได้มาเป็นคนดูแลม้าให้กับอธิศผู้เป็นพ่อของเธอ เขาก็ได้ตำแหน่งสอนคุณหนูน้อยเซียร่าขี่ม้าและดูแลม้าไปด้วย แพทริคอายุมากกว่าเซียร่าแค่เจ็ดปี ครั้นจะให้เซียร่าเรียกว่าอาหรืออะไรเถือกนั้นเธอก็ไม่ยอม เพราะว่ามันทำให้เขาดูแก่
เซียร่ามัวตัวอมยิ้มกับตัวเอง เมื่อความคิดล่องลอยกลับไปตอนที่อยู่อเมริกา เป็นภาพที่ผู้พบเห็นอย่างคุรันเองก็อดยิ้มไม่ได้ เพราะดูเหมือนว่าการลงโทษของพ่อเลี้ยงนั้นท่าทางจะไร้ผลซะแล้ว เมื่อสาวน้อยต่างถิ่นคนนี้ไม่ได้อนาทรร้อนใจกับการลงโทษแกมไล่กลับบ้านทางอ้อมครั้งนี้ หากแต่เธอยังแสดงถึงความสนุกสนานที่ได้ทำงานนี้ซะด้วยซ้ำไป เห็นทีพ่อเลี้ยงภวินทร์คงต้องหางานอย่างอื่นหรือไม่ก็ต้องไล่เธอโดยวิธีอื่นเสียแล้วไม่งั้นไม่สำเร็จแน่ๆ
การทำงานของเซียร่านั้น ทำให้คุรันได้เรียนรู้เกี่ยวกับหญิงสาวเพิ่มขึ้น เธอไม่ใช่คนที่จะเอาแต่ใจจนน่าปวดหัวเหมือนกับที่พ่อเลี้ยงภวินทร์แสดงอาการเหนื่อยหนาระอาใจให้ได้เห็น ตรงกันข้ามเซียร่ากลับว่านอนสอนง่ายในเรื่องที่เธอไม่รู้และพยายามจะเรียนรู้ แต่อีกนั้นแหละสิ่งใดที่เธอมีความรู้อยู่แล้ว อย่าริไปสอนเธอควรจะถามให้เธอบอกซะก่อนว่าทำอะไรได้บ้างไม่ได้บ้าง ไม่งั้นเธอจะบอกทันที
เซียร่าทำได้น่า ไม่ต้องสอนหรอก
แต่กว่าเซียร่าจะจัดการทำความสะอาดมาและเป็นลูกมือของคุรันร่วมกับคนงานอีก3-4 ในการทำความสะอาดม้าทุกตัวรวมถึงคอกม้า ก็กินเวลาเข้าไปครึ่งวันเช้า หญิงสาวถึงกับหมดแรง หิวก็หิวเหนื่อยก็เหนื่อย ตอนนี้คนงานก็เริ่มหามุมสบายๆด้านนอกคอกไม้ใต้ร่มเงาไม้ใหญ่เพื่อนั่งพักผ่อน และหยิบปิ่นโตมาวางเรียงๆกัน เผยให้เห็นอาหารหน้าตาแปลกๆที่เธอไม่เคยเห็น คุรันเองก็ร่วมวงกับคนงานพวกนั้นด้วยเหมือนกัน พร้อมกับเอ่ยชวนเธอ
คุณเซียร่า ทานด้วยกันมั้ยครับ?
คุรันถามพลางทำทีเชิญชวน แต่เซียร่าได้แค่มองกับข้าวในปิ่นโตอย่างสนใจ ก่อนจะส่ายหน้าเนื่อยๆ ด้วยเพราะสีของอาหารนั้นบ่งบอกเลยว่าคงเผ็ดไม่ใช่เล่น แต่คุรันก็ยังคะยั่นคะยอต่อ
ลองหน่อยก็ดีนะครับ อาหารทางเหนือทั้งนั้น รับรองจะติดใจครับ
หญิงสาวมองหน้าคนเชิญชวนพลางเหลือบมองคนงานที่นั่งอยู่ด้วย ทุกคนไม่มีท่าทีจะรังเกียจเธอเลยและดูจะเป็นมิตรกับเธอมากกว่าเจ้าของไร่เสียอีก หญิงสาวเลยตัดสินใจร่วมวงด้วย
แต่เซียร่ามาทานด้วยแบบนี้ ทุกคนจะทานอิ่มเหรอคะ?
คนงานฟังแล้วก็หัวเราะกันเป็นแถว ก่อนจะที่คนงานคนหนึ่งจะควานมือเข้าไปในย่าม และหยิบกระติ๊บข้าวเหนียวออกมาอีกอัน
มีเยอะพอครับคุณ..พวกผมน่ะ ตุนมาเยอะครับ เมียที่บ้านกลัวอดตายเลยให้มาเยอะ
คำพูดของคนงานทำให้เซียร่าเอียงคอมองอย่างสงสัยพลางถาม
เมีย..คือใครเหรอคะ?
เท่านั้นแหละ..คนงานที่นั่งอยู่รวมทั้งคุรันถึงกับหัวเราะท้องคับท้องแข็ง ผิดกับเซียร่าที่ตีหน้ายุ่งหนักกว่าเก่าพลางมองคนนู้นทีคนนี้ทีเหมือนจะหาคำตอบ แต่ก็ไม่มีใครสามารถตอบคำถามเธอได้สักคนเพราะมัวแต่หัวเราะอยู่
แต่แล้วทุกคนก็ต้องหยุดเมื่อเห็นหน้าเซียร่าที่เริ่มจะบึ้งมากขึ้นเป็นลำดับ แถมดวงตาคู่สวยก็เริ่มวาววับขึ้น
เอ่อ..คุณเซียร่าครับ พวกผมขอโทษจริงๆ แต่เห็นทีความหมายนี่คงต้องไปถามพ่อเลี้ยงนะครับ พ่อเลี้ยงคงอธิบายได้ดีและดูจะสุภาพมากกว่าพวกผม
คุรันแกล้งวางระเบิด จริงๆแล้วเขาตอบก็ได้ว่ามันแปลว่าอะไร มันก็ไม่ได้เป็นคำที่ไม่ไพเราะสักหน่อย แต่อยากรู้เหมือนกันว่าสาวน้อยคนนี้จะหาญกล้าไปถามมั้ย อีกอย่าง..คนงานหลายคนเมื่อเห็นเซียร่ากล้าท้าพ่อเลี้ยงภวินทร์เหยงๆ ก็ชักอยากรู้เหมือนกันว่า ใครจะเป็นฝ่ายชนะ จนเกือบจะเป็นการพนันย่อมๆในไร่ไปเสียแล้ว
เซียร่าทำหน้ามุ้ยกับคำตอบที่ได้รับ แล้วก็เริ่มจัดการอาหารพื้นเมืองมื้อแรกของเธอโดยการทำตามที่คุรันบอก ปั้นข้าวเหนียวเป็นก้อนๆจิ้มกับน้ำพริกเขียว แต่คุรันบอกว่าอย่าจิ้มมากสำหรับเซียร่าไม่งั้นคงได้วิ่งจ้าละหวั่นแน่..เธอเองก็เห็นดีด้วยที่จะปฏิบัติตามโดยไม่ดื้อแพ่งจิ้มเข้าไปเยอะ เพราะดูจากสีมันแล้วคงเผ็ดเป็นบ้าแน่ๆ
พอข้าวเหนียวจิ้มน้ำพริกหนุ่มใส่ปากเข้าไป หญิงสาวก็ถึงกับหลับหูหลับตาเคี้ยวพยายามกลืนมันลงไปให้เร็วที่สุดก่อนจะแลบลิ้นยาวออกมาด้วยว่าเผ็ดสุดๆ
คุรัน เซียร่าขอน้ำหน่อยค่ะ
!!
แต่แทนที่คุรันจะส่งกระติกน้ำให้ เขากลับส่งข้าวเหนียวให้ทั้งกระติ๊บพร้อมกับถุงใส่แค๊บหมูมาให้เธอ เซียร่าครางในลำคอทันที เธอเผ็ดจะตายแล้วนะทำไมแกล้งกันแบบนี้ แต่ก่อนที่เซียร่าจะได้ทันโวยวายคุรันก็เอ่ยออกมา
ข้าวเหนียวกับแค๊บหมูจะช่วยให้ความเผ็ดลดลงครับ แต่ถ้าใช้การดื่มน้ำเย็นๆจะทำให้คุณจุก
จากคุณ :
ฟองฟาง
- [
24 มี.ค. 48 23:17:34
A:202.133.172.125 X:
]