CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    มนตรา (ฉบับแก้ไข) ตอนที่ 11 ม่านหมอกในใจ

    ตอนที่  11  ม่านหมอกในใจ

    ‘จงตายไปพร้อมกับความพ่ายแพ้ซะเถอะ’ เฟลโด้ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเหนือศีรษะก่อนจะเค้นพลังทั้งหมดไปรวมกันที่ฝ่ามือ เพื่อโจมตีใส่ร่างเป้าหมายที่กำลังอ่อนแรงเพราะพิษร้ายที่ได้รับจากนอเรียลแวมไพร

    ฟิ้ววว.ว.ว.ว…..เสียงอะไรบางอย่างลอยละลิ่วตกลงมาจากท้องฟ้าด้วยความเร็วสูงก่อนจะปะทะเข้ากับศีรษะปีศาจหนุ่มที่กำลังย่ามใจกับชัยชนะตรงหน้าจนไม่ทันระวัง....
           
    ปึก!...แรงกระแทกนั่นทำให้เฟลโด้เสียสมาธิไปชั่วขณะ  แต่นั่นก็มากพอที่จะทำให้อีกฝ่ายพลิกสถานการณ์เป็นต่อได้ด้วยเวทย์นิทรา...เวทย์ที่จะทำให้เขาอยู่รอดพ้นวิกฤตในครั้งนี้!!

    ‘เจ้า!!’ พูดได้เพียงเท่านั้น  เรี่ยวแรงทั้งหมดก็พลันสลายไปพร้อมกับความง่วงถาโถมเข้ามาแทนที่ แม้พยายามฝืนเพียงใดหากก็มิอาจทานทนไหวได้  ท้ายที่สุดจอมปีศาจผู้เก่งกาจก็ต้องพลาดท่าให้กับคนเผ่าไทรบอีกครั้ง

    ‘...ฝันดีนะพวก...’ ชายหนุ่มกล่าวกับร่างไร้สติที่นอนหลับบนพื้นหญ้า ก่อนสายตาจะไปสะดุดเข้ากับสิ่งที่ตกลงมาช่วยเขาไว้

    ....ถ้าดูไม่ผิดมันมันน่าจะเป็น...รองเท้า...แถมยังเป็นรองเท้าผู้หญิงอีกต่างหาก?!!....  ด้วยสัญชาตญาณทำให้ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองบนท้องฟ้าทันที

    ตุบ!! อุ้งเท้าสัตว์สีเทาตกลงมากระแทกกลางหน้าของเขาพอดีก่อนจะดีดตัวกระโดดลงพื้นไปอย่างสวยงาม พร้อมกับ...
    ร่างอ้วนหนาในชุดสีหม่นที่ตกตามลงมาติด ๆ

    “อูยยยย...”  กรรณิกาค่อย ๆขยับลุกขึ้นมานั่งอย่างช้า ๆ ก่อนจะรีบเหลียวมองหาร่างน้องสาวสุดที่รักที่ตกลงมาก่อนหน้าด้วยความเป็นห่วง   “อร...เป็นไงบ้าง เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

    “ฉันไม่เป็นไรหรอกน่ะ  พี่ต่างหากเป็นไงบ้าง  ตกสูงมาขนาดนั้น”  

    “พี่ก็ไม่เป็นไรเหมือนกัน...โชคดีที่พื้นตรงนี้ไม่แข็งมาก ไม่งั้นแย่แน่เลย”  

    ‘ช่าย...พวกเจ้าไม่เป็นไร...แต่ข้านี่สิจะตาย...’  คนที่นอนเป็น ‘พื้น’อยู่ข้างล่างพูดขัดขึ้น  รู้สึกเจ็บไปทั่วร่างโดยเฉพาะบริเวณชายโครงและไหปลาร้าข้างซ้ายที่ดูเหมือนจะถูกกระแทกเข้าอย่างจัง  นึกดีใจแทนเฟลโด้ที่โดนแค่รองเท้าตกใส่

    “อ๊ะ....ตายแล้ว” ด้วยความตกใจที่ ‘พื้น’ ดันเกิดพูดได้ขึ้นมา ทำให้หญิงสาวรีบลุกพรวดลงจากร่างชายเคราะห์ร้ายทันที  แต่ด้วยน้ำหนักตัวที่ไม่ค่อยจะน้อยเท่าไหร่ แถมยังเกิดอาการ ‘เคล็ดขัดยอก’อย่างปัจจุบันทันด่วน ทำให้เธอเซล้มทับร่างนั้นอีกครั้ง

    คราวนี้ฮาเรฟถึงกับกระอักเลือดออกมาจนไหลเลอะท่วมไปหมด  อนุสติใกล้จะดับวูบเต็มที  หากต้องพยายามประคองฝืนไว้เพราะรู้ดีว่าถ้าเขาหลับไปตอนนี้ล่ะก็  คงจะไม่โอกาสได้ฟื้นขึ้นมาอีกเลยแน่  และคนที่อยู่ด้านหลังเคลียร์วอลก็จะไม่สามารถออกมาข้างนอกได้อีกด้วยมนตร์จองจำที่เขาผนึกประตูไว้

    “กรี๊ดดด.....พี่อ้วน  พี่อ้วนทับเขาตายแล้วแน่เลย  ดูสิกระอักเลือดใหญ่แล้ว” แล้วความกลโหลวุ่นวายก็เกิดขึ้น  ทำให้ไม่มีใครสนใจชายในชุดผ้าคลุมสีน้ำตาลและสุนัขร่างยักษ์ที่ลงสู่พื้นหญ้าใกล้ ๆกับร่างไม่ได้สติของเฟลโด้  จนกระทั่งได้ยินเสียงทุ้มนุ่มของเจ้าดำ

    ‘เขาถูกพิษ...รีบพาเข้าไปรักษาข้างในเร็วเข้า’ ดวงตาสีเงินกวาดตามองสภาพรอบ ๆเพื่อประเมินสถานการณ์  ก่อนจะเข้าไปช่วยหญิงสาวร่างอ้วนกับแมวจอมป่วน แบกร่างยับเยินเต็มไปด้วยเลือดที่ไม่แน่ใจว่าเกิดจากฝีมือใครกันแน่ไปยังหน้าเคลียร์วอล  โดยไม่ลืมที่จะเหลียวกลับไปมองชายอีกคนที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม  

    ...ตาไวชะมัด ...อิซัคขยับผ้าคลุมบนศีรษะให้ลดต่ำลงกว่าปกติ ขยับเดินเข้าไปสมทบกับคนอื่น ๆ ที่ดูเหมือนจะเพิ่งสังเกตเห็นว่าเขาไม่อยู่ที่นั่น

    “เร็ว ๆ สิ เดี๋ยวตานี่ตายพี่อ้วนก็ได้กลายเป็นฆาตกรหรอก” เสียงแหวโวยวายมาจากแมวสาวจอมยุ่ง  ทำให้อิซัคได้แต่ส่ายหน้าระอา  ย้อนคิดไปถึงเหตุการณ์ที่เป็นชนวนเหตุของเรื่องที่เกิด

    เริ่มจากข้อแลกเปลี่ยนระหว่างสถานที่ที่จ้าวแห่งแม่มดอยู่ตอนนี้กับการยอมให้เขาร่วมเดินทางไปด้วย โดยมีข้อแม้ว่าจะต้องซ่อนใบหน้าหล่อ ๆไว้ไม่ให้ผู้ร่วมเดินทาง ‘บางคน’ เห็น จนอาจเกิดอาการลมปราณไหลย้อนกลับถึงแก่ความตายได้ ซึ่งนั่นไม่ใช่เงื่อนไขที่ยากเกินความสามารถของเขาเลย  แต่ที่ดูจะนอกเหนือน่าจะเป็น ‘ยัยแมวจอมป่วน’ ที่โวยวายหาเรื่องตลอดทางนั่นมากกว่า..  

    ถ้าไม่เพราะยัยพี่สาวอัปลักษณ์หลุดความคิดออกมาให้เขารู้ว่า  ยัยแมวตัวแสบนี่จริง ๆแล้วเป็นมนุษย์!  และเป็นมนุษย์ที่เผอิญเขารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าถูกพลังบางอย่างดึงตัวมาพร้อมกับจ้าวแห่งแม่มด...ที่อาจจะไม่ใช่ตัวจริง... ป่านนี้เขาคงจะปล่อยให้เฟลโด้จัดการคนทั้งหมด และชิงจ้าวแห่งแม่มดกลับเผ่าปีศาจไปแล้ว  แต่เพราะเรื่องยังไม่กระจ่างว่าใครคือจ้าวแห่งแม่มดที่แท้จริงกันแน่ระหว่างคนที่อยู่ในปราสาททูรีเนีย  กับ...แมวต้องสาปตัวนี้  ทำให้เขาหาเรื่องแกล้งให้ยัยตัวแสบนั่นอาละวาดเพื่อสร้างสถานการณ์ให้เขามีโอกาสได้บอกเรื่องนี้แก่เฟลโด้ แต่เจ้าหมานั่นกลับทำเสียเรื่อง จนเขาทำได้แค่คลายเวทย์นิทราให้เท่านั้น.

    “เร็ว ๆสิ”  เสียงแมวสาวเรียกสติให้กลับมาอยู่ปัจจุบันอีกครั้ง  ดูเหมือนเขาจะคิดอะไรเพลินจนเดินมาถึงหน้าเคลียร์วอลตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

    ‘...พาข้าไปตรงใกล้ ๆ กำแพงเร็วเข้า’ เสียงแผ่วเบาจากชายบนหลังเจ้าดำแทรกผ่านเข้ามาในอนุสติ  อิซัคมองเพียงปราดเดียวก็รู้ได้ทันทีว่าชายผู้นั้นถูกพิษนอเรียลแวมไพรและน่าจะตายไปตั้งนานแล้ว  หากไม่เพราะอะไรบางอย่างทำให้เจ้าตัวฝืนสังขารไว้..บางทีสิ่งนั้นอาจจะเกี่ยวข้องกับหญิงสาวที่กำลังร้องไห้อยู่ด้านหลังเคลียร์วอล...หรือก็คือจ้าวแห่งแม่มดผู้ต้องคำสาปพันธะแห่งรักนั่นเอง......อืม...บางทีชายคนนี้อาจจะคนทำให้เรื่องทุกอย่างมันง่ายขึ้น...

    รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนเรียวปากได้รูปของอิซัคก่อนจะขยับพยุงร่างที่นอนเลือดท่วมเข้าไปใกล้กำแพงใสตามคำขอร้อง  มองชายคนนั้นใช้มือสั่นเทาแตะเลือดสีดำคล้ำจากปากเขียนเป็นอักษรมนตราเพื่อคลายเวทย์จองจำ  

    ...เวทย์จองจำหรือ?!...ทั้งที่เวทย์นี้ใช้สำหรับกักขังศัตรูให้อยู่ในบริเวณที่ต้องการ  โดยที่ไม่มีผู้ใดรสามารถคลายมนตร์นี้ได้  ยกเว้นแต่ตัวผู้ร่ายเวทย์เท่านั้น...นึกไม่ถึงว่าจะมีคนใช้เวทย์นี้เพื่อป้องกันไม่ให้ศัตรูบุกเข้าไปทำร้ายคนที่อยู่ข้างในแทน... นับว่าฉลาดมากทีเดียว

    อักษรมนตร์กลายเป็นสีทองแตกกระจายไปทั่วบริเวณกำแพงใส  ก่อนจะรวมตัวกันกลายเป็นประตูสีทองสว่างเจิดจ้าบนเคลียร์วอลให้คนข้างในสามารถก้าวออกมาข้างนอกได้อีกครั้ง และคนแรกที่ก้าวออกมาก็คือ...

    “ยัยจา...”  เพียงแค่เห็นใบหน้าน้องสาวอีกครั้งน้ำตาก็รื้นขึ้นมาทันที  อ้าแขนเตรียมจะโผเข้าไปกอด หากอีกฝ่ายกลับก้มหลบวิ่งรอดวงแขนย้อยไปหาชายโชกเลือดบนหลังเจ้าดำแทน  แต่ก่อนจะอ้าปากพูดอะไร  เสียงทรงอำนาจของประมุขแห่งทูรีเนียก็ดังก้องขึ้น

    ‘เจ้า!! รีบพานายน้อยเข้าไปข้างใน  ส่วนเจ้า! ไปตามหมอในหมู่บ้านมาหาข้าเร็ว!’  คนด้านในปราสาทรีบกระจายกำลังออกปฏิบัติตามคำสั่งทันที  กว่าจะรู้สึกตัวอีกทีร่างน้องสาวจอมห้าวก็กลืนหายไปกับความวุ่นวายที่เกิดขึ้นซะแล้ว

    ‘เชิญพวกท่านตามสบาย เดี๋ยวข้าจะให้คนรับใช้พาท่านไปที่ห้องรับรองก่อน’ ฟรอกหันมากล่าวกับ ‘ผู้มีพระคุณ’ พร้อมเรียกหญิงสาวที่กำลังเดินสวนมา ‘เฟร! พาแขกไปพักที่ห้องรับรอง  เดี๋ยวข้าไปดูฮาเรฟแล้วจะตามไปสมทบ...ข้าขอตัวก่อน’ ประโยคสุดท้าย ประมุขแห่งราเวลเอ่ยขึ้นกับคนทั้งหมด  ก่อนจะรีบรุดไปดูอาการบุตรชายเพียงคนเดียว


    ‘เชิญพวกท่านทางนี้’ หญิงสาวนามว่า ‘เฟร’ ผายมือเชื้อเชิญ  พร้อมกับส่งยิ้มหวานให้  โดยเฉพาะกับ ‘ชายในผ้าคลุม’ ที่ดูจะหวานจนเลี่ยนเป็นพิเศษ  

    “รีบ ๆเดินนำไปได้แล้วน่ะ”  แมวสาวตวัดเสียงพูดขึ้นอย่างหมั่นไส้  จนคนยิ้มหน้าเจื่อนไปถนัดตา  รีบจ้ำเดินพาคนทั้งหมดไปห้องรับรองทันที  

    และเมื่อไม่มีใครอยู่หน้าเคลียร์วอลแล้ว   ‘คนเผ่าไวลที่ต้องเวทย์นิทรา’ ด้านนอกก็ค่อย ๆ ขยับลุกขึ้นอย่างระมัดระวังและกางปีกสีดำใหญ่บินขึ้นท้องฟ้า....หายไปในที่สุด



                         *************************************************************
    (มีต่อ)

    แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 48 15:40:25

    จากคุณ : Sushii - [ 25 มี.ค. 48 23:06:36 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป