CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    ดวงตาคู่สุดท้าย...แด่วารี (ตารกาโหมดโหดเพราะความร้อน)

    ดวงตาคู่สุดท้าย...แด่วารี
    สองทุ่มเศษในซอยเปลี่ยวย่านชุมชนแออัด
    ผมเดินลัดเลาะไปตามซอยแคบๆ อย่างช้าๆ ด้วยความไม่ชินพื้นที่
    และแล้วผมก็มาถึงที่หมาย ซอยนี้เองที่เธอมักจะผ่านประจำ
    เด็กสาวท่าทางใจดีที่มีแววตาสดใสเหมือนกับน้องสาวผมไม่มีผิด

    ครั้งแรกที่ผมได้สบตาเธอ ความทรงจำในวัยเด็ก
    ที่ผมมักจะนึกถึงเสมอเกี่ยวกับน้องก็กลับมาอีกครั้ง
    ผมยังจำได้ดีเกี่ยวกับเหตุการณ์ในวันแรกที่แม่อุ้มวารีกลับมาที่บ้าน
    ตอนนั้นผมยังเด็กเกินว่าจะอุ้มเด็กทารกแรกเกิดได้แต่แม่ก็ยอมให้ผมสัมผัสตัวน้อง
    ผมกดนิ้วลงไปเบาๆ ที่แก้มนิ่ม วารีทำท่าเบะปากคล้ายกำลังจะร้องไห้
    อาการนั้นทำผมตกใจจนต้องถอยกรูดออกมา
    แต่แล้วแทนที่จะร้องแกกลับหัวเราะเหมือนขันในท่าทางของผม
    ผมจึงเข้าไปใกล้ตัวน้องอีกครั้งใช้นิ้วแตะเบาๆ ที่นิ้วมือเล็กจิ๋ว
    นิ้วมือของวารีเหยียดออกเล็กน้อยแล้วกำนิ้วของผมไว้แน่น
    ผมรู้โดยทันทีว่าน้องชอบผม ไม่อย่างนั้นแกคงไม่ดึงนิ้วผมไว้เหมือนไม่อยากให้ไปไหน
    นับตั้งแต่วินาทีนั้นผมก็บอกกับตัวเองว่าจะเป็นพี่ที่ดีและจะไม่รังแกน้องอย่างเด็ดขาด

    ทุกวันหลังจากกลับมาจากโรงเรียนผมจะมานั่งเกาะเปน้อง
    ไม่ก็นั่งมองดูน้องดูดนมจากอกแม่
    เวลาที่กินอิ่มวารีจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษแกจะไม่งอแงและยอมให้ผมเล่นด้วย
    เราสองคนไม่เคยทะเลาะกันเลยสักครั้ง ผมรักน้องมากและน้องก็รักผมด้วย
    เราสองคนเป็นพี่น้องที่รักกันยิ่งกว่าพี่น้องคู่ไหนๆ ในโลก

    ผมกับวารีใช้ชีวิตตามอัตภาพเรื่อยมา
    ถึงครอบครัวเราจะไม่ร่ำรวยแต่เราก็มีความสุข ผมเชื่ออย่างนั้นมาตลอด
    จนกระทั่งวันเกิดอายุ 10 ขวบของวารี วันนั้นไม่มีเค้ก ไม่มีงานฉลอง
    มีแต่เสียงร่ำไห้ของแม่และการจากไปของพ่อ พ่อทิ้งเราไปกับผู้หญิงคนอื่น

    วารีเห็นแม่ร้องไห้ก็ร้องไห้ตาม
    ผมได้แต่กอดแล้วปลอบน้องว่าทุกอย่างจะต้องดีขึ้น
    แต่แล้วทุกอย่างกลับยิ่งแย่ลง แม่เอาแต่ดื่มเหล้าแล้วอาละวาดทุบตีผมกับน้อง
    ครอบครัวเปี่ยมรักของเรากลายเป็นอดีตแสนสุขที่ไม่อาจย้อนคืน

    ผมอดทนกับแม่ ทนเรียน ทนลำบากสารพัดจนจบปวช.
    ผมก็ไม่คิดจะเรียนต่อ ผมหางานทำตั้งใจทำงานเก็บเงินเพื่อส่งน้องเรียน
    วารีเป็นเด็กเรียนดี ผมจะทำทุกวิถีทางให้น้องได้เรียนจนจบปริญญา
    แกจะมีโอกาสชีวิตที่ดีกว่าผม

    พอวารีจบ ม.ต้น ก็มีเหตุทำให้ผมกับน้องต้องย้ายบ้านหนีตาย
    เราพี่น้องจำต้องจากบ้านที่เคยอยู่มาตลอดชีวิตไปเพราะเป็นหนี้เงินกู้นอกระบบ
    แม่ก่อหนี้ไว้มากมายโดยที่ผมไม่เคยรู้
    พอไม่มีเงินใช้แม่ก็หนีหายไปเฉยๆ ทิ้งผมกับน้องให้เผชิญชะตากรรมกันตามลำพัง

    เจ้าหนี้มากมายกรูกันเข้ามาในบ้านหยิบฉวยทุกอย่างที่พอจะมีราคาไปจากเรา
    แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่เพียงพอที่จะชดใช้เงินต้นได้หมด
    จากเงินต้นไม่กี่หมื่นมันกลับทบต้นทบดอกจนกลายเป็นหลักแสน
    ผมไม่มีปัญญาใช้หนี้เลยพาน้องสาวหนีเข้ามากรุงเทพฯ ในคืนนั้น

    ทั้งเนื้อทั้งตัวเราสองคนมีเงินอยู่สองร้อยกว่าบาท ผมรู้ว่ามันคงช่วยให้เราอยู่รอดได้ไม่กี่มื้อ
    ดังนั้นผมจึงเริ่มออกหางานทำ โชคดีที่บังเอิญไปเจอคนใจดีเข้า
    เจ้าของอู่รถยนต์ขนาดกลางรับผมไว้เป็นเด็กช่วยงาน
    ซ้ำยังให้ที่พักเราสองคนพี่น้องด้วย ถึงมันจะเป็นแค่ห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ไม่มีอะไรเลย
    แต่เราสองคนก็ดีใจที่มีที่ซุกหัวนอน

    ผมเริ่มตั้งต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง ความขยันทำให้นายจ้างเอ็นดูผมเป็นพิเศษ
    ไม่นานผมก็มีเงินเก็บมากพอที่จะพาน้องไปสมัครเรียน
    แรกทีเดียววารีจะไม่ยอมเรียน
    แกตั้งใจจะทำงานเป็นลูกจ้างโรงงานทอผ้าเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระผม
    แต่ผมก็กล่อมจนน้องยอมเรียนจนได้

    วารีเรียนดีชนิดไม่ทำให้ผมผิดหวัง
    แกสอบได้เกรดดีเสมอซ้ำยังได้ทุนฟรีจนจบมัธยมปลายด้วย
    ผมภาคภูมิใจในตัวน้องสาวเหลือเกิน

    แต่แล้วความโชคร้ายก็มาเยือนเราสองคนพี่น้องอีกครั้ง วารีถูกรถชน
    เท่าที่ผมเห็นแกไม่เป็นอะไรมากนองจากถลอกนิดหน่อย
    แต่หมอกลับบอกว่าแกเป็นเนื้องอกในสมองต้องผ่าตัดด่วน
    ผมตะลึงงัน ผมว่าหมอต้องตรวจผิด ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่
    วารีดูแข็งแรงดีแล้วจะเป็นเนื้องอกนั่นได้อย่างไร

    เมื่อวารียืนยันว่าไม่เป็นอะไร ผมจึงพาน้องกลับมาที่บ้าน
    ตอนนั้นวารียังดูเป็นปกติดีจนกระทั่งสองเดือนผ่านไป
    อาการของโรคก็เริ่มปรากฏให้เห็น
    วารีหน้ามืดเป็นลมบ่อย หายใจไม่ออกและเริ่มบ่นว่าปวดหัวมาก
    ที่ร้ายกว่านั้นแขนขาของน้องเริ่มขยับไม่ได้

    ผมรีบพาวารีไปหาหมอแต่มันก็สายไปแล้วเนื้องอกลุกลามจนช่วยอะไรไม่ได้
    หมอให้แต่ยาราคาแพงมากินเพื่อบรรเทาอาการเท่านั้น

    ผมพยายามทำงานหาเงินทุกทางเพื่อนำเงินมาซื้อยาให้น้อง
    แต่อาการของวารีก็ไม่เคยดีขึ้นเลย นับวันอาการของแกจะยิ่งทรุดลง
    แกเริ่มพูดลำบาก มองไม่เห็น ไม่ได้ยินเสียงและเริ่มไม่รับรู้รส

    ในที่สุดผมก็เลิกเชื่อหมอแล้วมาใช้วิธีการของผมแทน
    ตอนนี้แกเริ่มจะกลับมาเป็นปกติแล้ว
    ถึงจะยังขยับตัวไม่ได้แต่แกก็เริ่มพูดกับผมและได้ยินเสียงชัดขึ้นแล้ว
    ท่าทางแกจะชอบหูกับจมูกคู่ใหม่ที่ผมหาให้แกมาก
    ตอนนี้ก็เหลือแต่ตาแกก็จะกลับมาเป็นเหมือนก่อนแล้ว

    ผมสูดหายใจลึกๆ ทำสมาธิรอเวลาให้เด็กผู้หญิงคนนั้นเดินผ่านมาทางนี้
    ผมตามดูเธออยู่นานจนรู้ว่าทุกครั้งที่เรียนพิเศษเลิกดึกเธอจะใช้เส้นทางนี้กลับบ้าน

    สิบนาทีต่อมาเธอก็เดินมาตามถนน
    ผมกวาดตาไปรอบบริเวณเมื่อไม่เห็นว่ามีใครอื่นอยู่ด้วย ผมก็ลงมือทันที

    ผมปราดเข้าไปประชิดตัวเธอใช้มืดจี้บังคับเธอให้ตามไปที่พงหญ้าข้างทาง
    กดร่างเธอลงกับพื้นแล้วใช้มือแทงไปที่อกซ้าย
    ยังหรอก...เธอยังไม่ตาย
    เธอพยายามดิ้นรนหนีผม แววตาเธอดูน่าสงสารเสียจนผมเกือบจะใจอ่อน

    ผมหลับตานิ่งนึกถึงใบหน้าของน้องสาว ผมต้องทำ
    นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่ผมจะทำอะไรแบบนี้

    “ฉันขอโทษ”
    ผมพึมพำบอกเด็กนักเรียนหญิงคนนั้นแล้วแทงมีดซ้ำลงไปอีกที
    เพื่อที่ว่าเธอจะได้จับแผลจนสลบไป
    ผมไม่อยากให้เธอรู้สึกทรมานในขณะที่ลูกตาถูกควักออกจากเบ้า  

    ผมใช้มีดด้ามเล็กอีกเล่มค่อยๆ ควักดวงตาคู่สวยออกมาอย่างระมัดระวัง
    ผมประคองมันใส่ถุงน้ำเกลือที่เตรียมไว้เพื่อรักษาความสด
    จะให้มีประสิทธิภาพดีของที่เอาไปต้องสดใหม่เสมอ
    ดังนั้นเหยื่อหรือจะให้เรียกในอีกชื่อก็คือผู้บริจาคจะต้องยังมีชีวิต
    ในขณะที่ผมเอาชิ้นส่วนร่างกายของพวกเธอออกมาจากร่าง

    เมื่อดวงตาสดใหม่สองคู่ลงไปอยู่ในถุงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
    ผมก็รีบถอดเสื้อผ้าออก เปลี่ยนชุด และเร้นกายออกจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว

    ผมรีบนำตาคู่ใหม่มาให้กับวารี
    แกยิ้มให้ผมด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมความสุขอย่างที่ผมไม่เคยได้เห็นมาก่อน
    วารีบอกผมว่าแกชอบตาคู่ใหม่มาก แกดีใจที่ได้มองเห็นผมอีกครั้ง

    “วารีรักพี่ชายค่ะ” แกพูดไปยิ้มไป

    ผมเข้าไปกอดน้องทั้งน้ำตาด้วยความปลื้มปิติ

    “พี่ก็รักวารี รักมาที่สุดในโลก”

    ขณะที่สองพี่น้องกำลังกอดกันด้วยความซาบซึ้ง
    ประตูไม้เก่าๆ ก็ถูกพังเข้ามา
    ตำรวจหลายนายกรูกันเข้ามาจับพี่ชายผู้แสนดีไว้แล้วลากตัวไปจากห้อง

    “ปล่อยผมนะ...ปล่อย...จะจับผมไปไหน ผมจะอยู่กับน้องสาวผม”
    ชายหนุ่มร้องตะโกนแต่ก็หามีใครสนใจไม่

    นายตำรวจอีกสองนายที่เหลือเหลือบมองชายหนุ่มเสียที
    ก่อนเดินเข้าไปหาร่างไร้วิญญาณของวารีในห้อง

    “อยู่นี่เองครับหมด หู ตา จมูก ของเหยื่อ ครบเลยล่ะ”  
    จ่าวัยกลางคนว่าพลางเอามือบีบจมูกไว้แน่น

    “เน่าเฟะหนอนไชอย่างนี้คงตายมาไม่ต่ำกว่าสามเดือนแล้ว
    จ่าแจ้งคนมาจัดการเก็บหลักฐานทีนะ”
    ผู้หมวดหนุ่มว่าแล้วเดินเลี่ยงออกมา เนื่องจากทนสูดกลิ่นเน่าเหม็นของซากศพไม่ได้

    รุ่งเช้าวันต่อมาบนหน้าหนังสือพิมพ์เกือบทุกฉบับ
    ต่างลงข่าวฆาตกรโรคจิตที่สังหารเหยื่อเพื่อนำชิ้นส่วนต่างๆ ไปให้กับศพน้องสาว

    กระแสสังคมต่างวิภาควิจารณ์เรื่องราวที่เกิดขึ้นกันไปต่างๆ นาๆ
    บ้างก็ว่าเป็นข่าวสะเทือนขวัญ บ้างก็พากันหวาดกลัวว่าจะมีพฤติกรรมเลียนแบบ
    จะมีก็แต่ตัวฆาตกรโรคจิตเองเท่านั้นที่หัวใจกำลังเต็มตื้นไปด้วยความสุข

    “พี่จะติดคุกก็ไม่เป็นไร ขอให้วารีหายก็พอแล้ว พี่รักวารีนะ”
    ถ้อยคำนั้นแม้จะแผ่วเบาแต่ก็มั่นคงและเชื่อถือได้ยิ่งว่าถ้อยคำของคนปกติคนไหน

                                         -END-

    ไม่ไหวแล้วค่ะเบื่อความแหววความหวานแล้ว ขอบ้าเสียหน่อย (อากาศร้อนเลยเก็บกด)
    ได้อ่านงานเขียนของคุณ กาญจน์ฏีเลยขอลองเขียนบ้าง ไม่เคยเขียนอะไรอย่างนี้มาก่อนจริงๆ
    อาจมีข้อผิดพลาดแยะไปหน่อยกันนี้ต้องขออภัยนะคะ

    หมายเหตุ เขียนไปเขียนมากลับไปเปิดตำราดู
    ยายวารีนี่เป็นเนื้องอกแบบโคตรเนื้องอกเลย ^-^”
    เนื้องอกกดทับเส้นเลือกกับประสาทสารพัดเส้น เราใจร้ายไปรึเปล่าเนี่ย?

    แก้ไขเมื่อ 28 มี.ค. 48 00:33:45

    จากคุณ : ตารกา - [ 28 มี.ค. 48 00:32:56 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป