CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    มนต์รักกระเป๋ารถเมล์ (ตอนที่ 2)

    ‘โห! คนเยอะจัง จะขึ้นดีมั้ยเนี่ย แต่ขึ้นๆไปดีกว่าฝนยิ่งทำท่าจะตกอยู่ด้วย’ เรนโบว์บ่นกับตัวเองในใจ ก่อนที่จะก้าวขึ้นรถที่เต็มไปด้วยผู้โดยสาร

    “ชิดในหน่อยพี่ ชิดในหน่อย” กระเป๋ารถเมล์พูดประโยคที่กลายเป็นประโยคประจำตัวของกระเป๋ารถเมล์เกือบทุกคนดังขึ้นเมื่อมีผู้โดยสารก้าวขึ้นรถที่แน่นขนัดไปด้วยผู้คน

    “ขึ้นใหม่ค่าโดยสารด้วยครับ” เสียงกระเป๋ารถเมล์ดังขึ้นข้างๆหญิงสาว เมื่อเรนโบว์หันไปส่งเงินค่าโดยสารให้ เธอก็ต้องพยายามกลั้นยิ้มที่เกิดขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุเอาไว้อย่างสุดความสามารถเพราะกระเป๋ารถเมล์คนนี้ก็คือ ‘พี่เป๋า’ ของเธอนั่นเอง

    ‘มิน่าล่ะ เสียงถึงคุ้นๆ ที่แท้ก็พี่เป๋านี่เอง’ เรนโบว์นึกในใจ

    ด้วยความที่มีผู้โดยสารแน่นรถทำให้ ‘พี่เป๋า’ ของเรนโบว์ไม่ได้สังเกตเห็นเธอ เมื่อเก็บค่าโดยสารจากเธอแล้ว เขาก็ก้มหน้าก้มตาเดินไปเก็บค่าโดยสารจากผู้โดยสารคนอื่นต่อไป ส่วนหญิงสาวก็อมยิ้มอยู่คนเดียวทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอรู้สึกหงุดหงิดที่โดนเบียดจากผู้คนรอบข้าง

    ‘คิดไม่ผิดจริงๆที่ขึ้นรถคันนี้ แทนที่จะรอคันต่อไป ถึงแม้คนจะแน่น แต่ก็ยังดีที่ได้เจอพี่เป๋า ทำให้รู้ว่าพี่เป๋าวิ่งรอบเย็นด้วย วันนี้พี่เป๋าก็ยังน่ารักเหมือนเดิมเลย’ เรนโบว์นึกอย่างคนอารมณ์ดี เมื่อถึงป้ายที่เธอจะต้องลงจำนวนผู้โดยสารก็ลดลงเพียงเล็กน้อยทำให้กระเป๋ารถเมล์ผู้น่ารักของเรนโบว์ไม่เห็นหญิงสาวที่เดินลงจากรถไป

    ‘วันนี้ไม่เจอยัยเอ๋อเลย สงสัยจะขึ้นรถรอบอื่น แล้วอย่างนี้จะได้ถามมั้ยเนี่ยว่าเจ็บตรงไหนรึเปล่า’ กระเป๋ารถเมล์หนุ่มผู้น่ารักนั่งบ่นกับตัวเองเมื่อผู้โดยสารบนรถบางตาเนื่องจากใกล้จะสุดสายของรถแล้ว


    “เจ๊ริบวันนี้เรนเจอพี่เป๋าด้วย ตอนแรกก็ไม่นึกว่าจะเจอหรอกเพราะไม่ได้ขึ้นรถเวลาเดิม แต่ก็ดันเจอกันจนได้ สงสัยจะเป็นพรหมลิขิตแน่เลยเจ๊” เรนโบว์เล่าให้พี่สาวของเธอฟังเมื่อถึงบ้าน ส่วนพี่สาวของเธอนั้นเมื่อได้ฟังแล้วก็ได้แต่ส่ายศีรษะพร้อมกับหัวเราะ

    “ขำอะไรเจ๊” เรนโบว์ถามอย่างฉุนๆ

    “ก็ขำเราน่ะสิ ท่าทางจะเป็นเอามากนะ” ผู้เป็นพี่สาวพูดพลางหัวเราะด้วยความขำในอาการของน้องสาวตัวเอง

    “เรนไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก เรนก็แค่เห็นว่าพี่เขาหน้าตาน่ารักดี ก็ชื่นชมเขาก็แค่นั้นเอง” เรนโบว์ชี้แจงกับพี่สาว

    “เออ ให้มันจริงอย่างที่พูดละกัน” ริบบิ้นบอกกับน้องสาว


    “แก็บ แก็บ แก๊บ แก็บ” เสียงขยับกระบอกเก็บค่าโดยสารของกระเป๋ารถเมล์ทำให้เรนโบว์ที่นั่งอยู่ยื่นค่าโดยสารไปให้กับ ‘พี่เป๋า’ ของเธอด้วยอาการกลั้นรอยยิ้มไว้เต็มที่ เมื่อ ‘พี่เป๋า’ เก็บค่าโดยสารจากผู้โดยสารคนอื่นๆเสร็จซึ่งใช้เวลาไม่นานนักเพราะช่วงนี้เป็นช่วงกลางวันที่มีผู้โดยสารบางตา เขาก็เดินมานั่งที่นั่งเดี่ยวที่ว่างข้างหน้าที่นั่งที่หญิงสาวนั่งอยู่ ชายหนุ่มนั่งหันหลังให้หน้าต่าง

    “น้องครับ” เสียงทุ้มของกระเป๋ารถเมล์เรียกให้เรนโบว์ที่นั่งอมยิ้มกับหน้าต่างหันกลับมามองหน้าคนที่เรียก

    “คะ”

    “เอ่อ...เมื่อวันก่อนที่รถเบรกกระทันหันอ่ะครับ น้องเจ็บตรงไหนบ้างรึเปล่าครับ” เสียงทุ้มถามหญิงสาวที่นั่งมองหน้าเขาด้วยสายตางงๆ

    “อ๋อ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่เจ็บแขนนิดหน่อย …” หญิงสาวตอบยังไม่ทันจบ เสียงทุ้มก็แทรกขึ้นมาด้วยความเป็นห่วงที่ทั้งเจ้าของเสียงและคนฟังเองก็ไม่ได้สังเกต

    “ไปหาหมอรึยังครับ เรื่องค่าใช้จ่ายไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ทางบริษัทจะรับผิดชอบเอง น้องเอาใบเสร็จค่ารักษามาที่บริษัทได้เลยครับ” เจ้าของเสียงทุ้มพูดยาว หญิงสาวที่นั่งฟังอยู่ต้องพยายามกลั้นยิ้มอย่างเต็มที่กับความน่ารักของชายหนุ่มคนนี้

    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ตอนนี้หายเจ็บแล้ว อีกอย่างตอนนั้นก็เป็นอุบัติเหตุ คนขับก็ไม่ได้ตั้งใจสักหน่อยนี่ค่ะ” หญิงสาวปฏิเสธ

    “งั้นก็โอเคครับ แต่ถ้าเกิดเจ็บอะไรตรงไหนจากอุบัติเหตุครั้งนั้นขึ้นมาล่ะก็ รีบไปหาหมอแล้วก็เอาใบเสร็จไปแสดงที่บริษัทได้ทุกเวลาเลยนะครับ” เขายังคงย้ำ หญิงสาวจึงได้แต่รับคำด้วยรอยยิ้ม

    ขณะนั้นเองก็มีผู้โดยสารที่เป็นแม่กับลูกชายอายุประมาณ 4 ขวบเดินขึ้นมาบนรถ ‘พี่เป๋า’ ของเรนโบว์เลยต้องลุกเพื่อไปช่วยจูงเด็กน้อยขึ้นมาจากรถ ภาพที่เห็นทำให้เรนโบว์ต้องยิ้มมากขึ้นไปอีกกับความมีน้ำใจเขา หลังจากที่แม่ลูกคู่นั้นขึ้นมาบนรถแล้ว ทั้งสองคนก็ได้ไปนั่งที่เก้าอี้เดี่ยวหน้าที่นั่งของเรนโบว์ที่ก่อนหน้านี้เป็นที่นั่งของกระเป๋ารถเมล์ผู้มีน้ำใจทำให้เรนโบว์กับ ‘พี่เป๋า’ ไม่ได้คุยกันอีกจนกระทั่งหญิงสาวลงจากรถไป

    ‘โล่งอกหน่อยที่ยัยเอ๋อไม่เป็นอะไร’ กระเป๋ารถเมล์หนุ่มบอกกับตัวเองอย่างสบายใจ ‘แล้วทำไมเราต้องโล่งอกด้วยล่ะ’ ชายหนุ่มถามตัวเองต่อ ‘ก็เพราะถ้าเขาเป็นอะไรไปบริษัทก็ต้องรับผิดชอบน่ะสิ’ เมื่อหาคำตอบให้ตัวเองได้แล้วชายหนุ่มก็รู้สึกไม่แน่ใจว่าคำตอบนี้เป็นคำตอบที่เขาต้องการจะตอบจริงๆหรือไม่ แต่ตอนนี้เขาก็ยังไม่กล้าพอที่จะหาคำตอบที่แท้จริงที่ซ่อนตัวอยู่ในส่วนลึกของจิตใจ


    “เจ๊วันนี้เรนได้คุยกับพี่เป๋าด้วยล่ะ” เรนโบว์เล่าให้พี่สาวฟังทันทีเมื่อเจอกับพี่สาวในตอนเย็น

    “เจออีกแล้วเหรอ แล้วทำไมถึงได้คุยกันล่ะ” ริบบิ้นผู้เป็นพี่สาวถามอย่างสนใจ

    “ก็พี่เขาเข้ามาถามว่าเมื่อวันก่อนที่รถเบรกกระทันหันน่ะเรน
    เป็นอะไรรึเปล่า…” หญิงสาวเล่าเหตุการณ์ที่ได้คุยกับ ‘พี่เป๋า’ บนรถให้พี่สาวเธอฟัง “พี่เป๋าเป็นคนมีน้ำใจด้วยนะเจ๊ ยิ่งเห็นยิ่งรู้สึกว่าพี่เขาน่ารัก…” เรนโบว์เล่าให้พี่สาวของเธอฟังต่อถึงเหตุการณ์ที่กระเป๋ารถเมล์ผู้นั้นแสดงถึงความมีน้ำใจของเขา เมื่อฟังจบพี่สาวของเธอก็เริ่มมีสีหน้ากังวลเล็กน้อยกับอาการเป็นเอามากของน้องสาวที่ดูท่าแล้วคงไม่ใช่แค่ชื่นชมธรรมดา แต่ผู้เป็นน้องสาวไม่ทันสังเกตเพราะกำลังอารมณ์ดี

    “นั่นเขาทำไปก็เพราะหน้าที่ของเขาต่างหาก” พี่สาวแย้งขึ้นมา

    “ก็อาจจะส่วนหนึ่งนะเจ๊ แต่ว่ากระเป๋ารถเมล์บางคนก็ไม่เห็นจะทำเลย บางคนยังไล่ให้ลงเร็วๆด้วยซ้ำ แต่นี่พี่เป๋าเขาทำด้วยความเต็มใจนะเจ๊” เรนโบว์เถียงเข้าข้าง ‘พี่เป๋า’ เต็มที่ ผู้เป็นพี่สาวจึงทำอะไรไม่ได้มากนอกจากชวนคุยกันเรื่องอื่นก่อนที่น้องสาวของเธอจะเป็นโรค ‘พี่เป๋าลิซึ่ม’ มากไปกว่านี้


    ข้างฝ่าย ‘พี่เป๋า’ ที่กำลังโดนกล่าวถึงก็ได้จามขึ้นมาติดกันสองสามครั้งอย่างไม่มีสาเหตุ จนลุงคนขับต้องหันหน้าจากถนนมาแซวกระเป๋ารถเมล์ประจำรถที่ตอนนี้นั่งอยู่ข้างๆเขาเมื่อว่างจากการเก็บค่าโดยสารว่า

    “สงสัยจะมีคนนินทาคุณเมฆนะครับ”

    “ไม่มีทางหรอกลุง คนอย่างผมไม่มีใครเขานินทาหรอก มีแต่คนคิดถึง” ชายหนุ่มแย้งกลับไปอย่างอารมณ์ดี

    ‘แล้วเราจะคิดถึงใครดีล่ะ’ เมื่อคำถามนั้นผุดขึ้นมาในความคิด ก็มีหน้าหญิงสาวผมยาว ผิวขาว ที่หน้าตาอมยิ้มอยู่เสมอลอยขึ้นมา ชายหนุ่มรีบส่ายศีรษะด้วยความตกใจกับความคิดของตัวเอง ‘บ้าน่า เพิ่งเจอกันไม่เท่าไหร่เอง จะไปคิดถึงเขาได้ยังไง’ ชายหนุ่มย้ำกับตัวเอง


    “น้องครับเงินทอนครับ” เสียงทุ้มเรียกให้หญิงสาวที่กำลังจัดการกับหนังสือสองสามเล่มบนตักเงยหน้าขึ้น

    “ขอบคุณค่ะ” เรนโบว์กล่าวขอบคุณก่อนจะก้มลงควานหากระเป๋าใส่เศษสตางค์จากกระเป๋าผ้าใบใหญ่ที่วางอยู่บนตัก เมื่อเธอจัดการกับของต่างๆบนตักเธอได้แล้ว หญิงสาวก็นั่งเหม่อมองออกไปข้างนอกด้วยอาการอมยิ้มแบบเดิม

    “ช่วยลุกให้คนท้องนั่งหน่อยครับ” เสียงของ ‘พี่เป๋า’ ตะโกนบอกทุกคนในรถเมื่อมีผู้หญิงท้องโตเดินขึ้นมาบนรถแต่ไม่มีใครลุกให้นั่ง เธอจึงยืนจับพนักพิงของเบาะที่มีผู้ชายตัวโตนั่งอยู่ตรงแถวๆประตูซึ่งห่างจากเก้าอี้ที่เรนโบว์นั่งไปสองสามที่นั่ง เมื่อสิ้นเสียงของ ‘พี่เป๋า’ เรนโบว์ก็สังเกตเห็นว่าไม่มีใครที่จะขยับตัวเพื่อลุกให้ผู้หญิงท้องคนนั้นนั่งเลย ทุกคนทำเหมือนกับไม่ได้ยินเสียงของกระเป๋ารถเมลืที่ตะโกนบอกเมื่อกี้ หญิงสาวจึงลุกขึ้นแล้วเดินไปสะกิดผู้หญิงท้องคนนั้นให้มานั่งที่ของเธอแทน

    จากคุณ : @หนูเอ๋อ@ - [ 28 มี.ค. 48 16:19:36 A:168.120.26.46 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป