CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    กฤติกาตอนที่3 จ้า

    “มาเดินเล่นเหรอฮะ” พอได้ยินเสียงทักแว่วมา สมก็หยุดเดิน อากาศยามเช้าในสวนที่มีต้นส้มปลูกอยู่ครึ้มสูดเข้าไปแล้วชื่นปอดจริงๆ

    “ เออ…เก๊าะหมอที่มารักษาเอ็งตอนโดนงูกัดน่ะ บอกว่าข้ามีคอ..คอ..เอ ข้าก็จำไม่ค่อยจะได้…เออๆ..คอๆร่อนๆน่ะ มีเยอะทีเดียวนะ เนี่ยข้าเลยต้องมาเดินออกกำลังกาย หมอว่ามันจะช่วย”

    “คลอเรสเตอรอล?”

    “นั่นแหละๆ เอ็งพูดเหมือนหมอเดี๊ยะเลย” ชายชราหนังตาย่นชะเง้อมองรอบข้างอยู่2-3ที เมื่อไม่เจอคนที่ต้องการก็เอ่ยถาม “นังดาวล่ะ วันนี้มันไม่มารึ ปรกติข้าเห็นเอ็งกะมันตัวติดกันยังกะเส้นขนมจีน”

    วสวัสพยักหน้า “ดาวเค้าทำบัญชีอยู่ที่บ้านน่ะฮะ พอดีเพิ่งจ่ายค่าแรงให้คนงานไป”

    “อือ” มือที่ย่อนยานตามวัยเอื้อมหยิบผลส้มสวยในเข่งตรงหน้าขึ้นมาพิจารณา “แล้วสวนของเอ็งล่ะวะ เป็นไงบ้าง”

    “ก็ไม่ดีแต่ก็ไม่เลวมากฮะ ปีนี้ส้มราคาตก ยังดีที่มีผลไม้ตัวอื่นช่วยดันไว้ ไม่งั้นก็คงแย่…เนี่ยผมก็ว่าจะเอาแก้วมังกรมาลองลงดูนะฮะ ท่าทางจะขายได้ราคา”

    “ดีๆ.ขยันๆเข้าไว้ อนาคตจะได้สบาย” ประโยคนี้แกรู้ดีนัก เมื่อครั้งยังมีไฟสมทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน๊อต ต่อ

    มาได้กับศรีพรก็ยิ่งรวยหนัก เพราะนังพรเองก็เป็นคนขยันทำมาหากิน นางเปิดร้านขายอาหารตามสั่งที่ใต้ถุน

    เรือนหอ ลูกค้ามากมายพากันติดใจในฝีมือกุ๊กระดับ5ดาวของศรีพร รายได้จึงไหลมาเทมาอย่างไม่มีขาด พอแก่

    ตัวไม่มีลูกไม่มีหลาน ชีวิตบั้นปลายเลยออกจะสุขสบายแผกจากคนวัยเดียวกันในระแวกนี้

    “อูย มาอยู่นี่เอง…ตาแก่” พื้นดินขรุขระออกจะเดินลำบาก แต่หญิงชราก็ยังดั้นด้น มือข้างซ้ายกำหนังสือเล่มบาง มือข้างขวาคว้ากิ่งส้มกันเสียหลักไว้จนแน่น

    “มีอะไรฮึ นังพร” ศรีพร ชื่อเต็มของนางไม่มีใครเรียก เรียกแต่ พร สั้นๆ และดูเหมือนว่าเจ้าตัวเองก็คงลืมชื่อนี้ไปแล้วเช่นกัน

    “ก็ฉันหาแว่นไม่เจอน่ะซี่ จะอ่านอะไรก็มองไม่ค่อยจะเห็น ตาแก่แกก็อ่านให้ฉันหน่อยสิ” พอมาถึงตัวผู้เป็นสามีก็ยื่นหนังสือเจ้ากรรมให้ทันที

    “เอ็งนี่แก่แล้วขี้หลงขี้ลืม ไม่ไหวเล้ย”

    “อ่านไปเถอะอย่าบ่นนักได้มั้ย…อ้าว! พ่อวัสอยู่นี่ด้วยรึลูก…เออๆไหว้พระไหว้พระ” นางจับ2มือที่ชายหนุ่มพนมไว้ด้วยความเอ็นดู รักเหมือนลูกหลาน

    “ป้าพรฮะ”

    “จ๊ะ”

    “แว่นฮะ” ร่างโตชี้ไปยังแว่นสายตากรอบทองซึ่งบัดนี้ทำหน้าที่ต่างคาดผมอยู่บนศีรษะของนาง

    “เอ้อ! นังพร ข้าก็ว่าจะบอกเอ็งอยู่เหมือนกัน แต่ไอ้วัสมันแย่งข้าพูดเสียก่อน” สมชักสีหน้าจริงจังสุดขีด ทั้งๆที่ก็ไม่ได้เห็นไม่ได้รู้อะไร แค่ไม่อยากเสียฟอร์มเท่านั้น

    “แล้วไหนล่ะที่แกจะให้ข้าอ่านน่ะ” ศรีพรทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ มองสามีด้วยความหมั่นไส้ นิ้วชี้จิ้มจึ้กแทบจะข่วนหน้าชายชราลงไปกลางหน้าหนังสือ

    “อ่อ” ชายชราผู้มีพุงเป็นอาวุธยื่นหนังสือออกไปจนสุดแขน “คิ สะ ติ อัน ได ออ “ แกกระหยิ่ม เชิดหน้าหลิ่วตาให้

    ศรีพรเล็กน้อย ราวกับจะพูดว่า จบป.4ก็เจ๋งโว้ย…อ่านภาษาฝาหรั่งออก อะไรประมาณนั้น แต่ความจริงก็พลาด

    อยู่โข

    วสวัสอมยิ้ม

    “ช่วยลบเลือนริ้วรอยบนใบหน้า อุดมด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ…”

    “อะมูนหระคืออะไรวะตาแก่”

    “ฮึ่ย…อนุมูลอิสระ เรียกให้มันถูกหน่อยสิ” ลืมคอๆร่อนๆไปเสียสนิท

    “อนุ นี่ก็แปลว่า เล็ก” หญิงชราพยักหน้าหงึกๆ ร่างโตครางในลำคอ ก็คงจะแปลว่า หน่วยเล็กๆอย่างที่เข้าใจ

    “มูล…เก๊าะ ขี้ไง ไม่เห็นจะยากตรงไหนเลย” ร่างโตสั่นระริก ปากเม้มแน่น กดเก็บอารมณ์สุดขีด ขณะที่ศรีพรเอออออย่างตั้งใจ

    “อิสระก็..ไม่เป็นขี้ข้าใคร เอ่อ..”

    “กระจายตัว?”

    “อือ กระจายก็ได้ เริ่มเก่งแล้วนี่…นังแก่”

    “รวมก็ อ่อ…มีสารต่อต้านขี้เล็กๆที่กระจายๆ” สีหน้าจริงจังออกแนวนักวิชาการ

    ร่างโตขำคิกๆ สักพักเขื่อนก็แตก วสวัสโพล่งก๊ากเบ้อเร่อ ก่อนที่2สามีภรรยาจะตามมาติดๆทั้งๆที่ไม่รู้ว่าขำอะไร

    “แหม…สวัสดีครับทุกคน มีเรื่องอะไรน่าสนุกเหรอฮะ ผมขอร่วมแจมมั่งได้รึเปล่า”

    “คุณอานนท์!” หน้าที่เคยเบ่งบานดั่งจานดาวเทียมหุบลงเหลือแค่จานรองแก้ว

    “ผมมาหาน้องดาวน่ะฮะ ว่าจะมาพาเธอไปเที่ยวในเมือง”

    ไม่เห็นหัวหงอกที่ยืนโด่อยู่นี่รึไง ศรีพรยืนเงียบ เคยฟังตาแก่เล่าถึงคนหนุ่มตรงหน้าอยู่เหมือนกันแต่ไม่นึกว่าพอเจอเข้าจริงๆ นางจะรู้สึกไม่ถูกชะตาได้ถึงขนาดนี้

    วสวัสเม้มริมฝีปากแน่น

    “ว่าไงฮะ คุณวัส” ร่างโตสะดุ้งเฮือก ใจหวิวดุจถูกปลิดให้ปลิวหล่นจากขั้ว

    “ดะ…ดาว…ตอนนี้ดาวอยู่ที่บ้านน่ะครับ เดี๋ยวผมไปตาม คุณอานนท์รออยู่ตรงนี้นะฮะ” ว่าแล้วก็เดินฉับๆทิ้งให้

    แขกผู้มาใหม่ยืนเก้ๆกังๆทำอะไรไม่ถูก อานนท์แสยะยิ้มให้กับคนที่เหลือซึ่งที่ได้กลับมาก็…แหยพอกัน

    เสียงนังพรอุบอิบได้ยินเฉพาะคู่ชีวิต

    ‘ข้าไม่ชอบหน้าไอ้หนุ่มนี่เลยว่ะตาแก่ มันเหมือน…เอ้อ…เหมือนตัวโกงในลิเก…ลิเกที่เราไปดูเมื่อคืนนี้ไง’


    ………………………………………….
    “ดาวไม่ค่อยสบาย ไปกับคุณอานนท์ไม่ได้” ชายหนุ่มงึมงำในลำคอ สมองถูกใช้ต่างตราชั่ง ระหว่างความต้องการกับความถูกต้องรู้สึกว่าอย่างแรกจะหนักหนาเหลือเกิน
    ราว10นาทีก็ยังตัดสินใจไม่ได้ ยืนลังเลอยู่ที่หน้าบันไดบ้าน

    “อ้าว…พี่วัส” เจ้าของเสียงก้าวเท้าพ้นกรอบประตู เผยให้เห็นวงหน้าละออนวล

    “ดาว”

    “คะ”

    “คือ”

    “หืม…คืออะไรเหรอคะ”

    “เอ่อ…คือ…คุณอานนท์เขามารับดาวไปเที่ยวน่ะจ่ะ…พี่ว่าดาวควร…” ปลายประโยคแผ่วเบาจนไม่ได้ยิน กล่องเสียงตีบตันกระทันหัน หญิงสาวยืนชะงัก อีกครั้งแล้วที่ชายตรงหน้าพยายามยัดเยียดหล่อนให้กับคนอื่น ทั้งที่เขาก็น่าจะรู้ว่าหล่อนไม่เคยต้องการ

    “ค่ะ” ส่งสายตาสบกัน แต่ภายในรวดเร้ายิ่งนัก

    “หือ”

    “ก็ดาวจะไปกับคุณอานนท์อย่างที่พี่ต้องการไงคะ” ประชดประชันหวังจะให้เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดที่เขาเองเป็น

    ผู้หยิบยื่นให้กับหล่อนในคราบของสิ่งที่ชายหนุ่มบอกหล่อนว่า นั่นคือความหวังดี ได้ผลจริงๆชายหนุ่มเจ็บจี๊ดใน

    ทรวงอก แต่ชักสีหน้าตายสนิท
    …………………………………………

    อานนท์ไม่ได้ปลีกตัวไปไหน ไม่ใช่เพราะคำของวสวัสที่บอกให้เขารออยู่ที่นี่ เขาไม่ใช่คนซื่อขนาดนั้น แต่

    เป็นเพราะชายหนุ่มไม่อยากจะเดินไปตามสวนแต่เพียงลำพัง อีกทั้งถ้าไปเขาคงจะต้องเจอะเจอกับพวกคนงาน

    ตัวเหม็น สกปรก สถุลไร้สกุล ชายหนุ่มรับไม่ได้อย่างแรง เมื่อเป็นอย่างนี้ทั้ง3จึงต้องยืนประจันหน้ากันอย่างเลี่ยง

    ไม่ได้ หลายครั้งที่ชายท่าทางสำรวยมอง2สามีภรรยาตั้งแต่หัวจรดเท้า ดิบ เถื่อน ต่ำ คือคำนิยามที่เขามีให้ตั้งแต่

    มองแวบแรก

    ก่อนที่ตาทั้ง3คู่จะถลนออกมาพันกัน เจ้าของสวนก็โผล่ตัวให้เห็นไวๆโดยมีร่างแบบบางเดิมตามมาเงียบๆ

    ‘มาทันเวลาพอดี ช้ากว่านี้แม่มีตบไอ้หนุ่มนี่ตกท้องร่องแน่ ฮึ’ ศรีพรคำรามอย่างอดไม่ได้

    “คุณอานนท์ขา” พอเจอตัว กฤติกาก็วิ่งรี่เข้ากอดแขนชายหนุ่มไว้แน่น แถมลากเสียงยาวหวานจับจิตจับใจให้อีก

    ด้วย

    สม ศรีพร อ้าปากค้าง วสวัสก้มหน้าต่ำ

    “คะ…ครับ” หญิงสาวไม่เคยมีท่าทีออดอ้อนเขาแบบนี้มาก่อน เมื่อเป็นอย่างนี้ไม่ต้องเดาก็รู้เลยว่าอีกไม่นานเขา
    จะต้องได้ตัวเธอมาครองสมใจแน่นอน อานนท์กระหยิ่ม

    “ไปกันเถอะค่ะ” หล่อนหมุนตัวหันหลังแล้วแต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะชายตามองกลับมา หวังลึกๆไว้ว่าจะได้เห็นแววตาห่วงหวงจากเขา แต่ไม่มี ร่างบางกัดริมฝีปากแน่น แปลกที่ไม่ยักเจ็บ อาจเป็นเพราะที่ตรงอื่นมันเจ็บมากกว่า
    ……………………………

    หลังจากที่กฤติกาออกไปกับอานนท์ วสวัสก็หงุดหงิดงุ่นง่าน เขาไม่มีกะจิตกะใจจะทำงาน เห็นอะไรก็รู้

    สึกขวางหูขวางตาไปหมด จนในที่สุดต้องกลับมานั่งสงบสติอารมณ์ที่บ้านก่อนที่เขาจะพาลลงกับคนงานอย่างที่

    นึกกลัว

    “สนุกมั้ยจ๊ะดาว” พอเห็นเท้าก้าวเข้ามาก็เอ่ยทัก

    “พี่วัสอยากให้เป็นแบบไหนล่ะคะ”

    “โธ่…ไม่เอาน่า พูดอย่างนี้ไม่น่ารักเลยรู้มั้ยจ๊ะ” หญิงสาววางถุงหลายใบในมือลงบนโต๊ะไม้กว้างโดยแรง เรียกว่า

    โยนก็คงไม่ผิด ไม่เห็นอยากจะได้เลยของพวกนี้ ชังนักนายอานนท์ เจ๊าะแจ๊ะอยู่ได้ น่าเบื่อ น่ารำคาญ

    “เอ่อ…คุณอานนท์เขาก็เป็นคนดีนะ ดาวว่ามั้ย”

    หญิงสาวแสยะยิ้ม

    “อีกอย่างเขาก็จริงจัง” ล้วงกล่องกำมะยี่สีน้ำเงินเข้มออกมาจากกระเป๋าเสื้อ

    “เขาอยากแต่งงานกับดาว ดาวจะว่าไง” กล่องขนาดเล็กถูกวางลงบนพื้นโต๊ะดั่งไม่มีใครใยดีในมูลค่าของสินค้าสวยหรูภายใน

    “ทำไมเขาไม่มาคุยกับดาวเอง”

    “เขาขอร้องพี่มา”

    “พี่ก็บอกเขาไปสิคะว่าดาวไม่แต่ง ต่อให้โลกนี้เหลือเขาคนเดียว ดาวก็ไม่มีวันตกลง”
    ว่าแล้วก็สะบัดตัว เดินจาก

    “โอ๊ย! ดาวเจ็บนะ” มือใหญ่ฉวยต้นแขนบางได้ทัน ด้วยอาการกึ่งลากกึ่งดึงทำให้หญิงสาวอดที่จะร้องออกมาไม่ได้ และทันทีที่ได้ยินร่างโตก็ผละมือออกด้วยความตกใจ

    “พี่ขอโทษ” เหลือบเห็นผื่นแดงเป็นรอยนิ้ว เสียงก็เบาลงทันตา

    “พี่จะบังคับดาวทำไมคะ พี่ก็รู้ว่าดาวรักพี่วัส รักแบบที่พี่น้องเขาไม่เป็นกัน”

    หญิงสาวพยายามสบตาเขาตลอด ทั้งที่วสวัสเองที่เป็นฝ่ายหลบตา

    “พี่วัสเองก็คิดเหมือนดาวใช่มั้ยคะ” ไม่เคยนึกเลยว่าหล่อนจะต้องเป็นฝ่ายขอความรักจากเขาก่อน ร่างบางพูด

    พลางโอบกอดชายหนุ่มไว้แนบแน่น รักเขามาก ชาตินี้หล่อนไม่มีใจเหลือให้ใครอีก

    “แต่…พี่ไม่ได้รักดาวแบบนั้น พี่คิดกับดาวแค่น้องสาว ที่พี่ทำดีกับดาวก็เพราะแม่ดาฝากไว้ ถ้าพี่ทำให้ดาวเข้าใจ
    ผิดพี่ก็ต้องขอโทษด้วย”

    ใบหน้าคมกุมไหล่บาง2ข้างไว้แน่น ก่อนจะดันออกด้วยความรู้สึกแสนยากเย็น


    ดั่งโดนไม้ตีแสกลงกลางหน้า หญิงสาวยืนตัวแข็งแน่นิ่ง มือกำแน่น เพราะสิ่งที่หล่อนได้ยิน หล่อนไม่เคยคิดว่าจะ

    ต้องมารับรู้ เวลาที่ผ่านมาที่หล่อนเฝ้าอุตสาห์ถนอมดวงใจดวงน้อยไว้เพื่อเขา เขาคนเดียวเท่านั้นที่หล่อนทั้งรักทั้ง

    เทิดทูนบูชา และก็เป็นเขาคนนี้นี่แหละที่กล่าวประโยคนั้นออกมา ประโยคที่แทบจะฆ่าหล่อนทั้งเป็น กฤติกากัด

    ริมฝีปากแน่น เบ้าตาร้อนผ่าว อยากจะร้องไห้แต่น้ำตาก็ไม่ยอมไหล หล่อนยืนตัวสั่นเทิ้ม ทั้งเสียใจ ผิดหวัง อย่าง

    ที่ไม่เคยประสบมาก่อน

    “ขอโทษนะครับ เห็นประตูเปิดอยู่ ขัดจังหวะอะไรรึเปล่าเอ่ย” ไม่ต้องกดกริ่ง ไม่มีใครเชิญ ชายชาวเมืองถือวิสาสะเดินเข้ามาเอง

    “คุณอานนท์” ชายหนุ่มปั้นหน้าลำบาก ได้ยินเสียงรถอยู่ไวไว แต่ตอนนั้นใครจะมีอารมณ์ไปสนใจ

    “คุณอานนท์อยากแต่งงานกับดาวใช่มั้ยคะ” โพล่งออกมา ไม่มีฝ่ายใดที่ตั้งตัวได้ทัน

    เป็นคำทักทายที่กระทันหันแต่ก็น่าพอใจที่สุดแล้วสำหรับเขา “คะ…ครับ…ผมเองก็จะกลับมาพูดกับน้องดาวเรื่อง

    นี้แหละฮะ…เมื่อเช้าฝากแหวนกับพี่ของดาวมา แต่ผมคิดไปคิดมา ผมว่าผมน่าจะมาคุยกับน้องดาวเองเลยจะดีกว่…”

    “ดาวจะแต่งกับคุณค่ะ” ยังไม่ทันจบประโยคเสียงเล็กก็สวนขึ้นมาด้วยความโกธร

    “โอ! จริงๆเหรอฮะ น้องดาวรู้รึเปล่าว่าผมน่ะดีใจมากขนาดไหน” อานนท์ถลาเข้ามากุมมือเรียวไว้แน่น

    “พี่หมั้นน้องไว้ก่อนนะจ๊ะ” จัดแจงเปลี่ยนสรรพนามเสร็จสรรพ “แล้วพี่จะจัดการเรื่องงานแต่งของเราให้เร็วที่สุด

    เลยจ่ะ” หญิงสาวพยักหน้ารับทั้งน้ำตา แต่ไม่ใช่อาการปลาบปลื้มอย่างที่เขาคิด

    “นี่ฮะแหวน สวยที่สุด หรูที่สุด แพงที่สุดเลยนะฮะ” อานนท์แหวกร่างโตที่ยืนตัวแข็งบังอยู่หน้าโต๊ะ ไม่มีความจำ

    เป็นต้องเกรงใจแล้วนี่ก็ในเมื่อเขาได้ในสิ่งที่ต้องการมาแล้ว หนุ่มสำรวยเอื้อมหยิบกล่องกำมะยี่ เปิดมันอ้าออก

    ก่อนจะหยิบสิ่งสูงค่าสวมลงที่นิ้วเรียวอย่างรีบร้อน

    ‘แม่ดาครับ…ทุกอย่างเป็นอย่างที่แม่ดาต้องการแล้วครับ’ เบ้าตาชายหนุ่มร้อนผ่าว ร้อนจนน้ำตาระเหยหายไม่มีเล็ดลอดออกมาแม้เพียงหยาดหยดเดียว

    จากคุณ : สังกะสี - [ 29 มี.ค. 48 19:05:26 A:210.246.69.206 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป