ลมเพชรหึง
พจนารถ
วันนั้นเป็นวันใกล้ตรุษจีน ที่รุ่งขึ้นตามบริษัทต่าง ๆ เขาก็จะหยุดงานกัน ก็มีเสียงโทรศัพท์แผดก้องเข้าหู ในขณะที่ผมกำลังเขียนหนังสืออยู่ที่บ้านตามปกติ
"สวัสดีครับ" ผมปฏิสันถาร
"เรียนสายคุณพจนารถครับ" ทางโน้นตอบมา
"กำลังพูดครับ"
"เฮ้ย อ้ายพจหายสาบสูญไปเลยนะแก เย็นนี้ไปกินเหล้าบ้านฉันไหม"
ผมงงไปวิบหนึ่ง ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใคร แต่ถ้าพูดสนิทสนมแบบนี้ แสดงว่าต้องเป็นเพื่อนผมแน่ ๆ ผมเลยเฮ้ยโว้ยกลับไปบ้าง
"เฮ้ย พรุ่งนี้วันทำงานนี่หว่า แกว่างเรอะ"
"ป้าดโธ่ อ้ายเว... ทำงานอิสระเสียจนไม่รู้เดือนรู้ตะวันเลยเรอะ พรุ่งนี้หยุดตรุษจีนว่ะ"
"ว่าแต่แกน่ะใคร" ผมสวนคำถามไป
"อ้ายเปร... ฉันสมศักดิ์โว้ย แกมาอพาร์ทเม้นท์ฉันถูกไหมล่ะ"
"ไฮ...มายด๊อก" ผมทักมันอย่างยินดี
"นึกว่าใคร ที่แท้ก็ใครนั่นเอง"
"ถ้างั้นเย็นนี้เจอกัน ประมาณทุ่มนึง ห้องฉัน๑๔๐๕ ชั้น ๑๔ ถ้าขึ้นไม่ถูกก็ถามยามเขาเอา ฉันมีอะไรจะเซอร์ไพรส์แกด้วย ตกล๋ง ?"
มันทำท่าคล้ายจะวางหู
"เดี๋ยว ๆ ๆ อ้ายเว... ฉันไม่ได้ไปบ้านแกตั้งเกือบปีแล้วนะ บอกทางหน่อยซิ.."
* * * * *
นาย สมศักดิ์ คนนี้เป็นเพื่อนสนิทของผม เรารู้จักกันตอนที่มาลงเรียนหนังสือในมหาวิทยาลัยเปิดที่ตั้งอยู่ที่จังหวัดนนทบุรี เมื่ออายุร่วม ๆ จะขึ้นเลขสามด้วยกันทั้งคู่ และในคณะวิชาที่ผมและสมศักดิ์เรียนอยู่นั้น ก็มีนักศึกษาที่จับกลุ่มกัน เพื่อทำกิจกรรม และแลกเปลี่ยนความรู้กัน ในเนื้อหาวิชาการเรียน เราจึงพบกันในที่ประชุม ของกลุ่มกิจกรรมนั้นเป็นประจำ และด้วยความที่อายุใกล้เคียงกัน เรียนวิชาเดียวกัน พูดภาษาเดียวกัน ผมกับสมศักดิ์จึงสนิทกันมาหลายปี โดยที่ยังไม่ยอมจบด้วยกันทั้งสองคน ทั้ง ๆ ที่อายุของเราก็เลยเลขสามมาหลายปีแล้ว
พอวางหูโทรศัพท์จากนายสมศักดิ์ ผมก็นึกได้ว่าผมน่าจะทำอะไรอีกสักอย่างหนึ่ง ให้เป็นประโยชน์มากกว่าจะไปกินเหล้ากับเพื่อนเฉย ๆ เพราะช่วงนี้ผมกำลัง
ถูกน้อง ๆ เพื่อน ๆ ที่กลุ่ม "จิก"ไปให้ช่วยทำค่ายอาสาพัฒนาชนบทของกลุ่ม เนื่องจากเด็ก ๆ พวกนั้นเขารู้ว่าผมเคยเป็น"มือ"ทำค่ายมาแล้วตั้งแต่สมัยหนุ่ม ๆ ผมจึงจัดเตรียมเอกสารต่าง ๆ ของค่ายอาสา ฯ ในครั้งนี้ รวมทั้งเอกสารรายงาน การสำรวจค่าย ฯ ในที่กันดาร ที่ผมไปสำรวจมาเองและเขียนรายงานเอง ไปให้สมศักดิ์พิจารณา โดยฉวยโอกาสที่เขาอารมณ์ดีถึงขนาดโทรศัพท์ มาชวนผมไปกินเหล้าด้วยกัน จับเขาให้ช่วยหาสปอนเซอร์จากทางบริษัทของเขา หรือสำนักงานอื่นที่เขาคุ้นเคย มาช่วยสนับสนุนโครงงานค่ายอาสา ฯ ที่ผมกำลังทำอยู่นี้ด้วย
ค่ำวันนั้น ผมก็ไปเคาะประตูห้อง ๑๔๐๕ บนชั้น ๑๔ ของสมศักดิ์ พอมีคนมาเปิดประตู ผมก็ก้าวเข้าไป แล้วก็ถูกรั้งคอจนเซหลุน ๆ เข้าไปกลางห้องโถงของ
ห้อง ๑๔๕๐ นั้น
ผู้ที่กอดคอผมจนเซเข้าไปแทบจะปะทะฝาผนังตาย ก็ปล่อยมือจากคอผม แล้วยื่นมือมาให้ผมจับ เขย่าเสียจนหัวสั่นหัวคลอน
"โอ้โฮ พี่พจ มาจริง ๆ นั่นแหละ พี่ศักดิ์เขาบอกผมเมื่อกี้ ผมก็นับ"วิ" รอเลย"
นายคนที่จับมือผมยังเขย่ามือผมอยู่อย่างนั้น พร้อมกับทักทายผมด้วยภาษาของนัก นิเทศศาสตร์ "วิ"ที่เขาว่าก็คือวินาทีนั่นเอง
ผมกวาดสายตามองไปรอบห้องโถง นอกห้องนอนของอพาร์ทเม้นท์ของสมศักดิ์แล้ว ก็นึกขึ้นได้ว่าสมศักดิ์เขาบอกผมมาแล้วทางโทรศัพท์ ว่าเขาจะ เซอร์ไพรส์ ผมจึงต้องแหกปากอุทานออกมาดัง ๆ เมื่อเห็นหน้าผู้ที่นั่งสลอนอยู่นั้น
"เฮ้ย...วิชิต สมเกียรติ อ้าว นั่นสุชัยนี่หว่า มายังไงวะ"
สมศักดิ์ลุกขึ้นมาจากวงเหล้ากลางห้อง เดินเข้ามาเขย่ามือกับผมอย่างดีใจ
"อ้ายพจ รถติดเหรอวะ ถึงได้มาช้า"
"หกโมงเย็นออกจากแถวสามเสน มาถึงบางกะปิได้สองทุ่มก็บุญเหลือ หลายแล้วเพื่อน แน่จริงแกไม่เอา "ฮ"ของ จส.๑๐๐ ไปรับฉันเล่า"
ผมสัพยอกกับเพื่อนอย่างดีใจเหมือนกัน
สมศักดิ์ลากผมไปนั่งข้างเขา นายสุชัยก็รีบหาแก้วมาชงให้อย่างรู้ใจ
ผมรับแก้วจากสุชัยแล้วยิ้มให้เขา จิบนิดหนึ่งก่อนจะหันหน้าไปทางน้อง ๆ ที่นั่งอยู่รอบวงนั้น
"เฮ้ยศักดิ์ อ้ายสามพระหน่อนี่น่ะหรือที่เอ็งว่าจะเซอร์ไพรส์ข้า ข้าเบื่อหน้ามันจนจะอ้วกอยู่แล้วว่ะ"
ผมเอามือที่ไม่ได้ถือแก้วเหล้าชี้กราดไปทางน้อง ๆ พวกนั้น แต่จริง ๆ แล้วผมก็รู้สึกดีใจมาก ๆ อยู่เหมือนกัน เพราะผมไม่ได้เข้าไปในที่ประชุมกลุ่มนานมาแล้ว และก็คิดถึงพวกเขาทุกคน
"โธ่ เฮียพจของน้องขา....." วิชิตลากเสียง
"อุตส่าห์ช่วยน้องไปเซอร์เวย์ค่าย แล้วก็ส่งแต่รายงานให้ดูต่างหน้าเหรอคะ วันนี้น้องเจอเฮียก็คิดถึงแทบจะโดดจูบแล้วหละ"
คณะพรรคฮากันครืน
ผมชี้หน้าวิชิตอย่างอาฆาต แต่ยิ้ม สมศักดิ์ตบไหล่ผมแล้วว่า
"อ้ายสามตัวนี้ยังไม่ใช่เซอร์ไพรส์ของข้าหรอก...."
เขาหยุดชงักไปเฉย ๆ เมื่อเสียงกลอนประตูห้องน้ำเปิดดังแกร๊ก แล้วเธอก็เดินออกมา
(ยังมีต่อครับ แต่ตอนนี้ต้องเสนอให้ท่านดูก่อนว่า มีคำไม่สุภาพตามภาษาเพื่อนฝูง อยู่ที่ไหนบ้าง)
จากคุณ :
พจนารถ
- [
30 มี.ค. 48 09:23:41
A:61.90.14.134 X:
]