ความคิดเห็นที่ 1 3 กล้องนับสิบมุ่งไปยังหญิงสาวคนนั้น ช่างภาพรัวชัตเตอร์เป็นระวิง ไฟแฟลชเจิดจ้าจนผู้ถูกถ่ายต้องเอามือป้องไว้ อีวานก็ทำอย่างนั้นเช่นเดียวกัน แต่มันก็เกิดคำถามในใจว่าเธอเป็นใคร ดูจากท่าทางแล้วอายุน้อยเกินกว่าจะเป็นนักวิจัยของที่นี้ได้ เขาหันไปถามนักข่าวที่นั่งข้างๆ "ก็ลูกสาวของศาสตราจารย์ฟราซิสไง ชื่อ ฮิลลารี่ อายุแค่ยี่สิบเองแต่เรียนจบปริญญาเอกแล้ว”นักข่าวคนนั้นตอบกลับมา “อายุแค่ยี่สิบก็จบปริญญาเอกแล้วเหรอ”อีวานพูดกับตัวเองเบาๆด้วยความรู้สึกประหลาดใจ “ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นนะ” เสียงกระแอมดังผ่านไมค์ออกมาเล็กน้อย อีวานหันไปยังที่มาของเสียงนั้น   ตอนนี้ฮิลลารี่ยืนอยู่บนโพเดียมพร้อมที่จะแถลงข่าวแล้ว เขาสังเกต ตาของเธอดูแดงระเรื่อเหมือนคนพึ่งร้องไห้มาหมาดๆ “สวัสดีค่ะท่านสื่อมวลชนผู้มีเกียรติทั้งหลาย” ผู้พูดกวาดสายตาไปรอบๆ “ตามที่ได้ทราบเรื่องการเสียชีวิตของคุณพ่อดิฉันไปแล้วนั้น  ในตอนนี้เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าคุณพ่อเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจล้มเหลว   แต่สีหน้าของท่านในตอนที่ตายนั้นกลับเต็มไปด้วยความสุขซึ่งมันก็เป็นเรื่องแปลก  ดิฉันเคยเลยพยายามค้นหาเบาะแสที่เหลือว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้นได้ คุณพ่อเป็นอะไรก่อนตาย  และก็ได้พบจดหมายฉบับหนึ่ง” เธอหยุดสักครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพูดต่อ“ ในจดหมายนั้นเขียนเรื่องเกี่ยวกับโรคหัวใจที่ท่านเป็นอยู่ และอาจจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน และถ้าเป็นไปได้ก่อนตายท่านอยากจะทำการทดลองไว้อย่างหนึ่งและก็ใกล้ทำสำเร็จแล้ว” เสียงนักข่าวคนหนึ่งแทรกขึ้นมา “ คุณฮิลลารี่ค่ะ คุณคิดว่าจดหมายนั่นเป็นการสั่งเสียหรือเปล่าคะ” “ใช่ค่ะ ดิฉันคิดว่าน่าจะเป็นจดหมายสั่งเสียของคุณพ่อ เพราะยังมีจดหมายฉบับอื่นลงวันที่ไว้ก่อนวันเสียชีวิตประมาณสัปดาห์นึง ก็เขียนในทำนองเดียวกัน” อีวานคิดในใจนี่หรือข่าวที่ให้บรรณาธิการให้มาทำวันนี้ มันช่างเป็นการใช้เวลาที่ไร้ประโยชน์เสียจริง  ข่าวที่แจกสัปดาห์ที่แล้วยังมีข้อมูลเยอะกว่านี้อีก “และสิ่งที่คุณพ่อสั่งเสียไว้คือ ให้ทำการทดลองเกี่ยวกับสิ่งที่ท่านค้นพบต่อหน้าสื่อมวลชน ค่ะ”เธอพูด ตาเริ่มแดงระเรื่อขึ้นกว่าเดิม ผู้คนในห้องเงียบไปสักครู่หนึ่ง สักพักก็มีเสียงขึ้นมาว่า “แล้วพวกเราจะได้เห็นการทดลองที่ศาสตราจารย์ฟรานซิสทดลองไว้ไหมครับ” “ได้เห็นค่ะ เราจะทดลองกันที่สถานที่เกิดเหตุในอีกสามสิบนาทีข้างหน้า” เธอพูดจบแล้วก็เดินออกไป ชั่วขณะนั้นจมูกข่าวของอีวานเหมือนได้กลิ่นของอะไรบางอย่าง กลิ่นของเนื้อชิ้นโตที่กำลังจะเข้าปากเขา 4 ตอนนี้อีวานอยู่ในห้องสถานที่เกิดเหตุแล้ว “ เล็ก ดูน่าอึดอัด” คือคำจำกัดความของที่นี่ อีวานเหลียวมองไปรอบๆเก้าอี้ยี่สิบกว่าตัว ถ้าเป็นเมื่อสามสิบนาทีที่แล้วคงรอบรับคนไม่ได้หมดแน่ แต่ในตอนนี้ผู้สื่อข่าวบางส่วนก็ได้กลับไป  เก้าอี้แค่นี้คงเกินพอ “คงเป็นแค่การทดลองอะไรที่ผมคงไม่เข้าใจ เดี๋ยวรอสรุปข่าวจากพวกสำนักข่าวใหญ่ๆดีกว่า” นักข่าวคนหนึ่งบอก บ้างก็กลับไปก่อนเพราะเห็นว่าเรื่องการทดลองคงไม่เหมาะกับหนังสือของตัวเอง แต่เหตุผลที่บอกกันเป็นส่วนใหญ่คือมันเป็นเรื่องน่าเบื่อแน่ๆ แน่หละสำหรับอีวานเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน เพียงแต่จมูกข่าวกลับบอกว่าเดี๋ยวต้องได้ข่าวใหญ่ ตอนนี้เขานั่งรอเกือบจะครบสามสิบนาทีแล้ว มันอาจดูไม่นานนักแต่ก็มากพอที่จะสำรวจรายละเอียดอื่นในห้องได้ ในห้องนี้ยังมีอุปกรณ์เหมือนห้องทดลองทั่วๆไป ยกเว้นบางอย่าง ที่เสาเขาเห็นแผงวงจรอะไรบางอย่างเกาะติดอยู่ และบนเพดานก็เช่นเดียวกัน แผงวงจรขนาดใหญ่เกาะอยู่ที่นั่น เขามองด้วยความสงสัยว่ามันคืออะไรกันแน่เกี่ยวข้องการทดลองนี้หรือเปล่า แต่ยังไม่ได้ทันคลายความสงสัย ฮิลลารี่ก็เดินเข้ามา “สวัสดีอีกครั้งหนึ่งนะค่ะ ต้องขออภัยด้วยนะค่ะที่ต้องให้พวกคุณย้ายมายังสถานที่แห่งนี้ ในตอนแรกนั้นทางเราจะจัดการแถลงข่าวแค่ว่าทางคุณพ่อนั้นค้นพบอะไรเท่านั้น แต่ในวินาทีสุดท้ายนั้นชั้นคิดว่าถ้าเป็นไปได้อยากให้พวกคุณมาเห็นด้วยตัวเองดีกว่า” เธอหยุดสักครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ “ทุกคนคงจำได้นะค่ะเกี่ยวกับความสำเร็จของคุณพ่อดิฉัน” อีวานหันไปถามคนข้างๆ “เขาทำอะไรเหรอ” คนข้างๆกระซิบเบาๆ “ก็เกี่ยวการตรวจจับสสารมืดในอวกาศไง” อีวานพยักหน้าแล้วนึกได้ว่าพึ่งอ่านตอนเริ่มแถลงข่าวเองนี่หน่า แล้วเริ่มหันกลับไปฟังฮิลลารี่ต่อ “และสิ่งที่ค้นพบเพิ่มมานั้นคือสิ่งที่เกี่ยวข้องกับสสารมืดเช่นกัน  ในเริ่มแรกนั้นเราเชื่อกันว่าสสารมืดนั้นเป็นสสารปกติธรรมดาที่ประกอบด้วย โปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอน แต่ไม่สามารถมองเห็นได้โดยตรงนอกจากใช้การตรวจจับแรงโน้มถ่วงหรือใช้คลื่นรังสีต่างๆตรวจจับ แต่จากการศึกษาในช่วงหลังทำให้มีการเชื่อกันว่า ส่วนประกอบต่างๆของสสารมืดนั้นจะต่างออกไปจากสสารปกติ  บ้างก็มีแอกซิออกเป็นตัวประกอบ หลังจากนั้นความกังขาก็เกิดขึ้นกับวงการวิทยาศาสตร์ขึ้นอีกจากการพบกาแล็กซี่มืดที่ชื่อว่า VIRGOHI 21” “จะถามอะไรอีกไหม”คนที่นั่งข้างๆคนเดิมหันมาถามอีวาน “เออไอ้ VIRGOHI21 นี่คืออะไรครับ” ผู้ถูกถามตอบกลับมาว่า VIRGOHI คือกาแล็กซี่มืดที่ถูกค้นพบในช่วงปี 2004 ถึง 2005 ลักษณะพิเศษของมันคือ ประกอบด้วยกลุ่มเมฆหมอกของไฮโดรเจที่มีมวลมากกว่าดวงอาทิตย์หนึ่งร้อยเท่า ตามปกติกลุ่มก๊าซเหล่านี้จะประกอบดาวฤกษ์เสมอ หลายคนจึงคาดว่าที่นี่น่าจะเช่นเดียวกัน  อีกทั้งยังมีข้อสังเกตเกี่ยวกับการหมุนรอบตัวของกลุ่มก๊าซไฮโดรเจนนั้นเร็วกว่าคาดไว้มากซึ่งน่าจะมาจากมีมวลสารที่อาจจะมากกว่าหนึ่งพันเท่าอยุ่ในกลุ่มกาแล็กซี่นี้ และ นั่นอาจจะอธิบายได้ว่าทำไมถึงไม่มีการรวมตัวเป็นดาวฤกษ์เกิดขึ้น อีวานหันไปฟังฮิลลารี่ต่อ “และมันยิ่งกระตุ้นให้คุณพ่อดิฉันค้นหาว่าทำไมเราไม่เคยค้นพบการมีตัวตนของมันก่อนหน้า  จากตรงนี้เองที่ทำให้คุณพ่อค้นคิดเครื่องตรวจจับสสารมืดในอวกาศขึ้นมา แต่นั่นทำให้ค้นพบความลับอีกอย่างหนึ่งว่าจริงๆแล้วที่เราไม่สามารถตรวจจับสสารมืดในเอกภพได้ทั้งหมด ไม่ใช่เพราะเครื่องตรวจจับประสิทธิภาพไม่ถึง แต่อะไรบางอย่างที่ทำตรวจจับไม่ได้มากกว่า” “หมายความว่าไงครับ คุณฮิลลารี่” นักข่าวคนหนึ่งถาม “ความหมายที่จะสื่อก็ตรงตัวแหละค่ะ” ฮิลลารี่ตอบกลับไป “ บางท่านอาจจะไม่เข้าใจกับสิ่งที่ดิฉันพูด แต่กรุณาฟังให้จบก่อนนะคะ คำตอบของสิ่งที่ดิฉันพูดทั้งหมดอยู่ในเรื่องที่คุณพ่อดิฉันค้นพบ” “อะไรนะครับ” อีวานถามแทรก เธอหยุดสักครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดต่อ “ตามที่ท่านทั้งหลายได้ทราบนะค่ะว่าทางนักวิชาการได้สันนิษฐานว่าสสารมืดนั้นจะมีส่วนประกอบต่างจากสสารทั่วไปทำให้มันมีคุณสมบัติต่างจากสสารทั่วไป และนั่นแหละค่ะคุณพ่อของดิฉันได้ค้นพบแล้ว” ทุกคนในห้องดูท่าทางกระตือรือร้นกับสิ่งที่ได้ยินนี้ อีวานก็เช่นเดียวกันถึงแม้จะไม่รู้ว่ามันสำคัญอย่างไร  แต่จมูกข่าวกลับบอกว่า “ ข่าวใหญ่แน่ ๆ ” แก้ไขเมื่อ 31 มี.ค. 48 11:22:54 แก้ไขเมื่อ 30 มี.ค. 48 23:23:59 จากคุณ : stan401 - [ 30 มี.ค. 48 23:20:47 ]

ความคิดเห็นที่ 2 5. “ อีกไม่นานแล้ว ” ฮิลลารี่ยิ้มอย่างมีชัย เรื่องเล็กๆแค่นี้สื่อมวลชนยังให้ความสนใจมากมาย แล้วที่จะพูดต่อไปล่ะ อีกไม่นานชื่อพ่อและตระกูลเธอจะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์โลก ชื่อเสียง ผู้คนรุมล้อม รางวัลต่างๆจะเข้ามา อีกไม่นาน อีกไม่นาน............... “ต่อเลยค่ะ คุณฮิลลารี่” นักข่าวคนหนึ่งดึงเธอจากห้วงความคิดให้กลับมาอยู่ที่การแถลงข่าวตรงหน้า เธอเริ่มพูดต่อ “ส่วนประกอบของสสารมืดที่ค้นพบนั้นมีอยู่สองตัวค่ะ ในบันทึกการทดลองนั้น คุณพ่อนำสสารมืดที่ตรวจจับได้มาแยกอนุภาคและได้ค้นพบมัน โดยตั้งชื่อให้ชั่วคราวว่า A1 กับ A2 แน่ค่ะคุณพ่อตื่นเต้นอย่างมากในการค้นพบครั้งนี้ถึงแม้ยังไม่ทราบคุณสมบัติมันก็ตาม แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นคือ สสารมืดนั้นหายไปจากที่เก็บและกลับมาใหม่ในไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ตอนนั้นคุณพ่อเริ่มตั้งสมมุติฐานมาสองอย่างคือ หนึ่ง มันคล้ายปฏิสสาร และสองคือ หนึ่งในส่วนประกอบที่ค้นพบทำให้มันหายไป” “ ปฏิสสารเหรอ”อีวานคิดในใจพลางคิดถึงนิยายที่ตัวเองเคยอ่านเรื่องหนึ่ง “เทวากับซาตาน” พูดถึงคุณสมบัติอย่างหนึ่งปฏิสสารไว้ว่าเมื่อใดที่สัมผัสกับสสารปกติมันจะทำปฏิกิริยาหักล้างกันจนหายไป “และสุดท้ายคุณพ่อดิฉันก็ได้ค้นพบคุณสมบัติของส่วนประกอบทั้งสองตัว” เธอกระแอมนิดหน่อยก่อนพูดต่อ “คุณสมบัติของ A1 นั้นค่อนข้างน่าประหลาดใจนะค่ะ อย่างแรกคือมันเป็นตัวที่ทำให้สสารทั้งหมดเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงกว่าแสง ซึ่งหักล้างกับคำพูดของไอน์สไตน์ที่ว่าไม่มีอะไรเดินทางเร็วกว่าแสง และคุณสมบัติที่สองของมันคือการดูดกลืนคลื่นค่ะ” “นั่นเป็นสาเหตุหรือเปล่าครับที่ทำไมเราถึงตรวจจับมันแทบจะไม่ได้เลย” อีวานลุกขึ้นถาม เขาพอจะทราบมาบ้างว่าการตรวจจับสิ่งที่อยู่ในอวกาศนั้นจะใช้การยิงคลื่นหรือรังสีออกไปแล้วรอมันสะท้อนกลับมา “ใช่ค่ะ”เธอพยักหน้า “อย่างที่คุณพูดทุกอย่าง แต่คุณสมบัติของการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงนั้นก็น่าสนใจพอกัน” เธอหยุดอีกครั้งกวาดสายตาไปรอบๆ ทุกคนในห้องจับตาดูอยู่ด้วยความกระหายข้อมูล “ทุกท่านคงเคยได้ยินแนวความคิดที่เรียกว่า แฝดชวนคู่พิศวง ใช่ไหมค่ะ” หลายคนพยักหน้า  และ หลายคนก็ไม่ “แนวความคิดนั้นพูดถึงเรื่องฝาแฝดคู่หนึ่ง โดยให้ฝาแฝดคนหนึ่งเดินทางในอวกาศด้วยความเร็วใกล้แสง ในขณะที่อีกคนอยู่บนโลกเมื่อเวลาผ่านไป จะพบว่าคนที่อยู่บนโลกนั้นแก่กว่าอีกคนหนึ่งมาก” เธอหยุดสักพักมือนำแผ่นใสไปยังเครื่องฉายสไลด์ภาพที่ฉายนั้นเป็นช่วงเวลาของสิ่งมีชีวิตบางอย่างทั้งหมดเจ็ดภาพ อีวานสังเกตอย่างหนึ่งว่าทั้งเจ็ดภาพนั้น สิ่งมีชีวิตไม่ได้เติบโตขึ้นแต่น้อย “ภาพนี้เป็นภาพที่แสดงถึงตัวอ่อนลูกอ๊อดที่ถูกทำให้กลายเป็นสสารมืดโดยรับส่วนประกอบของ A1 เขาไป จากที่สังเกตในช่วงแปดเดือน ทางเราเห็นว่ามันไม่ได้โตเลย แน่นอนค่ะการค้นพบเรื่องนี้อาจจะนำไปสู่การยืดอายุมนุษย์ก็ได้ โดยการเปลี่ยนตัวมนุษย์เป็นสสารมืด แต่นั่นยังไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่สุดของการแถลงข่าววันนี้” 6 มือของอีวานเริ่มสั่นเทิ้ม ใจเต้นระทึกกับสิ่งที่ตัวเองได้รับ ผู้คนอยู่ในความเงียบอีกครา ทุกคนจับจ้องไปยังฮิลลารี่ ผู้ถูกจับจ้องมองไปยังผู้ฟังก่อนที่จะเริ่มแถลงต่อ “สิ่งที่น่าตื่นเต้นกว่านั้นคือคุณสมบัติของ A2 ค่ะ เจ้าตัวนี้คืออีกสิ่งที่ให้คำตอบว่าทำไมเราถึงแทบจะตรวจจับไม่ได้เลยว่ามีสสารมืดอยู่ คุณสมบัติของมันคือ การสร้างมิติขึ้นมา ฟังดูไม่น่าเชื่อนะค่ะ เจ้าตัวนี้มันจะสร้างสนามพลังงานขนาดใหญ่ขึ้นมารอบๆสสารมืดก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นมิติใหม่ขึ้นมา” ผู้ฟังคนหนึ่งคราง“สร้างมิติขึ้นมาหรือครับ” “ใช่ค่ะ ซึ่งจะซ้อนทับกับมิติปกติที่เราอยู่ นั่นหมายถึงว่ารอบๆตัวเราเต็มไปได้สสารมืด แต่บางคนอาจจะสงสัยว่าทำไมบางทีเราถึงตรวจจับได้ล่ะ เจ้า A2 นี้จะมีเสื่อมสลายเป็นพักๆและยังไม่สร้างใหม่ในทันทีซึ่งนั่นคือสาเหตุทื่ทำให้เราตรวจจับได้ และนั่นคือส่วนหนึ่งที่คุณพ่อดิฉันค้นพบ” “ ส่วนหนึ่งเหรอ ? ”อีวานนึกในใจ หมายความว่าเรื่องนี้คงไม่จบแค่นี้ “ ทุกท่านคงเคยได้ยินเรื่องของสวรรค์และนรกนะคะ” สีหน้าทุกคนมึนงงกับคำถามนั้น ในใจหลายๆคนตั้งคำถามว่าทำไมจู่ถึงมีการพูดเรื่องเชิงศาสนาในงานแถลงข่าวด้านฟิสิกส์เชิงอนุภาค “และทุกท่านคงแปลกใจที่ดิฉันถามคำถามนี้ แต่จะบอกว่าเรื่องที่พูดมาทั้งหมดนี้มันสัมพันธ์กับสวรรค์และนรก ลองคิดตามดูนะค่ะสิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องกันอย่างไร แนวคิดฝาแฝดพิศวง คุณสมบัติของ A1 คุณสมบัติของ A2 การที่ไม่มีใครยืนยันว่านรกและสวรรค์อยู่ตรงไหนแต่กลับเห็นได้” ทุกคนในห้องเริ่มมีสีหน้าครุ่นคิดกับสิ่งที่ได้รับรู้ อีวานก็เช่นเดียวกัน สมองเริ่มเชื่อมโยงเรื่องต่างๆเข้าด้วยกัน การที่มันเคลื่อนที่มันเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าแสงนั้นทำให้สิ่งที่เป็นสสารมืดนั้นเสื่อมสลายหรือแก่ช้ากว่าปกติถ้าพูดให้ถูกคือเวลาเคลื่อนช้ากว่าปกติ ซึ่งตรงกับตำนานเกี่ยวกับสวรรค์และนรกที่พูดไว้ว่า เวลาในสวรรค์นั้นจะนานกว่าบนโลกมนุษย์มาก แล้วเรื่องของ A2 ล่ะ ?” “ใช่ค่ะ” เสียงของฮิลลารี่ดึงเขากลับมาตรงหน้า “มันดูคล้ายกันอย่างไม่น่าเชื่อไหมค่ะเกี่ยวกับคุณสมบัติของสองสิ่งนี้ และคุณพ่อก็ตั้งสมมุติฐานว่าโลกของสสารมืดคือสวรรค์และนรก ดิฉันจะมีการทดลองเรียกน้ำย่อยก่อนค่ะ ว่าทั้งสิ่งนี้เกี่ยวข้องกัน” พอพูดเสร็จเธอหยิบขวดแก้วมาขวดหนึ่ง แล้วเอาเครื่องมืออะไรบางอย่างปิดที่ขวดนั้น เพียงกี่วินาทีก็เกิดสิ่งที่รูปร่างคล้ายคนเพียงแต่ที่ต่างออกไปคือที่หลังมีบางสิ่งที่คล้ายปีกเล็กๆกำลังกระพืออยู่ ท่าทางนั้นเหมือนกำลังดิ้นรนหาทางออก ผู้คนในห้องเริ่มฮือฮากันใหญ่กับสิ่งที่เห็น เสียงชัตเตอร์ระรัวดังไปทั่ว สีหน้าของฮิลลารี่เต็มไปด้วยความยินดี “ตอนที่ดิฉันทดลองตอนแรกนั้นก็รู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่เห็นนะค่ะ คุณพ่อบอกว่าเจ้าเครื่องมือนี้มันจะเข้าไปทำลาย A1 และ A2 ในสสารมืดซึ่งจะทำให้มันไม่ได้รับคุณสมบัติพิเศษใดๆจากสองตัวนี้ และเมื่อไม่ได้รับคุณสมบัติพิเศษแล้วมันก็แทบจะไม่ต่างจากสสารปกติเท่าใดนัก แต่สิ่งที่เห็นนั้นคือการทดลองในหลอดเล็กๆเท่านั้นเราจะทดลองในที่ใหญ่กว่านี้” เธอหยุดสักครู่ก่อนที่จะพูดต่อ “ในห้องนี้  ดิฉันยังไม่ทราบผลเหมือนกันว่าการทดลองจะออกมาในรูปแบบใด เพราะดิฉันก็ยังไม่ได้ทดลองเช่นเดียวกัน” “ในห้องนี้เหรอ” อีวานทวนคำซ้ำ ถ้ายังงั้นเครื่องมือที่ใช้ทดลองต้องใหญ่พอๆกับห้องนี้เลยนะสิ ชั่วขณะเขานึกได้กวาดสายตาไปที่แผงวงจรที่ติดไว้กับเพดานและเสา “ใช่ค่ะก่อนตายคุณพ่อติดเครื่องมือทดลองทั้งหมดไว้ตามเสาและเพดานในห้องนี้เอง หวังว่าดิฉันคงทำความปรารถนาของคุณพ่อฉันเป็นจริง” พอเธอกล่าวเสร็จก็กดสวิตซ์ที่ผนังห้อง เสียงเครื่องจักรดังระรัว เสียงหัวใจของอีวานก็เช่นกัน เขาจะได้เข้าใกล้สัมผัสสวรรค์มากที่สุดหรือเนี่ย ชั่วขณะนั้นเริ่มสังเกตอะไรบางอย่าง บรรยากาศดูเล็ก และ อึดอัดกลับเปลี่ยนเป็นตรงกันข้ามหมด ความเวิ้งว้างสุดลูกหูลูกตาเข้ามาแทนที่ แสงสว่างเจิดจ้ารายล้อมโดยรอบ “มันเกิดอะไรขื้น?” อีวานพยายามหาคำตอบให้ตัวเอง ไม่มีใครสักคนที่จะสามารถให้คำตอบได้ในตอนนี้ ยืนนิ่งๆเดี๋ยวเรื่องก็คลี่คลายเองนา เขาคิด ชั่วขณะเสียงฝีเท้าอันเบาจากไกลโพ้น เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ คล้ายกับว่าเจ้าของฝีเท้านั้นกำลังใกล้เข้ามา ความรู้สึกโล่งใจเริ่มเข้ามา “ยังมีคนอื่นอยู่น่า” ฝีเท้านั้นยังเริ่มเข้าใกล้มาเรื่อยๆ ร่างของเจ้าของเสียงค่อยๆเด่นชัดขึ้นจนเห็นได้ชัด ภาพตรงหน้าคือชายหนุ่มใส่สูท ดูภูมิฐาน ท่าทางดูสะอาดสะอ้าน ทันทีที่เห็นความรู้สึกกลัวเริ่มเกาะกินในใจ “หนี หนีเร็ว”ความรู้สึกบางอย่างบอกเขา แต่ขากลับไม่ขยับ ตัวเริ่มสั่นเทิ้ม เหงื่อกาฬแตกพลั่ก ร่างนั้นเข้ามาประชิดตัว จับไหล่ของอีกฝ่ายไว้แน่น ใบหน้าทั้งสองแทบจะประชิดกัน ฉับพลันใบหน้าของชายแปลกหน้าเริ่มฉีกขาด เนื้อเริ่มหลุดลุ่ย อีวานกรีดร้องด้วยความกลัวสุดขีด เขาเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ส่วนอื่นของชายแปลกหน้า เสื้อผ้าอีกฝ่ายฉีกขาดเผยให้เห็นเนื้อหนังอันดำเมื่อม ปีกหกปีกแผ่สยายข้างหลัง  เขาเริ่มงอกที่หัว ใบหน้าที่ฉีกขาดเริ่มเผยเนื้อให้เห็นชัด เค้าโครงหน้าของชายผู้นั้นคล้ายแพะ เขากรีดร้องสุดชีวิตอีกครั้งจนจิตของเขาสลายไป แก้ไขเมื่อ 30 มี.ค. 48 23:26:10 จากคุณ : stan401 - [ 30 มี.ค. 48 23:21:09 ]

ความคิดเห็นที่ 3 Fact บางส่วนในเรื่อง สสารมืดมีอยู่จริง คุณสมบัติก็อย่างที่บอกว่าในเรื่องแหละครับไม่สามารถตรวจจับและสังเกตเห็นได้โดยตรง นอกจากจับจากคลื่นแรงโน้มถ่วง ในตอนแรกเชื่อกันว่ามีส่วนประกอบคล้ายสสารธรรมดา แต่ภายหลังได้เชื่อกันว่าน่าจะมีตัวอื่นอยู่ด้วย ซึ่งอาจจะเป็นแอกซิออก นิวตริโน และอาจจะมี วิมป์(ตัวนี้ผมก็ไม่รู้เป็นอะไร ????:ผู้เขียน) นอกจากนี้ยังเชื่อว่าสสารมืดมีอยู่ 25 % ขององค์ประกอบทั้งหมดในเอกภพ ส่วนประกอบ A1 และ A2 เป็นสิ่งทีสมมุติขึ้น ตัวละครในเรื่องสมมุติขึ้นทั้งหมด การค้นพบ Darkmatter Galaxy ที่ชื่อ VIRGOHI นั้นเป็นเรื่องจริง ตามเวบนี้เลยครับ http://www.physorg.com/news3154.html จากคุณ : stan401 - [ 30 มี.ค. 48 23:29:04 ]

ความคิดเห็นที่ 4 5555555 ^^" จากคุณ : SONG982 - [ 30 มี.ค. 48 23:58:24 ]

ความคิดเห็นที่ 5 สังเกตไม่มีสระอุค่ะ พอดีว่าเคยดู Contact แล้วเรื่องนี้ก็เปิดแบบนี้ อ่านไปก็เดาว่าต้องแนวๆ นี้แน่ แต่นับว่าแนวความคิดดีนะคะ สงสัยว่าคนที่มีนกพิราบเกาะที่ไหล่เนี่ยใคร คือว่าพื้นน้อย ไม่รู้ว่าจะสื่อถึงใครหรือเปล่า จากคุณ : scottie - [ 31 มี.ค. 48 10:40:18 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ความคิดเห็นที่ 5   สังเกตไม่มีสระอุค่ะ พอดีว่าเคยดู Contact แล้วเรื่องนี้ก็เปิดแบบนี้ อ่านไปก็เดาว่าต้องแนวๆ นี้แน่ แต่นับว่าแนวความคิดดีนะคะ สงสัยว่าคนที่มีนกพิราบเกาะที่ไหล่เนี่ยใคร คือว่าพื้นน้อย ไม่รู้ว่าจะสื่อถึงใครหรือเปล่า จากคุณ : scottie  - [ 31 มี.ค. 48 10:40:18 ] ------------------------------------------------------------------ คนที่นกพิราบเกาะที่ไหล่คือพระเยซูครับ ส่วนนกพิราบคือตัวแทนพระจิตในศาสนาคริสต์ครับ เพียงแต่ผมไม่อยากเอ่ยตรงๆเท่าไหร่ครับ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและติงเรื่องคำผิดให้ครับ เดี๋ยวจะเข้ามาตอบเรื่อยๆนะครับ แก้ไขเมื่อ 31 มี.ค. 48 11:54:57 แก้ไขเมื่อ 31 มี.ค. 48 11:24:51 แก้ไขเมื่อ 31 มี.ค. 48 11:23:17 จากคุณ : stan401 - [ 31 มี.ค. 48 11:21:57 ]

ความคิดเห็นที่ 7 โดยภาพรวมอ่านสนุกครับ แต่การอธิบายของฮิลลารี่ ถ้าจะว่ากันจริงๆแล้วมันทำให้มีข้อโต้แย้งและขัดแย้งกันอยู่หลายๆอย่างเกี่ยวกับกฏเกณฑ์พื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ จนน่าที่จะทำให้คนฟังอย่างตั้งใจแย้งได้และไม่เชื่อสิ่งที่เธอพูดเลย (อิงกับเนื้อเรื่อง..ภายใต้สมมุติฐานว่านักข่าวและคนที่ฟังเธอพูด ไม่รุ้ว่าเธอทำอะไรไปบ้างแล้ว หรือกำลังจะทำอะไร.) การจับสสารมืดและการตรวจสอบ น่าจะเป็นจุดอ่อนที่ทำให้สิ่งที่เธอเล่าไม่น่าจะเป็นไปได้(จากมุมมองของคนฟังในเรื่อง) เพราะรู้สึกมันค้านๆกันทางข้อมูลและข้อเท็จจริงของกฏพื้นฐานทางฟิสิกส์ยังไงชอบกล เธออาจอธิบายไม่เคลียร์ก็เป็นได้ครับ) แก้ไขเมื่อ 03 เม.ย. 48 10:35:40 จากคุณ : GTW - [ 3 เม.ย. 48 02:41:59 ]

ความคิดเห็นที่ 8 พ่อนำสสารมืดที่ตรวจจับได้มาแยกอนุภาคและได้ค้นพบมัน ตรงนี้แสดงว่าพ่อในเรื่องสามารุถตรวจจับสสารมิดได้ ใช่ไหมครับ ถ้าใช่ ก็จะนำความสงสัยไปสู่จุดนี้ คุณสมบัติของ A1 นั้นค่อนข้างน่าประหลาดใจนะค่ะ อย่างแรกคือมันเป็นตัวที่ทำให้สสารทั้งหมดเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงกว่าแสง ในมือ A1 เป็นส่วนหนึ่งของสสารมือ แถมยังเร็วกว่าแสงอีก และคุณสมบัติแบบนี้ยัง... คุณพ่อนำสสารมืดที่ตรวจจับได้มาแยกอนุภาคและได้ค้นพบมัน โดยตั้งชื่อให้ชั่วคราวว่า A1 กับ A2 ถูกจับมาตรวจจับวัดแยกได้ง่ายๆ? ฮิลลารี่ ละเลยส่วนสำคัญที่จะทำให้คนฟังเชื่อไปอย่างน่าเหลือดาย คนฟังจะสงสัยว่าจะเอาอะไรมาวัดหริอจับสิ่งที่เร็วกว่าแสงได้??ในเมื่อสารพัดคลื่นก็ใช้ไม่ได้อยู่แล้ว และที่ฟังยากที่สุดก้คือการเอา A1 ใส่ลงในในตัวลูกอ๊อด เอสสิ่งที่เร็วกว่าแสงใส่ลงไปในมวลสารที่มีความเร็วสัมพัทธฺกันถึงขนาดนี้ต่อให้เป็น A1 จริงๆ ก็ไม่น่ามีผลอะไรเลย แต่ถ้าเป็นเทคโนโลยีพวกนาโน นี่ยังพอรับได้ครับ ทั้งหมดที่ว่ามานี่ผมไม่ได้ค้านคุณ  stan401 นะครับ แต่ผมค้านคำอธิบายของฮิลลารี่   ตัวละครซึ่งกุมชะตากรรมของความน่าเชื่อของเหตุการณ์ในเรื่องเอาไว้  เพราะตามปรกติตนอ่านก็จะต้องอ่านและรับกฏเงิ่อนไขต่างๆ ภายในเรื่องอยู่แล้ว  ดังนั้นหากเธอไม่เคลียร์ก็จะทำให้เรื่องไม่เคลียร์ตามไปด้วยครับ จากคุณ : GTW - [ 3 เม.ย. 48 11:03:26 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบคุณครับคุณ GTW สำหรับข้อผิดพลาด ข้อนี้น้อมรับโดยดีครับ จากคุณ : stan401 - [ 3 เม.ย. 48 11:56:36 ]

ความคิดเห็นที่ 10 สนุกดีครับ จากคุณ : the'tect - [ 9 เม.ย. 48 08:42:21 A:203.170.130.241 X: ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณ คุณ  the'tect คับ จากคุณ : stan401 - [ 10 เม.ย. 48 19:25:00 ]