คุณหมอ...." ผมขานชื่อเธอด้วยความตกใจ มือไม้เย็น หน้าชา
เธอตรงเข้ามาหาผม
"ทำไมคะ ทำหน้าเหมือนเห็นผี....." ผมมองแผ่นกระดาษของผมที่อยู่ในมือเธอ ริมฝีปากรูปกลีบดอกไม้นั้นแย้มยิ้มปนหัวเราะ
"ขอบคุณนะคะ ระพินทร์ สำหรับความรู้สึกดีดีในกระดาษแผ่นนี้หมออ่านแล้วนา...." เธอชูกระดาษขึ้น ผมรีบคว้ามันคืน แต่
"ทำไมต้องเอาคืนด้วยเล่า ก็เขียนถึงหมอไม่ใช่รึ...."
เธอรีบปัดมือผมออก แล้วพับกระดาษใส่กระเป๋าเสื้อ
"ก็บอกให้เอามาไง...ไม่ได้ยินเหรอ !" ผมเริ่มโมโห รู้สึกอายอยู่เหมือนกัน ที่เธอรู้ความในใจของผมหมดเปลือกขนาดนั้น
" มันเป็นของ ของ ระพินทร์ !"
ผมเดินเข้าไปชิดร่างผอมบางของเธอ อาศัยที่ตัวใหญ่กว่า เบียดล้วงเอาแผ่นกระดาษคืนมาได้ แล้วรีบเดินลงบันไดตึกอย่างรวดเร็ว
"เดี่ยวก่อน ระพินทร์ จะรีบไปไหน มาคุยกันก่อนนะ......."
เธอร้องเรียก แต่ผมก็ไม่หันกลับ ประเมินความรู้สึกตัวเองไม่ถูก ว่าทำไมถึงทำแบบนั้นลงไปได้ อาจจะเป็นเพราะความอาย ที่ถูกเปิดเผยความไม่ปกติเพศของตัวเอง ทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดไปด้วยพร้อมๆ กัน
"นายทำหน้าเหมือนคนที่ยังไม่หายป่วยเลยนะ จะนอนต่ออีกสักคืนไหม"
เจ้าใบเตยเพื่อนผู้อาสาขับรถให้ มองมาที่ผมด้วยความเป็นห่วง
"ไม่เป็นไร อีกไม่นาน คงหายดี จะต้องหายจากอาการเจ็บ เร็วที่สุด"
เจ้าเกลอสองคนมันคงเข้าใจ ว่าผมหมายถึงอาการเจ็บแผลที่ติดตัวมา แต่ใจลึกๆ แล้ว ใครจะรู้ล่ะครับ ว่าผมมีแผลที่ต้องอาศัยการรักษานานกว่านั้น มันคือ แผลใจ ที่เริ่มลุกลามขึ้นเรื่อย ๆ
"ถ้าหายป่วยแล้ว เอ็งสองคนพาข้าไปที่ไหนสักแห่งได้ไหม ที่ไกล ๆ เงียบ ๆห่างผู้คนที่สุดเลย" ผมพูดอย่างอ่อนใจ ก้มหน้าฟุบลงกับเบาะรถ
"เฮ้ย....นายหนีใครวะ ไอ้ระพินทร์ แต่ก่อน ชวนก็ไม่เห็นอยากไปเที่ยวที่ไหนเลยนี่" ต้นสนถาม
"ช่างมันเหอะ คนมันป่วยมันก็อยากจะพักผ่อนเงียบ ๆ"......ไปก็ได้ ขอเวลาอีก สัก 2-3 วัน ให้ฉันเคลียร์งานก่อน แล้วไปกัน จะไปไหนก็ไป"
เจ้าใบเตยว่าพลาง ยื่นมือมาลูบหัวผมเบาๆ ส่วนเจ้าต้นสนก็ดันพูดขึ้นอีก
"อาการแม่งโคตรแปลก ทำไมยิ่งรักษา มันยิ่งเซียวกว่าเดิม ดูสิ หน้ายังกะคนตายแล้วฟื้น ข้าอยากเห็นหน้าหมอที่รักษามันจริงๆ......"
ผมกลับมาพักรักษาตัวที่บ้าน คืนนี้เจ้าใบเตยมานอนเป็นเพื่อน
เรานอนห่มผ้าอยู่หน้าระเบียงบ้าน รับอากาศบริสุทธิ์ยามดึก พูดคุยสัพเพเหระ แก้เหงา
"ทำไมข้าถึงเกิดมามีแต่ตัวแบบนี้" ผมระบายอย่างกลัดกลุ้ม นอนก่ายหน้าผาก ทอดสายตาไปบนดวงจันทร์ที่ลอยสูงเทียมฟ้า
"เรามันก็ไม่ต่างกันหรอก นาย ฉัน ไอ้ต้นสน มาจากที่เดียวกันทั้งนั้น เราอยู่กันมาได้ ......ดูอย่างฉันสิ ขนาดมีรถสับปะรังเค ยังไปรับนายถึงโรงพยาบาลได้ อย่าคิดอะไรมากดิวะ คนเราก็เท่านี้ จนก็จน ช่างมัน แต่น้ำใจอย่าให้จน...."
"ข้าถามเอ็งหน่อยนะ ว่าการเกิดมาเป็นทอมนี่มันน่ารังเกียจมากใช่ไหม"
"ทำไมถึงคิดแบบนั้น ถ้าน่ารังเกียจ ก็คงไม่ใช่นายคนเดียว เพราะมีคนในโลกนี้เป็นอย่างนายมากมาย ฉันก็คนนึง"
เจ้าใบเตยตอบแล้ว เหยียดตัวลงนอนข้าง ๆ ผม เราชอบนอนคู่ มองพระจันทร์งามยามดึกด้วยกัน มาตั้งแต่สมัยวัยเยาว์ อยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าด้วยกัน ความผูกพันระหว่างเพื่อน ทรงตัวอยู่ได้อย่างมั่นคง ไม่ว่าจะมีเรื่องทุกข์ สุข เศร้า เราต่างระบายให้กันและกัน ฟังเสมอ
"ข้าแค่กลัวคน ที่ข้ารัก เขารับไม่ได้ กลัวเขาจะหนีไปสักวันนึง ข้าไม่อยากให้เขารู้สึกรังเกียจกับสิ่งที่ข้าเป็น"
"แล้วทำไม ไม่ยึดเขาไว้เล่า ปล่อยรักแท้ให้หลุดลอย มันเป็นเรื่องน่าชื่นชมนักเหรอ ตัวเองต้องแบกความเจ็บไว้เอง" น้ำเสียงของเจ้าใบเตย มีแววตัดพ้อ
"ข้าพยายามทุกอย่าง ที่จะหลีกหนีความรู้สึกตัวเอง แม้แต่จะปิดว่าตัวเองเป็นทอม มันก็ยากเต็มที ทำไม่สำเร็จ....." ผมถอนหายใจอย่างหนักอก มองขึ้นไปยังดวงจันทร์ทอแสงเหลืองอร่ามตา มันยังคงอยู่สูงเช่นเดิม สูงเกินกว่าที่คนอย่างผม จะเอื้อมคว้า
ก็คงเหมือนผู้หญิงคนหนึ่ง สวย เพียบพร้อม ด้วยฐานะทางสังคม งดงามประดุจจันทราฉายรัศมี และผู้ชายเหล่านั้น ก็เป็นได้แค่ดาวล้อมเดือน ที่ทำให้เธอดูงามขึ้นกว่าเดิมเท่านั้น
"แต่ก็ยังโชคดีที่ได้เป็นดาว" ผมเอ่ยแล้วยิ้มปลอบตัวเอง
"แต่กับคนที่มีค่าแค่ดินอย่างข้า คงเทียบกับอะไรในโลกไม่ได้เลย"
"ใครบอกเล่า...ดินก็ยังมีประโยชน์ในตัวของมัน ระพินทร์เอ๋ย.... อย่าลืมนะ ว่าความรักซ่อนไม่ได้เหมือนเพศของเรา ความรักน่ะนะ ถ้านายยิ่งพยายามปกปิดมันไว้ มันก็จะยิ่งเปิดเผยออกมา ! "
ถ้อยคำของเจ้าใบเตย ที่ถ่ายเทมาให้ผม เต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกทุเลา จาก แผลใจพิษรักที่ฝังแน่น....
แก้ไขเมื่อ 03 เม.ย. 48 18:14:40