CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    ผู้หยั่งรู้ดวงดาว (บันทึกของคนเดินเท้า)

    ผู้หยั่งรู้ดวงดาว (บันทึกของคนเดินเท้า)

                                             
                              ขึ้นปีใหม่ เริ่มศักราชใหม่ ก็เป็นประเพณีที่จะต้องมีการทำนายทายทัก จากนักโหราศาสตร์หลายแขนง ทั้งดวงชะตาของบุคคล ของรัฐบาล ของประเทศชาติ และของโลก กันเป็นการใหญ่ ในอดีตที่ผ่านมาและต่อไปในอนาคต ก็คงจะยังมีอยู่ ส่วนที่ว่าจะถูกต้องแม่นยำ หรือผิดพลาดมากบ้างน้อยบ้าง ก็เป็นธรรมดาของการพยากรณ์เช่นนี้

    ในปีระกา พ.ศ.๒๕๔๘ นี้ก็เช่นเดียวกัน มีอาจารย์ท่านหนึ่งพยากรณ์ไว้ว่า

    เดือนมีนาคม  จะสูญเสียบุคคลสำคัญของประเทศ

    คนงานในบริษัทใหญ่โตของประเทศ รวมทั้งข้าราชการ ต้องถูกปลดออกจากงานจำนวนมาก เนื่องจากเศรษฐกิจย่ำแย่

    เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงครั้งใหญ่ทางภาคเหนือ

    เหล่ามิจฉาชีพและคนร้ายอันธพาลกำเริบเสิบสานเป็นโยงใยกันตลอด คนดีจะตกเป็นเหยื่อของคนชั่ว คดีข่มขืน การลักพาตัว และการจี้ปล้นจะระบาดใหญ่โต

    ช่วงปลายเดือนทางภาคใต้ ทหารไทยกับมาเลเซียร่วมกันกวาดล้างโจรผู้ก่อการร้ายโดยบุกหนักเหมือนกับเป็นการรบที่ยืดเยื้อ

    เมื่อเวลาได้ผ่านมาจนถึงบัดนี้ ก็คงจะทราบแล้วว่าอะไรเกิดขึ้นตามคำทำนายและอะไรที่ไม่เกิด

    แต่ในถนนนักเขียนของพันทิปนี้ กลับมีข่าวดีจากนักเขียนของเราหลายราย ที่น่าชื่นชม โดยไม่ต้องพึ่งคำทำนายของผู้ใดเลย

                       วิชาโหราศาสตร์นี้ ได้มีอยู่คู่กับบ้านเมืองมานานหนักหนาแล้ว  นับถอยหลังไปเมื่อประมาณ พ.ศ.๗๖๑ ในเมืองจีนยุคสามก๊ก มีหมอดูคนหนึ่งเป็นชาวเพงง้วนก๋วน มีความสามารถทำนายทายทักเก่งมาก เจ้าเมืองเคยลองความรู้โดยเอาตราประจำตำแหน่งออกเสียจากหีบ แล้วเอาขนไก่ใส่ไว้แทน ให้ทายว่าสิ่งใดอยู่ในหีบ  หมอดูก็ว่ามีขนไก่แดงเท่านั้น ขนไก่ดำเท่านั้น ขนไก่ขาวเท่านั้น  เมื่อเปิดหีบออกแล้วนับดู ก็มีจำนวนตรงกับที่ทำนายนั้น เจ้าเมืองนับถือมาก  จึงตั้งให้เป็นที่ปรึกษา

                       ต่อมาโจโฉมหาอุปราชของพระเจ้าเหี้ยนเต้ล้มป่วยลง ได้ยินกิติศัพท์จึงให้คนไปตามตัวมา และให้ดูชะตาของตนว่าดีร้ายหนักเบาอย่างไร  หมอดูก็ทำนายว่าที่ป่วยนี้อย่าวิตกเลยหาเป็นไรไม่  เมื่อโจโฉหายป่วยตามคำก็จะตั้งให้เป็นโหรประจำตัว หมอก็ปฏิเสธว่าข้าพเจ้านี้บุญน้อยนัก อันจะอยู่ในเมืองหลวงบังคับผู้คนนั้นไม่ได้  โจโฉก็ให้ดู ชะตาราศีของตนว่าจะมีบุญขึ้นอีกหรือไม่  หมอก็ว่า ท่านมีบุญเป็นถึงพระเจ้าวุยอ๋อง เสมอพระเจ้าเหี้ยนเต้อยู่แล้ว ซึ่งจะให้ดูต่อไปนั้นเห็นจะสิ้นตำรา โจโฉก็ชอบใจเป็นอันมาก และให้พักอยู่ที่ฮูโต๋เมืองหลวง                          

                               ครั้นได้ข่าวว่า เล่าปี่จะยกทัพมาตีเมืองฮันต๋ง  โจโฉก็สั่งให้จัดเตรียมทหารจะยกไปช่วย โหรผู้นี้ก็ทักท้วงว่าจะยกทัพไปเวลานี้ไม่ได้ เพราะถึงเทศกาลปีใหม่เมืองฮูโต๋จะเกิดเพลิงใหญ่หลวงนัก โจโฉก็ให้ทหารเอกนำทหารไปคอยรักษาความสงบในพระนครฮูโต๋ ก็เกิดขบถเผาเมืองขึ้นจริง ๆ แต่ทหารเอกของโจโฉสามารถปราบปรามให้เหตุการณ์สงบลงได้ ในครั้งนั้น    โจโฉได้ประหารชีวิตหัวหน้าผู้ก่อการร้าย ผู้ร่วมมือ และผู้สนับสนุน ไปหลายร้อยคน                    

                       ท่านโหราจารย์ผู้นี้มีชื่อว่า กวนลอ ซึ่งมีรายละเอียดอยู่ในเรื่อง ขวากหนามของโจโฉ ตอนที่ ๗ ซึ่งท่านที่สนใจจะหาอ่านได้ในถนนนักเขียน ของพันทิปคาเฟ่ นี้เอง

    ต่อมาถึง พ.ศ.๒๑๘๖ แผ่นดินสมเด็จพระเจ้าปราสาททองแห่งกรุงศรีอยุธยา เป็นปีมะแม พระโหรา ท่านหนึ่งมีความสามารถที่จะทำนายทายทักได้อย่างแม่นยำ  

    วันหนึ่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทอดพระเนตรเห็นหนูตัวหนึ่ง ตกลงมาจากเพดานพระที่นั่งไพชยนมหาปราสาท จึงทรงเอาขันทองครอบไว้ แล้วให้พระโหรามาทาย พระโหรา คำนวณแล้วทูลว่าสัตว์สี่เท้า

    ทรงพระกรุณาตรัสว่ากี่ตัว พระโหราทูลว่าสี่ตัว เมื่อเปิดขันที่ครอบอยู่ ก็มีลูกหนูคลานอยู่สามตัว กับแม่ตัวหนึ่งรวมเป็นสี่ตัว  ตามคำทำนายของพระโหรา จึงทรงสรรเสริญว่า ดูแม่นกว่าตาเห็นเสียอีก

                       ต่อมาได้พยากรณ์ว่าจะเกิดเพลิงไหม้ในมหาราชวังภายในสามวันนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงตรัสให้ขนของในพระราชวัง ออกมาไว้ที่วัดชัยวัฒนาราม  และในพระราชวังนั้นก็ได้เกณฑ์ไพร่สม พร้อมด้วยพร้าขอตะกร้อน้ำ คอยระวังเหตุการณ์ อีกทั้งห้ามมิให้หุงข้าวในเขตพระราชวัง แล้วให้เรือตำรวจคอยบอกเหตุทุกทุ่มโมง

                       คอยอยู่สามวันจนถึงเวลาเย็น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จลงประทับ ณ เรือกิ่งเพื่อจะเสด็จกลับพระราชวัง พระโหราก็ทูลว่าขอให้ย่ำฆ้องค่ำก่อน จึงจะสิ้นพระเคราะห์

    สมเด็จพระเจ้า อยู่หัวก็ให้ลอยเรืออยู่จนเกือบค่ำ เกิดเมฆตั้งพยับคลุ้มขึ้น แล้วฝนก็ลงเม็ดปรอยๆ ทรงพระกรุณาตรัสแก่พระโหราว่า ฝนตกลงมาแล้วเห็นจะสิ้นเหตุละกระมัง

    แต่พระโหราก็ทูลว่าขอให้งดไว้ก่อน พอสิ้นคำสายฟ้าก็ฟาดเปรี้ยงลงมาต้องยอดพระมหาปราสาท เป็นเพลิงติดพลุ่งโพลงขึ้น และไม่สามารถจะดับได้ เพราะดีบุกที่ดาดหลังคานั้น ละลายไหลรดลงมาดั่งห่าฝน  เพลิงได้ไหม้ลามไปถึงห้องคลังเรือนหลัง ถึงร้อยเรือนจึงดับได้

                       น่าเสียดายที่ในพงศาวดารไม่ได้บันทึกชื่อของพระโหราธิบดีท่านนี้ไว้ให้ปรากฎ

    แต่คำพยากรณ์ของท่าน ก็มิได้ด้อยกว่าซินแสกวนลอเลยแม้แต่น้อย.

    จากคุณ : เจียวต้าย - [ 4 เม.ย. 48 08:03:24 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป