วันพุธ ที่ 30 มีนาคม 2488
ชัย นายตำรวจสันติบาลหนุ่มฝีมือดียศร้อยโท อายุยี่สิบแปด รูปร่างสูงใหญ่ ตัดผมรองทรง ใส่เสื้อยืดสีขาว มีแจ๊คเก็ตสีดำสวมทับ กางเกงขายาวสีกากี รองเท้าหนังมันเงา นั่งเป็นหนึ่งในหกคนอยู่ในห้องเล็กๆ ภายในบ้านไม้เก่าหลังหนึ่งแถบบางกะปิ
งานนี้เสี่ยงมาก เราต้องดำเนินการอย่างลับที่สุด ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่หัวโต๊ะไม้เก่าๆ รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ากล่าวขึ้น ชัยรู้จักชายผู้นี้ดี เขาคือ พล ต.ต.ขุนศรีสุนธรเดชารัตน์ ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล
ตอนนี้พวกญี่ปุ่นกำลังแย่ ฝ่ายสัมพันธมิตรยึดพื้นที่กลับมาได้มากแล้ว กำลังใจ และระเบียบ รวมถึงความระมัดระวังของพวกมันคงลดลง เป็นโอกาสดีของเราที่จะจัดการกับนายทหารระดับสูงเพื่อให้กองทัพมันถอนออกไปจากแผ่นดินไทย หรืออย่างน้อยก็ให้มันระส่ำระส่าย เพราะจากรายงานที่ผมพอทราบมา อีกไม่นานรูธและขบวนการเสรีไทยในประเทศทั้งหมดจะลุกฮือขึ้นต่อต้านญี่ปุ่นพร้อมกัน ท่านผู้บัญชาการฯ กล่าวต่อด้วยท่าทีเคร่งขรึม
และด้วยการที่งานนี้เสี่ยงมาก เพราะหากเราพลาดอาจกระเทือนไปถึงรูธพูเลาและการปฏิบัติงานของเสรีไทยได้ วันนี้ผมจึงต้องเชิญท่านมาเพียงเท่านี้ พ.ต.ต.จำรัส ธุรมานนท์ ผู้กำกับการกองสอง กองบัญชาการตำรวจสันติบาลอธิบายต่อจากผู้บังคับบัญชา
เป้าหมายของเราคือที่ไหนหรือว่า เอ่อ...ใครบ้าง ร้อยเอกเปรม วันชัยธนกฤษ อดีตนายทหารผู้ผันตัวเองมาเป็นตำรวจถามขึ้น
ท่านผู้บัญชาการฯ กล่าวตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น นอกจากจุดยุทธศาสตร์ที่เราจำเป็นต้องยึดซึ่งผมได้สั่งการไปยังอีกชุดปฏิบัติการหนึ่งแล้ว นายทหารเป้าหมายที่สำคัญของเรา มีอยู่ห้าคนด้วยกัน คนแรก พลตรีโคบายาชิ ผู้บัญชาการกองการขนส่งญี่ปุ่น สอง รองเสนาธิการกองทัพ พลตรีโอฮารา สาม พลโทอาชิดะ ตำแหน่งผู้บัญชาการกองสรรพวุธ สี่ พลโทยามาดะ เสนาธิการกองทัพญี่ปุ่น และห้า เป้าหมายสำคัญที่สุดของปฏิบัติการนี้ แม่ทัพญี่ปุ่นประจำประเทศไทย พลโทนากามูระ
ท่านครับ เราจะปฏิบัติการนี้เมื่อไหร่ครับ ร้อยโทกฤษ ศิริชัยยะ ลูกน้องของสารวัตรจำรัส และเป็นเพื่อนที่รู้จักกันดีของชัยกล่าวถาม
เราสร้างความคุ้นเคยกับสถานที่เป้าหมายและอาวุธใหม่กันมาพอสมควร ถึงเวลาปฏิบัติงานจริงแล้ว การเตรียมการขั้นสุดท้ายในทุกๆ เรื่องจะเริ่มตั้งแต่เวลานี้จนถึงเย็นวันศุกร์ เที่ยงคืนวันนั้นเราจะลงมือ
ภายหลังการประชุมเกือบสองชั่วโมงเสร็จสิ้นลง ชัยเดินกลับบ้านด้วยความพะว้าพะวัง แม้เขาจะเคยผ่านการปราบปรามกลุ่มโจรสำคัญหลายต่อหลายกลุ่ม และร่วมต่อต้านกองทัพญี่ปุ่นเมื่อแรกยกพลขึ้นบก แต่งานนี้ถือเป็นงานยากที่สุดเท่าที่เขาเคยทำมา เขาไม่รู้หรอกว่ารูธและพูเลาคือใคร รู้แต่เพียงว่าทั้งสองเป็นบุคคลสำคัญในขบวนการเสรีไทย ดังนั้นความผิดพลาดนอกจากจะหมายถึงชีวิตแล้ว อาจหมายถึงความล้มเหลวสำหรับปฏิบัติการกู้ชาติด้วยก็เป็นได้
ไงคุณชัย ดูท่าไม่ค่อยดีหนิ กลัวเหรอ ไม่ใช่มั้ง คุณไม่ใช่คนขี้ขลาด เสียงผู้กองเปรมดังมาจากข้างหลังของชัย
ชัยหันกลับไปมอง ผมไม่กลัวหรอก เพียงแต่คิดว่างานนี้ต้องรอบคอบมากเท่านั้น
เปรมยกบุหรี่ที่นิ้วเขาคีบอยู่ขึ้นสูบ ผมเชื่อ แต่ก็อย่างว่านะคนกำลังจะมีบ่วงมาคล้องคอก็ต้องห่วงหน้าพะวงหลังเป็นธรรมดา ผมเข้าใจ อืม... แต่คุณมันนายตำรวจหนุ่มที่จะทำอะไรก็คำนึงถึงส่วนรวมมาก่อนอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ ผมก็เหมือนกัน คนอื่นๆ ก็เหมือนกัน การจะทำอะไรซักอย่างก็ต้องเพราะเหตุผลที่เขาเชื่อนั่นแหละ แม้บางทีมันอาจจะขัดแย้งกับเหตุผลของคนอื่นก็ตาม
ชัยไม่ได้กล่าวตอบอะไร ได้แต่มองหน้าคู่สนทนาด้วยความสงสัยในคำพูดของเขา
เอาเถอะ อย่าไปสนใจเลย ผมไปล่ะ แล้วพบกัน เปรมกล่าวพร้อมกับทิ้งก้นบุหรี่ แล้วหันหลังเดินจากไป
ชัยไม่ได้เก็บเรื่องราวที่คุยกับเปรมมาคิด เขายังคงเดินกลับบ้านพร้อมความกังวลในภารกิจ
เป็นยังไงบ้างจ๊ะ หญิงสาวซึ่งนั่งอยู่ในบ้านเอ่ยทัก หลังจากเห็นชัยเดินผ่านประตูมุ่งหน้ามาที่เธอ เป็นอะไรหรือเปล่า เหนื่อยเหรอ ดูท่าทางไม่ค่อยดีนะ
ชัยเดินมานั่งข้างๆ สุหญิงสาวที่ทักเขา สุเป็นภรรยาของชัย เธออายุยี่สิบเอ็ด ไว้ผมยาวประบ่า นัยน์ตาใสบริสุทธิ์ มีรอยยิ้มทรงเสน่ห์ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ชัยประทับใจในตัวเธอ
ครับ... มีงานให้ต้องคิดนิดหน่อย แต่ก็ไม่มีอะไรมากหรอก ชัยกล่าวตอบ ชัยไม่อยากบอกสิ่งที่ทำให้เขาไม่สบายใจ เพราะคิดว่าสุอาจเป็นกังวลซึ่งจะมีผลต่อลูกในท้องที่กำลังจะคลอดออกมาในอีกไม่นานนี้
วันนี้หมอชิว่าไงบ้าง ชัยถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
หมอบอกว่าใกล้คลอดเต็มที คงอีกไม่กี่วันนี้กระมัง สุตอบด้วยเสียงสดใส
ชัยเขยิบเข้าไปใกล้สุ เอามือจับที่ท้องของเธอซึ่งอ้วนขึ้นมากกว่าเมื่อ 8 เดือนกว่าๆ ก่อนหน้านี้อย่างทะนุถนอม
ช่วงนี้คุณก็ต้องระวังให้มากนะ พรุ่งนี้ผมจะให้ลูกน้องมาช่วยงานที่นี่ เผื่อได้ช่วยดูแลคุณกับแม่ แล้วก็จะขอให้หมอชิหมั่นแวะมีดูคุณด้วย
ทำไมล่ะ คุณพูดเหมือนคุณจะไปไหนอย่างนั้นแหละ สุถามด้วยสีหน้าสงสัย
ชัยมองไปที่ดวงตากลมใสของสุ มีงานนิดหน่อยน่ะอาจไม่ได้กลับบ้าน แต่ก็ไม่นานหรอก คงซักวันสองวัน เจ้าตัวเล็กคงไม่คลอดมาตอนพ่อไม่อยู่นะลูก ชัยกล่าวพร้อมก้มลงแนบริมฝีปากกับท้องของสุซึ่งมองดูพร้อมอมยิ้ม ชัยยินดีที่จะเห็นภรรยาของเขามีรอยยิ้มแห่งความสุขนี้ไปจนคลอดมากกว่าต้องมาคอยชะเง้อรอคอยเขากลับมา เพราะเขาเองก็ไม่แน่ใจนักว่าสิ่งที่จะต้องทำในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ซึ่งหากมันไม่ได้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ก็เท่ากับว่าชีวิตเขาอาจต้องจบลงพร้อมความล้มเหลวของภารกิจ
วันพฤหัสบดี ที่ 31 มีนาคม 2488
ยามเย็นที่พระอาทิตย์ส่องแสงสีทองผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องกระทบกรอบรูปคู่ระหว่างชัยกับสุ ซึ่งตั้งอยู่บนโต๊ะตัวเล็กข้างหัวเตียง มันเป็นกรอบรูปไม้สลัก สูงราวครึ่งฟุต ชัยหยิบมันขึ้นมามองพร้อมอมยิ้มเล็กๆ พลางคิดว่าไม่นานอาจจะต้องหาโอกาสไปถ่ายรูปใหม่อีกซักใบพร้อมด้วยเจ้าตัวเล็กที่กำลังจะเกิดมา แต่ความกังวลในภารกิจสำคัญก็เข้ามาแทรกทำให้เขาไม่ค่อยสบายใจนัก ชัยพยายามสลัดความวิตกดังกล่าวในความคิดให้พ้นไป เขาหยิบเสื้อยืดคอกลมสีดำมาสวมเพื่อให้เข้ากับกางเกงขายาวสีเดียวกันที่สวมอยู่ แล้วหยิบปืนพาราเบลลัมคู่ใจซึ่งเป็นสิ่งที่พ่อของเขาได้มอบไว้ให้ก่อนเสียชีวิตเมื่อเขาเริ่มเข้ารับราชการตำรวจใหม่ๆ ชัยบรรจงสอดมันใส่ในซอง และเหน็บไว้ที่กางเกง แล้วดึงเสื้อลงมาปิด จากนั้นก็หยิบมีดพกเล่มเล็กสีเงินเป็นประกายวาววับมาเหน็บติดไว้ที่เข็มขัดอย่างช้าๆ เพื่อให้แน่ใจว่ามันจะไม่หลุด และไม่แขวงไปมาขณะเดินเพราะจะทำให้เกิดเสียง ซึ่งในภารกิจแม้เป็นเสียงเพียงเล็กน้อยก็อาจมีผลถึงชีวิตได้
ผมคงไม่กลับบ้านซักวันสองวันนะ ชัยกล่าวกับสุขณะเดินไปที่ประตูบ้าน
สุพยักหน้า แล้วเดินตามชัยพร้อมยื่นกระเป๋าเอกสารสีดำใบไม่ใหญ่นักให้ตามปกติที่เธอเคยทำเช่นนี้แทบทุกวัน
ช่วงนี้ไม่ต้องแต่งเครื่องแบบเหรอ สุถามขึ้น
เป็นงานในพื้นที่น่ะ เลยไม่ค่อยจำเป็นเท่าไหร่
ผมเป็นห่วงคุณนะ ชัยเปลี่ยนเรื่อง
ไม่ต้องห่วงหรอกจ้า ช่วงนี้หมอชิแวะมาบ่อย ทานากะก็ชอบมาคุยกับคุณแม่อยู่เรื่อย ไม่มีอะไรต้องห่วงหรอก
ครับ เมื่อสิ้นเสียง เขาก็หันหลังเดินมุ่งหน้าออกไปโดยไม่รู้เลยว่าเหตุการณ์ข้างหน้าจะเป็นอย่างไร
คุณชัย นายแพทย์ชิโนบุ หนุ่มใหญ่วัยสามสิบแปดรูปร่างท้วม ใส่แว่นตากรอบบาง ตัดผมรองทรงสั้น สวมเครื่องแบบทหารญี่ปุ่นสีกากี รองเท้าบู๊ตคู่ใหญ่ที่สูงขึ้นมาเกือบครึ่งแข้งตะโกนเรียกชายหนุ่มที่กำลังเดินผ่านร้านกาแฟซึ่งเขากำลังนั่งอยู่กับนายทหารญี่ปุ่นอีกคนหนึ่งด้วยสำเนียงเหมือนกับพูดภาษไทยไม่ชัดนัก
สวัสดีครับ มีอะไรกันหรือครับ วันนี้หมอชิถึงได้มานั่งกินกาแฟกับทานากะได้
คุณพูดเหมือนเราไม่เคยมานั่งด้วยกันอย่างนั้นแหละ เพียงแค่วันนี้เราไม่ได้มานั่งกันตอนค่ำแต่มาตั้งแต่ตอนนี้เท่านั้น ร้อยโททานากะผู้ที่นั่งอยู่กับหมอชิโนบุกล่าวด้วยภาษาไทยสำเนียงแปร่งๆ ร้อยโทผู้นี้เป็นนายทหารสังกัดหน่วยเสนาธิการ เป็นนายทหารหนุ่มผิวค่อนข้างขาว รูปร่างสูงใหญ่บึกบึน อายุรุ่นราวคราวเดียวกับชัย ด้วยความฉลาด รอบคอบและกล้าหาญทำให้เขาเป็นที่ไว้วางใจของพลโทยามาดะอย่างมาก เห็นได้จากเขาได้รับมอบหมายให้นำหน่วยเคลื่อนที่เร็วยกพลขึ้นบกที่อ่าวมะนาวเป็นชุดล่วงหน้า หลังจากญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกในประเทศไทยก็มีการกระจายกำลังไปตั้งกองบัญชาการ ณ จุดยุทธศาสตร์สำคัญๆ ทานากะมีโอกาสเข้ามาอยู่ในบางกอกเพื่อเป็นกำลังสำหรับการดำเนินงานต่างๆ ตามแผนของพลโทนากามูระ การเข้ามาอยู่ในบางกอกนี้เองที่ทำให้เขาได้รู้จักกับชัย สันติบาลมือดีของกรมตำรวจไทยซึ่งในขณะนั้นยังเป็นผู้หมวดหนุ่มไฟแรง และหมอชิโนบุผู้ที่ทางการญี่ปุ่นส่งเข้ามาอาศัยในประเทศไทยตั้งแต่ก่อนสงครามจะเกิดเกือบหนึ่งปี
วันนี้คุณทานากะคงเหงา เลยชวนผมมานั่งคุยกัน พอดีไม่มีคนไข้ผมก็เลยมาเป็นเพื่อนเขา หมอชิอธิบาย และกล่าวเชิญ มาทานอะไรก่อนซิครับ
ชัยวางกระเป๋าพร้อมกับนั่งลงที่เก้าอี้ ผมคงอยู่คุยได้ไม่นานนะครับ มีงานค้างอยู่ ต้องทำรายงานเสนอหัวหน้าน่ะครับ แต่เอ่อ... ผมคงต้องมีเรื่องรบกวนหมอ และก็คุณหน่อยนะทานากะ
ว่ามาเลย มีอะไรให้ช่วยล่ะ หมอชิตอบรับอย่างเต็มใจ
ถ้ามีเวลาว่าง ผมอยากให้ทั้งสองคนช่วยแวะไปดูคุณแม่และก็ภรรยาผมหน่อย เธอใกล้คลอดเต็มที ช่วงนี้ผมงานเยอะ บางวันอาจไม่ได้กลับบ้านก็เลยอยากฝากให้หมอกับคุณช่วยแวะไปดูที่บ้านผมหน่อยน่ะ
อ๋อ...ได้ซี คุณสุแกใกล้คลอดแล้ว ผมว่าถ้าจะให้ดีอีกสองสามวันน่าจะให้เธอมาพักอยู่ที่โรงพยาบาลซะเลย เวลาเจ็บท้องจะได้ไม่วุ่นวายกัน
ก็แล้วแต่หมอเถอะครับ
ไม่ต้องห่วง ผมเข้าไปคุยกับคุณแม่อยู่แล้ว แกคุยอะไรๆ เกี่ยวกับคนไทยให้ผมฟังเยอะ คุยกับแกแล้วได้รู้เรื่องของคนไทยมากขึ้น ทานากะกล่าวเสริม
ขอบคุณมากครับ ชัยกล่าวรับ เอาล่ะผมคงต้องขอตัวแล้ว เอาไว้พบกันใหม่นะ สวัสดีครับ
ซาโยนาระ ทหารญี่ปุ่นทั้งสองกล่าวลา
หลังจากที่ชัยเดินออกไปได้ไม่นาน ทั้งหมอชิโนบุ และร้อยโททานากะก็ลุกจากร้านกาแฟ ทั้งสองเดินออกมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดต่างกับเมื่อตอนคุยกับชัยอย่างสิ้นเชิง ตลอดเส้นทางที่ทั้งสองกำลังมุ่งหน้าไปยังกองบัญชาการกองทัพญี่ปุ่น การสนทนามีเพียงประโยคเดียวเท่านั้นที่ทานากะเป็นผู้เอ่ยขึ้น
ผมหวังว่าเขาคงไม่รู้เรื่อง
จากคุณ :
อนามิกา
- [
7 เม.ย. 48 18:08:50
A:202.57.181.226 X: TicketID:071897
]