CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    ไม่อยากให้ตะวันลับฟ้า ตอนจบ

    นับจากวันที่ชัยถูกจับ สุไม่ทราบข่าวคราวใดๆ ของสามีเธออีก เธอพยายามถามเพื่อนร่วมงานของเขา แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน มีเพียงข่าวลือกันว่าชัยและตำรวจอีกส่วนหนึ่งกำลังจะถูกตัดสินประหารชีวิตในไม่ช้าโทษฐานพยายามลอบสังหารผู้นำระดับสูงในกองทัพญี่ปุ่น จนเมื่อสามเดือนผ่านไป เธอจึงได้รับคำยืนยันจาก ทานากะว่าชัยถูกจับฐานพยายามลอบสังหารผู้นำระดับสูงในกองทัพ แต่ก็ยังไม่มีใครทราบชะตากรรมของเขาและพวก ก่อนตะวันจะลับฟ้าทุกเย็น สุจะนั่งอยู่ที่ชานบ้านเพื่อรอคอยการกลับมาของชัยแม้ความหวังจะเลือนราง ในห้องนอนทุกคืน เธอจะร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่คนเดียวด้วยความเป็นห่วงคนรักของตน เธอไม่มีหนทางใดที่จะช่วยให้สามีกลับมาอย่างปลอดภัย นอกจากสวดมนตร์ภาวนาถึงคุณพระคุณเจ้าให้คุ้มครองชายอันเป็นที่รัก การปลอบประโลมให้สุไม่ทุกข์ใจมากเกินไป ก็คงเป็นสิ่งเดียวที่แม่ยายของเธอทำได้ในเวลานี้
    สายลมที่พัดเบาๆ ท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่ค่อยๆ อ่อนลง พาไอเย็นมากระทบผิวหญิงสาวที่ยังคงนั่งเหม่อลอยอยู่บนชานบ้านหลังหนึ่ง จิตใจของเธอในวันนี้ไม่ต่างกับเมื่อสามสี่เดือนก่อน คือหวังว่าคนที่เธอรักจะเปิดประตู และเดินขึ้นบันไดบ้านเข้ามาหาเธอ
    ในชั่วขณะนั้นเสียงฝีเท้าที่กำลังเดินขึ้นบันไดดึงสายตาของสุให้มุ่งไปยังผู้ที่กำลังเข้ามา และภาพชายหนุ่มร่างใหญ่ก็ปรากฏขึ้น
    “สวัสดีครับคุณสุ” เสียงของผู้ที่เพิ่งมากล่าวทัก
    ความรู้สึกผิดหวังปรากฏให้เห็นบนใบหน้าเธอ ก่อนทักตอบ “สวัสดีจ้าคุณทะนากะ มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะวันนี้”
    “ผมมีธุระกับคุณสุนิดหน่อยครับ”
    “มีอะไรหรือจ๊ะ” สุมีสีหน้าแปลกใจเพราะหลังจากเกิดเรื่อง ทานากะก็แทบไม่ได้มาที่นี่อีกเลย
    ทานากะหยิบอะไรบางอย่างออกจากกระเป๋าเสื้อของตัวเอง
    “คุณชัยฝากให้ผมเอามาให้คุณ แกฝากไว้นานแล้ว แกบอกว่า เอ่อ... อยากให้ผมเอามาให้คุณ”
    สุรับสิ่งนั้นจากมือของทานากะพร้อมน้ำตาที่ค่อยๆ เอ่อล้นออกมา มันเป็นรูปที่เธอและชัยถ่ายคู่กันในวันแต่งงาน เป็นรูปที่ทั้งสองชอบมากที่สุด สุจึงเอามันไปใส่กรอบเล็กๆ และวางไว้ที่โต๊ะข้างหัวเตียงเพื่อจะได้มองดูทุกวัน สุพลิกไปที่ด้านหลังของภาพมีข้อความที่เขียนด้วยปากกา เธอจำได้ว่านี่คือลายมือของชัย

    คุณคือคนที่จะอยู่ในใจผมตลอดไป

    “หมายความว่า... “
    “ผมไม่อยู่ในฐานะที่จะพูดอะไรได้ ดูแลตัวเองนะครับ” ทานากะกล่าวเสร็จก็หันหลังเดินจากไปโดยเร็ว
    สุทิ้งร่างของเธอลงนั่ง ความหวังที่จะรอคอยการกลับมาของชัยหมดลงแล้วอย่างนั้นหรือ

    หลังจากเยอรมันซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของญี่ปุ่นยอมแพ้สงคราม ญี่ปุ่นเองก็ไม่รู้จักคำว่าชัยชนะในการศึกแทบทุกสมรภูมิ แต่ความดึงดันยังทำให้กองทัพญี่ปุ่นคงต่อสู้ต่อไปแม้ทางสู่ชัยชนะแทบจะปิดลงแล้ว จนในที่สุดญี่ปุ่นก็ไม่อาจหนีความพ่ายแพ้ได้ และยังเป็นความพ่ายแพ้ที่เจ็บปวดที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศด้วย เมื่ออเมริกาส่งเจ้าแฟตแมนถล่มที่ฮิโรชิมา และลิตเติลบอยบอมบ์ที่นางาซากิ ชีวิตผู้บริสุทธิ์หลายแสนคนต้องตายลง การสูญเสียครั้งใหญ่ครั้งนี้ทำให้จักรพรรดิแห่งญี่ปุ่นมีพระราชวินิจฉัยชี้ขาดให้กองทัพยอมแพ้สงครามโดยไม่มีเงื่อนไข เพื่อรักษาชีวิตของชาวญี่ปุ่นที่เหลืออยู่


    วันจันทร์ ที่ 15 สิงหาคม 2488
    ในตอนสายที่อากาศอบอุ่น สุนั่งกล่อมลูกสาวคนแรกในอ้อมแขนอยู่ที่หน้าชานบ้าน ชั่วขณะนั้นเองเธอรู้สึกถึงมืออันแข็งกระด้างคู่หนึ่งกำลังโอบตัวเธอ สุไม่รู้สึกตกใจ แม้มืออันหยาบกร้านนั้นจะไม่ใช่มือที่คุ้นเคย แต่ความรู้สึกถึงความอบอุ่นจากการสวมกอดครั้งนี้ทำให้เธอเชื่อมั่น สุหันกลับไปมองผู้ที่กอดเธอ ด้วยน้ำตาคลอเบ้า “ผมเป็นห่วงคุณนะ” ชายที่กอดเธอไว้กล่าวขึ้น เป็นอย่างที่เธอคิด ชัยกลับมาแล้ว เขากำลังกอดเธอและลูกสาวสุดที่รัก น้ำตาของสุไหลออกมาไม่ขาดสาย ไม่มีคำพูดใดๆ ในช่วงเวลานั้น ชัยรู้สึกอบอุ่นและมีความสุขที่สุดที่ได้กลับมาหาคนรัก และเห็นหน้าเจ้าตัวเล็กซึ่งเขารอคอยมานาน
    “คุณ...เอ่อ...เกิดอะไรขึ้น” สุเงยหน้ามองสามี และถามด้วยคำพูดที่ดูไม่ค่อยปะติดปะต่อ
    “คดีของผมยังไม่ถูกตัดสิน มีข่าวว่ามีการเจรจาจากรัฐบาลของเราให้ส่งนักโทษในคดีนี้มาให้ฝ่ายไทยเป็นผู้ลงโทษ ทางญี่ปุ่นไม่ค่อยยินดีเท่าไหร่ แต่ก็ไม่มีอำนาจต่อรองอะไรได้มากนักเพราะยังต้องการไทยเป็นพันธมิตร หลังจากเยอรมันยอมแพ้สงครามเมื่อปีที่แล้วญี่ปุ่นเองก็ขาดพันธมิตรสำคัญ และพ่ายแพ้ในการรบหลายครั้งจนมีทีท่าว่าจะแพ้สงคราม ญี่ปุ่นพยายามดึงเรื่องคดีนี้ไว้ พอวันที่เก้าที่ผ่านมานี้เอง อเมริกาก็ทิ้งระเบิดใหญ่ที่เมืองนางาซากิอีกครั้ง หลังจากทิ้งไปแล้วที่ฮิโรชิมาเมื่อวันที่หก มาเช้านี้ก็มีข่าวว่าญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้สงคราม นักโทษทุกคนถูกปล่อยตัว ผมก็เลยได้กลับมาที่บ้านนี่แหละ”
    “แล้วรูปที่ทานากะเอามาให้ล่ะ ฉันคิดว่าคุณ...”
    “ผมฝากเขาเอามาให้คุณหลังจากมีคำตัดสินโทษ ผมรู้ตอนเช้านี้เองว่าเมื่อสองอาทิตย์ก่อน ทานากะถูกเรียกตัวด่วนให้กลับญี่ปุ่น ผมว่าเขาคงไม่มีทางเลือกเลยเอารูปนี้มาให้คุณก่อนที่คดีจะสิ้นสุด”
    ชัยก้มลงมองเจ้าตัวเล็กในอ้อมแขนของสุซึ่งก็ค่อยๆ ส่งมาให้เขาอุ้ม ชัยรับเด็กน้อยมาอย่างถะนุถนอมเป็นความสุขที่สุดในชีวิต ช่างเหมือนกับการเกิดใหม่หลังจากความตาย เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เขาไม่รู้เลยว่าตัวเองจะอยู่หรือตายวันไหน ไม่รู้เลยว่าในชีวิตนี้จะได้เห็นหน้าลูกของตัวเองหรือเปล่า แต่วันนี้สิ่งที่เขาหวังเป็นจริง เขาดีใจที่ได้กลับบ้าน กลับมาอยู่กลับครอบครัวอันเป็นที่รักอีกครั้ง และภูมิใจที่จะบอกกับลูกของเขาเมื่อโตขึ้นว่า พ่อได้ทำหน้าที่คนไทยในการรักษาชาติอย่างสมบูรณ์แล้ว แม้สิ่งนั้นอาจไม่มีผลทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงใดๆ มากนักก็ตาม


    ในร้านกาแฟข้างกองบัญชาการตำรวจสันติบาล ชัยพร้อมอดีตลูกทีมในการปฏิบัติการลอบสังหารนั่งคุยกันถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ได้ผ่านมา
    “ตอนนั้นผมคิดว่าคงตายแล้ว ที่รอดมาได้นี้โชคดีจริงๆ นะครับ” ชิตหนึ่งในทีมสังหารกล่าวขึ้น
    “ใช่ แต่ก็น่าเสียดายที่ไม่ได้ฆ่านากามูระ ถ้าไม่อย่างนั้นป่านนี้เราคง 3 ขั้นกันหมดนะ ฮาๆๆๆ” สิน ลูกทีมอีกคนกล่าวอย่างอารมณ์ดี พาให้ทุกคนครื้นเครงไปด้วย
    “ตอนแรก ผมนึกว่าผู้กองเปรมมาเจรจาให้ปล่อยตัวเรานะ เพราะตอนที่รอพวกญี่ปุ่นมันมาสอบ ผมเห็นแกเดินออกมาจากห้องนายพลยามาดะ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ใช่ ไม่รู้แกเข้าไปทำไม” อดีตทีมสังหารอีกคนหนึ่งที่นั่งตรงข้ามกับชัยกล่าวบ้าง
    การพูดคุยในครั้งนั้นดูเหมือนเป็นไปอย่างสนุกสนาน ไม่มีใครใส่ใจรายละเอียดอะไรมากนัก เว้นแต่ชัยซึ่งฉุกคิดขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดที่กล่าวถึงเปรม ใช่... เขาจำได้ว่าเปรมเคยอยู่ใต้บังคับบัญชาของจอมพล ป. พิบูลสงครามขณะทำการต่อสู้ครั้งใหญ่กับฝ่ายกบฏบวรเดชที่ทุ่งดอนเมือง แน่นอน...เวลานี้ชัยรู้คำตอบแล้วว่าเพราะเหตุใดผู้กองเปรมถึงเข้าไปพบพลโทยามาดะ

    จากคุณ : อนามิกา - [ 7 เม.ย. 48 18:14:52 A:202.57.181.226 X: TicketID:071897 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป