CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    ===== ลำนำ...ริมฝั่งปิง =====

    ลำนำริมฝั่งปิง    


      ณ ตอนนี้ ที่ริมแม่น้ำปิง... ฉันมีความสุขราวอยู่บนสรวง หยาดน้ำค้างยามค่ำกลิ้งไปมาบนใบบัวเขียวอ่อนลอยปริ่มน้ำในอ่างดิน ละอองน้ำปิงกระเซ็นต้องหน้าเมื่อเรือแล่นตัดคลื่นน้ำ ลมเย็นพัดกลิ่นดินต้องนาสิก หอมละอายอวลแห่งธรรมชาติ กรุ่นกลิ่นธูปหอม... ท้องฟ้าดำสนิทราวแพรดำขึงตึง แม้คืนนี้จันทร์จะเต็มดวงสว่างดุจอัจกลับแก้วประดับเพดาน หากดาริกาก็ยังสว่างไสวคล้ายจะระเริงล้อกับบุหลันงาม...ฉันจำได้เมื่อครั้งท ี่มาเยือนถิ่นล้านนาเมื่อ ๔ คืนก่อน

      ในราตรีแรกแห่งนพบุรีศรีนครพิงค์เจียงใหม่ ใจฉันเหมือนจะถูกมนตราสะกดไว้มิให้ถ่ายถอนความรู้สึกดื่มด่ำกับความงามพิศุท ธิ์แห่งแดนลานนานี้ได้เลย ยามวสันตฤดูผันผ่าน สายฝนที่เป็นดังม่านกั้นมิให้ผู้ใดเข้าใกล้ก็สลายหายจาก นครในหุบเขาจึงเปิดประตูออกว้างรับผู้คนที่หลั่งไหลหมายจะชมความงามของเหมัน ต์ในม่านหมอก

      ยามตรู่...ฉันตื่นมาราวตีห้ากว่าๆ สิ่งแรกที่ทำคือคว้าแว่นมาสวม ไม่เช่นนั้นคงตาบอดเป็นแน่ ฉันเดินไปที่ระเบียงมองไปบนยอดดอยสุเทพอันเป็นที่ประดิษฐานพระธาตุซึ่งสักกา ระของคนเมือง ฉันยกมือไหว้สาเช่นที่เคยทำต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จากนั้นจึงมองไปเบื้องล่าง...ตลาดยามเช้าที่เห็นบอกถึงความมีชีวิตของเมืองน ี้ เสียงรถเครื่อง...รถจักรยานยนต์ ระคนเสียงกระดิ่งรถถีบปลุกให้ผู้คนเปิดหน้าต่างต้อนรับรุ่งอรุณวันใหม่

      ดอกไม้เมืองหนาวหลากสีเบ่งบานหลังพักนิทราในอ้อมกอดของผากว้างแลสายฝนโปรย แม้น้ำฟ้าจะจากไปแล้วพื้นดินก็ยังคงชุ่มชื้นด้วยละอองน้ำเย็นเฉียบ ทุกก้าวย่างบนแดนดินกลางหุบเขานั้นฉันได้พบแต่ความงามอันยากจะพรรณนาได้ ความมีน้ำใจไมตรีของผู้คน รอยยิ้มที่ต้อนรับฉันซึ่งเป็นคนต่างถิ่นนั้น ช่างงาม...ใช่ มันงาม ไม่ใช่สวย ในความคิดของฉัน เมืองแม่ระมิงค์นี้มีความงาม...ที่รับรู้ได้ด้วยใจ มากกว่าความสวยที่เห็นเพียงตาเท่านั้น ฉันเห็นพระภิกษุเดินมาแต่ไกลจึงได้รีบล้างหน้าล้างตาเพื่อรับศิริมงคลใส่กาย


               เมื่อเปิดประตูห้องออกไปพบคนเมืองที่แสนจะใจดี คำทักทายก็มาหาฉันอย่างไม่ขาดสาย “คำเมือง” ที่ฉันพอจะเข้าใจสองสามประโยคมันช่างไพเราะคล้ายโน้ตดนตรีสอดประสานเป็นลำนำ อ่อนหวาน ร่าเริง ฉันยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นสตรีชาวเมืองคนหนึ่งถือถาดวางโถข้าว กับและผลไม้เดินลงบันไดไปทางเดียวกับฉัน
             
             “สวัสดีเจ้า” ฉันตอบตามแบบคนเมืองทำให้ผู้ดูแลที่พักยิ้มกว้าง

           “สวัสดีเจ้าน่องน่ำตาล จะไปตี้ได... นายบ่อยู่เน้อ ออกไปตั้งแต่เจ๊า...เปิ้นบอกฮื้อ...ให้ดูแลคุณตวย” พี่หล้า...หญิงสาววัยกลางคนพยายามอย่างที่สุดที่จะพูดให้ฉันเข้าใจได้โดยง่า ยแต่ก็ยังมิวายมีคำเมืองติดมา

      “จ้ะพี่ รู้แล้ว หนูไม่ดื้อหรอก ฝากบอกพี่เขาด้วยเน้อ หนูขอลงไปใส่บาตรข้างล่างนี่เอง” ฉันลังเลนิดหน่อย “พี่หล้า...จะไปตวยกันบ่?”

           เธอหัวเราะเบาๆกับฉันที่พยายามจะเรียนรู้คำเมืองทีละน้อย “ จ้า...ช่วยกันตัก ชาติหน้าจะได้เกิดมาป๊ะกั๋นแหม...อีก” ฉันถือถาดผลไม้ไว้ในมือแล้วเดินตามพี่หล้าลงไปด้านล่าง นี่ก็ล่วงเข้าหน้าหนาวมาได้เกือบเดือน ผลไม้เมืองหนาวก็ออกผลวางอยู่ในตลาดมากมาย ของทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นผลผลิตภายในประเทศ ด้วยพระมหากรุณาธิคุณแห่งป้อหลวง...พระเจ้าอยู่หัวฯองค์ปัจจุบันที่ริเริ่มโ ครงการพระราชดำริสอนการปลูกพืชผลและไม้ดอกเมืองหนาวให้ชาวเขาชาวดอยแทนการปล ูกฝิ่น ที่เจียงใหม่งามและเจริญได้เพียงนี้ก็เพราะหยาดน้ำพระหฤทัยที่เป็นดั่งฝนทิพ ย์แท้ๆ

            เส้นสีแสดยาว...เป็นทิว พระภิกษุเดินบิณฑบาตเป็นแถว งดงาม น่ามอง ที่นี่...ที่เชียงใหม่ พระพุทธศาสนายังมั่นคง เป็นหลักยึดในใจของคนเมืองทุกผู้ ภาพ...ที่เหมือนเป็นรูปถ่ายของอดีตปรากฏตรงหน้า เด็กตัวน้อยๆยืนอยู่ข้างๆแม่เอื้อมสุดมือเพื่อเอาลูกแพร์ใส่บาตร มันน่ามองใช่น้อยเสียเมื่อไหร่ ฉันอุ้มโถข้าวเปล่าๆมองยามเช้าด้วยหัวใจที่พองฟูอย่างประหลาด

       
            เมื่ออาทิตย์ก่อน...ฉันตัดสินใจขออนุญาตแม่ขึ้นเชียงใหม่ ฉันบอกท่านตามตรงว่าฉันจะไปกับ “ พี่”... ฉันจะไปเยี่ยมย่าซึ่งมีบ้านอยู่ที่อำเภอเมือง คุณย่าท่านเป็นคนเมืองแท้ๆ เมื่อแต่งงานกับคุณปู่ท่านก็ย้ายไปอยู่กรุงเทพฯด้วยกัน หากพอแก่ตัวลง...ความวุ่นวายของเมืองหลวงไหนเลยจะสู้ความสงบแห่งแผ่นดินลานน าได้ ท่านทั้งสองจึงย้ายกลับมาอยู่ที่เชียงใหม่ ก่อนที่ฉันจะเกิดเสียอีก ฉะนั้นพอคนทั้งบ้านบอกว่าจะขึ้นเชียงใหม่ก็ย่อมหมายความว่าจะต้องไปพบคุณย่า แน่ๆ ด้วยเหตุนี้เองฉันถึงได้ผูกพันกับวัฒนธรรมลานนายิ่งนักแม้จะไม่ได้ไปบ่อยอย่ างพี่ชายที่มีเพื่อนอยู่ที่นั่นจนอู้คำเมืองได้ดีพอๆกับคนเมืองแท้ๆ ในความทรงจำวัยเด็กของฉัน...ก็จะมีแต่ความงดงามของบ้านย่าบันทึกเอาไว้ โคมลอยสีส้ม...ลอยสู่สรวง ประเพณีค้ำโพธิ์ที่ฉันชอบเดินตามกระบวนแห่ในเทศกาลปี๋ใหม่เมืองหรือสงกรานต์ นั่นก็ทำให้สนุกมิใช่น้อย

      เพลงที่ได้ยินจนขึ้นใจก็ล้วนแต่เป็นเพลงคำเมืองของศิลปินแห่งชาติผู้ล่วงลับ คุณจรัล มโนเพ็ชร... เสียงสะล้อ ซอ ซึง...กับเสียงขลุ่ยแว่วหวานในความทรงจำมิรู้ลืม เพลง...ที่ถ่ายทอดความงามของป่าเขาและเย็นฉ่ำของสายน้ำปิงได้ครบถ้วนเยี่ยงน ี้ คงหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วเป็นแน่.... ถึงกระนั้นฉันก็ยังกลัวแม่จะว่าอยู่ดีที่ขึ้นเชียงใหม่กับ “ พี่” กันแค่สองคน ไม่ได้ขึ้นกับครอบครัวดังที่เคยทำมา “พี่” ก็รู้...ว่าฉันกังวลจึงมาที่บ้านและขออนุญาตกับแม่เอง พี่ให้สัญญากับแม่แล้วก็พี่ชายของฉันอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะดูแลฉันอย่ างดี แม่ไม่ว่ากระไรเพราะฉันโตแล้ว สมควรที่จะรู้ว่าสิ่งใดควรไม่ควรเพียงไร แม่บอกให้พี่ดูแลฉันให้ดีที่สุดเพราะแม่ไว้ใจพี่มาก ฉันเลยได้มาเวียงพิงค์นี้...อีกครั้ง...

         


            หลังจากเดินเที่ยวกาดมั่ว...ตลาดนัดยามเช้ากับพี่หล้า แล้วก็ได้น้ำเต้าหู้มาทานกับปาท่องโก๋เป็นอาหารเช้า พี่หล้าก็เอาของเหล่านั้นไปจัดขึ้นโต๊ะให้ ฉันขอตัวแยกไปอาบน้ำเพื่อที่จะได้ลงมาทานของเช้า

      “เดี๋ยวก่อนเน้อ...” พี่หล้าเรียกทำให้ฉันชะงัก

      “อะหยังเจ้า?” ฉันถามเป็นคำเมือง

      พี่สาวคนใหม่ยิ้มกว้าง “นายเปิ้นบอกว่าฮื้อเอาผ้าถุงให้น่องน่ำตาลนุ่งน่ะเจ้า”    

      “ผ้าถุง?” ฉันทวนคำ “ให้หนูนุ่งหรือจ๊ะ”

       “จ้า...เปิ้นว่าคุณชอบผ้าถุงแม่น...ใช่ก่”

      “จ ้ะ ยังไงก็ได้ แล้วแต่ปี้เต๊อะ” พี่หล้าถลกผ้าถุงของตัวเองแล้ววิ่งลับหายไปอย่างรวดเร็ว เสียงฝีเท้าเธอเบาลงเรื่อยๆเมื่อฉันเดินขึ้นมาชั้นบนของบ้านทรงพื้นเมืองของ พี่ ครั้งแรกที่เห็นฉันอ้าปากค้างอยู่นานสองนาน เพราะไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้มาพักที่บ้านในฝันซึ่งดูละม้ายรีสอร์ทหรูเสียเหลือเกิน บ้านหลังใหญ่นี้ถูกสร้างตามสถาปัตยกรรมลานนาประยุกต์กับบ้านปีกไม้แบบของฝรั่งได้อย่างกลมกลืน ฉันยังเห็น “กาแล” อยู่เหนือหน้าจั่วบ้าน...ฉันรู้ว่ากาแลไม้ลวดลายอ่อนช้อยนัก แม้ตอนที่เพิ่งมาถึงในยามหัวค่ำจะเห็นเพียงรางๆด้วยแสงไฟที่ถนนก็ตาม

      ฉันอาบน้ำเย็น...ใช่ว่าที่นี่หลังเขาเสียจนไม่มีน้ำอุ่น บ้านนี้อยู่ไม่ไกลเมืองนักแต่ก็สงบ มีน้ำประปาและไฟฟ้าเข้าถึง.... ที่ฉันไม่อาบน้ำอุ่นก็เพราะชอบน้ำเย็นจัดมากต่างหาก ถึงกระนั้น...ตอนเดินออกมาฟันฉันยังกระทบดังกึกๆอยู่พักใหญ่ บนเตียงมีผ้าถุงผืนงามวางพาดอยู่...งามอย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน ลวดลายละเอียดงดงามนี้ไม่รู้ว่าชื่อลายอะไรกันแน่ ฉันตั้งใจว่าจะต้องถามพี่หล้าให้ได้... บนเตียงอีกเหมือนกันที่มีเสื้อแขนกระบอกพาดอยู่ เสื้อผ้าฝ้ายสีนวลตัวใหญ่ใส่สบาย...

      ฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ออกไปนั่งที่ระเบียงซึ่งพี่หล้ายืนรออยู่ข้างๆโต๊ะอาหารแล้ว ...มีน้ำเต้าหู้อยู่แก้วเดียวบนโต๊ะ “กินน้ำเต้าหู้ด้วยกันเน้อพี่” เธอส่ายหัว

      “กิ๋นเต๊อะ ปี้กิ๋นแล้ว”

      “แต่หนูซื้อมาสองเน้อ”      

      พี่หล้ายิ้ม “ก่พอดี นายปิ๊กเฮือนพอดี”

      ฉันขมวดคิ้ว “พี่กลับมาแล้วหรือจ๊ะ อยู่ไหนล่ะ”      

      เธอชะเง้อคอมอง “ โน่นเจ้า” ฉันหันหลังตามแล้วก็เห็น “พี่” กำลังเดินขึ้นเรือนมา พี่...คนที่ทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นที่สุดเมื่ออยู่ใกล้ คนที่ทำให้ฉันซึ่งไม่เคยถอยให้ผู้ชายใดแม้แต่ก้าวเดียวกลับลงมาเดินข้างหลัง อย่างเต็มใจด้วยความเคารพในความดีที่ฉันเฝ้าดูมาเป็นเวลาหลายปี พี่...เป็นผู้ชายคนแรกที่ฉันยอมให้จูงข้อมือเดินได้โดยไม่รู้สึกขัดเคือง...

         

      “ตะคืนลับม่วนก่...เมื่อคืนหลับสบายดีไหม” ฉันยิ้มให้ชายเจ้าของบ้านผู้มีดวงตางามที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมา

       “ค่ะ หนูหลับสบายดี ทานข้าว...” เมื่อพูดไปก็ต้องหันกลับมามองอาหารบนโต๊ะอีกครั้ง “ทานปาท่องโก๋น้ำเต้าหู้ด้วยกันไหมคะ” ฉันยิ้มกว้าง

      “เอาแล่...เอาสิ พี่ขับรถออกไปหาพ่อทั้งๆที่ยังไม่มีอะไรตกถึงต๊องเลย”

      พอเข้าเขตภาคเหนือ พี่ก็เริ่มหลุด “อู้คำเมือง” มากขึ้น ฉันที่มีย่าเป็นคนเชียงใหม่แท้ๆยังอายเลย แม้พี่จะมีใบหน้าแสดงให้เห็นว่ามีเชื้อสายตะวันตกอย่างแลเห็นได้ชัดด้วยดวงตาสีจาง จมูกโด่งเป็นสันและรูปหน้าที่ไม่เหมือนคนเมืองทั่วไป แค่อีกมุมหนึ่งพี่ก็ดูเหมือนคนเหนือทั่วไปอยู่ดี นั่นก็เพราะแม่พี่เป็นคนเมืองแท้ๆ พ่อพี่...พ่อม่ายเป็นชาวต่างชาติซึ่งเข้ามาลงทุนรีสอร์ทร่วมกับเพื่อนชาวไทย เมื่อกว่าสี่สิบปีก่อน ในครั้งแรกพ่อของพี่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากไปกว่าเม็ดเงินมหาศาล แต่เมื่อได้มาปะสาวงามชาวเหนือ เธอเป็นครูสอนนาฏศิลป์แล้วก็เป็นลูกสาวพ่อครูดนตรีพื้นเมือง สาวงามที่มีกริยาอ่อนหวานก็ทำให้พ่อของพี่เริ่มรักที่จะเรียนรู้วัฒนธรรมลาน นามากขึ้น...ท้ายที่สุด พ่อของพี่ก็อยู่ที่นี่เป็นการถาวร แม้ว่าแม่ของพี่จะจากไปกว่าสิบปีแล้ว ดินแดนแว่นแคว้นนี้ก็ยังเป็นความทรงจำที่งดงามที่สุดของผู้ชายคนหนึ่งอยู่ดี

      พี่ใส่พับแขนเสื้อเชิ้ตสีฟ้าจางขึ้นก่อนลงมือฉีกปาท่องโก๋กินแสดงอาการหิวอย ่างไม่ใส่ใจเสียงหัวเราะเบาๆของพี่หล้าเลยแม้แต่น้อย... พี่ที่เริ่มฮู้สึกโต๋..รู้สึกตัว รามือลง ใบหน้าแดงเรื่อ

       “ก็หิวนี่...”

      “ค่า...ค่า เฮาฮู้แล้ว ว่านายไข้อยาก...หิวขนาด”

      คนนั่งตรงข้ามฉันยิงฟันใส่พี่หล้าเหมือนเด็กๆทั้งที่ตัวเองก็อายุปาเข้าไปสามสิบต้นๆแล้ว “ ถ้าฮู้ว่าเฮาไข้อยาก....หิวขนาดก่หาเอาอะหยังมาฮื้อเฮากิ๋นทีเต๊อะ ปาท่องโก๋มันขำคอ...ติดคออยู่เน้อ” พอได้ยินพี่หล้าถึงรีบวิ่งไปฉันเลยต้องส่งน้ำเต้าหู้ของตัวเองให้พี่ทานก่อน

      “นี่จ้ะพี่” พี่พยักหน้าน้อยๆก่อนยกซดรวดเดียวเกือบหมด

      “ลำแต้ๆเนาะ”

      ฉันยิ้ม “ไม่รู้เหมือนกันจ้า ว่าลำรึเปล่า”

      “อ้าว ยิหยังล่ะ...ทำไมล่ะ”

      ฉันหัวเราะเบาๆ “ก็พี่เพิ่งกินน้ำเต้าหู้หนูไปเองนี่ หนูยังไม่ได้ชิมสักอึก”

      “อ้าว แล้วก็บ่บอก จะยะจะไดดี” ท่าทางพี่เหมือนรู้สึกผิดอย่างไรก็ไม่รู้

      “ม ีจ้ะ มีอีกถุง” พอดีกับที่พี่หล้ากับผู้สาว...ผู้หญิงคนงานในบ้านอีกสองสามคนยกถาดอาหารมาพอ ดี อาหารเช้าตรงหน้าเป็นแซนวิซง่ายๆคนละสองคู่

      “กาแฟล่ะ?” พี่หันไปถามคนงาน เธออึกอักแต่ก็หันมามองฉัน โดยที่ไม่มีคำตอบพี่ก็เข้าใจอย่างดี “แหม...ขอกาแฟดำซักแก้วเต๊อะ”

      “ไม่ค่ะ ช่วงก่อนที่จะมาก็โหมงานกินกาแฟไปหลายแล้ว มานี่ไม่ให้กินแล้ว”

      “แต่…” ฉันเงียบไม่พูดอะไรไปมากกว่านี้ “ก็ได้ๆ ตามใจ๋เปิ้นเต๊อะ...” พี่หันไปพูดกับพี่หล้า “เปิ้นบ่ฮื้อกิ๋นเฮ้าก่บ่กิ๋น เปิ้นว่าอะหยังเฮาก่ว่าคื่อกั๋น”


            พี่สาวผู้ดูแลบ้านกลั้นหัวเราะหันหลังเดินตามสาวๆคนงานไปรวดเร็วแต่เสียงแซวเล่นก็ยังลอยตามลม “ แม้...หมู่เฮาบ่เกยหันว่านายจะเป๋นจะอี้เนาะ ” คนโดนนินทาระยะเผาขนขมวดคิ้ว “ คนอะหยังเวลายะ..ทำงานนะดุ๊ ดุ ยังกะเสือโต๋โตๆ แต่ปออยู่กะน่องนาง...โฮ้ย..ย.ย...ว่าง่ายยังกะแมวนอนหวด!!! ” พี่หันมองตาขวางแต่ทั้งสามก็ไม่สนใจหัวเราะเสียงดังก่อนลับหายไปข้างล่าง
    (ต่อ)

    จากคุณ : shakri - [ 8 เม.ย. 48 15:47:37 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป