เรื่องเย็นๆ
อากาศลบต่ำ น้ำตาแข็งตัวเป็นเกล็ด เกล็ดน้ำตาย่อมเยียบเย็นบาดใจ มันโปรยหล่นลงมาจากเบื้องบน หล่นใส่ผู้คน กระไอหนาวแทรกซึมถ้วนทั่ว ทุกขั้วหัวใจ แผ่คลุมอาณาบริเวณ บ้างก้าวเดินอย่างไม่แยแส บางคนยืนนิ่งแหงนมอง มันเนิ่นนานมาแล้วที่การณ์คงเป็นอยู่เฉกนี้
จำเพาะผู้อ่อนแอโหยหาความอบอุ่นเท่านั้นที่ถูกไอเย็นป่วนความรู้สึก ซึ่งผมคือคนแบบนั้น พวกอ่อนแอที่อารมณ์มักปรวนแปร สลับ โศก สลด เหงา บางคราวจมปลักแน่นิ่งหลายนาน บางคราวชั่วประเดี๋ยวเดียว แต่ทุกคราวต้องมีสักวันที่อารมณ์ผมคืนสู่ปกติ ไม่ก่นทุกข์คร่ำครวญใดๆ ใช้ชีวิตราบรื่นดำเนินจบห้วงหมดไปคราวละวัน ตื่นแล้วหลับ หลับแล้วตื่น ไม่มีการตั้งคำถาม ไม่มีการครุ่นคำนึง
สถานที่ที่ผมอยู่ถูกห่มคลุมด้วยความเย็น เย็นทุกวี่วัน นานครั้งเท่านั้น ช่วงสั้นๆที่ความเย็นคลายหาย เกล็ดน้ำแข็งแปรเป็นหยดน้ำ ไอเย็นย้ายหายชั่วขณะ เวลาช่วงนั้นมีแต่ความเปียกชื้น
ผมไม่ใคร่คบค้ากับใคร ผู้คนมากหน้าที่พบเจอ เป็นได้เพียงคนรู้จัก น้อยคนเหลือเกินที่ถูกแทนสถานะด้วยคำว่า เพื่อน เมื่อผมไม่ใคร่พบผู้คน ผู้คนจึงไม่ใคร่ใส่ใจกับตัวผม
ดูเหมือนทุกคนมีหน้าที่ให้ทำ แต่ผมกลับไม่มี หรือว่าการอยู่เฉย เที่ยวละล่องไปวันๆ คือหน้าที่ของตัวผม(ผมไม่ทราบได้) พลเมืองที่นี่ทุกคนผิวขาวซีด คุ้นชินกับอากาศหนาว ทุกคนมีรอยยิ้มเยือกเย็น ราวกับฝึกหัดการยิ้มมาเพียงแบบเดียว ยิ้มอันว่างเปล่า
สถานที่ที่ผมอาศัยอยู่ รายรอบด้วยผักหลากหลาย ผมไม่ทราบอีกเช่นกัน ว่าทำไมที่นี่จึงเป็นที่หลับนอนของตัวผม ในความทรงจำไม่มีเสี้ยวไหนผุดขึ้นมาให้ผมระลึกได้เลยว่าทำไม ผมจึงมาอยู่ตรงนี้ นอนตรงนี้(สถานที่อันมีแต่ผัก) เรื่องราวก่อนนั้นตัวผมเป็นมาอย่างไร ผมไม่เคยทราบ รู้เพียงแค่ว่า บางอย่างสลักบอกในความรู้สึกว่า จุดนี้ เรียกไดว่าเป็นบ้านของผม ฝูงชนคนอื่นก็เป็นเช่นเดียวกันหมด ไม่มีใครรู้ที่มาที่ไปของตนเอง เหมือนกับว่าความทรงจำเก่าก่อนค่อยๆหลุดเลือนจางไปทีละวันๆ เวลาผันผ่านเรื่อยไป เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ เมื่อถึงช่วงระยะหนึ่ง ต้องถูกสลัดหลุดไปจากคลังเก็บความทรงจำ แต่ในเมื่อทุกวันๆชีวิตของพวกเราล้วนดำเนินซ้ำ ถึงจะจดจำเรื่องวานซืนได้ก็คงไม่ต่างไปจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันถัดไปสักเท่าไร ทุกวันล้วนคล้ายคลึงกันเสมอ ดังนี้แล้วเราจะหวงแหนความทรงจำเก่าๆที่เลยไปไย
ทุกวันผมต้องไปที่ช่องฟรีซ บุคคลเพียงหนึ่งเดียวที่ผมนับเป็นเพื่อน ครับบ์ อาศัยอยู่ที่นั่น กระท่อมหลังจ้อยตั้งโดดเดี่ยวกลางทุ่งน้ำแข็งอันเวิ้งว้าง ครับบ์ เป็น เยติร่างใหญ่ ขนฟูพองสีเทา อุ่นหนา คลุมทั่วร่าง เขาต่างจากพวกเรายิ้มของเขาจึงต่างออกไป วันทั้งวัน ครับบ์ทำเพียงโยนไฟเข้าเตาผิง ไล่นิ้วเลือกนิยายสักเล่มที่เรียงรายอยู่ในชั้นวางเต็มเอี้ยดทั้งสี่หลัง ผมไปพบเขาทีไร บนโต๊ะต้องมีหนังสือสักเล่มเปิดกางอยู่ ครับบ์ชอบดื่มกาแฟและจิบชาสลับเวียนอยู่สองอย่างนี้ทั้งวี่วัน ฉันชอบ มันทำให้ตัวอุ่น ครับบ์แปลกแยกแตกต่างเกินกว่าพวกเรา เขาอยู่คนเดียวท่ามกลางหิมะขาวโพลน เย็นเยือกในช่องฟรีซแห่งนี้
ที่แห่งนี้ ผมมีครับบ์เพียงคนเดียวที่คุยด้วยแล้วรู้สึกสบายใจ ฌฉกเช่นกัน ตัวผมเองก็เป็นเพื่อนคุยเพียงคนเดียวของครับบ์
ครับบ์หมักเบียร์ดีกรีแรงไว้ในถังไม้ ทุกคราในการพูดคุย เราทั้งคู่ดื่มเบียร์นั่นประกอบการสนทนา เมื่อเมาจนเต็มที่เป็นอันได้เวลากลับ ผมซวนกายกลับไปนอนหลับยังที่พักทันที นั่นคือการสิ้นสุดเหตุการณ์ในแต่ละวัน
แล้ววันหนึ่งดูเหมือนว่าอุณหภูมิจะลดต่ำไปจากเดิม ผมเดินย่ำเท้าไปในช่องฟรีซ ตรงดิ่งไปหาครับบ์ หิมะโปรยละอองหนาขึ้นทุกขณะ บ้างหล่นร่วงทับถมบนทุ่งหิมะเบื้องล่างที่ย่ำไป บ้างเกาะขาวพราวอยู่ตามร่างผม แม้มันเย็นเยียบ แต่ผมก็คุ้นชินกับความรู้สึกของมัน แล้วสายตาของผมก็ได้กวาดไปพบร่างใครสักคนหนึ่งนอนแน่นิ่งอยู่เบื้องหน้าห่างออกไปกว่า 70 ก้าว น้องหนูผมยาวนอนระทวยอยู่ตรงนั้น เกล็ดหิมะห่มคลุมร่างเธอจนเกือบกลืนไปสีของท้องทุ่งน้ำแข็ง เธอหายใจแผ่วโหย ผมอุ้มเธอขึ้นมารีบจ้ำไปที่กระท่อมของครับบ์ แม้เช็ดตัวกับห่มผ้าให้ความอบอุ่นเป็นเวลานาน เธอก็ยังไม่มีทีท่าจะฟื้นตื่น ใบหน้าเธอขาวซีด นอนนิ่งไร้ปฏิกิริยา มีเพียงลมหายใจเบาๆเท่านั้นที่ยืยยันการมีชีวิตของเธอ
ผมเฝ้าเธออยู่ทั้งวัน จนล่วงเข้าวันใหม่ ผมหลับผล็อยไปเมื่อไรไม่ทราบ เมื่อตื่นขึ้นมาอีกที ครับบ์จัดแจงชงกาแฟให้ผมดื่ม ดูเหมือนว่าเธอจะเริ่มรู้สึกตัว มีเสียงเพ้อเบาๆออกมาจากปากของเธอ ไอ...ติม...ม เธอพูดคำว่าไอติมซ้ำอยู่เพียงคำเดียว
ไอติมมันคืออะไรหรือ ครับบ์ ครับบ์จิบชาหนึ่งอึกแล้วพ่นไอขาวออกมา ที่นี่มีแต่ความเย็นปกคลุมไปทั่ว ไอติมจึงเป็นสิ่งที่ไม่มีความจำเป็นใดๆ ครับบ์จิบชาอีกครั้งแล้วเรอเป็นไอขาวออกมา ที่ปลายสุดของช่องฟรีซ มีนักทำไอติมอยู่ที่นั่นลองไปดูสิ
ผมก้มหน้าก้มตาเดิน ละอองหิมะโปรยปราย เวลาเลยผ่าน ท้องทุ่งหิมะกว้างสุดลูกหูลูกตา แต่กระนั้นก็ยังมีจุดสิ้นสุด กระท่อมของนักทำไอติม ปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน ผมเคาะที่ประตู
คุณตาคนหนึ่งเป็นคนมาเปิดประตู ผมกับเคราของแกสีขาวเหมือนหิมะ ภายในบ้านเต็มไปด้วยตู้แช่ไอติมหลากรส ไอติมที่เป็นน้ำแข็งรสหวานมีไม้เสียบอยู่ตรงกลาง ผมเลือกไม่ถูกว่าควรนำสีไหน รสใด กลับไป แต่อาการป่วยไข้ของเธอทำให้ผมต้องรีบตัดสินใจโดยทันที ผมเลือกไอติมได้ 5 แท่ง สีแดง ส้ม เขียว เหลือง ฟ้า รีบรุดคืนกลับสู่กระท่อมของครับบ์ บิไอติมเป็นชิ้นเล็กๆหย่อนลงในปากเธอ ไอติมค่อยๆละลายลงลำคอ เพียงไม่ถึงครึ่งแท่ง ใบหน้าขาวซีดไร้ชีวิต เริ่มคืนสู่ความผุดผาด ผมป้อนไอติมให้เธออีกไม่กี่คำ เธอเริ่มค่อยๆฟื้นตัวลืมตาขึ้นมามองผม ดวงตากลมโตดำวาวพร้อมรอยยิ้มน้อยๆประดับบนใบหน้า สีชมพูเริ่มเรื่อบนแก้ม ฉันชอบไอติมรสส้ม เธอบอก
จากนั้นเธอหายเป็นปรกติและอาศัยอยู่ในกระท่อมของครับบ์ เริ่มหัดชงชากาแฟ ผมยังคงอยู่ในรังนอนอวลกลิ่นผักเช่นเดิม ยังไปมาหาสู่ครับบ์ทุกวัน ไปเพราะอยากเจอกับครับบ์และอยากเจอกับเธอเป็นที่สุด
ผมมีหน้าที่ใหม่เพิ่มขึ้นมา คือการเดินเท้าไปที่กระท่อมของคุณตานักทำไอติม นำไอติมมาให้เธอกินทุกวัน ผมเป็นสุขที่ได้ทำเช่นนั้น ได้นั่งดูเธอกินไอติมทุกวี่วัน เธอไม่อยากไปที่ไหน อยู่แต่ภายในช่องฟรีซ มีบางครั้งที่ผมชวนเอไปนั่งบนเปลือกไข่ไก่ บนยอดสุดของเปลือกไข่สีน้ำตาลอ่อน ผมนั่งเคียงข้างเธอจับจ้องมองกิริยาของเธอ ไม่มีคำถามใดๆทีผมนึกสงสัยทั้งสิ้น
น้องหนูผมยาว ผู้ชมชอบไอติมรสส้ม ไม่มีใครรู้ว่าเธอมาจากที่ไหน มาปรากฏกายเพื่ออะไร เธอไร้ชื่อ มีเพียงเธอคนเดียวเท่านั้นที่กินไอติม เธอชอบยิ้ม ยิ้มของเธอต่างจากทุกคนเป็นยิ้มที่สดใสแฝงไออุ่น ผมรู้ตัวว่าผมตกหลุมรักเธอ
วันแล้ววันเล่าผ่านไป กลางท้องทุ่งหิมะขาวโพลน เวิ้งกว้างในช่องฟรีซ เราทั้งคู่นั่งอยู่ที่นั่น หากมองไกลจากตรงนั้น คงเห็นเป็นเพียงจุดดำๆสองจุด ท่ามกลางมวลสีขาวอ้างว้าง
เกล็ดน้ำแข็งที่ปกคลุมทั่ว เริ่มจับตัวเบียดอัดกัน ขยายใหญ่ขึ้นทุกที ในไม่ช้ามันคงกลายเป็นไอซ์เบิร์กก้อนบะเฮ่งไปในที่สุด
ผมกับเธอยังคงนั่งปล่อยเวลาอยู่กลางทุ่งหิมะทุกวัน เธอกินไอติมรสส้ม ดูดความหวานเข้าปาก ไอติมสีขาวซีด เธอแลบลิ้นให้ดู สีส้มแดงเคลือบอยู่บนลิ้น ดูสิ ลิ้นแดงแจ๋แน่ๆเลย
เธอพูดจบ ผมตรงเข้าไปจูบเธอ สัมผัสลิ้นสีแดงแจ๋ มันเย็นนิดหน่อย เธอดันตัวผมออกมาเบาๆ เธอไม่ชอบจูบ ไม่ใช่รังเกียจผมหรืออะไร เพียงแต่เธอไม่ชอบการจูบ เธอชอบกินไอติมรสส้มมากกว่า นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมจูบเธอ แต่ไม่ใช่ครั้งสุดท้าย ต่อมาผมลองจูบเธออีก4-5ครั้ง จูบไม่เห็นสนุก ผมชอบเธอ อยากสัมผัสเธอ ผมรู้สึกเหมือนเป็นไอ้หื่นกามคอยตักตวงบางสิ่งจากตัวเธอสนองตอบอารมณ์ตนเองถ่ายเดียว ต่อมาผมจึงเลิกจูบเธอ แต่ยังรักเธอเช่นเดิม
ผมไม่เคยเบื่อเมื่ออยู่ใกล้เธอ ผมชอบเหตุการณ์วนซ้ำที่เป็นอยู่เช่นนี้ ผมหวังว่าเรื่องราวคงดำเนินแบบเดิมเรื่อยไป
ก้อนไอซ์เบิร์กขยายใหญ่คับพื้นที่เต็มไปหมด อาณาบริเวณหดแคบลง ครับบ์จิบชาร้อนและยังคงอ่านหนังสือเช่นเคย อีกไม่นาน ไอซ์เบิร์กคงหายไป วันหนึ่งน้ำแข็งต้องละลาย ทั้งผมและครับบ์คุ้นชินกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา แล้ววันนั้นก็มาถึง
อากาศร้อนขึ้นอย่างรวดเร็ว ก้อนน้ำแข็งละลายไหลเป็นน้ำ ฝนตกในช่องฟรีซ รอยยิ้มของน้องหนูไม่สดใสดังเคย ไอติมแท่งเริ่มละลายเร็วขึ้น เธอป่วย นอนซม หมดเรี่ยวแรง ผมนำไอติมมาให้เธอดังเคย แต่ระหว่างเดินย่ำเท้ากลับ ไอติมละลายหดหายขนาดเหลือเล็กลง เธอยังคงชอบกินไอติมรสส้ม แต่ถึงจะกินเข้าไปเท่าไร อาการป่วยของเธอไม่ดีขึ้นเลย
หลังจากฝนตกในช่องฟรีซเพียงไม่นาน ทุกอย่างก็คืนดังเดิม เกล็ดน้ำแข็งเริ่มผุดพราวคืนมาใหม่ ช่วงฝนตกครับบ์จิบชาน้อยลง พอทุกอย่างกลับคืนสู่ความเย็น ครับบ์กลับมาจิบชาบ่อยขึ้นเหมือนเคย
เธอจากไป ก่อน ความเย็นกับเกล็ดหิมะหวนคืน เธอนอนสงบนิ่งอยู่บนเตียงในกระท่อมของครับบ์ไม่รู้สึกใดๆทั้งสิ้น ผมนั่งเฝ้าอยู่ตลอดเวลา น้ำตาผมไหลอกมาเป็นครั้งแรก มันเอ่อท่วมดวงตาใกล้ปริ่มท้น ผมใช้หลังมือปาดหาย รอยความชื้นย้ายมาอยู่บนหลังมือ ก่อนที่จะค่อยๆเลือนหายไปกับไอเย็น ผมนึกถึงเรื่องราวในหนังสือที่ครับบ์เคยเล่าให้ฟัง เรื่องเล่นนมนานเกี่ยวกับหยาดน้ำตาแห่งความเศร้าที่กลายเป็นเกล็ดน้ำแข็ง พร่างโปรยลงสู่เบื้องล่าง เกล็ดน้ำตาเยียบเย็นโปรยปรายเป็นทุ่งหิมะอันไพศาล สีขาวและหนาวเย็น จนไร้ผู้คนเหยียบย่าง
ผมอุ้มร่างเธอเดินไปสุดขอบช่องฟรีซ ขอให้คุณตานักทำไอติม สร้างตู้น้ำแข็งกักความเย็น ผมวางร่างเธอไว้ในนั้น ทุกวันที่ผมตื่นผมต้องเดินทางมาที่กระท่อมของคุณตานักทำไอติม ยืนมองร่างเธอ แล้วแวะไปหาครับบ์ พอกลับจากบ้านครับบ์ ผมจะเวียนไปหาเธออีกครั้ง เฝ้ามองร่างเธอ ก่อนเดินทางกลับไปนอน
ผมทำเช่นนี้ทุกวัน มันเป็นหน้าที่แบบใหม่ สักวันเมื่อถึงวันที่ความทรงจำเก่าสลัดหลุด ผมอาจลืมช่วงเวลาแสนสุขที่นั่งเคียงข้างเธอเฝ้ามองดูเธอกินไอติมรสส้ม แต่ผมจะไม่มีวันลืมใบหน้าเธอ เพราะผมจะมาเฝ้าดูเธอทุกวัน เหตุการณ์จะวนซ้ำเฉกนี้เรื่อยไป ความทรงจำถึงใบหน้าและรูปร่างของเธอจะยังคงวนเวียนในความจำที่เกิดจากกิจวัตรเดิมที่ผมทำซ้ำทุกวัน เป็นหลักประกันว่าผมไม่มีทางลืมใบหน้าของเธอ แล้วผมก็จะเริ่มชินกับการกระทำที่เป็นอยู่ของตัวเอง อาจมีสักวันที่ผมถามครับบ์ระหว่างการสนทนาขึ้นมาว่า น้องหนูที่ฉันไปเฝ้าดูอยู่ทุกวันคือใครกัน?
.................................................................
จากคุณ :
อุปกรณ์ประกอบฉาก
- [
9 เม.ย. 48 00:07:57
A:203.113.81.36 X:
]