แต่รู้สึกว่าความคิดของชะอมกับความคิดของชายหนุ่มอำเภอข้างๆจะไม่ตรงกันเท่าไหร่นัก
ชายหนุ่มยืนอยู่หน้ากระจก ภาพที่สะท้อนกลับมาคือ ผู้ชายผิวสีแทน รับกับใบหน้าคมเข้ม ผมทรงรากไทรที่เริ่มจะยาวละบ่ากว้าง เขาสวมเสื้อเชิ๊ตสีขาวลายคลื่นน้ำทะเลตรงชายเสื้อด้านล่าง กางเกงขายาวสีดำ
ขณะที่กำลังสำรวจความเรียบร้อยของตนเองอยู่นั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ติยกรถอนใจก่อนเดินไปเปิดประตู เมื่อประตูเปิดออก ชายหนุ่ม 2 คน ก็ก้าวเข้าไปในห้อง หนึ่งในสองหันกลับไปมองเจ้าของห้องที่เพิ่งปิดประตู และเดินตามหลังมาอย่างเงียบๆ สายตาแปลกใจนั้นทำให้เพื่อนที่มาด้วยกันหันกลับไปมองเจ้าของห้องด้วยเช่นกันก่อนที่ทั้งสองจะแย่งกันตะโกนถามเสียงดัง
เอ๊ะ! ไอ้ต้นนั่นเอ็งจะไปไหนน่ะ แต่งตัวซะหล่อเฟี้ยวเชียว พิพัฒน์ถามขณะจ้องมองเพื่อนหนุ่มตาเขม็ง
นั่นสิ กลิ่นน้ำหอมเอ็งน่ะมันฉุนเสียจนคนทั้งรีสอร์ตไม่ต้องได้กลิ่นอะไรแล้ว วินโยถามขำๆ ก่อนกระโดดหลบไปไกล เพราะเห็นขาของติยกรเริ่มยก และเล็งมาทางเขา
นี่เอ็งสองคนจะไม่รู้อะไรสักเรื่องไม่ได้หรือวะ ติยกรถอนใจก่อนพูดกับเพื่อนน้ำเสียงหงุดหงิด
ไม่ได้หรอกโว็ย เพราะถ้าไอ้หน้าหล่ออย่างเอ็งเกิดคิดไปป้อสาวเมืองลำปางเข้า ข้าสองคนก็อดน่ะสิ ว่ามั๊ยไอ้โย พิพัฒน์พูดกลั้วหัวเราะก่อนจะโยนไปให้วินโย
จริงว่ะ อย่างนี้ต้องขัดขวาง แล้วทั้งวินโย พิพัฒน์ ก็วิ่งเข้าไปล็อคตัวติยกรไว้ ก่อนที่เขาจะอ้าปากร้องห้ามด้วยซ้ำ กว่าจะจัดการฉุดลากตัวเองออกจากเพื่อนหนุ่มได้ ติยกรก็หมดแรงลงไปนั่งหอบกับพื้น วินโยและพิพัฒน์นอนอยู่บนพรม แล้วทั้งสามก็หัวเราะใส่กันเสียงดัง หลังจากหัวเราะจนหนำใจแล้ว ติยกรก็ร่ายสบถให้เพื่อนทั้งสองอย่างยืดยาว ก่อนจบประโยคที่ทำเอาเพื่อนทั้งสองขำอีกรอบ
ไอ้บ้าเอ๊ย เอ็งทำเสื้อข้ายับหมดแล้ว
นี่ถามจริงๆวะต้น เอ็งจะไปไหนกันแน่ ถึงต้องเนี๊ยบขนาดนี้ ปกติข้าไม่เห็นเอ็งจะเดือดร้อนเรื่องเสื้อยับ หรือผมยุ่งอะไรอย่างนี้เลย วินโยเอ่ยถาม
อ๊ะ! เดี๋ยว เอ็งอย่าบอกนะว่าเตรียมตัวไปงานแฟชั่นโชว์เมืองเหนือคืนนี้ หลังพูดจบทั้งสองก็เห็นใบหน้าของติยกรแดงเรื่อขึ้น
เฮ้ย ไอ้ต้น เอ็ง บ้าไปแล้วเหรอ งานเขาเริ่มตอนทุ่มตรงนะ แต่นี่เอ็งแต่งตัวไปตั้งแต่บ่ายสองเลยเหรอ
ช่างข้าเถอะ ข้าจะไปช้า ไปเร็วมันก็เรื่องของข้า แล้วข้าก็จะไปทำธุระก่อนด้วย ติยกรตอบขวางๆ พลางมองนาฬิกาก่อนเดินไปที่โต๊ะหัวเตียงค้นหาอะไรบางอย่าง
สงสัยจะคิดถึงยัยชะอมเต็มทนแล้วสิวะ ว่าแต่เอ็งแน่ใจแล้วเหรอที่คิดจะไปขอคืนดีกับเขาอีกน่ะ
ก็เออน่ะสิ ติยกรตอบขณะมือยังค้นหาบางสิ่งต่อไป เอ็งก็รู้ว่าข้าพยายามตามหาเขามานานแค่ไหนแล้ว ข้าอยากอธิบายความจริงให้เขารู้ ข้าไม่อยากให้เขาเข้าใจผิดคิดว่าข้ามีคนอื่น จนหนีมาอย่างนี้ ที่สำคัญข้าอยากบอกเขาว่าไม่ว่าเมื่อไหร่ข้าก็ยัง
ยังพูดไม่ทันจบ ชายหนุ่มก็โดนเพื่อนขัดขึ้นเสียก่อน
เออๆ เก็บคำพูดเลี่ยนๆ ไปบอกยัยชะอมยอดรักของเอ็งเถอะ วินโยพูดยิ้มๆ ขณะนอนแผ่หราอยู่บนเตียง พิพัฒน์ที่นั่งเอกเขนกบนโซฟาตัวใหญ่จึงเสริมขึ้นว่า
นั่นสิ ว่าแต่เอ็งหาอะไรอยู่น่ะ ชายหนุ่มถามแล้วมองไปที่ติยกรที่กำลังรื้อค้นลิ้นชักโต๊ะที่หัวเตียงอยู่ ขณะนั้นสายตาก็เจอะเข้ากับกระดาษสีขาวแผ่นเล็ก ๆ ที่ตกอยู่ข้างโซฟา จึงเก็บขึ้นมาดู แล้วรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็ปรากฎขึ้นบนใบหน้า
ถ้าไอ้ที่เอ็งหา คือธุระที่เอ็งต้องไปทำล่ะก็ ใบรับดอกกุหลาบขาวเสริมพิเศษของร้าน For my love มันอยู่นี่ พิพัฒน์อ่านตามตัวอักษรบนกระดาษ ก่อนที่จะถูกแย่งไปอยู่ในมือติยกร
เมื่อแน่ใจว่าหมดทางปกปิดเพื่อนทั้งสองแน่แล้ว ติยกรจึงเอ่ยขึ้นมาด้วยเสียงเรียบๆ
พวกเอ็งนี่มันพวกสอดรู้แท้ๆเลย ใช่ ข้าจะไปรับดอกไม้ แล้วก็จะไปปรับความเข้าใจกับชะอม ก่อนเขาจะเดินแบบ เพราะถ้าไปคืนนี้แล้วคนคงเยอะ อาจไม่ได้เจอกันก็ได้ และถ้าเป็นอย่างนั้นข้าต้องขาดใจตายแน่ พูดจบติยกรก็เล่าเรื่องเมื่อวานที่เขาไปสั่งดอกกุหลาบขาวให้เพื่อนทั้งสองฟัง
สำหรับเพื่อนสนิททั้งสอง ติยกรกล้าพูดความในใจได้เต็มปาก เพราะมีแต่พิพัฒน์และวินโยเท่านั้นที่รู้เรื่องราวในอดีตเมื่อครั้งอยู่มหาวิทยาลัยปีสุดท้ายอย่างแท้จริง รวมถึงรู้ถึงความเจ็บปวดทรมานของเขาเมื่อตอนที่ชะอมหนีหายไป และก็เพื่อนทั้งสองอีกนั่นหละที่ช่วยเขาตามหาเธอแทบพลิกแผ่นดิน แต่ก็ไม่เจอ
ส่วนคนทั่วไปนั้นรู้แต่เพียงว่าเขาและเธอเลิกคบหากัน อันเกิดจากเขานอกใจ แต่ติยกรก็ไม่คิดจะแก้ไขข่าวลือที่ไม่จริงนั้นให้ถูกต้อง ก็เพราะคนเดียวที่เขาแคร์ คนเดียวมที่เขาอยากแก้ไขเรื่องราวต่างๆให้เธอเข้าใจ กลับไม่อยู่ให้เขาอธิบายความจริงใดๆเลย เธอหายไปทันทีที่เรียนจบ เขารู้แต่เพียงว่าเธอกลับบ้านต่างจังหวัดไปกับพี่ชาย จะจังหวัดใดก็สุดจะรู้ (คิดถึงตรงนี้ชายหนุ่มก็เจ็บใจทุกที ทำไมตอนคบกันไม่ถามเธอนะ แล้วก็ต้องถอนใจกับคำตอบที่ว่า เจอกันก็มัวแต่หวานซะจนมดขึ้น หยอกล้อกันจนเพื่อนแซว ) มือถือที่เคยคุย ติดต่อหากันทุกวัน ก็ติดต่อไม่ได้อีก แต่วันนั้นจนถึงวันนี้เขาก็ยังเผลอกดหมายเลขที่จำจนเจนใจนั้นเสมอ เพียงเพื่อหวังว่าสักวันจะได้ยินเสียงใสนั้นตอบกลับมาอีกครั้ง
แล้วสวรรค์ก็เห็นใจ เมื่อเพื่อนเก่าในคณะนัดชวนกันมาเที่ยวเหนือ หลังต่างต้องแยกย้ายกันหลังเรียนจบทำให้ไม่ได้เจอกันนาน ตัวเขาก็โดนพิพัฒน์กับวินโยประกบมา วันที่สามในการเที่ยว ทุกคนพักที่รีสอร์ตในอำเภอใกล้ตัวเมือง
แล้วนิศาเพื่อนเก่าคนหนึ่งในคณะที่ชายหนุ่มรู้เพียงว่าเธอกลับมาดูแลพ่อที่ป่วยเป็นอัมพาต หลังเรียนจบก็บังเอิญโทรมาหาน้ำ ซึ่งเป็นตัวตั้งตัวตีในการมาเที่ยวครั้งนี้ เมื่อนิศารู้ว่าเพื่อนทั้งหมดมาเที่ยวเหนือ แถมอยู่อำเภอใกล้ๆด้วย เธอจึงชวนมาดูงานแฟชั่นโชว์เมืองเหนือของจังหวัดที่จะจัดในคืนวันพรุ่งนี้ (หรือก็คือคืนนี้นั่นเอง ) ติยกรคงนั่งฟังเงียบๆ ถ้าน้ำไม่เอ่ยว่าคนที่เขาคิดถึงทั้งยามหลับยามตื่นร่วมเดินแสดงด้วย เขายังจำได้ถึงกิริยาอาการของตนเอง เมื่อได้ยินจากปากของเพื่อนสาวหลังวางโทรศัพท์จากนิศาแล้ว
นี่ๆ ทุกคนฟังนะ ยัยนิดโทรมาบอกว่าจะมีแฟชั่นโชว์เมืองเหนือ คืนพรุ่งนี้ ไปกันมะ เธอพูดเสียงดังเพื่อให้เพื่อนที่นั่งกระจายรอบห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ในบ้านพักรับรู้กันทั่ว
เพื่อนๆหันมาฟัง แล้วน้ำฝน ก็พูดขึ้นมา
เออ ไปสิ จะได้เจอยัยนิดด้วย ทุกคนในห้องเออออตามประโยคนั้น
หลังจากนั้นน้ำก็ปรายตามองมาทางติยกรพร้อมพูดด้วยเสียงปิดความตื่นเต้นไว้ไม่มิด
แล้วนายล่ะต้นไม่อยากไปเรอะ น้ำหันมาทำตาเป็นประกายขณะถามเขา
เอ๊ะ อะไรกันน้ำ ถ้าทุกคนไป เราก็ไปอยู่แล้ว ชายหนุ่มตอบเสียงแปลกใจที่น้ำเจาะจงถามเขาเฉพาะตัว
แต่ดูนายไม่ค่อยตื่นเต้นเลยนะ น้ำยังถามเสียงปิดความตื่นเต้นไว้ไม่มิดอยู่เช่นเดิม
แล้วจะให้มันตื่นเต้นจนเป็นลมเลยหรือไงล่ะ ยัยน้ำปลาตราไส้ตัน วินโยขัดขึ้นมาอย่างล้อเลียน
น้ำปลาตราไส้ตัน ค้อนให้วินโยวงใหญ่ ก่อนทำเสียงเล็กเสียงน้อยเมื่อพูดว่า
แล้วจะตื่นเต้นจนเป็นลมได้ไหมล่ะ ถ้าชั้นบอกว่างานแฟชั่นโชว์คืนพรุ่งนี้มีชะอมเดินแบบด้วย
ประโยคเด็ดนั้น ทำเอาทั้งติยกร วินโย พิพัฒน์ อ้าปากค้างไปได้ 10 วินาที ขณะที่คนเล่าขำกับอาการของสามหนุ่ม แต่พอวินาทีที่ 11 ติยกรก็กระโดดเข้าไปจับแขนของน้ำพร้อมตะโกนถามเสียงดัง
เธอว่ายังไงนะน้ำ ใครเดินแบบด้วยนะ
โอ๊ย เจ็บนะนายต้น ถ้าไม่ปล่อย ฉันไม่บอกอีกรอบนะ น้ำขู่ ทำให้ติยกรรีบปล่อยมือจากแขนของน้ำอย่างรวดเร็ว
บอกได้ยัง ชายหนุ่มถามซ้ำ
ก็ชะอม อดีตแฟนที่แกตามหาเสียให้ทั่วไง น้ำตอบพลางลูบแขนที่เพิ่งถูกหนีบเมื่อตะกี้ วินโยและพิพัฒน์ยังนั่งทำหน้าเบลอๆกับสิ่งที่ได้ยิน
อะไรจะบังเอิญขนาดนี้วะ เสียงพิพัฒน์บ่นพึมพำ
ใช่ อะไรจะบังเอิญขนาดนี้ เขาตามหาเธอมานานนับปี แต่อยู่ๆเธอก็โผล่มาหาเขาแบบไม่ตั้งตัว หรือฟ้าจะเห็นใจเขาอีกครั้งให้เขาได้พบเธอ แล้วฟ้าจะทำให้เธอยอมฟังความจริง และกลับมารักเขาอีกครั้งไหมนะ ไม่สิ ครั้งนี้ไม่ว่าฟ้าเบื้องบนจะช่วยเขาอีกหรือไม่ก็ตาม เขาจะทำให้เธอเข้าใจ และกลับมาเป็นยอดดวงใจของเขาให้ได้ด้วยตัวเขาเอง และเขาให้สัญญากับตัวเองว่าจะไม่มีทางปล่อยให้เธอหายไปจากชีวิตเขาอีกแล้ว
เมื่อคิดได้ดังนั้นชายหนุ่มจึงรีบออกจากบ้านพัก โดยไม่สนใจฟังเสียงตะโกนถามว่าไปไหนของเพื่อนฝูง เขาออกมาเจอสามล้อถีบพอดี จึงว่าจ้างให้พาเข้าและวนรอบตัวเมือง จนเจอกับร้านดอกไม้สองคูหา ติดถนนใหญ่ชื่อ FoR My LoVe เขาจ่ายเงินให้คนขับสามล้อ แล้วตัวเองก็เข้าไปในร้าน พลางมองหาดอกไม้ที่ต้องการ มองเท่าไหร่ก็ไม่มีจึงหันไปถามเด็กในร้านที่เดินตามมาเพื่อช่วยถือดอกไม้
ขอโทษครับ ไม่ทราบทางร้านมีดอกกุหลาบขาวบ้างไหมครับ
อ๋อ เมื่อสักครู่มีคนมาเหมาดอกกุหลาบไปหมดน่ะค่ะ พรุ่งนี้ถึงจะมีมาส่งใหม่ รับเป็นดอกไม้ชนิดอื่นแทนได้ไหมคะ พนักงานขายแนะนำ
'เอ่อ ไม่ล่ะครับ ผมต้องการกุหลาบขาวเท่านั้น ชายหนุ่มจำได้ว่าชะอมคลั่งไคล้ดอกกุหลาบแค่ไหน
ถ้าคุณไม่รีบใช้วันนี้ คุณสั่งจองแล้วเลือกแบบไว้สิคะ ทางเรามีบริการส่งให้ถึงที่เลยนะคะ พนักงานขายยังพยายามแนะนำ
อืออ ก็ได้ครับ คือผมต้องการใช้พรุ่งนี้ช่วงเย็น
งั้นได้เลยค่ะ พรุ่งนี้กุหลาบมาเราจะรีบจัดให้ทันที เชิญคุณมาเลือกแบบไว้ก่อน ทางนี้ค่ะ พนักงนคนเดิมกล่าวพร้อมพาชายหนุ่มไปเลือกแบบในอัลบัมขนาดใหญ่
ก่อนออกจากร้าน ติยกรรับกระดาษที่ออกเป็นใบเสร็จรับดอกไม้ และบอกพนักงานว่าพรุ่งนี้เขาจะมารับดอกไม้ที่ร้านเอง
เมื่อเล่าเรื่องสั่งดอกไม้จากต้นจนจบอย่างละเอียดแล้ว ติยกรจึงถามเสียงประชด
พอใจหรือยังครับ ท่านเพื่อนบังเกิดเกล้าทั้งสองของกระผม
เออ! ก็ถ้าเล่าตั้งแต่ทีแรก ก็หมดเรื่องแล้ว พิพัฒน์กล่าว ขณะที่วินโยพูดพร้อมทำมือประกอบท่าทาง ชิ่วๆ
หมดข้อสงสัย เอ็งไปได้แล้ว รีบไปเอาดอกไม้ให้ยอดยาหยีของเอ็งเถอะ อ้อ ข้าลืมบอกไป ติยกรหันมาฟังอย่างสนใจเพราะวินโยทำเสียงจริงจัง
เอ็งอย่าเข้าไปในร้านดอกไม้ของเขานานล่ะ เมื่อเห็นเพื่อนทำหน้าสงสัย วินโยจึงกล่าวเสริมต่อ
ที่ไม่ให้เข้านาน เพราะเดี๋ยวดอกไม้เขาจะกลิ่นเฉา เพราะน้ำหอมกลิ่นคล้าย คล้าย วินโยทำท่าคิดก่อนดีดนิ้วดังโปะ กลิ่นคล้ายดอกผกากรองของเอ็งหมด วินโยพูดพร้อมหัวเราะเสียงดัง
ติยกรยังไม่ทันโต้ตอบอะไร เสียงพิพัฒน์ที่เพิ่งพยายามกลั้นหัวเราะได้ก็ดังขึ้นมาเสียก่อน
เอ็งนี่แย่จริงๆไอ้โย ไปว่าไอ้ต้นมันทำไมวะ ว่าแต่ต้นเวลาเอ็งไปรับดอกไม้อย่าทำหน้าเป็นหมาตดไม่ออกอย่างนี้นะ เดี๋ยวเขานึกว่าเอ็งมารับดอกหมามุ่ย ไม่ก็ดอกหน้าวัวแทนจะมารับดอกกุหลาบ พิพัฒน์พูดจบก็ประสานเสียงหัวเราะกับวินโยดังลั่น
ติยกรแยกเขี้ยวก่อนออกจากห้อง เสียเวลาที่จะนั่งต่อปากต่อคำกับเพื่อนตัวดีปาก
ทั้งสอง ตอนนี้ทั้งสมองและหัวใจเขาเห็นแต่หน้าชะอม กับเสียงหัวเราะกังวานใสของหล่อนเท่านั้น
รอก่อนเถอะเย็นนี้เขาจะไม่ต้องนั่งนึก นั่งฝันหรือจินตนาการไปเองอีกแล้ว แต่จะดึงตัวหล่อนมากอดไว้แนบอกให้สมกับความคิดถึงที่มีอย่างมากมายของเขาให้ได้
ไม่เชื่อคอยดู เขาพูดกับตัวเองอย่างหมายมั่น
จากคุณ :
โมเช่ห์
- [
11 เม.ย. 48 16:10:19
A:202.28.9.82 X:
]