CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    สื่อสลับขั้ว (ตอนที่ 3) โดย กมลภัทร (ฉบับปรับปรุงย่อหน้า)

    พราวตะวันแยกเขี้ยวยิงฟันกับกระจกมองหลัง เมื่อรถคันหลังบีบแตรไล่รัว ๆก็ไม่ใช่ว่าหล่อนไม่รีบเสียที่ไหนล่ะ นี่ก็ใกล้เวลานัดแล้ว หญิงสาวคิดว่าต้องไปไม่ทันนัดแน่นอน แต่ก็ไม่อยากไปสายมากนัก นึกถึงเพื่อนสาวตัวต้นเหตุที่ทำให้หล่อนต้องเหยียบเต็มพิกัดอยู่ตอนนี้แล้วยิ่งหงุดหงิด

                  ‘หวัดดีจ้ะ แพท’ เสียงของเวณิกาไม่ค่อยดีนัก เมื่อตอนพราวตะวันรับโทรศัพท์เมื่อเช้า ตอนที่หญิงสาวเตรียมตัวจะไปเรียน
                  ‘วุ้นมีเรื่องให้แพทช่วยหน่อย’ เสียงปลายสายอ้อนวอนเต็มที่ ผิดจากทุกครั้งก็ตรงที่ฟังดูเนือย ๆ ไม่กระตือรือร้น
                  ‘เรื่องอะไร ฉันกำลังจะไปเรียนนะยัยวุ้น วันนี้เรียนถึงสี่โมงเลย จะมาให้ฉันไปนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อ วุ้นอย่างนั้นวุ้นอย่างนี้กับอีตาคุณปาล์มอะไรของเธอนั่น ฉันไม่ว่างจ้ะ’ พราวตะวันดักคอ
                   ‘พอดี......’ เสียงปลายสายนิ่งไปอย่างไม่แน่ใจ ก่อนที่จะพูดขึ้นเหมือนเพิ่งจะรวบรวมความกล้าได้
                   ‘วุ้นนัดคุณปาล์มเอาไว้วันนี้.......’
                   เวณิกาพูดชื่อห้างสรรพสินค้าดังแห่งหนึ่ง แล้วบอกชื่อร้านอาหารที่มีสาขาอยู่ตามห้างสรรพสินค้าใหญ่ ๆ
                  ‘วุ้นกะว่านัดกินข้าวเย็นกันที่นั่น พูดความจริงกับเขา แล้วจะได้ดูหนังกัน.......’
                  ‘หยุ้ด หยุด ๆ ๆ’ พราวตะวันรีบเบรก ก่อนจะแฟ่ด ๆ ใส่เพื่อนสาว ‘ไม่เห็นเธอ ปรึกษาหารือฉันก่อนเลยนะยัยวุ้น อยู่ดี ๆ ไปนัดเขาอีกได้ยังไงกันห๊า’
                  พราวตะวันเริ่มฉุน นั่งกระแทกลงบนโต๊ะอาหาร จนยายหันมามอง หญิงสาวจึงพูดเสียงเบาลง
                  ‘แล้วยังไงห๊า นัดเขาแล้วทำไมไม่ไปตามนัด เป็นอะไร’
                  ‘วุ้นไม่สบายน่ะ เป็นปวดหัว ลุกไม่ขึ้นเลย’ เวณิกาตั้งท่าจะอธิบายต่อ แต่เสียงเคาะประตูดังขัดจังหวะขึ้น พราวตะวันรอฟังได้ยินเสียงของดอกแก้วถามลูกสาวเบา ๆ
                  ‘ปวดหัวแล้วทำไม ไม่นอนพักล่ะจ้ะวุ้น’
                  ‘วุ้นกำลังขอร้องแพทให้ช่วยไปธุระให้วุ้นค่ะแม่ พอดีวุ้นมีนัดสำคัญแต่.......’
                   ‘มานี่สิ เดี๋ยวแม่พูดเอง’
                  ได้ยินแค่นั้น พราวตะวันก็ถอนใจ ดอกแก้วเป็นอย่างนี้เสมอ ตามใจและเอาใจลูกสาวคนเดียว ลืมนึกด้วยซ้ำว่าเวณิกาเปิดร้านขายขนม จะมีนัดอะไรสำคัญนักหนา แต่พอได้ยินได้เห็นสีหน้าออดอ้อนของลูกแล้ว ดอกแก้วก็อดรนทนไม่ได้ ต้องลงมือเอง

                  ‘แพทเหรอลูก วันนี้วุ้นเขาป่วยน่ะจ้ะ คงไปนัดสำคัญอะไรของเขาไม่ได้ แพทช่วยไปทำธุระแทนวุ้นเขาทีนะจ้ะ’
                  พราวตะวันอ้าปากค้างพูดไม่ออก รู้ตัวอีกที ก็ต้องกลับขึ้นห้อง เอาเสื้อผ้าที่ไม่ค่อยยับใส่กระเป๋าเป้ใบเล็ก ๆ ขออนุญาตตาเอารถยนต์ออกมาใช้ ปกติพราวตะวันไม่ขับรถ นอกจากต้องไปทำงานกลับดึก จึงจะเอารถยนต์ของตามาใช้ แต่เมื่อคำนวณสถานที่ เวลานัด กับเวลาเรียนของตัวเองแล้ว คิดว่าใช้รถน่าจะสะดวกกว่า
                  ลงท้ายหญิงสาวก็ต้องมาเหยียบเป็นนางเอกหนังสปีดอยู่ตอนนี้ เห็นห้างสรรพสินค้าที่เป็นจุดนัดหมายอยู่ไกล ๆ ดีที่วันนี้การจราจรไม่ค่อยติดขัดนัก ไม่อย่างนั้น หญิงสาวคงจะหงุดหงิดกว่าที่เป็นอยู่
                 จอดรถได้หญิงสาวก็รีบคว้าเป้ลงจากรถ พนักงานรักษาความปลอดภัยมองหญิงสาวในชุดนักศึกษาที่ก้าวฉับ ๆ หน้าตาบอกบุญไม่รับ แถมปากบ่นงึมงัม ๆ เดินจ้ำอย่างรวดเร็วเข้าประตูที่ต่อเชื่อมลานจอดรถกับอาคารไป
                  พราวตะวันรีบก้าวฉับเข้าห้องน้ำเพื่อผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า เฮ้อ ถึงหญิงสาวจะค่อนข้างหัวสมัย แต่ก็เคารพสถาบัน เคารพสถานภาพนักศึกษา หญิงสาวจึงต้องเตรียมเสื้อผ้ามาเปลี่ยน ด้วยความรีบร้อน หญิงสาวไม่ทันได้สังเกตเห็นสายตาคู่หนึ่งที่มองมาอย่างสงสัย
                  ปริวัตรบอกว่าหญิงสาวเรียนจบแล้วกำลังรอรับปริญญา บดินทร์จึงออกจะแปลกใจ เมื่อเห็น ‘คุณวุ้น’ ใส่ชุดนักศึกษาเดินคว้าเป้ลิ่ว ๆ เข้าห้องน้ำไป
                  ชายหนุ่มยิ้มออกมาเมื่อคิดใคร่ครวญถึงเรื่องทั้งหมด ยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินไปยังร้านอาหารที่เป็นจุดนัดหมาย นั่งรออย่างใจเย็น จนกระทั่งเห็นหญิงสาวในชุดลำลองสบาย ๆ เดินเข้ามาในร้าน มองสบตาหญิงสาว แล้วยิ้มให้

                  โอ๊ย จะบ้าตาย วันนี้กะจะมาเอ่ยปากบอกความจริง ดันมายิ้มกระจ่างชวนฝันให้หวั่นไหวเสียอย่างนั้นแหละ พราวตะวันนึกฉุน เลยไม่ได้ยิ้มตอบชายหนุ่มแต่ก็เดินไปนั่งบนเก้าอี้ตรงข้ามบดินทร์ ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า หญิงสาวเหมือนเห็นแววตาที่มองมาเหมือนรู้ทันของชายหนุ่มตรงหน้า
                  “สั่งอาหารเลยไหมครับ คุณวุ้น” เสียงเรียกคุณวุ้นฟังแปร่ง ๆ พิกล แต่หญิงสาวรีบขับรถ รีบแต่งตัวมา กระเพาะอาหารเริ่มเรียกร้อง จึงเปิดรายการอาหารดู สั่งอาหารกับของทานเล่นอย่างละจาน
                  ชายหนุ่มหันไปสั่งอาหารเพิ่มอีกอย่าง ก่อนที่จะหันมามองหญิงสาวตรงหน้า นึกอยากจะลองยั่วแหย่ขึ้นมาติดหมัด วันนี้ที่จริงตามแผน บดินทร์จะมาบอกความจริงกับหญิงสาว แล้วค่อยให้ปริวัตรตามไปขอโทษที่ร้าน แต่เมื่อ
    สงสัยว่าเพื่อนตนก็จะโดนหลอกเหมือนกันอย่างนี้ เขาก็ชักนึกสนุก
                   “เรียน เอ๊ย ร้านเป็นยังไงบ้างครับ”
                   เอ่อ แปลกผู้ชายตรงหน้า วันก่อนที่ไปที่ร้านถามคำตอบคำ ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา หน้าตาเหมือนโดนบังคับให้กินยาเบื่อ แต่ทำไมวันนี้อารมณ์ดีจัด พูดไปยิ้มไป
    อารมณ์ดีอะไรหนักหนา หรือว่าถูกหวย พราวตะวันนึกในใจ เอาเป็นว่านั่งคุยกัน กินข้าวกันอีกสักมื้อ แล้วค่อยบอกความจริงไปตอนจะแยกย้าย
                  “ก็ดีค่ะ ขายหมดเหมือนทุกวัน” พราวตะวันมั่นใจ ร้านของเวณิกาถึงจะไม่ได้หรูหราใหญ่โต แต่อยู่ใกล้โรงเรียน แถมไม่ไกล ก็มีมหาวิทยาลัยเอกชน ในซอยมีหอพัก อพาร์ทเมนต์ คอนโดมิเนียมที่มีนักศึกษามาพักกันหลายแห่ง ทั้งฝีมือของเวณิกายังจัดว่าเข้าขั้นมืออาชีพอยู่เหมือนกัน
                   “คุณวุ้น นี่เก่งนะครับ”
                  คำพูดเหมือนชม แต่ทำไมฟังแล้วพราวตะวันร้อน ๆ หนาว ๆ ชอบกล แปลกวันก่อนเมื่อชายหนุ่มพูดจาถามคำตอบคำ หล่อนก็ไม่พอใจ แต่วันนี้เกิดเขาจะพูดจะจา
    ขึ้นมาหญิงสาวก็เกิดประหม่าไปเสีย พอดีบริกรนำอาหารมาเสิร์ฟ หญิงสาวก็รู้สึกโล่งขึ้นเหมือนมีระฆังช่วย
                  นั่งกินไปก็เกร็งไป นึกหาคำพูดสวย ๆ ที่จะอธิบายให้หนุ่มตรงหน้าเข้าใจ พราวตะวันโกหกเพื่อช่วยเพื่อน แต่ก็ไม่อยากให้ชายหนุ่มตรงหน้าเห็นหล่อนเป็น
    คนปลิ้นปล้อน
                  พราวตะวันรู้สึกว่าไม่อยากให้อาหารเย็นมื้อนี้จบลงเร็วนัก ใจหนึ่งเพราะกังวลอยู่เหมือนกัน ที่ต้องเป็นคนบอกความจริงกับชายหนุ่มด้วยตนเอง กลัวว่าจะดูไม่ได้หรอกนะ ไม่ใช่เหตุผลอื่น แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่อยากจะหาเหตุผลต่อ ว่าทำไมถึงไม่อยากจะดูไม่ดีในสายตาชายหนุ่มตรงหน้า
                  พราวตะวันละเลียดขนมหวานตรงหน้า อย่างช้า ๆ ช้าที่สุดเท่าที่จะช้าได้ ไม่ได้อยากเป็นกุลสตรีอะไรนักหรอก แต่.....เฮ้อ หญิงสาวถอนใจ เอาล่ะ ตายเป็นตาย ผู้ชายตรงหน้าคงไม่กลายร่างกลายเป็นปีศาจมาไล่ทำร้ายหล่อนหรอกนะ
                  “คุณปาล์มคะ ฉันมีเรื่องจะบอกคุณค่ะ” อยู่ ๆ หญิงสาวก็พูดพรวดออกมา อธิบายเรื่องทั้งหมด พูดไปใส่อารมณ์ไป ตีหน้า เอ้ย แสดงสีหน้าเสียอกเสียใจใน
    ความผิดด้วย เมื่อเล่าถึงความจำเป็นที่ตัวเองต้องรับสมอ้างแทนเพื่อน แต่ชักจะสลดจริง ๆ เมื่อเห็นชายหนุ่มตรงหน้านั่งนิ่งไม่พูดไม่จา รับฟัง พยักหน้า แต่มีสีหน้าไม่บ่ง
    บอกอารมณ์อะไรเลย
                  เขาควรจะโกรธสิ พราวตะวันคิด อุตส่าห์เตรียมหน้าเสียเอาไว้แล้วด้วยนะ แปลก.....น่าจะดีใจที่เขาไม่โกรธ แต่ทำไมไม่สบายใจ
                  “ฉันมีเรื่องจะพูดแค่นี้ค่ะ ยัยวุ้น เขาชอบคุณมาก ๆ ฉันหวังว่าเรื่องที่เกิดขึ้น คงไม่ทำให้คุณเลิกติดต่อกับยัยวุ้นนะคะ” หญิงสาวพูดแล้วคว้าเป้ที่วางไว้ข้างตัวกำลังจะลุก แต่ชายหนุ่มที่นั่งฟังเงียบอยู่นาน ๆ คว้าแขนเอาไว้ก่อน

                บดินทร์นั่งฟังหญิงสาวตรงหน้าเพลิน นึกขำเมื่อเห็นใบหน้าหญิงสาวขณะที่เล่าความจริงให้ฟัง ลืมนึกไปว่าเขาเองก็กำมะลอพอ ๆ กัน แต่เมื่อเห็นพราวตะวัน
    กำลังจะลุกขึ้น จึงได้สติ เขาเองก็ตกลงกับปริวัตรเอาไว้เหมือนกันว่าจะบอกความจริงกับหญิงสาว นึกแล้วก็ได้แต่ถอนใจ
                  “ผมก็ไม่เรื่องจะบอกคุณเหมือนกัน นั่งลงก่อนสิครับ คุณแพท”
                 หญิงสาวมองหน้าแววตาเต็มไปด้วยคำถาม แต่ก็ยอมนั่งลงโดยดี ฟังชายหนุ่มเล่าความจริงให้ฟัง พราวตะวันนั่งตาค้าง ปากเหมือนจะอ้าพูดอะไร แต่ก็หุบลงเป็น
    พัก ๆ บดินทร์มองหน้าหญิงสาวไปเล่าไป พลางนึกหวั่นใจ ไม่รู้ว่าเล่าจบ พราวตะวันจะนั่งนิ่งอย่างนี้ต่อ หรือว่าจะ.......

                  เล่ายังไม่ทันจบดี พราวตะวันก็ตอบออกมาเสร็จว่าจะทำอย่างไร เมื่อหญิงสาวโวยลั่น
                  “นี่คุณกับเพื่อนคุณ ช่างรวมหัวกันดีนักนะ” พราวตะวันพูดเสียงไม่เบานัก ทำเอาคนอื่นในร้านหันมามอง บดินทร์ได้แต่ทำปากจุ๊ ๆ เตือนให้หญิงสาวลดเสียง พราวตะวันไม่ได้สนท่าทางของเขา แต่สายตาที่มองมาอย่างสงสัยของโต๊ะอื่น ๆ ต่างหากที่ทำให้ยอมลดเสียงลง ...นิดหน่อย
                  “คุณกับนายปาล์มเพื่อนคุณ มันโกหก ปลิ้นปล้อน กะล่อนครบสูตรจริง ๆ “
                  ชายหนุ่มตรงหน้าไปตอบอะไร แต่แววตาที่มองมาเหมือนมีคำถาม บดินทร์เลิกคิ้ว มองหน้าหญิงสาว พราวตะวันจึงชะงัก ที่จริงเวณิกากับหล่อนก็หลอกลวงพอกัน แต่
    เรื่องต่อจากนี้ต่างหากที่หญิงสาวไม่ทันคิด โธ่ สงสารเพื่อนนัก นึกว่าเจอเทพบุตรเข้าแล้ว ปรากฏว่ากำมะลอซะได้
                  “เฮ้อ จะว่าไปฉันก็ว่าคุณไม่เหมือนลูกชาย เจ้าของร้านอาหารตามสั่ง ข้าวขาหมู ข้าวหมูแดง หมูกรอบอะไรอย่างที่วเพื่อนฉันเล่าให้ฟังเลย บุคลิกไม่ให้”
                  “ผมก็คิดว่าคุณไม่น่าจะใช่ผู้หญิงที่มานั่งทำขนม เฝ้าร้านขนมเหมือนกัน.......ยิ่งเห็นตอนที่คุณใส่ชุดนักศึกษาคว้ากระเป๋าเดินลิ่วเข้าห้องน้ำยิ่งสงสัย มาแน่ใจตอนคุณสารภาพบาป เอ้ย สารภาพความจริงนั่นแหละ”
                  บดินทร์อดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นหญิงสาวมองด้วยสายตาขัดเคือง เมื่อเขายั่วแหย่
                 “ผมมีแผน.....” เขาพูดขึ้นหลังจากที่ไตร่ตรองอยู่ชั่วขณะ “คุณอยากดัดนิสัยเพื่อนคุณบ้างไหม ? ผมล่ะอยากจะดัดนิสัยนายปาล์มเพื่อนผมเต็มแก่”
                  พราวตะวันนั่งฟังอย่างตั้งใจ คอชักแห้งจึงหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม แทบจะสำลักน้ำพรวด เมื่อชายหนุ่มพูดต่อ
                  “เรามาแกล้งชอบกันจริง ๆ ดีไหม”

    จากคุณ : Jason_Bourne - [ 12 เม.ย. 48 09:17:37 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป