CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    แรงรัก ลางร้าย (ตอนที่ 4-6) โดย กมลภัทร

    ตอนที่ 4
                   โรงอาหารของวราพงษ์ เป็นอาคารเปิดโล่งสามด้าน มีพัดลมเพดานเรียงกันตลอดแนวของโต๊ะหน้าขาวขนาดนั่งได้ประมาณสิบคน ที่เรียงกันอยู่สี่แถวละ
    ประมาณสิบตัว แม้จะไม่ได้มีการแบ่งส่วนชัดเจน แต่พนักงานฝ่ายผลิตในโรงงาน กับพนักงานที่ประจำสำนักงานก็นั่งแบ่งกลุ่มกันชัดเจน หญิงสาวทั้งสองเลือกนั่งแถวนอกสุด เพื่อรับลมจากภายนอกอาคาร
                  ญาณิสาอมยิ้มเมื่อเห็นอิงอร ก้มหน้าก้มตากินอาหารที่ ‘แค่พอกันตาย’ อย่างรวดเร็ว เห็นหญิงสาวตรงหน้าแล้ว พลอยทำให้ญาณิสาเจริญอาหารไปด้วย แม้ว่าผัดเผ็ดหมูออกจะมันไปนิด ผัดผักรวมก็เย็นชืดและค่อนข้างจืด ส่วนข้าวก็ออกจะแข็งอยู่สักหน่อย ดีแต่ว่ามีน้ำซุปจากแกงจืดรสมาตรฐานที่พอจะช่วยให้คล่องคอขึ้นบ้าง
                  “ค่อย ๆ กินก็ได้อร เดี๋ยวได้สำลักกันพอดี” อัครพลที่เพิ่งนั่งลงข้าง ๆ อิงอรพูดขึ้น ส่ายหน้าเล็กน้อยแต่ใบหน้ายิ้มแย้มอย่างเอ็นดูมากกว่าจะตำหนิ
                  “แหม พี่โอมขา........” อิงอรลากเสียงยาว จนคนฟังคนลุก สุทธิพงษ์ที่เพิ่งตามมาสมทบอดจะยิ้มไม่ได้ ยามที่ยิ้มแย้มอารมณ์ดี ชายหนุ่มดูดีขึ้นกว่าตอนนั่งเคร่งขรึมทำงานอยู่ไม่น้อย
                  “อรวัยกำลังกินกำลังนอนนี่คะ อีกอย่างนึง ขืนกินช้า เวลาพักก็น้อยลงสิคะ”
                  “เวลาเม้าท์ มากกว่าล่ะมั้งอร” อัครพลดักคอ
                 “ไม่พูดด้วยแล้วล่ะ เสียเวลากิน” อิงอรค้อน ก่อนที่จะก้มหน้าก้มตากินต่อ ญาณิสายิ้มให้กับอัครพลก่อนที่สายตาจะปะทะเข้ากับสายตาที่มองมาอย่างประเมินของหญิงสาวอายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับหล่อน หากแต่งตัวดูภูมิฐานแสดงฐานะและตำแหน่งในบริษัท
                 หญิงสาวกำลังพูดคุยอยู่กับพรพิมล ญาณิสาเห็นพรพิมลมองมาทางเธอด้วยสีหน้าที่แสดงความหนักใจ เอาอีกแล้ว ความรู้สึกอึดอัด หายใจไม่ออก ญาณิสาใจสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ และไม่อาจละสายตาจากพรพิมลและหญิงสาวอีกคนได้ อิงอรที่สังเกตเห็น หันหลังไปมองตาม
    สายตาของหญิงสาว  
                  “เอาแล้วไง เจ้าแม่ มาสำรวจสมาชิกใหม่แล้ว” อิงอรพูดเบา ๆ ทำให้อัครพลที่นั่งข้าง ๆ กระแอมเตือน แต่ก็ช้าไปแล้ว ญาณิสาสงสัยในท่าทีของหญิงสาวที่หล่อนไม่รู้จัก
                  “ใครน่ะอร”
                  “คุณวีน เอ๊ย คุณวิว จ้ะ เป็นผู้จัดการฝ่ายตลาด เดี๋ยวช่วงบ่ายสาคงเจอ…...” อัครพลกระแอมเตือนอีกครั้ง  อิงอรจึงยั้งไว้แค่นั้น ไม่ได้พูดต่อออกมาว่า ฤทธิ์เดชแม่คุณเข้าให้เองแหละ
                  “กิน ๆ เข้าไปเยอะ ๆ ก็ดีนะ อร จะได้สงบปากสงบคำบ้าง” อิทธิพลเตือนด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความห่วงใยมากกว่าจะดุ
                  “นี่อยู่ในบริษัทนะ ใครได้ยินเข้ามันไม่ดี เราเองจะเดือดร้อน”
                  อิงอรจึงเงียบไปได้ หากแต่ก็ลอบมองตาญาณิสาแล้วทำสีหน้าล้อเลียน

                  ตกบ่ายญาณิสาก็ได้เจอกับ ‘ฤทธิ์เดชแม่คุณ’ ที่อิงอรตั้งใจจะเตือน ภัทร พาหญิงสาวเข้าไปในห้องของผู้จัดการฝ่ายผลิตหลังจากที่พาหญิงสาวไปแนะนำกับบิดาผู้มีตำแหน่งเป็นประธานบริษัท
                  ภมรเป็นชายวัยห้าสิบกว่า แต่ยังดูหนุ่มกว่าอายุมากเนื่องจากเป็นคนที่ทำงานตลอด จึงดูกระฉับกระเฉง การแนะนำตัวกับภมรผ่านไปได้ด้วยดี ชายผู้สูงวัยมีทีท่าเอ็นดูหญิงสาวอยู่มาก โดยเฉพาะเมื่อเห็นแววตาที่ลูกชายคนโตมองหญิงสาว
                 ออกจากห้องของภมร ภัทรก็พาหญิงสาวไปยังห้องของผู้จัดการฝ่ายผลิต ซึ่งเป็นชายหนุ่มวัยน่าจะอ่อนกว่าภัทรประมาณสองปี
                  “นี่ คุณภีม น้องชายผม เขาดูแลเรื่องการผลิตทั้งหมด”
                  หญิงสาวคนเดียวในห้องกระพุ่มมือไหว้ชายหนุ่มผิวเข้ม รูปร่างสูงใหญ่ใบหน้าแม้จะไม่คมคายเหมือนภัทรแต่ก็จัดว่าเป็นชายหนุ่มดูคมเข้มไม่น้อย เขายิ้มแย้มให้หญิงสาวเมื่อพี่ชายแนะนำหล่อนให้รู้จัก
                  “เดคอร์ จะได้มีสาว ๆ เพิ่มมาอีกคนนะครับ พี่ภัทรคงสดชื่นขึ้น” น้ำเสียงมีแววล้อเลียน เมื่อรอยยิ้มแต้มใบหน้า ภีมดูอ่อนเยาว์กว่าเมื่อครู่มาก ชายหนุ่มตั้งท่าจะพูดคุยกับญาณิสาต่อ แต่กลับถูกขัดจังหวะ เมื่อประตูห้องเปิดออกมาโดยไม่มีสัญญาณใด ๆ พร้อมกับความรู้สึกเย็นวูบ จนญาณิสาต้องห่อไหล่เล็กน้อย
                  ‘คุณวีน’ ที่อิงอรพูดถึงเมื่อกลางวัน ก้าวเข้ามาในห้องไม่พูดพล่ามทำเพลง
                  “ฝ่ายผลิตทำงานช้าอีกแล้วนะคะ พี่ภีม อย่างนี้ลูกค้าไม่พอใจแน่” หญิงสาวตั้งท่าโวยแต่ก็ชะงักเมื่อเห็นว่าภีมไม่ได้อยู่คนเดียว
                  “พี่กำลังว่าจะพา สา เอ่อ...คุณญาณิสา ไปแนะนำที่แผนกพอดี” ภัทรเอ่ยขึ้นก่อนที่จะหันมาทางญาณิสา
                  “นี่คุณ วิมาดา น้องสาวอีกคนของผม เธอดูแลงานตลาด” ชายหนุ่มเน้นคำว่าน้องสาวทำให้วิมาดาทำสีหน้าไม่ค่อยพอใจนัก เดินเข้ามาเกาะแขนของภัทรไว้อย่างจะแสดงความเป็นเจ้าของ ไม่สนใจญาณิสายกมือไหว้หล่อน
                  “นี่คุณสา เธอจะมาทำงานที่เดคอร์ ช่วยงานคุณโอม”
                  “วันนี้ตอนเย็น พี่ภัทรว่างใช่ไหมคะ ไปเป็นเพื่อนวิวหน่อยนะคะ วิวว่าจะไปหาซื้อเสื้อผ้า ข้าวของสักหน่อย” เมื่อเห็นชายหนุ่มทำท่าอึกอักหญิงสาวก็รบเร้า โดยไม่สนใจอีกสองคนที่คนยืนคนหนึ่งนั่งทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ในห้อง
                  “ห้ามปฏิเสธนะคะ พี่ภัทร ไม่ได้ไปเที่ยวกับวิวตั้งนานแล้ว”
                 ภีมที่ปรับสีหน้ารับสถานการณ์ได้เร็วกว่าหญิงสาวที่เพิ่งมาใหม่ หัวเราะเบา ๆ ก่อนที่จะแหย่ขึ้นมา
                  “นั่นสิ เราสามคนพี่น้อง ไม่ได้ไปไหนมาไหนกันตั้งนานแล้วนะ พี่ว่าชวนคุณพ่อคุณแม่ไปด้วยดีไหม ยัยวิว” ภีมพูดโดยเน้นคำว่าสามคนพี่น้อง จนญาณิสารู้สึกได้ อันที่จริงแม้ชายหนุ่มไม่พูดอะไรหญิงสาวก็พอจะจับได้ว่า ‘พี่ภัทร’ คงไม่ใช่ พี่น้องร่วมสายเลือดกับวิมาดา
                 “พี่ภีมน่ะ เอาเวลาไปป้อสาว ๆ ของพี่ภีมเถอะ คุณพ่อคุณแม่ท่านก็ไม่ชอบออกไปไหนมาไหน วิวไปกับพี่ภัทรสองคนก็พอ”
                  ญาณิสายืนนิ่ง รู้สึกเหมือนกับไม่มีตัวตนอยู่ในห้อง สายตาของชายหนุ่มสองคนในห้องมองมาอย่างเห็นใจ ก่อนที่ภัทรจะขยับตัวอย่างอึดอัด ค่อย ๆ ปลดมือของวิมาดาที่ออก
                 “เดี๋ยวพี่จะพา คุณสา เขาไปแนะนำกับแผนกอื่น ๆ อาจจะพาเข้าไปข้างหลัง ดูโรงงานด้วย วิวมีธุระกับภีมใช่ไหม คุยกันต่อนะ พี่ขอตัว”
                  วิมาดาคอแข็ง เสียหน้าเล็กน้อย แต่ก็ยังพยายามทำสีหน้าปกติ รับไหว้ญาณิสาอย่าง
    แข็ง ๆ ผิดกับภีมที่ยิ้มแย้มให้และอวยพรให้หญิงสาวเริ่มต้นทำงานอย่างสนุก

                  ออกจากห้องของภีม ภัทรพาญาณิสาไปแนะนำกับแผนกอื่น ๆ ในตึกใหญ่ ก่อนที่จะ
    พาหญิงสาวเดินไปด้านหลังเพื่อชมโรงงาน
                  “วราพงษ์ยังไม่ทิ้งงานเฟอร์นิเจอร์ไม้ ถึงไม้จะหายาก แต่ก็ยังพอจะมี แล้วตลาดก็ยังเปิดรับอยู่ เราเลยมีโรงงานเล็ก สำหรับเฟอร์นิเจอร์ไม้ด้วยงานไม้ต้องละเอียด อีกอย่างเรารอออเดอร์มาก ๆ ก็ไม่ไหว ก็เลยเน้นมีช่างฝีมือไว้โดยเฉพาะมีโรงงานแยกต่างหาก จากพวกเฟอร์นิเจอร์แนวโมเดิร์น”
                  ภัทรเดินนำหญิงสาวเข้าไปในโรงงานขณะช่างคนหนึ่งกำลังจัดติดลูกประคำบนส่วนที่น่าจะเป็นหัวเตียง ส่วนคนอื่น ๆ กำลังขัดผิวไม้ให้เรียบ
                  “บางครั้งก็จะมีงานออกแบบพวกบ้านตัวอย่าง อะไรพวกนี้บ้างนะ เจ้าของโครงการเขาอย่างได้เฟอร์นิเจอร์ไม้แนวยุโรปบ้าง ของเราก็จะมีเฟอร์นิเจอร์ไม้อยู่หลายรุ่นเหมือนกันยังไงคุณคงต้องลองดูจากแคตาล็อคที่มีอยู่ ดูว่าจะจัดชุดไหน”
                  เสร็จจากการแนะนำกับฝ่ายต่าง ๆ และเยี่ยมชมโรงงาน กลับเข้าสำนักงาน ภัทรก็ให้หญิงสาวเอาแคตาล็อคสินค้าของวราพงษ์มาศึกษาดู ตลอดเวลาที่พาญาณิสาภัทรมองหญิงสาวด้วยแววตาที่สื่อความหมาย แต่ท่าทีของชายหนุ่มกลับไว้ตัว เหมือนไม่มั่นใจอะไรบางอย่าง
                  หญิงสาวเองก็รู้สึกได้ถึงความหวั่นกลัวอะไรบางอย่างในท่าทีของภัทร นอกจากความรู้สึกของญาณิสาจะเกิดขึ้นเป็นลางบอกเหตุการณ์บางอย่างแล้ว บางครั้งหญิงสาวก็เหมือนจะจับความรู้สึกของคนใกล้ชิดได้ดีเป็นพิเศษ

                  ญาณิสานั่งเปิดแคทตาล็อคสินค้าอย่างสนใจ วราพงษ์มีสินค้าประเภทเฟอร์นิเจอร์หลายรูปแบบ หญิงสาวจึงใช้เวลาเปิดดูรูปภาพศึกษา จนลืมเวลาห้าโมงเย็นอัครพลก็เรียกให้หญิงสาวกลับบ้าน โดยสุทธิพงษ์รีบเดินจ้ำออกไปก่อนแล้วโดยไม่ได้ทักทายใคร ญาณิสายกมือไหว้อัครพลแล้วนั่งรออิงอร ที่ขอติดรถกลับบ้านด้วยสักครู่อิงอรก็ออกมาจากห้องภัทร
                  “พรุ่งนี้สงสัยโครงการไปกินก๋วยเตี๋ยวซอยข้าง ๆ คงต้องยกเลิกแล้วล่ะสา” อิงอรย่นจมูก
                  “คุณภัทรฝากมาบอกให้สาเตรียมตัว เธอจะพาออกไปพบลูกค้าแถวปทุม เห็นว่าอยากให้สาไปพูดคุยสอบถามความต้องการกับลูกค้าเอง” อิงอรพูดขณะที่เก็บข้าวของใส่กระเป๋า
                  “งานเข้ามาเยอะเหมือนกันนะช่วงนี้ สาเข้ามาจะได้ช่วยพี่โอมกับคุณพงษ์เขา”
                  อิงอรละข้อสังเกตของตัวเองว่าปกตินั้นภัทรไม่ค่อยจะพาใครออกไปพบลูกค้าด้วย หากต้องการให้พูดคุยกับลูกค้าเอง ภัทรก็จะมอบหมายให้อัครพลหรือสุทธิพงษ์ไปเอง โดยเขาเป็นฝ่ายติดต่อลูกค้าให้ อิงอรถอนใจเมื่อนึกถึง ‘คุณวีน’ ก็หนักใจ นึกสงสารหญิงสาววัยไล่เลี่ยกันที่อาจจะต้องเจอศึกหนัก ถ้าหากภัทรเกิดสนใจหญิงสาวขึ้นมาจริง ๆ แต่จะพูดอะไรไปก็เกรงจะทำให้ญาณิสาใจเสียตั้งแต่เพิ่งเริ่มงาน จึงไม่พูดอะไร
                  “ไปได้แล้วล่ะสา เก็บของเสร็จแล้ว”

                  ภัทรยืนอยู่ริมหน้าต่างกระจกมองหญิงสาวสองคนที่ก้าวเข้าไปในรถ ก่อนที่รถจะแล่นออกไป ชายหนุ่มถอนใจ อดีตของเขาฝังแน่นลึกในความทรงจำเกินกว่าที่จะคิดเริ่มต้นกับหญิงสาวที่โชคชะตาพาให้เขาได้มาพบกับเธออีกครั้ง
                  ชายหนุ่มมัวแต่มองตามรถยนต์ของหญิงสาว แล้วจมอยู่กับความคิดของตัวเอง จนไม่ทันได้สังเกตว่า วิมาดาเปิดประตูเข้ามาแล้วมองตามสายตาของเขาด้วยแววตาวาวโรจน์ แต่เมื่อภัทรรู้สึกตัวหันมามองที่ประตู วิมาดาปรับสีหน้าเป็นปกติ ยิ้มแย้ม เดินเข้าหาชายหนุ่ม
                  “ไปกันเถอะค่ะพี่ภัทร วิวหิวข้าว เดี๋ยวไปนั่งร้านอาหารอร่อย ๆ กันก่อนนะคะ แล้วค่อยไปซื้อของกัน”

    จากคุณ : Jason_Bourne - [ 12 เม.ย. 48 11:24:38 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป