CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    จังหวะชีวิต

    จังหวะชีวิต
                                                                             

                       เมื่อเดือนก่อน ผมอ่านคอลัมน์ จังหวะชีวิต ในนิตยสารโล่เงิน เฉพาะราศีมีน อันเป็นเดือนเกิดของผมได้ความว่า

                      " ตัวท่านเองจะมีทุกข์ใจ ร้อนใจ ไม่สงบ มีเคราะห์กรรมแต่ปางก่อนมารบกวน ทำสิ่งใดก็มักจะผิดหวัง "

                       พอถึงเดือนนี้ก็ทำนายว่า

                      " ขอให้ท่านทำบุญ สวดมนต์บูชาพระเสาร์อยู่เสมอ การงานและการเสี่ยงโชคก็ทำท่าจะดี แต่ก็อย่าเพิ่งไว้ใจ จะผิดหวังได้ง่าย ๆ  ความสูญเสียยังคงมีมาจากมิตรสหายของท่าน "

                       ผมอ่านแล้วก็เฉย ๆ เพราะผมเชื่อตามคำ ที่พระท่านเทศน์อยู่เสมอว่า  การทำดีเป็นฤกษ์ดี ดวงดาวจะทำอะไรได้  

    ผมเองก็เกิดมานานมากแล้ว พระเสาร์ก็คงจะเคยมาเสวยอายุหลายครั้งแล้ว เกิดอะไรขึ้นบ้างผมก็ไม่ได้จดจำ  อะไรจะเกิดก็เกิด ถ้าดีผมก็ชอบ ถ้าร้ายผมก็ทนเอาไม่ว่า ดีว่าร้าย ลงท้ายมันก็ผ่านเลยไปหมด

                       ผมนึกของผมอย่างนี้ ขณะที่ออกจากบ้าน จะเดินทางไปตรวจสุขภาพยังโรงพยาบาล เมื่อถึงศาลาพักผู้โดยสารที่ป้ายรถประจำทาง ท้องฟ้าเพิ่งเริ่มจะสว่าง ผมรีบไปแต่เช้ามืดก็เพื่อหลีกเลี่ยงการจารจรที่แออัดขัดข้อง

    ผมมองไม่เห็นมีคนรอรถที่ศาลานั้น แต่เมื่อเพ่งดูที่ช่องว่างระหว่างม้านั่ง ก็เห็นชายผู้หนึ่งนอนอยู่ ไม่ทราบว่าด้วย ความเพลีย หรือความง่วง หรือความเมา เพราะเห็นแต่ขาโผล่ออกมาเท่านั้น

                       แต่ที่สะดุดใจวูบใหญ่ ก็คือเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ อายุไม่เกินห้าขวบ ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ        หนูน้อยคงจะรอให้พ่อตื่น แล้วจะได้กลับไปบ้านด้วยกัน แม่คงจะรอมาตลอดคืนแล้ว

                       แต่ไม่ทันที่ผมจะตัดสินใจทำอะไร รถประจำทางสายที่ผมต้องการจะไปด้วย ก็แล่นเข้ามาจอดตรงหน้า มีคนลงเพียง ๒-๓ คน ผมจึงก้าวขึ้นไป แล้วเหลียวกลับมาดูข้างล่าง ทุกคนที่ลงจากรถก็เดินผ่านหนูน้อยไปอย่างเฉยเมย ไม่มีใครสนใจมากกว่าผมเลย

                       บนรถประจำทางคันนั้นมีคนเต็ม ทั้งนั่งทั้งยืน  ผมเห็นปากกาลูกลื่นด้ามหนึ่งตกอยู่บนพื้นรถ ใกล้ ๆ กับเด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่ง ที่นั่งอยู่ด้านข้างทางเดิน ผมจึงชี้บอก แกสั่นศรีษะว่าไม่ใช่ของแก ผมจึงบอกว่าเก็บเอาไว้เถอะ ไม่มีเจ้าของแล้วละ แกจึงหยิบขึ้นมาถือไว้อย่างไม่เต็มใจ ผมก็ทำเมินเสีย

                       ผมลงจากรถประจำทางที่หน้าโรงพยาบาล พอดีเห็นตู้จ่ายเงินอัตโนมัติ  ตรงหน้าธนาคาร อยู่ริมถนน คิดได้ว่าเงินในกระเป๋ามีน้อย อาจไม่พอค่ายาก็ได้  จึงหยิบบัตร เอ ที เอ็ม ออกมาจากกระเป๋าแล้วเดินเข้าไป

    ผมจึงเห็นชายคนหนึ่ง ผมยาวประบ่า แต่รุงรังยุ่งเหยิง หน้าบวมฉุตาแดงเรื่อ ๆ นั่งกอดเข่าอยู่ที่ขั้นบันไดทางขึ้นธนาคาร ใกล้ตู้เอทีเอ็มนั้น ในอ้อมแขนมีถุงกระดาษใบหนึ่งเก่ายับเยินเต็มที  

                       เวลานั้นสายแล้วผมจึงไม่สนใจเขาเท่าไร เมื่อกดเอาเงินออกมาจากตู้แล้วหันกลับ ก็ได้ยินเขาเรียกเบา ๆ

                       " ลุงครับ ขอเงินผมกินข้าวสักสิบบาทเถอะครับ "

                      ผมเคยชินกับการบริจาคเงินให้ขอทานอยู่เป็นประจำ  เพียงแต่ให้คนละบาทสองบาทเท่านั้น แต่ผมก็ล้วงกระเป๋ากางเกงด้วยความเคยมือ  ได้เหรียญสิบบาทกับเศษอีก ๒-๓ อัน ผมส่งเหรียญสิบบาทให้เขาแต่โดยดี ไม่พูดว่ากระไร ไม่ได้มองด้วยซ้ำ ว่าเขายกมือไหว้  และขอบคุณหรือเปล่า

                       หลังจากตรวจโรคและซื้อยาเสร็จแล้วก็ใกล้เที่ยง  ผมจึงหาอาหารกิน แล้วก็เถลไถลเรื่อยเปื่อยไป กลับมาลงรถที่ป้ายเก่าเมื่อบ่ายสองโมงกว่า ระหว่างที่เดินเข้าซอยหน้าบ้าน ผ่านร้านขายหนังสือเจ้าประจำ จึงแวะดูหัวข่าวหนังสือพิมพ์รายวันตามประสาคนที่สนใจข่าวสารบ้านเมือง แต่ไม่ชอบซื้อให้เสียเงิน

                       กำลังพลิกเพลินก็มีเสียงเรียกลุง  หันไปดูข้างหลังเห็นหญิงสาวคนหนึ่ง เธอชี้ให้ผมเก็บสลากกินแบ่งใบหนึ่งที่พื้นทางเท้า คงเข้าใจว่าผมทำหล่น  แล้วก็เดินเลยไป โดยผมไม่ทันจะบอกว่าไม่ใช่ของผมหรอก

    ผมก็ลังเลที่จะหยิบขึ้นมา เหมือนกับเด็กนักเรียนหญิงบนรถประจำทางนั้นเช่นเดียวกัน แต่ก็ไม่รู้จะเอาไปคืนให้ใคร จึงเก็บใส่ไว้ในกระเป๋าสตางค์

    แต่อดที่จะเหลือบดูเลขท้ายไม่ได้ เป็นเลข ๘๓ ก็นึกในใจว่า เมื่องวดที่แล้ว เพื่อนข้างบ้านรุ่นน้าถึงแก่กรรมเมื่ออายุ ๘๓ ปี  ผู้ที่ไปฟังสวดถูกเลขท้ายกันหลายคน คราวนี้คงไม่มีทางที่จะออกซ้ำ

                       เมื่อผมกลับมาถึงบ้าน แม่บ้านกำลังเปิดวิทยุฟังประกาศ  ผลของการออกสลากกินแบ่งอยู่พอดี จวนจะจบรายการแล้ว เสียงโฆษกชายประกาศว่าเจ้าหน้าที่หมุนวงล้อเพื่อออกรางวัลเลขท้าย ๒ ตัว แล้วก็มีเสียงออดตามด้วยเสียงแกรกกราก ของอุปกรณ์การออกรางวัลแซ่ด ออกมา

    ก็ได้ยินเสียงลูกชายร้องตะโกนลงมาจากข้างบน

                       " คุณพ่อครับ รับโทรศัพท์ "

                       ผมจึงก้าวขึ้นบันไดไปชั้นบน รับหูโทรศัพท์แล้วก็บอกชื่อไปตามธรรมเนียม  ก็ได้รับ ตอบว่า

                      " คุณอาขา พ่อหนูเสียเมื่อคืน รดน้ำศพเย็นนี้ที่วัด......."

                      ผมถือหูโทรศัพท์ค้างอยู่โดยไม่ได้พูดว่าอะไร  บิดาของหญิงสาวที่แจ้งข่าวร้ายนั้น เป็นเพื่อนรุ่นพี่ของผม ที่สนิทสนมกันมานานหลายสิบปีปี

    เขาตายเสียแล้วด้วยโรคสมองเสื่อมที่เป็นอยู่นานมาก โดยที่ผมไปเยี่ยมเขาทุกปี เว้นแต่ปีนี้มัวผัดวันประกันพรุ่งอยู่จนเขาคงเบื่อที่จะคอยผมแล้วก็ไม่รู้

    เสียงผลการออกสลากรางวัลเลขท้ายสองตัวดังแว่ว ๆ หมายเลขที่ออก สามแปด

                       ผมนึกถึงคำทำนาย ของคอลัมน์จังหวะชีวิต ขึ้นมาในทันทีนั้นเอง.

    จากคุณ : เจียวต้าย - [ 12 เม.ย. 48 17:31:09 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป