พิมลงรถที่ป้ายหน้าหมู่บ้านในเวลาเย็นกว่าทุกวัน หล่อนพยายามเดินเลี่ยงนักเรียนอาชีวะ กลุ่มใหญ่ที่ยืนออหน้าวิทยาลัยการบัญชีจนกีดขวางทางเข้าซอยบ้าน ที่จริงหล่อนควรจะรีบเข้าบ้านไป ถ้าไม่ได้มองเห็นนายพัฒนะเสียก่อน เขาเป็นนักเรียนเข้าใหม่เมื่อหล่อนขึ้นมัธยม4 ตลอดเลาเกือบปี หล่อนได้ยินได้เห็นวีรกรรม
ของเขาจนชินชา ในขณะเดียวกัน เขาก็คงรู้จักชื่อของหล่อนอยู่บ้าง ก็หล่อนเองใช่จะหยอกใคร เที่ยวมีความกับรุ่นพี่ผู้ชาย ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะพี่ชายหล่อนเที่ยวทำเรื่องจนหล่อนโดนหางเลขไปเต็มๆ
ลางสังหรณ์บอกว่าเรื่องไม่ดี กำลังจะเกิด พิมเห็นนักเรียนกลุ่มนั้นตีวงแคบล้อมนายพัฒนะ จนแทบประชิด
ถึงรู้ว่าเขาไม่ใช่ใจปลาซิว แต่หนึ่งต่อหลายสิบนี่มันก็จะระห่ำมากไปหน่อย
เลือดบ้าที่สูบฉีดแรงในตัวหล่อนนี่คงได้เชื้อมาจากพี่ชายตัวดีเป็นแน่ ถึงทำให้หล่อนตัดสินใจ ช่วยนายพัฒนะให้พ้นจากสถานการณ์นั้นด้วยการเดินฝ่าวงล้อมเข้าไปทักทายหวานจ๋อยกับเขาหน้าตาเฉย
เมื่อพ้นจากเหตุฉุกเฉินมาได้ พิมก็ไม่สนใจเขาอีก แต่นายพัฒนะก็ยังวิ่งตามมาขอบอก ขอบใจใหญ่โต
"นายนี่ใช้ได้นะ ไม่วางมาดอวดดีเหมือนพวกตึกสาม" พิมหมายถึงเด็กผู้ชายรุ่นพี่ที่มีความกันประจำ
"โธ่ เราน่ะ สู้ได้ก็สู้ สู้ไม่ได้ก็ยอมรับตรงๆอยู่แล้ว ไม่เห็นน่าอายตรงไหนเลย" แล้วเขาก็พยักเพยิด "ไปทานข้าวกันหน่อยไหม เราขอเลี้ยงตอบแทนสักมื้อนะ"
พิมหยุดคิดนิดหนึ่ง กวาดตามองนายพัฒนะอย่างประเมิน แล้วเอ่ยปาก
"ไม่ต้องดีกว่า เก็บการตอบแทนตอบแทนคราวนี้ไว้ก่อน ใครจะรู้ ว่าวันหน้า นายอาจต้องช่วยเราบ้างก็ได้"
นายพัฒนะยิ้มอย่างเข้าใจความหมาย ก่อนแยกกลับบ้านไป
แสงไฟจากรถมอเตอร์ไซค์ที่ฉวัดเฉวียนอยู่รอบตัว ส่องกระทบเข้าหน้าจนตาพร่าไปหมด พิมยกกระเป๋านักเรียนใบบางเฉียบขึ้นกั้นไว้ ขณะพยายามเดินฝ่าวงล้อมหนีไป แม้มอเตอร์ไซค์ก๊วนนี่เป็นเพียงเด็กนักเรียนชายรุ่นพี่ ไม่ใช่โจรผู้ร้ายที่ไหน แต่อาการป่วนเช่นนี้ก็ทำเอาใจคอไม่ดีได้เช่นกัน เพราะเมื่อบ่ายวันนี้ หล่อนเพิ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาทั้งกลุ่มถูกคาดทัณฑ์บน แต่การแก้แค้นของเด็กมัธยมปลายต่อเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ก็ไม่ควรรุนแรงถึงขั้นเลือดตกยางออก ยกเว้นถ้า
.
"โอ๊ะ" รุ่นพี่คนหนึ่งส่งเสียงร้องออกมา เมื่อโดนปลายร่มคันยาวของพิมเฉียดคิ้วไปจนเลือดซิบ
พิมหน้าเสีย(แม้ลึกๆจะรู้สึกสะใจก็ตาม) หล่อนไม่ได้เจตนาจะทำร้ายเขา แต่เป็นเพราะมีกระเป๋าบังหน้าจากแสงไฟไว้ หล่อนจึงไม่สามารถมองเห็นเลยว่า มีใครอยู่ตรงตำแหน่งใดบ้าง
"ขอโทษค่ะพี่ มันเป็นอุบัติเหตุ" พิมพยายามพูดเสียงอ่อนๆ
แต่ในเมื่อพวกเขามีจุดประสงค์ราวีอยู่แล้ว ความนอบน้อมหรือจะมีผล ทุกใบหน้าปรากฎรอยยิ้มเหี้ยม ความเจ็บใจยังประทับแน่น เป็นครั้งแรกที่การประพฤติผิดของพวกเขาถูกบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร เรียนมาจนใกล้จบมัธยมหกก็เพิ่งจะมีครั้งนี้ที่ถูกลบลายเอาง่ายๆ
แถมยังเป็นไปด้วยฝีมือของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆหน้าจืดๆ น้องสาวของหัวหน้าก๊วนคู่อริต่างโรงเรียนเสียอีกนี่สิ
มันน่าอายน้อยอยู่เสียเมื่อไหร่ล่ะ!
ครั้งแล้วครั้งเล่าที่พวกเขาคิดจัดการยายเด็กตัวดี หล่อนก็อาศัยความกะล่อนบวกกับเครื่องทุ่นแรงต่างๆชนิด หนีเอาตัวรอดไปได้ทุกครั้ง แต่คราวนี้ที่พวกเขาจะเอาจริงขึ้นมา ยายตัวดีตกที่นั่งลำบากแน่แล้ว
เสียงเครื่องวิทยุติดตามตัวเรียกหล่อนลั่น พิมเดินถอยหลังไปหน่อย แล้วยกมือขวาขึ้นทำสัญญาณขอสงบศึกชั่วครู่
"สนุกดีไหม งานนี้"
ใครกันนะ พิมสมองตื้อไปหมด คิดไม่ออกว่าใครเป็นคนฝากข้อความนี้เข้ามายั่วประสาทหล่อน ใครคนนี้จะต้องอยู่ไม่ไกลจากบริเวณนี้แน่ แต่ที่สำคัญ เขา(หรือเธอ)รู้หมายเลขเครื่องของหล่อนได้อย่างไร
"ขอไปร่วมเล่นเกมนี้ด้วยคนได้ไหม จาก16"
เลข16 ลงท้ายคงเป็นรหัส ใครกันนะ พิมพยายามคิด ตัวเลขนี้เป็นสัญลักษณ์แทนตัวบุคคลปริศนาที่กำลังมองความเคลื่อนไหวของหล่อนอยู่ไม่ไกล ใช่แน่แล้ว ไม่นานพิมก็นึกได้ นายพัฒนะที่ตั้งตั้วเป็นหัวโจกของห้องสิบหกที่รวมเด็กแสบของรุ่นเอาไว้นั่นเอง
หล่อนรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในใจ แต่ยังเก็บอาการยินดีไว้ไม่ให้พวกตัวร้ายล่วงรู้ ตอนนี้หล่อนไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแล้ว เอ มันก็น่าสงสัย แล้วเขารู้เบอร์มาได้ยังไง
แต่ ช่างมันเหอะ ไว้รอดไปก่อนแล้วค่อยสอบสวนทีหลัง
"ถ้าจะให้พวกเราเข้าไปช่วย จุดปืนไฟแช็คเป็นสัญญาณ โอเค้"
นั่น รู้อีกแน่ะว่าหล่อนพกปืนไฟแช็คติดตัว มันออกจะล้วงลึกกันไปหน่อยแล้ว พิมกวาดตามองตัวอันตรายรอบด้านอย่างตรึกตรอง ถ้าหล่อนยอมรับความช่วยเหลือครั้งนี้ หล่อนจะกลายเป็นพวกของเขาไปด้วยหรือเปล่า?
ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น บางทีอาจจะทำให้หล่อนเดือดร้อนกว่าที่เป็นอยู่เสียอีก
"พวกพี่จะเอายังไงล่ะคะ" เสียงหล่อนเรียบเฉยที่สุดเท่าที่จะทำได้
"เลือกเอาเลยน้อง ระหว่างทำพิธีขอขมา กับอยู่นิ่งให้พวกพี่ๆกล้อนผม"
หล่อนกัดริมฝีปากอย่างแค้นใจ มันก็ร้ายพอกันแหละ จะคุกเข่าขอขมา หรือจะยอมถูกกล้อนผม ก็ถูกถ่ายรูปไว้แบล็กเมล์แน่นอน
พิมก้มมองเครื่องรับในมือ ถ้าหล่อนไม่ยอม หล่อนจะกลายเป็นตัวก่อเรื่องใหญ่ขึ้นมาหรือเปล่า
"ตัดสินใจเร็วเข้า พวกเราทุกคนพร้อมกันแล้ว" ข้อความเข้ามาอีกครั้ง
พิมเก็บเครื่องรับสัญญาณวิทยุสอดเข้าในกระเป๋าใบบาง ส่ายตามองรอบบริเวณอย่างสงสัยอยู่ตรงไหนกันแน่นะ
พวกตัวร้ายเริ่มตีวงแคบเข้ามาใกล้ทุกขณะ ใจหล่อนเหลือแทบไม่ถึงครึ่ง ฉับพลันนั้นพิมชักมือออกมาจากกระเป๋านักเรียน พร้อมจุดไฟสว่างวาบจากปลายปืนกระบอกเล็กจิ๋วสีดำมะเมื่อมไม่ผิดจริงอย่างรวดเร็ว
"จะขู่กันทั้งทีก็อย่าให้รู้ว่าเป็นของปลอมสิน้อง" เสียงหัวเราะน่าเกลียดดังรอบด้านล้อมตัว
"ก็ไม่ได้ใช้ขู่นี่พี่" พิมยิ้มเย้ยที่มุมปากเมื่อได้ยินเสียงรถยนตร์นับสิบคัน จากหลายทิศทางแล่นเข้ามาโอบล้อมบริเวณนั้นไว้พร้อมๆ กัน
นายพัฒนะก้าวลงมาจากรถยนตร์แต่งลายสีสันแสบตาคันที่ดูโดดเด่นเป็นพิเศษ ไอ้ท่าจุ๊ยอย่างนั้น ถ้าเป็นเวลาอื่นพิมคงขัดลูกตาเหลือทน แต่ตอนนี้หล่อนกำลังยอมตัวเป็นลูกน้องเขาชั่วคราว ก็เลยต้องเก็บความรู้สึกกันไว้ก่อน
มีการดูเชิงกันสักพัก พวกรุ่นพี่หันไปปรึกษาหารือกันไม่นาน ก็พากันแล่นรถมอเตอร์ไซค์จากไปหล่อนรู้ว่านั่นไม่ได้เกิดจากความกลัวกลุ่มเด็กรุ่นน้อง แต่เป็นเพราะวันนี้ พวกเขาเพิ่งเข้าห้องปกครองกันมา จึงไม่กล้าเสี่ยงก่อเรื่องซ้ำ เพราะไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงความเดือดร้อนทั้งทางร่างกายและการเรียนได้
รถยนตร์แต่งซิ่งเริ่มขับออกไปจากบริเวณนั้นทีละคันๆ จนเหลือแต่พิมและนายพัฒนะกับรถคันบาดตา
"ขอบคุณนะ" หล่อนว่า แล้วออกท่าจะเดินไป
"เดี๋ยวก่อน" เขาท้วงไว้ "กลับด้วยกันสิ"
พิมมองเขาอย่างระวังตัว
"เราดูแลตัวเองได้ นายเลิกยุ่งเกี่ยวกับเราได้แล้ว เรื่องวันนี้ทำให้นายไม่ติดค้างเราแล้วนะ ตกลงไหม"
เขาหัวเราะขันท่าทางของหล่อน แล้วเดินไปเปิดประตูรถด้านหนึ่ง
"ถ้าอย่างเธอต้องกลัวเรา ก็คงเสร็จพวกหมาหมู่นั่นนานแล้วล่ะ"
ตอนแรกหล่อนนึกโกรธ แต่แล้วกลับเห็นเป็นขำตาซื่อๆของคนพูด จึงก้าวขึ้นนั่งบนรถ เคียงคู่เขาอย่างวางใจ แต่พอเวลาผ่านไปโดยรถแล่นออกห่างเส้นทางกลับบ้านไปเรื่อยๆ ทำให้หล่อนเริ่มหงุดหงิดและระแวง
"อย่าทำให้เราเสียเวลา จะรีบกลับบ้าน"
"ใจเย็นๆสิ"
เขาว่าแล้วก็หลบรถเข้าไปในสวนสาธารณะริมถนนที่เงียบสงบ นั่งไกวตัวบนชิงช้านิ่งเงียบ พิมเดินข่มใจเข้าไปพูดด้วยดีๆ
"เราไม่รู้ว่านายเล่นอะไรอยู่นะ แต่นี่มันเย็นมากแล้ว เราอยากกลับบ้าน"
"กลัวหรือ" เขาเลิกคิ้วถาม
หล่อนอ้าปากจะตอบโต้ แต่แสงไฟจากหน้ารถมอเตอร์ไซค์นับสิบคันกราดแสงเข้ามาปะทะหน้าของทั้งสองเสียก่อน พิมมองตาลุกวาวของนายพัฒนะแล้วรีบจับมือเขาบีบไว้แน่น
"เรามีกันอยู่แค่สองคนนะ" สายตาหล่อนวิงวอน "หาทางถอยเถอะ"
เมื่อเห็นเขายืนนิ่ง หล่อนจึงเป็นฝ่ายลากเขาวิ่งไปขึ้นรถเสียเอง
"นั่งซื่อบื้ออยู่ได้ ต้องให้เราขับหรือไงหา นาย" พิมแว้ดเขาเสียงสั่น เมื่อเห็นรถมอเตอร์ไซค์สิบกว่าคันพุ่งเข้ามาเกือบประชิดรถ นี่จะต้องมาจนมุมเอาง่ายๆอย่างนี้ล่ะหรือ
"ไอ้พวกหมาหมู่เอ๊ย" เขาโพล่งอย่างโกรธแค้น แล้วพุ่งรถฝ่าวงล้อมออกไปโดยไม่สนว่าจะชนคันไหนล้ม พวกมันจะต้องเป็นฝ่ายหลบเขา อย่างน้อยก็เป็นการต่อสู้ที่น่าพอใจก่อนการหนี
เมื่อรถแล่นมาไกลจนพ้นอันตรายแล้ว พิมก็สั่งให้เขาจอด
"ยังไม่ถึงบ้านนายเลยนี่" แต่เขาก็ชะลอรถหยุดให้
หล่อนลงจากรถแล้วกระแทกปิดดังปัง ไม่สนใจจะต่อปากกับเขาอีกแล้ว วิ่งขึ้นรถเมล์คันแรกที่มาโดยไม่สนทั้งสิ้นว่าไปไหน ต่อรถกี่ต่อ ขอให้ถึงบ้านก็แล้วกัน
เสียงสัญญาณวิทยุดังถี่ตั้งแต่เย็นจนเกือบดึก พี่ชายตัวดี ยื่นหน้ามาเรียกให้ไปรับโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงยั่วเย้า
"ไม่รู้หนุ่มตาบอดที่ไหนนะ โทรฯมาขอสายคุณพิม" เขาหัวเราะไล่หลังน้องสาวแล้วนึกในใจ "น้องเจ้าพิชญ์นี่มันเอาจริงแฮะ ทำถูกแล้วมั้งเราที่ให้เบอร์เพจยัยแสบไป"
"ว่าไง" หล่อนลากเสียงรับสาย "เพจนายป่วนเรามาหลายชั่วโมงแล้วนะ"
"ก็ให้คำตอบเสียทีสิคร้าบ เดี๋ยว อย่าเพิ่งปฏิเสธ ก่อนตอบควรพิจารณาให้ดีๆ เราน่ะเป็นพวกเดียวกันแล้ว อย่างน้อยก็ในสายตาพวกตึกสาม การคบกับตัวแสบสุดๆ อย่างเรามันดีต่อนายตอนนี้นะ จริงไหมล่ะ"
"ชั่วคราวก็คงพอไหวนะ แล้วแต่นายก็แล้วกัน" น้ำเสียงหล่อนติดจะลังเล "เปลี่ยนใจแล้วเพจมาบอกก็ได้นะ"
เขาหัวเราะ ก่อนเลิกสายไปตามความต้องการของพิม
แล้วเขาก็เรียนรู้นัยของคำเตือน เมื่อสัญญาณวิทยุของเจาดังขึ้นในเช้ารุ่งขึ้น
"เที่ยงนี้มีศึกหนักมาดักแถวบ้าน มาหาเราหน่อยนะ คิดถึงมาก"
จากคุณ :
รินบุญญา
- [
18 เม.ย. 48 19:53:53
A:203.113.40.11 X:203.151.140.120
]