CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    The Secret Of War : บทที่ 5 วิธีแก้ปัญหาแบบปู่ๆ : นิยายไซไฟ แฟนตาซี ที่มีตัวเอกไม่ธรรมดา

    ดวงตะวันคล้อยต่ำลับขอบฟ้า เมื่อราตรีเริ่มมาเยือน บทสนทนาของกลุ่มบุคคลยังคงดำเนินต่อไป ภายใต้ม่านดวงไฟที่จุดสว่างไสวแห่งสถาบันวิจัย หากแต่คนที่กำลังร่วมวงสนทนาด้วยนั้น การควบคุมสติกำลังลดน้อยถอยลงเรื่อยๆ

    “.....เท่าที่ฉันได้ศึกษาข้อมูลมาหลายปี พลังพวกเธอมีรูปแบบของแต่ละคน แต่มันก็ขึ้นอยู่กับความสามารถพวกเธอที่จะปรับรูปแบบพลังให้เหมาะสมกับสถานการณ์ได้ยังไง แล้วดีแค่ไหน”

    “แล้วแต่ละคนมีพลังอะไรบ้างล่ะครับ”เฮเรียสอดสงสัยไม่ได้ แววตาสีน้ำเงินนั้นยังคงสนใจกับเรื่องตรงหน้า

    “เฮเรียส พลังควบคุมจิต แชร์วาดพลังควบคุมลม ไคน์ควบคุมไฟฟ้า วอลเลนซ์เคลื่อนที่ไว ฉันบอกได้แค่นี้ นอกจากพวกเธอจะลองสัมผัสกับมันสักครั้ง เพราะทฤษฎีใดๆหากก็ไม่ลองปฏิบัติ มันก็เป็นเพียงสมติฐานลอยๆ ฉะนั้นตัวเธอเองจะเป็นคนบอกได้เองว่าเธอสามารถทำอะไร”บินอสเอ่ยขึ้น ยกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบ ก่อนจะขยับแย้มรอยยิ้มเมื่อเห็นสายตาที่ยังคงจับจ้องไม่วางตา เหมือนกับว่ามันขาดอะไรบางอย่าง

    “อืม...รู้แล้วๆ..เกือบลืม เซย่าพิเศษตรงที่ไม่มีรูปแบบพลังของตัวเอง แต่สามารถดูดยืมพลังจากพวกเธอออกมาใช้ แทนความสามารถตัวเอง”

    “พลังนี้จะสามารถ................”

    เสียงรอบตัวค่อยๆเงียบลงด้วยฤทธิ์แห่งความง่วง... ความง่วงที่ฉุดรั้งให้เปลือกตาค่อยๆปิดลง หัวที่เคยตั้งตรงอยู่บนไหล่ เริ่มเอนหน้าเอนหลังอย่างน่าเวทนานัก

    “เซย่า!!......”เสียงหนึ่งดังขึ้น ให้เจ้าตัวสะดุ้งโหยง ก่อนจะมองละล่ำละลัก แล้วสบตาเข้ากับสายตาดุๆที่ปราดมองมา

    “อะไรปู่ เรียกซะดังเลยตกใจหมด เซย่ายังไม่หลับซะหน่อย”คนถูกดุเริ่มแก้ตัว ก่อนจะยกมือขึ้นเท้าคาง แล้วกวาดสายตามองรอบตัว

    หนุ่มๆยังคงสภาพความทนทาน กับเวลาที่ล่วงเลยมาหลายชั่วโมงอันเกิดจากการแจงเรื่องอธิบายของปู่บินอส และข้อสงสัยของแชลวาร์ด ที่เป็นตัวชักโยงบทสนทนาที่แสนน่าเบื่อ แถมฟังไม่รู้เรื่องซักนิด มันเป็นบทสวดกล่อมประสาทให้หลับได้ตั้งแต่ชั่วโมงแรกที่ได้ฟัง

    “อุตส่าห์พยายามไม่หลับ....แค่เคลิ้มๆแค่นี้ทำเป็นดุ”เซย่าบ่นพึมพำเบาๆ

    นี่นับเป็นสถิติใหม่ของเธอที่สามารถรักษาหัวไว้บนไหล่ โดยไม่เอาไปแปะไว้กับวัตถุค้ำจุนได้นานเป็นพิเศษ กิริยาของเซย่า เรียกรอยขำขันกับกับรอยยิ้มละไมจากชายหนุ่มผมสีทองตาสีฟ้า....

    “ฉันว่าเธอยังดีนะ ดีกว่าใครบางคน”แชลวาร์ดเอ่ยกลั้วหัวเราะ เรียกสีหน้างุนงงให้กับเซย่า แล้วสายตาก็เหลือบสังเกตคนข้างๆ แต่ก็ไม่มีอะไรผิดปกตินอกจากแว่นตากันแดดที่ยิบยกขึ้นมาใส่ติดแน่น กับความนิ่งเงียบ

    “วอลเลนซ์!!..”เฮเรียสส่งสียงเรียก แต่ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ ทำให้เซย่ารู้สึกถึงความแปลกประหลาด ยกมือขึ้นจิ้มๆ สะกิดคนข้างๆเบาๆ....แต่...ไร้การตอบสนอง สองมือเริ่มค่อยๆเอื้อมถอดแว่นตากันแดดอย่างสงสัย

    มันหลับ!! หลับสนิทซะด้วย

    ภาพที่เห็นมันบอกชัดเลยว่าบุคคลที่นั่งข้างๆ ถอดจิตไปพบพระอินทร์ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แล้วไอ้ท่าที่เป็นอยู่นั่นก็ตบตาเธอได้สนิทใจ

    “เฮ้ย!! ตื่น...”ไคน์โวยลั่น แต่คนหลับยังคงอยู่ท่าเดิม ความอดทนต่ำของคนปลุกเริ่มหมดลง “ไอ้นี่มันต้องปลุกด้วยน้ำ!!” ไคน์หยิบแก้วน้ำบนโต๊ะลุกพรวดขึ้นสาดโครมเข้าเต็มหน้า

    “เฮ้ย!! ซึนามิ หนีๆ”วอลเลนซ์สะดุ้งสุดตัว ร้องโวยลั่นสำลักแคกๆ กับน้ำที่อัดเข้าเต็มจมูก คนรอบๆตัวเริ่มปล่อยฮาครืน ทำให้คนโดนสาดต้องไหวตัว ก่อนจะสังเกตเห็นต้นตอแหล่งกำเนิดซึนามิ “เฮ้ยจะบ้าเปล่าวะ สาดมาได้...คนนะ...คน”

    “ถ้านายปลุกง่ายๆเหมือนชาวบ้านเค้า นายก็ไม่โดนอย่างนี้หรอกวอลเลนซ์”แชลวาร์ดแย้มรอยยิ้ม เอ่ยอย่างอ่อนโยน

    “นายก็รู้ไอ้นี่มันหลับลึก ปลุกนุ่มนวลไม่ได้ ต้องหาวิธีพิสดารมาปลุก คราวหน้าต้องหาอะไรใหม่ๆมาลองไม่งั้นเดี๋ยวมันไม่ยอมตื่น”เฮเรียสเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ ขณะมองคนขี้เซาที่กลืนน้ำลายเอื้อก อึกใหญ่

    สาวน้อยที่นั่งอึ้งไปสักพัก มองบทสนทนาที่ไม่ธรรมดา แล้วเหมือนนึกอะไรบางอย่างออก ก่อนจะฉีกยิ้มร่าอย่างถูกใจ ขยับเลื่อนตัวเข้าหาวอลเลนซ์ แล้วเอ่ยกระซิบกระซาบ

    “เฮ้....วอลเลนซ์ คราวหลังสอนมั้งดิ ไอ้กลเม็ดนั่งหลับเนี่ย ขอบอกว่าเจ๋งสุดยอดดด...”

    “ได้ๆ ไว้คราวหลังจะสอนให้ เพื่อนกันต้องแบ่งปัน”วอลเลนซ์เอ่ย กลั้วหัวเราะเบาๆ ยกมือขึ้นเสยผมสีโค้กอย่างเคยมือ

    แต่ไอ้บทสนทนากระซิบกระซาบของเจ้าตัวแสบมันดังจนเข้าหูของคนเป็นปู่ ที่ยังคงสีหน้าเคร่งเครียด ยกมือขึ้นกุมขมับ กับความปวดหัวที่เข้าเล่นงาน ไอ้นิสัยขี้เซาของเซย่า มันกำลังจะพัฒนาขึ้นให้หนักข้อกว่าเดิม....ยกกำลังสองล่ะคราวนี้

    ++++++++++++++++

    สุริยาเริ่มทอแสงขึ้นจากขอบฟ้า สายลมโชยอ่อนพัดพาไอเย็นน้ำค้างยามอรุณรุ่ง ให้ความหนาวสะท้านจับใจ อาณาบริเวณของแหล่งเสื่อมโทรมรกร้าง เงียบสงัด ซากตึกปรักหักพังนานนับปี...นับปีที่ไร้ผู้อยู่อาศัย นับปีที่ไม่มีใครมาเยือน วัชพืชที่ขึ้นแซมซากวัตถุเก่าๆ กับตะไคร่ที่ขึ้นจับตามผนังกำแพงกำลังเจริญงอกงาม ไม่น่าเชื่อว่าจะมีสิ่งมีชีวิตมากกว่าสภาพที่เห็น นกที่เกาะเรียงรายตามตึกส่งเสียงแว่วขานดั่งท่วงทำนองบทเพลงแห่งชีวิต

    ความรู้สึกผสมผสานระหว่างความสบายแห่งอากาศยามเช้าไร้มลภาวะที่สัมผัสได้ยาก และความเปลี่ยวเหงาของเมืองที่ถูกลืม...เมืองที่ถูกทิ้งร้างแห่งประเทศเวียร์นา....เมืองไอเซนต์ทอล

    “ปู่......พาเซย่ามาที่นี่ทำไม..”ตัวดีเอ่ยน้ำเสียงยานคาง ก่อนจะยกผ้าคลุมไหล่บางๆขึ้นมาพันรอบคอ เมื่อไอเย็นกำลังเล่นงานผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับตอนเช้าซักเท่าไหร่นัก

    เซย่ากวาดตามองคนรอบตัวซึ่งยังคงอยู่กันครบครัน ซึ่งต่างมีสีหน้าสงสัยไม่แพ้เจ้าหล่อนกับความคิดของปู่บินอส ที่พาพวกเธอมาสถานที่แปลกตาที่เธอไม่คุ้นเคย และไม่เคยรู้ว่าเมืองนี้มีอยู่ในสารระบบเมืองในประเทศเวียร์นาซักนิด

    “แล้วนี่มันที่ไหนอ่ะปู่ ประเทศเรามีเมืองอย่างนี้ด้วยเรอะ...”เซย่าเอ่ยถามปู่ที่แววตายังฉายประกายครุ่นคิดอย่างหนัก โดยไม่ตอบคำถามใดๆ เล่นเอาเธอเริ่มอึดอัดก่อนจะหันไปสะกิดชายสูงโปร่งข้างๆ ซึ่งหันกลับมาแย้มรอยยิ้มอ่อนโยนให้น้อยๆ นัยน์ตาสีฟ้าใสคู่นั้นมันอ่อนโยนแต่เจือไปด้วยประกายรู้รอบ

    จากประสบการณ์ครึ่งหลับครึ่งตื่นที่เธอได้ยินหมอนี่คุยกับปู่เมื่อวาน บอกได้อย่างเดียวว่ามันอัจฉริยะ เซย่าสบตาจ้องเขม็งบีบบังคับให้ตอบ ทำให้คนถูกมองถอนหายใจออกมาเบาๆ

    “ที่นี่คือ เมืองไอเซนต์ทอล...”แชร์วาดกล่าวออกมาเสียงเรียบ แต่เสียงแหวสูงที่ขัดขึ้นนั้นไม่เรียบเท่าไหร่

    “อะไรนะ เมืองไอเซนต์ทอล...เมืองแห่งอารยะธรรม และตำนานนั้นน่ะนะ ไหงเป็นงี้ อ่ะ”

    “ใช่...จากที่ฉันรู้มา ดั้งเดิมเคยเป็นเมืองศูนย์รวมการอนุรักษ์วัฒนธรรม และศิลปะโบราณ ที่เร่งอนุรักษ์และฟื้นฟูสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่สำคัญ ไม่ให้เปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา.....แต่มันมีปัญหาอย่างหนักเกิดขึ้นซะก่อน...”แชลวาร์ดเหลือบไปมองเพื่อนข้างๆตัวที่กำลังถอดเสื้อแขนยาวออกอย่างสงสัย ก่อนจะเบือนสายตาหันกลับมายิ้มให้กับสาวน้อยอีกครั้ง เมื่อรู้สึกถึงประกายที่ยังพุ่งตรงเพื่อหาคำตอบ

    “ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อเกือบสิบปีก่อน ทางประเทศเวียร์นามีปัญหากับประเทศชายแดนเซาท์เทนที่อยู่ทางใต้....
    เมืองไอเซนต์ทอลเป็นเมืองชายแดนเมืองเดียวที่ติดกับประเทศเซาท์เทน ถือเป็นเมืองหน้าด่านสำคัญ.... พอถึงคราวความสัมพันธ์ของสองประเทศจบสิ้นลง ก็เกิดการรบกันทางชายแดนอยู่เนิ่นนาน จนเมืองไอเซนต์ทอลกลายสภาพเป็นเมืองเสื่อมโทรม หลังจากที่ทางสองประเทศได้ยุติการประทะกัน เมืองทางชายแดนของทั้งสองฝั่งก็ถูกปล่อยรกร้าง ไม่มีการพัฒนาหรือฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ อาจเป็นเพราะเนื่องจากแต่ละประเทศยังคงไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน สงครามที่อาจเกิดได้ทุกเมื่อ สถานที่แห่งนี้จึงเป็นสมรภูมิรบที่ดี....”

    คำกล่าวดำเนินเรื่องอย่างแจ่มชัด ทำให้คนฟังอ้าปากค้าง กับเรื่องราวที่เธอไม่เคยรู้เรื่องซักนิดว่ามันเคยเกิดขึ้น แต่ไม่ใช่สิ ถ้าเรากลับไปแก้ไขเรื่องราวในอดีต ที่ถูกเปลี่ยนแปลง ประเทศเวียร์นาก็จะกลับเป็นเหมือนเดิม ห้วงคิดที่เซย่าแน่นิ่งอย่างผิดวิสัย อาจไม่ใช่เพราะมันเป็นเรื่องของเธอ แต่อาจเพราะเป็นเรื่องคอขาดบาดตายของชาติด้วยกระมังที่ทำให้เธอคิดหนักได้ขนาดนี้

    “เครียดมากไปไม่ดี ต่อสุขภาพนะ เซย่า...”เสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างนุ่มหู พร้อมเสื้อตัวโตที่เลื่อนมาสวมเข้าที่ไหล่บางอย่างนุ่มนวล ทำให้คนเครียดหันไปมองนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มที่ดึงดูดใจนัก เรือนผมสีดำสนิทระต้นคอพลิ้วไหวรับกับรูปหน้าอันหล่อเหลา ทำให้คนมองดั่งตกอยู่ในห้วงภวังค์ ก่อนจะรู้สึกชาวาบกับมือที่ลูบลงบนเรียวแขน จัดเสื้อตัวโตให้เข้าที่ เร่งให้เจ้าหล่อนไหวตัว ก่อนจะคว้าเสื้อหนาๆบนไหล่ออกขยุ้มๆมาพันรอบตัว แล้วกล่าวเสียงห้วน

    “ขอบใจ เฮเรียส”

    “ยินดีเสมอ เมื่อเธอต้องการ....เซเฟียมีย่า...”น้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนมนต์สะกดบางอย่างที่ทำให้เจ้าตัวหนาวๆร้อนๆชอบกล กับบุคคลคนนี้...คนที่มีเสน่ห์ อย่างประหลาด.......เฮเรียส วีโอลเซ่ย์

    ++++++++++++++++++++

    จากคุณ : Underhand - [ 21 เม.ย. 48 02:40:35 A:210.86.217.225 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป