ตามรักคืนใจ
.
ระหว่างทางเดินของอาคารเรียน กลุ่มนักศึกษาทั้งชายและหญิงต่างเดินกันขวักไขว่ ด้วยประกอบกับเป็นช่วงเปลี่ยนชั่วโมงเรียน หญิงสาวร่างบางระหงกำลังเดินลัดเลาะไปตามทางเดินอย่างรีบเร่งตรงไปยังหอสมุดของมหาวิทยาลัย
ขอโทษนะนุช ที่มาช้า แล้วแกมานานรึยังเนี่ย พิมพ์ชนกถามเพื่อน ก่อนที่จะวางหนังสือลงบนโต๊ะ
ไม่เป็นไร ไม่ต้องขอโทษขอโพยอะไรฉันหรอกยายพิม เพราะฉันก็เพิ่งจะมาถึงก่อนหน้าแกเมื่อกี้นี่เองแหละ อากาศร้อนเป็นบ้าเลยว่ะ นุชนาถบอกเพื่อน แต่ก็ยังไม่วายบ่น
ฉันก็รีบแทบตายเหมือนกัน รถติดเป็นบ้าไม่รู้ว่าวันนี้เชียงใหม่มันเป็นอะไร รถรามันถึงได้เยอะนักเยอะหนาก็ไม่รู้ เอ่อ..เริ่มเลยดีมั้ย
เริ่มเลยก็ดีเหมือนกันว่ะ ขืนรอให้แกบ่นเสร็จก็ไม่ต้องเป็นอันได้แก้ไขมันล่ะวิทยานิพนธ์เนี่ย
แหม นี่ยายนุชเกินไปหรือเปล่าจ๊ะ บ่นนิดบ่นหน่อยทำเป็นมาพูดเหน็บ เดี๋ยวเถอะ
จะทำอะไรฉันไม่ทราบจ๊ะแม่สาวตาคม
..นี่พิม งานที่ฉันสมัครไปน่ะพอมีลุ้นนะโว้ย ฉันได้ยินมาว่าเค้ามีตำแหน่งว่างพอดีน่ะ
งั้นก็ดีน่ะสิยายนุช งานนี้แกเป็นเจ้ามือแล้วนะโว้ย อย่าปฏิเสธเชียว
พิมพ์ชนกพูดน้ำเสียงตื่นเต้นระคนยินดี ก็แน่ล่ะจะไม่ให้ดีใจได้ยังไง ก็พิมพ์ชนกกับนุชนาถกำลังจะจบปริญญาโททั้งคู่ และก็กำลังหางานทั้งคู่เหมือนกัน เพียงแค่ส่งวิทยานิพนธ์ที่นั่งแก้กันอยู่ตอนนี้ แล้วก็ส่งบัณฑิตวิทยาลัย รออนุมัติจบก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย พอรู้ว่านุชนาถพอจะมีลุ้นงานมันก็น่ายินดีกับเพื่อน แต่ตัวพิมพ์ชนกเองนี่สิ ที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะยังไง จะหมู่หรือจ่าก็ยังไม่อยากคาดเดา
ว่าแต่แกสิยายพิม เป็นยังไงบ้างวะงานที่สมัครไปน่ะ
พิมพ์ชนกมองหน้าเพื่อนครู่หนึ่งก่อนที่จะส่ายหน้า แล้วแววตาที่ก่อนหน้านี้แวววาวสดใส มีอันต้องสลดวูบลง
คงไม่ได้แล้วล่ะนุช สงสัยคงได้ทำงานที่บริษัทคุณลุงนันทชัยตามที่ได้ตกลงกับแม่ไว้ก่อนหน้านี้แหง ๆ
พิมพ์ชนกนึกภาพของตัวเองที่ต้องไปทำงานที่บริษัทเพื่อนของพ่อแล้วชวนเสียวสันหลัง ก็จะอะไรล่ะโดยส่วนตัวพิมพ์ชนกเองก็ไม่อยากจะทำอยู่แล้ว ด้วยเหตุผลที่ว่าพิมพ์ชนกกลัวคำครหาจากพนักงานในบริษัท อีกอย่างถ้าเกิดนายภานุกลับมามีหวังบริษัทแตกแน่ ๆ
เอาน่าพิม ยังไงเราก็ต้องรอลุ้นไม่ใช่เหรอ
ฉันก็อยากลุ้นอยู่เหมือนกันแหละนะ แต่ดูยังไงมันก็ลุ้นไม่ขึ้นอยู่ดี
เอาน่า อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด แต่อย่าเพิ่งเอามาเป็นกังวลตอนนี้เลย ที่สำคัญตอนนี้แก้ไอ้ที่มันวางไว้ตรงหน้าแกนี่ให้เสร็จก่อนแล้วกันนะเพื่อนรัก เอาให้มันจบก่อนแล้วกันอย่างอื่นค่อยพูดกันทีหลัง เอามาคิดตอนนี้เดี๋ยวก็พาลไม่จบกันพอดี
นุชนาถตัดบทก่อนที่จะยื่นวิทยานิพนธ์ที่กำลังรอการแก้ไขให้กับพิมพ์ชนก
พิมลูก หนูนุชโทร. มาแน่ะ
เสียงแม่เรียกพิมพ์ชนกให้รับโทรศัพท์ดังมาจากข้างล่าง
ค่ะแม่ ลงไปเดี๋ยวนี้ล่ะค่ะ
พิมพ์ชนกตะโกนบอกแม่ โดยที่ไม่ลืมเซฟงานพิมพ์ของตัวเองก่อนที่จะลงไปรับโทรศัพท์
ว่าไงจ๊ะยายนุช
แหม อารมณ์ดีเชียวนะแม่คุณ เสียงใสเชียว ว่าแต่เสร็จหรือยังล่ะ วิทยานิพนธ์ของแกน่ะ
เกือบ ๆ แล้วล่ะ เหลือแค่พิมพ์ออกมาเท่านั้นเอง
งั้นดีเลย เพราะว่าของฉันก็เหลือแต่พิมพ์เหมือนกัน งั้นยังไงพรุ่งนี้เจอกันที่มหาวิทยาลัยนะ 9 โมงเช้านะยะ เพราะฉันนัดอาจารย์ไว้เรียบร้อยแล้ว จะได้ส่งพร้อมกันเลย
โอเค ได้เลยเพื่อนรัก เจอกันพรุ่งนี้จ๊ะ
พิมพ์ชนกรับปากเพื่อนก่อนที่จะวางสาย เพื่อไปจัดการพิมพ์งานของตัวเองต่อ
เฮ้อ ! สบายใจไปเปาะหนึ่งแล้วล่ะ ก็เหลือแต่เรื่องงาน เอ่อ
นี่ยายนุชตกลงได้แล้วใช่มั้ยงานที่แกสมัครไว้น่ะ
พิมพ์ชนกถามเพื่อนเมื่อนึกขึ้นได้ แล้วนุชนาถก็พยักหน้ารับ
งั้นงานนี้ฉลองก่อนเลยเป็นไง
ได้เลย
นุช ว่าแต่แกจะไปจริงเหรอ ตั้งประจวบ ฯ เลยนะ ไม่ไกลเลยนะแก
ทำไงได้ล่ะพิม ถ้าไม่ไปจะเอางานที่ไหนทำกันล่ะ ไม่เหมือนหล่อนหนิยะ ถึงไม่มียังไงก็ได้ทำอยู่แล้วน่ะ พ่อนายภานุเขาออกจะดูแลแกดีออกอย่างนั้น นุชนาถค้อนเพื่อน
ก็คนคุ้นเคยกันแหละนุช อีกอย่างพ่อคงจะฝากไว้ก่อนเสีย พิมพ์ชนกสีหน้าสลดไปแว้บหนึ่งเมื่อพูดถึงพ่อ ก่อนที่จะเปลี่ยนเรื่องคุย
ฉันก็คิดถึงแกแย่ล่ะสิ
คิดถึงไม่กลัว กลัวจะไม่คิดถึงน่ะสิ เอ่อนี่พิมได้ข่าวของภานุบ้างรึเปล่า
ถามทำไม พิมพ์ชนกนึกฉุน ก็ไม่น่าจะเอ่ยถึงชื่อนายนุเลยนี่นา พาลหมดอารมณ์ไปเลยเรา
ก็ถามไปงั้นแหละ ก็เพื่อนกันถามไถ่ถึงไม่ได้เลยหรือไงจ๊ะ ว่าแต่พิมเถอะไม่คิดถึงนายนุคู่กัดตัวเองบ้างเลยหรือไง เห็นตอนที่ไปส่งนายนุขึ้นเครื่องตอนนั้นร้องไห้ขี้มูกโป่งเลยหนิ
นุชนาถหยอกเพื่อนอย่างไม่จริงจังมากนัก แต่พิมพ์ชนกมาคิด ๆ ดูมันก็นานหลายปีเหมือนกันที่ภานุไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ตอนนั้นเรียกได้ว่าพิมพ์ชนกกับภานุเป็นไม้เบื่อไม้เมากันเลยก็ว่าได้ ก็เป็นได้ทะเลาะกันทุกทีล่ะน่าที่เจอหน้ากัน และที่สำคัญทั้งสองก็มีโอกาสได้เจอกันมากขึ้นกว่าคนอื่นเพราะบางทีพิมพ์ชนกก็ต้องติดสอยห้อยตามผู้เป็นพ่อไปบ้านนายภานุอยู่บ่อย ๆ เพราะพ่อของพิมพ์ชนกกับพ่อของภานุเป็นเพื่อนซี้ย่ำปึ๊กกันน่ะสิ แต่ถึงจะเป็นไม้เบื่อไม้เมายังไงก็เถอะ ทั้งสองก็ยังมีความเป็นมิตรต่อกันอยู่บ้าง มิตรภาพระหว่างพิมพ์ชนกกับภานุก่อตัวขึ้นมาโดยที่ทั้งคู่ไม่รู้ตัว จนมาถึงวันที่ภานุต้องเดินทางไปอเมริกา ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะพิมพ์ชนกร้องไห้โฮเหมือนเด็ก ๆ และทั้งคู่ยังกอดกันกลมดิกไปเลย
พิมถ้าแกทนคิดถึงฉันไม่ไหวก็ลงไปเที่ยวที่ประจวบ ฯ สิ
ไปน่ะไปได้ แต่ไม่รู้ว่าจะได้ไปเมื่อไหร่น่ะสิ อย่าลืมนะโว้ยว่าตอนนี้ต้องทำงานไม่ได้เรียนเหมือนแต่ก่อน
เอาน่า ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้นล่ะตอนนี้ นี่ทานเถอะ วันนี้มาฉลองให้ฉันไม่ใช่เหรอ เอ้า ทาน
พิมพ์ชนกแหงนหน้าดูนาฬิกาที่แขวนไว้ที่ฝาผนัง ก่อนที่จะหันกลับมาเก็บเอกสารบนโต๊ะให้เข้าที่ เกือบจะทุ่มแล้วหรือนี่ เวลาทำไมเร็วดีแท้ เผลอแป๊บเดียวมืดซะละ
ร่างบางหอบหิ้วกระเป๋าและแฟ้มเอกสารออกมาจากห้องทำงานอย่างทุลักทุเล ก็อย่างว่าล่ะนะ ทำงานเป็นลูกน้องเขามันก็ต้องทำให้ดี ๆ หน่อย เกิดทำไม่ดีขึ้นมาจะเสียชื่อคนฝากงานให้ คราวนี้ละพิมพ์ชนกเอ๋ย พ่อแกจะได้ตามมาด่าแกในฝัน
ให้ผมช่วยมั้ยครับ
เสียงทุ้มที่ดังมาจากด้านหลังทำเอาพิมพ์ชนกชะงักงันไปทันที ก่อนที่เจ้าตัวจะหันไปตามเสียง แล้วก็ต้องอ้าปากค้าง
นายนุ
พิมพ์ชนกพูดได้แค่นั้น เพราะทั้งช็อกทั้งตกใจ และไม่คาดคิดว่าจะมาเจอภานุตอนนี้ แล้วตานี่กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่หว่า ตายยากจริงนะ เพิ่งพูดถึงไปเมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง พิมพ์ชนกคิดอยู่ในใจ
ส่งมาสิครับพิม เดี๋ยวผมช่วยถือให้
เสียงทุ้ม ๆ ของภานุช่วยดึงให้สติของพิมพ์ชนกกลับมา
ไม่เป็นไร ฉันถือเองได้
พิมพ์ชนกพูด โธ่เอ๊ย จะใจสั่นไปทำไมนะยายพิม มั่นใจหน่อย
น่า ยังไงผมก็ดูท่าว่าคุณถือคนเดียวไม่ไหวอยู่ดี เอามาให้ผมถือดีกว่า
ภานุพูดเสร็จก็แย่งแฟ้มจากมือพิมพ์ชนกมาถือซะดื้อ ๆ ก่อนจะยิ้มให้ แล้วเดินนำออกไป แต่พิมพ์ชนกยังไม่ขยับไปไหน จนภานุต้องเดินกลับมาหาอีกครั้ง
ตกใจมากเลยหรือไงพิมที่เห็นผม
เอ่อ
เปล่า
ถ้างั้นก็มาสิ เดี๋ยวผมจะไปส่ง ภานุพูดก่อนจะเดินไป
เอ่อ
เดี๋ยวภานุ
เสียงนั้นทำให้ภานุหันมา พร้อมกับยักคิ้วให้เป็นเชิงถาม
คือฉันเอารถมา ฉันกลับเองได้
โอเค งั้นผมไปส่งพิม
เอ๊ ! นายภานุ พูดไม่รู้เรื่องหรือไง ฉันบอกว่าฉันกลับเองได้ พิมพ์ชนกแหวออกมา
พิมต่างหากที่พูดไม่รู้เรื่อง ผมบอกว่าจะไปส่งไง
ภานุยังกวนพิมพ์ชนกเหมือนเดิม พร้อมกับดึงแขนพิมพ์ชนกให้เดินไปขึ้นรถ
นี่ปล่อยฉันนะภานุ ฉันเดินเองได้ พิมพ์ชนกแหวใส่ภานุอีก
อ่ะ ปล่อยก็ปล่อย พิมนี่ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ ดื้อเป็นเด็กไปได้
ภานุพูด แต่ก็เล่นทำเอาคนที่โดนว่าหน้างอไปทันที ไม่โตสักทีล่ะน่าพิม ภานุคิดในใจพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ
ยิ้มทำไม
เปล่า
ขอบใจนะที่ช่วยถือแฟ้มให้
พิมพ์ชนกกล่าวขอบใจภานุ เมื่อเดินมาถึงรถตัวเอง พร้อมกับยื่นมือไปรับแฟ้มจากภานุ แต่ภานุไม่ยอมคืนให้
บอกแล้วไงว่าผมจะไปส่ง
พูดเสร็จภานุก็เปิดประตูโยนแฟ้มไปไว้เบาะหลัง ก่อนที่จะหันมาคว้าแขนพิมพ์ชนกให้เข้าไปนั่งที่นั่งข้างคนขับ ส่วนตัวเองก็เดินอ้อมไปทำหน้าที่คนขับ โดยที่ไม่ใส่ใจว่าพิมพ์ชนกจะว่ายังไง
นี่นายนุ จะมากไปแล้วนะ แล้วนี่
.
เงียบน่าพิม
ภานุไม่ฟังเสียง พร้อมกับออกคำสั่งเสียงเข้ม ทำเอาพิมพ์ชนกขยาดและก็ทำตามอย่างว่าง่าย ก็ไม่ให้เงียบได้ไงล่ะ หมอนี่เล่นส่งสายตาเอาเป็นเอาตายมาให้ ระหว่างทางที่นั่งรถมาด้วยกันต่างคนก็ต่างพากันเงียบ ตกอยู่ในวังวนของความคิดตัวเอง บ่อยครั้งที่ภานุหันไปมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของพิมพ์ชนก และก็แอบยิ้มกับตัวเอง ตลอดเวลาที่เขาอยู่เมืองนอก ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่เหรอที่เขาเฝ้าแต่คิดถึง และก็ผู้หญิงคนนี้อีกเหมือนกันที่เมื่อสิบกว่าปีที่แล้วโดนเขาแกล้งจนต้องร้องไห้ทุกครั้ง ถือว่าเป็นโชคดีของภานุที่เจอกับพิมพ์ชนกวันนี้ เพราะตั้งแต่เขากลับมาเขาก็ยังไม่มีเวลาไปเยี่ยมพ่อแม่ของพิมพ์ชนกเลย และวันนี้เพียงแค่เห็นด้านหลังเขาก็จำได้แม่นว่าเป็นใคร ส่วนเจ้าตัวก็คงไม่รู้สักนิดว่าตลอดเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมามีใครที่คิดถึงอยู่ตลอดเวลาและติดตามความเป็นไปของเธออยู่เสมอ
แก้ไขเมื่อ 28 เม.ย. 48 17:00:11
แก้ไขเมื่อ 28 เม.ย. 48 16:59:24
แก้ไขเมื่อ 28 เม.ย. 48 16:53:44
จากคุณ :
sandglasswk
- [
24 เม.ย. 48 21:32:02
]