CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    *+*+*+*+* ฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลง *+*+*+*+*

    I

    11 พฤษภาคม 2003


            เด็กสาวผู้หนึ่ง ยืนอยู่บนระเบียงของบ้านทรงสเปนที่ยื่นออกไปรับแสงแดดในยามเช้า  แสงอ่อนๆในตอนเช้ากระทบจมูก และแก้มสีชมพูของเธอ สายลมอ่อนๆ พัดพาผมยักศกเล็กน้อยของเธอ เปิดให้เห็นใบหน้าที่ดูแน่นิ่งอย่างชัดเจน   บ้านหลังนี้ตั้งอยู่บนเนินเขา ไม่ไกลจากตัวเมืองนัก  เบื้องหลังคือภูเขาเตี้ยๆ สายตาของเด็กสาวกำลังกวาดตามองไปยังเมืองเล็กๆเบื้องหน้าที่เธออาศัยอยู่  ตรงขอบฟ้าเธอเห็นสีเขียมครึ้มของต้นไม้ทีเป็นเสมือนเส้นกั้นระหว่างสีขาวของอาคารในเมืองและสีเหลืองอมส้มของท้องฟ้าในยามเช้า

              หกเดือนแล้วซินะ ที่เธอรอคอยวันนี้ เสียงเพลงบรรเลง ค่อยดังขึ้นจากเครื่องเสียงที่เธอตั้งเวลาไว้ให้เปิดในยามเช้าเพื่อปลุกเธอให้ตื่นจากการหลับใหลในยามค่ำคืน   เพลง The Four Seasons ของ Vivaldi ที่บรรเลงโดย St.Paul Chamber Orchestra ช่างเหมาะเสียจริงกับยามเช้าในวันนี้ ดวงอาทิตย์ค่อยเลื่อนสูงขึ้นพร้อมกับแสงที่ดูแข็งกร้าวขึ้น จากแสงแดดอ่อนๆ ค่อยๆเข้มขึ้น เด็กสาวเดินหลบแดดเข้ามาในบ้านที่ดูเรียบง่าย   เธอเดินไปยังตู้ไม้สีน้ำตาลเข้มที่อยู่ตรงทางลงบันได   ดึงลิ้นชักออกมาแล้วหยิบ ซองจดหมายสีขาวซองหนึ่ง เดินตรงมายังเก้าอี้บุนวมสีแดง


    II


    สวัสดี นาเดียร์ลูกรัก


             นี่คงเป็นจดหมายฉบับแรกที่พ่อได้เขียนถึงลูก   ก่อนหน้านี้ความคิดของพ่อค่อนข้างจะฟุ้งซ่าน และรวบรวมสติเอามิได้เสียเลย  เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้เกิดขึ้น เพื่อนของพ่อ รวมทั้งเพื่อนของลูกหลายคนต่างไม่เชื่อในเรื่องราวที่เกิดขึ้น  แต่พ่อก็ไม่สามารถพิสูจน์ให้คนส่วนใหญ่เห็นได้ว่ามิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น จะทำอย่างไรได้ล่ะลูกรัก ในเมื่อสังคมปัจจุบัน ความถูกผิดได้ถูกความยุติธรรม แย่งชิงไปในนามของกฎหมาย  ศีลธรรมได้ถูกศาสนาครอบงำในรูปแบบของความเชื่ออย่างงมงาย   ความจริงบางอย่างถูกปิดกั้นโดยการพิสูจน์เชิงประจักษ์ในรูปแบบของวิทยาศาสตร์  พ่อรู้ว่าลูกและเพื่อนๆของลูก ต่างรู้ว่าพ่อมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่จะทำเช่นไรได้เล่า   ในเมื่อกระบวนการทางยุติธรรม ความถูกต้องขึ้นอยู่กับหลักฐาน และบางทีก็อาจรวมถึงการชี้นำจากสังคม หลายคนรู้ว่าพ่อเป็นคนดีพ่อซึ้งน้ำใจในตรงนี้ แต่ก็เป็นการยากที่จะพิสูจน์ให้เห็นชัด    ความดีและความจริงของพ่ออาจไม่มีน้ำหนักเลยถ้าปราศจากหลักฐาน  คลื่นของกระแสสังคมที่พัดโถมเข้าใส่ตัวพ่อทำให้พ่อกลายเป็นสีดำทั้งๆทีมันอาจเป็นแค่คราบสกปรกที่ติดอยู่เพียงข้ามคืน

             นาเดียร์ พ่อหวังเป็นอย่างยิ่งว่าลูกคงจะเข้มแข็งในเวลาเช่นนี้  ตลอดหลายปีที่ผ่านมา พ่อมองเห็นการเติบโตของลูก  จากเมล็ดเล็กๆ ได้เติบโตขึ้นเป็นดอกไม้ที่แสนงาม  ที่พร้อมจะสู้ลม แดด และฝน  ถึงแม้ว่าในบางครั้งต้องอับเฉาไปบ้าง แต่ก็ฟื้นขึ้นมาใหม่เมื่อยามเช้ามาเยือน  คลื่นกระแสสังคมที่ถาโถมใส่ตัวพ่อได้สะเทือนสู่ลูก  จากดอกไม้ที่อยู่กลางทุ้งหญ้าสีเขียวต้องเปรอะไปด้วยเขม่าสีดำ   พ่อรู้ดีนาเดียร์และพ่อรู้สึกผิดที่ทำให้ลูกต้องรับสิ่งที่ลูกไม่เกี่ยวข้องเลยแม้แต่น้อย  แต่ไม่นานลูกรัก เม็ดฝนที่ตกลงมาจะชำระตัวของลูกให้กลับมาฟื้นคืนชีวิต และเพิ่มกำลังในการสู้แดด ลม และฝนต่อไป

              พ่อจะให้ขอสัญญาอีกครั้งต่อลูกว่า พ่อมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลย  พ่อรักและเป็นห่วงลูกเสมอ  และหวังว่าเหตุการณ์ร้ายๆ คราวนี้จะผ่านไปได้  ถึงแม้ว่าเราต้องต่อสู้กับสิ่งที่โถมเข้ามามากมาย แต่มันก็เป็นเครื่องฝึกความอดทนในตัวเราทั้งสอง


                                                                                                               รักและคิดถึงลูกเสมอ
                                                                                                                       พ่อ




              นาเดียร์ ปิดจดหมายลงอย่างช้าๆ  เธออ่านจดหมายนี้มาเป็นรอบที่ห้า แล้วหลังจากเธอได้รับมันมาจากตู้จดหมายหน้าบ้านเมื่อสามเดือนก่อน   พ่อของเธอได้ตกเป็นผู้ต้องหาในคดี ที่หมิ่นเหม่ต่อศีลธรรม  

               ผู้คนในสังคมส่วนใหญ่ติดตามข่าวนี้อย่างกระชั้นชิด  รวมทั้งเธอและพ่อด้วย  แต่แล้วในเย็นวันหนึ่งสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น  พ่อของเธอถูกระบุว่าเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีนี้  เจ้าหน้าที่ได้เชิญพ่อของเธอไปให้ปากคำในเย็นวันนั้น  เธอและพ่อให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีเพราะรู้ดีว่าไม่มีเหตุผลใดเลยที่จะต้องไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพรรณนี้    แต่แล้วหลังจากนั้นสองวัน พ่อของเธอก็ถูกตั้งข้อกล่าวหา สมองของเธอเหมือนจะดับวูบไม่รับรู้อะไรในทันที จากผู้ต้องสงสัยกลายเป็นผู้ต้องหา  และจำเลยของสังคมในทันที   เมืองเล็กๆ ของเธอที่เคยสงบ ก็วุ่นวายขึ้นในทันที  เสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนาหูซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นไปในทางลบต่อครอบครัวเธอ   จากครอบครัวที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและสันโดษ ได้กลายเป็นของสาธารณะ ที่ถูกพูดถึงไปต่างๆนาๆ   ความสงบสุขได้หายไปแล้ว  

              กระแสสังคมที่เฝ้าจับตามองในคดีนี้ ทำให้เกิดแรงบีบคั้นต่อเจ้าหน้าที่  และ พวกเขาก็มิให้ “สิทธิการประกันตัวแก่พ่อของเธอ” ช่างเป็นเรื่องน่าเศร้าเสียนี่กระไร เพียงเวลาไม่ถึง72 ชั่วโมง ชีวิตของเธอและครอบครัวได้เปลี่ยนไปโดยพลัน เป็นแรงเหวี่ยงที่รุนแรงทำให้บอบช้ำอย่างหนัก


    III


              นาเดียร์ มองลอดหน้าต่างกระจกใส ออกไปข้างนอก เธอเห็นอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนอย่างช้าๆ มาทางบ้าน  เธอลุกจากเก้าอี้บุนวมสีแดงออกไปยังระเบียงอีกครั้ง   รถคันสีขาวกำลังแล่นมาอย่างช้าๆ เข้ามาใกล้ทีละนิดๆ  


             พ่ออยู่ในรถคันนั้นเธอรู้ดี อัยการสั่งไม่ฟ้องคดีที่พ่อเธอถูกกล่าวหาว่าไปเกี่ยวข้อง  โดยให้เหตุผลว่า “หลักฐานของผู้เสียหายไม่เพียงพอ และให้การสับสน“  เบื้องล่างพ่อของเธอค่อยๆก้าวเท้าลงจากรถ พร้อมสูดอากาศหายใจอย่างเต็มที่ ในขณะที่คนขับรถนำรถไปเก็บ  เธอวิ่งลงบันไดไปหาพ่อ


              ทั้งคู่สวมกอดกันอย่างแนบแน่น น้ำตาแห่งความปิติของเด็กสาวค่อยรินไหลออกมาเปรอะแก้มสีชมพูของเธอ   หกเดือนที่ผ่านมาทั้งสองมิเคยเลยที่จะได้ใกล้ชิดกันขนาดนี้  

              เมฆฝนเบื้องบนที่เริ่มตั้งเค้า  ค่อยๆโปรยเม็ดฝนลงมา  ดอกไม้ในกระถางตรงระเบียงค่อยๆฟื้นจากความเหี่ยวเฉาแห่งรัตติกาลอันยาวนาน

    แก้ไขเมื่อ 25 เม.ย. 48 06:47:01

    แก้ไขเมื่อ 24 เม.ย. 48 23:04:09

    แก้ไขเมื่อ 24 เม.ย. 48 23:03:27

    จากคุณ : Mr.ปู - [ 24 เม.ย. 48 22:34:16 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป