แต่งเรื่องสั้นมาให้อ่านบ้างค่ะ
บางครั้งสิ่งที่เราคิดว่าดี
ก็อาจจะไม่เป็นอย่างนั้นเสมอไป
เมื่อเราต้องทำในสิ่งที่ไม่ชอบ และฝืนตัวเอง
แรกๆอาจจะมีความสุข แต่นานวันไปล่ะ
ความรู้สึกนี้จะยังอยู่กับเราเหรอ
เมื่อความต้องการที่เป็นอยู่ไม่ตรงกับสิ่งที่ทำ
เสียงเพลงที่ดังกระหึ่มอยู่ในบ้านช่วงเย็น ซึ่งเปิดแผดลั่นอย่างเต็มที่ นี่ดีนะว่าเปิดในบ้าน ถ้าเปิดเผื่อแผ่ชาวบ้านด้วย เชื่อขนมได้เลยว่า ไม่รองเท้า หรือคำอวยพรคงตามมาเป็นชุด สาวนักบัญชีที่สะพายกระเป๋าหนังจอดรถด้านในเสร็จ ก็ก้าวลงมาพร้อมข้าวของในมือ สมัยนี้หายากที่ผู้หญิงจะมานั่งทำครัว ส่วนใหญ่จะเป็นคุณนายถุงพลาสติกกันมากกว่า และสาวสวยประจำบ้านนี้ก็พึ่งกับข้าวถุงเช่นเดียวกัน
เพียงผ่านประตูบานสไลด์เข้ามา ใบหน้าที่เครียดจากรถติด อากาศร้อน จากด้านนอกว่าน่าเบื่อแล้ว แต่พอเธอเห็นผู้ชายอีกคนนั่งอยู่ในบ้าน วงหน้าที่บึ้งอยู่แล้วก็ขมวดคิ้วมากขึ้นกว่าเดิม เธอถามน้องชายด้วยคำพูดที่ให้อีกคนได้ยิน
"เย็นๆกลับมาจากที่ทำงาน พี่อยากจะอยู่แบบส่วนตัวๆบ้างไม่ได้เลยรึไงอั๋น ถึงชอบพาคนอื่นมาวุ่นวายในบ้านนัก"
ทำไมน้องชายจะไม่รู้ว่าที่เธอเอ่ยน่ะหมายถึงใคร เพราะทุกครั้งที่เจอกันทีไรก็มักได้ยินคำพูดกระทบกระเทียบเช่นนี้เสมอ ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าพี่อ้อมไปจงเกลียดจงชังอะไรรุ่นพี่คนนี้ของเขาหนักหนา
ชายหนุ่มที่ดูเซอร์ๆ ไว้ผมยาวถึงกลางหลัง กับกางเกงยีนส์ที่ดูปุๆ ปะๆ และเสื้อยืดสีดำลายหัวกระโหลกแบบพวกอาร์ทติทชอบใส่กัน คงจะรู้ตัวว่าตนเองโดนกระทบจึงลุกขึ้นจากโซฟาหยิบกีตาร์ที่อยู่ข้างกายบอกกับรุ่นน้องที่นั่งอยู่
"อั๋น พี่ขอตัวกลับก่อนละกันนะ ไม่อยากทำให้ใครไม่สบายใจน่ะ"เอ่ยเสร็จก็เดินออกไปจากบานประตูสไลด์ทันที สตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์ขี่ออกไปจากบ้านพร้อมกับกีตาร์ของเขา
ลับหลังของรุ่นพี่ที่เป็นอดีตนักดนตรีของมหาวิทยาลัย น้องชายก็หันมาถามพี่สาวด้วยความสงสัย
"ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพอพี่อ้อมเจอพี่คินทร์ทีไร ต้องทำหน้าไม่ชอบใจทุกทีเลย"
"ก็คนไม่ถูกชะตา ทำยังไงมันก็ไม่ชอบ"นี่คือคำตอบที่อั๋นหรือศักราชได้ยินแล้วไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ที่พี่สาวทำแบบนี้บ่อย
"ผมว่าที่พี่อ้อมไม่ชอบพี่คินทร์ ก็เพราะว่าพี่เขาไม่เท่ห์ ไม่สำอาง ไม่สมาร์ท เหมือนแฟนพี่ต่างหากล่ะ
"นี่นายอั๋นมันไม่ใช่เลยนะ"
"แต่ผมว่าใช่ ไม่อย่างนั้นพี่จะทำท่ารังเกียจเขาขนาดนั้นเหรอ"
"พูดกับนายแล้วทะเลาะกันทุกทีเรื่องผู้ชายคนนี้น่ะ ไม่พูดละ ไปอาบน้ำก่อนดีกว่า"บอกเสร็จก็เดินขึ้นชั้นบนไป น้องชายได้แต่ส่ายหน้าและกลับไปนั่งเล่นเกมส์ต่อคนไม่ยอมรับความจริงก็อย่างนี้ล่ะ
+++++++++++
นคินทร์กระแทกกายยังโซฟาที่บ้านตัวเอง ด้วยอารมณ์ไม่ค่อยดี เคยมีสักครั้งมั้ยที่หญิงสาวจะมองและพูดดีๆกับเขา ไม่มีเลย พอเห็นหน้ากันทีไรก็ว่ากระทบทุกที เขาไม่เข้าใจว่าการที่ตนเองแต่งตัวแบบนี้ ไว้ผมยาวอย่างนี้ มันเกี่ยวกับการที่จะคบกันตรงไหน ไม่ใช่นิสัยหรอกเหรอ ที่คนเราจะคบกัน จะว่าไปเธอกับเขาก็อายุเท่ากัน จะแก่อ่อนกว่ากันก็แค่เดือน น่าจะเป็นเพื่อนกันได้ด้วยซ้ำ แต่เธอกลับแสดงท่าทีรังเกียจตนเองทุกที ไม่เข้าใจเลยทำไมผู้หญิงถึงชอบมองส่วนประกอบภายนอกกันเหลือเกิน ไอ้ที่หน้าตาดีน่ะ ข้างในก็พวกหลอกลวงทั้งนั้นล่ะ
หรืออาจจะเป็นเพราะคนรักของหญิงสาวเป็นชายหนุ่มที่หน้าตาดี เท่ห์ หล่อ เธอถึงไม่ชอบผู้ชายแบบเขา จากภาพที่ชายหนุ่มเคยเห็น ดูเหมือนคนรักของเธอจะไม่ค่อยไยดีหญิงสาวเท่าไหร่เลย ทำไมถึงรู้น่ะเหรอ ก็วันที่นครินทร์ไปหาน้องชายของหญิงสาว บังเอิญวันนั้นนายอั๋นไม่อยู่ กำลังจะเลี้ยวรถกลับออกจากซอย ก็มองเห็นหญิงสาวนั่งคุยกับผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งดูเธอจะเป็นฝ่ายชวนคุยและเอาใจตลอด นี่น่ะเหรอคือความสุขที่คนมีความรักภูมิใจนักหนา ถ้าเป็นเขาต้องเป็นคนดูแลเธอสิไม่ใช่ให้ผู้หญิงเป็นคนเทคแคร์อย่างนี้มันไม่ถูก
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวลงมาข้างล่าง กนกรสก็ยืนจัดโต๊ะทานข้าวที่บ้านโดยทุกอย่างดูดีกว่าทุกครั้ง ทั้งจานที่มีราคา แก้วน้ำผ้าผ้าปูโต๊ะทุกอย่างดูเปลี่ยนไปจนน้องชายของเธอที่เดินเข้ามาต้องร้องอย่างแปลกใจ
"โอ้ พี่อ้อม นึกยังไงจัดโต๊ะกินข้าวอย่างกับตามโรงแรมเลยล่ะ หรือว่าอยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้างเผื่อจะได้นึกว่านั่งทานที่โรงแรมมีระดับ"
"ไม่ใช่"
"อ้าว แล้วอย่างนั้นทำไมต้องทำซะหรูเกินขนาด เราอยู่กันแค่สองคนนะพี่ ไม่ต้องถึงขนาดนี้หรอก"ศักราชบอกกับพี่สาว และเธอก็บอกให้รู้ว่าทำไมต้องทำแบบนี้
"ก็เผื่อบางทีพี่เชนจะมาทานข้าวที่นี่จะได้ดูไม่เรียบง่ายเกินไป"
"ผมว่าปกติมันก็โอเคดีแล้วนี่พี่ พอมาจัดแบบนี้ผมอายจัง"
"อายทำไมเหรอ"พี่สาวที่ไม่เข้าใจก็ถาม
"ก็บ้านเราน่ะเป็นพวกใช้ชีวิตเรียบง่าย และอีกอย่างผมก็ไม่ค่อยถนัดในการทำตัวหรูหราด้วยน่ะพี่ มันดูแปลกๆถ้าผมต้องมาปูผ้าลงกับตัก แถมผ้าปูโต๊ะสีหวานนี่อีกพี่อ้อม ถ้ามันเลอะไปเสียดายแย่เลย พี่ไม่เบื่อบ้างเหรอที่ต้องทำอะไรในแบบที่ฝืนตัวเองน่ะ"
น้องชายถามเธอกลับไป เพราะตั้งแต่ที่พี่กล้วยเป็นแฟนกับนักธุรกิจที่ชอบเข้าสังคม พี่สาวของเขาต้องเปลี่ยนอะไรหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเข้าสังคม การแต่งกาย ของใช้ ทุกอย่างต้องดูดีมีราคา ซึ่งแต่ก่อนพี่อ้อมไม่เคยชอบเข้าสังคม ไม่ชอบใช้ของที่มียี่ห้อมากมาย ซึ่งแตกต่างจากเขาที่เป็นคนกินง่ายอยู่ง่าย
"ถ้าอะไรที่ทำให้คนรักของเราพอใจ เราก็มีความสุขไม่ใช่เหรออั๋น"
"ใช่พี่ นั่นมันบางสิ่งเท่านั้นที่เราควรทำเพื่อเขา แต่ที่พี่ทำอยู่มันคือการเปลี่ยนตัวเอง เขาไม่ได้คบเพราะพี่เป็นตัวพี่เหรอ"
"พี่ไม่สนหรอกนะว่ามันจะเรียกอะไร แต่พี่ยินดีที่จะทำถ้าหากว่ามันทำให้ความรักที่เขามีต่อพี่ไม่เปลี่ยนแปลงไป"
ในความคิดของกนกรสคิดว่าเธอไม่อึดอัดในการที่จะทำอะไรเพื่อเขา เพราะใครๆที่มีความรักก็ยินดีที่จะปรับตัวเองให้เข้ากันได้ นี่เป็นคติที่จะทำให้ความรักคงอยู่ ถ้าหากว่าไม่มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดยอมเสียสละปรับตัวเข้าหากัน ความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่ก็จะไม่ยั่งยืน
จริงๆหญิงสาวก็ไม่เคยลุกขึ้นมาทำอะไรแบบนี้หรอกถ้าหากว่าวันนั้นเธอไม่ได้ไปรุ้จักกับที่บ้านของคเชนทร์ ได้รู้แล้วว่าที่เขาเป็นคนสำอาง สะอาด เลือกใช้ของแต่ดีๆนั้น นั่นก็เพราะที่บ้านของชายหนุ่มมีคุณพ่อตำแหน่งถึง ผู้กำกับสถานีตำรวจ ส่วนมารดาของเขาก็เป็นบุคคลซึ่งมีคนนับถือและยกย่องมากมาย ดังนั้นหน้าตาของเขาก็คือเฟอร์นิเจอร์ที่ดูหรูหรากับ การแต่งกายที่ดูมีราคา ก็เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงฐานะกับเกียรติตระกูลของคนรักเธอด้วย และหญิงสาวผู้ที่จะมาเป็นคนรักของชายหนุ่มก็ควรที่จะเข้าใจในอุปนิสัยของเขาเช่นกัน
++++++++
แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 48 02:15:26
จากคุณ :
tonkho-w
- [
30 เม.ย. 48 01:08:07
]