CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    ...เสน่ห์จันทร์...[4]

    4



    “เราขอโทษจริงๆนะมัส”

    ชฎาธารย้ำอีกครั้ง  

    รสอร่อยของอาหารกลางวันในอาคารสโมสรหย่อนไปกว่าครึ่งเมื่อแผนท่องเที่ยวต้องเปลี่ยนแปลงกะทันหัน   ด้วยว่าชฎาธารต้องเดินทางเข้ากรุงเทพฯด้วยเที่ยวบินเย็นนี้เพื่อเตรียมตัวเข้าสัมมนาในวันรุ่งขึ้นแทนเพื่อนอาจารย์ที่ประสบอุบัติเหตุกะทันหันเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ

    มัสลินมองสีหน้าเป็นกังวลและรู้สึกผิดของเพื่อนแล้วฝืนยิ้มทั้งที่รู้ว่ามันคงจืดเจื่อนเต็มที

    “คิดมากน่าชฎา  ก็เธอมีงานต้องทำจริงๆนี่นา อย่าทำเหมือนว่าเราจะมาที่นี่เป็นครั้งสุดท้ายหน่อยเลย  
    เอ๊ะ... หรือชฎากับคุณอั้มจะไม่ต้อนรับเราแล้ว”

    คำพูดเย้าทำให้ชฎาธารยิ้มออกมาได้หน่อยนึง

    “แล้วเธอจะทำยังไงต่อไปล่ะ  จะกลับกรุงเทพฯเลยหรือ”

    “ยังหรอก  อยากอยู่เที่ยวอีกสักพัก  อาจจะหารีสอร์ทเงียบๆในเชียงใหม่นี่แหละ ไม่ก็อาจเป็นเชียงราย”

    “ไม่มีทางหรอกมัส  นี่มันหน้าท่องเที่ยวนะ  แต่ละที่คงเต็มหมดแล้ว    และที่สำคัญเธอไปคนเดียวฉันเป็นห่วง
    ต่อให้เธอจะบอกว่าได้แบกเป้ไปเที่ยวไหนต่อไหนมาเกือบทั่วโลกแล้วก็ตามเถอะ”

    ชฎาธารดักคอรู้ทัน

    “แต่มัสไม่เป็นไรหรอกน่า   ชฎาก็รู้นี่ว่ามัสเข้มแข็งแค่ไหน”

    ปากพูดแต่มัสลินสบตาเพื่อนได้ไม่เต็มตานัก

    “แต่ไม่ใช่ครั้งนี้”  ชฎาธารทาบมือตัวเองบนมือขาวที่เริ่มแดงด้วยไอแดด   “ฉันไม่อยากให้เธอไปคนเดียวจริงๆนะมัส”

    “คุณมัสพักที่ไร่เรือนจันทร์สิครับ   แล้วพองานของชฎาเสร็จ   เราก็ค่อยไปเที่ยวกันต่อตามแผนเดิม”

    อมฤตบอกแล้วหันไปสบตากับภรรยาที่หน้าชื่นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

    มัสลินนึกขอบใจที่ทั้งคู่เป็นห่วงเธอขนาดนี้แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกอึดอัดที่จะตอบรับ  


    “ป้าคำหล้าคงจะดีใจมาก ถ้าคุณจะเป็นแขกที่ไร่เราสักระยะ”

    เจ้าของไร่เอ่ยปากเองหลังนั่งฟังอยู่นาน

    ....


    มัสลินเหลือบมองใบหน้าเรียบเฉยนั้น

    ป้าคำหล้ามาเกี่ยวอะไรด้วย แค่บอกว่ายินดีต้อนรับใครสักคนคงเป็นเรื่องยากสำหรับ “นายชฎิล”

    หรือว่าจะไม่... หากใครคนนั้นจะมีอายุเลยวัยเกษียณ




    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++




    รถของอมฤตกับชฎาธารแล่นออกไปยังไม่ทันพ้นสายตาเสียด้วยซ้ำเมื่อคนงานในไร่เข้ามาหาชฎิล    มัสลินเห็นเขาพยักหน้ารับก่อนจะหันมาทางเธอ

    “ผมจะเข้าไปในไร่สักหน่อย   เชิญพักผ่อนตามสบาย   ป้าคำหล้าดูแลด้วยนะ”

    คนพูดท่าทางชินกับการที่สั่งออกไปแล้วคนอื่นปฏิบัติตามโดยไม่มีข้อแย้ง     เพราะร่างสูงนั้นก้าวขึ้นรถจี๊ปคันกลางเก่ากลางใหม่แล้วขับออกไปทันที    มีคนงานคนเดิมติดรถไปด้วย

    ป้าคำหล้าหันมายิ้มกับเธอแล้วบอกว่า

    “คุณอาบน้ำพักผ่อนสักหน่อยก็ได้นะคะ   เดินทางมาเหนื่อยๆจะได้สดชื่น   เดี๋ยวเย็นพอนายชฎิลกลับมาจะได้รับข้าวเย็นด้วยกัน”

    “แน่ใจนะคะว่าไม่มีอะไรให้มัสช่วยจริงๆ”

    หญิงวัยกลางคนยิ้มกว้าง   จับแขนหญิงสาวอย่างถือสนิท

    “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ   เหลือทำกับข้าวสองสามอย่าง   รอนายมาแล้วค่อยปรุง   เดี๋ยวเดียวก็เสร็จได้กินร้อนๆ”

    มัสลินเห็นว่าดื้อดึงไปก็ไม่มีประโยชน์เลยกลับไปในห้องส่วนตัว    ได้อาบน้ำเย็นทำให้สดชื่นขึ้นมาบ้าง   แต่น้ำเย็นอย่างนี้ก็น่าคิดเหมือนกันว่าหากอาบตอนค่ำอาจเป็นหวัดได้ง่ายๆ



    แดดบ่ายทอแสงอาบแผ่นผืนอาณาจักรสีเขียวกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา  ใบสีเขียวจัดตัดกับสีส้มสดนั้นน่าดูเป็นนักหนาในสายตาของมัสลิน    คนที่นี่คงต้องทำงานหนักไม่ใช่น้อยกว่าจะเป็นผลงานที่น่าภาคภูมิใจอย่างนี้  


    นายชฎิลของทุกคนดูจะกร้าวแกร่ง   แม้เพิ่งรู้จักเพียงชั่วข้ามวัน    แต่ความเป็นผู้นำที่ฉายชัดจากตัวเขาทำให้มัสลินอยากจะมั่นใจว่ามือนั้นแข็งพอที่จะดูแลทุกชีวิตภายใต้ร่มเรือนจันทร์แห่งนี้ให้มีความสุขได้ไม่ยาก  

    ส่วนเจ้าตัวเองจะหาความสุขได้อย่างไรนั้นเธอยังนึกไม่ออก  เรื่องที่ได้รับรู้จากชฎาธารคงยังค้างคาอยู่ในใจเขา

    ...แววตาหม่นเศร้าในยามเผลอคู่นั้นยืนยันได้ดี




    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++




    “นายสั่งคนมาบอกว่าให้คุณกินข้าวไปก่อนค่ะ ไม่ต้องรอ”

    ป้าคำหล้าบอกเมื่อมัสลินเข้ามานั่งที่โต๊ะอาหาร

    “นายของป้าคำหล้าทำงานจนค่ำทุกวันเลยหรือคะ”

    มัสลินถามอย่างจะชวนคุยไม่ให้เกิดความเงียบมากกว่าอยากจะได้คำตอบจริงๆ    หากป้าคำหล้ากลับตอบด้วยน้ำเสียงชื่นชม

    “ไม่บ่อยนักหรอกค่ะ  แต่ช่วงนี้งานเร่ง  ลูกค้าสั่งส้มมาเยอะนายก็ต้องอยู่ดู  บางทีก็ลงมือทำเองเลย นายก็เหมือนพ่อนาย  พ่อเลี้ยงกับน้องชายพ่อเลี้ยงพ่อของนายอั้มเป็นคนทำงานจริง  ใครขยันขันแข็งแข็งก็เลี้ยงดูเป็นอย่างดี เจ็บไข้ได้ป่วยนายรักษาเต็มที่ แต่ถ้าใครขี้เกียจนายไม่เลี้ยงเหมือนกัน”

    “ท่าทางนายชฎิลนี่จะดุเหมือนกันนะคะป้า”  มัสลินลองหยั่งเชิงดู

    “ก็ต้องมีบ้างล่ะค่ะคุณ   คนงานนับร้อยก็มาจากร้อยพ่อพันแม่   นิสัยก็แตกต่างกันไป   บางคนพูดกับเขาดีๆเขาก็ทำงานให้แทบขาดใจ   แต่กับบางคนถ้าอ่อนให้มันก็เหลิง   เหมือนม้าลานั่นแหละค่ะถ้าดื้อก็ต้องมีลงแส้กันบ้าง”

    “ยังไงคะ ถึงกับไล่ออกเลยหรือเปล่า”   ที่ว่าแค่ชวนคุยแต่แรกชักเปลี่ยนเป็นสนใจหน่อยๆแล้ว

    “ก็เกือบมีเหมือนกันล่ะค่ะคุณ  ตอนนั้นนายเพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ๆ  ไอ้เมืองใหม่ที่นี่เหมือนกัน  เพียงแต่ว่ามาก่อนนายสักสองสามปี   ช่วงนั้นพ่อเลี้ยงกำลังยุ่งๆกับไร่ทางจอมทองที่เพิ่งบุกเบิกเลยปล่อยทางนี้ให้นายจัดการ   นายกลับจากเมืองนอกใหม่ๆตัวยังขาวๆอยู่เลย   มันคงคิดว่าหน้าอ่อนเลยคิดจะลองของ เกงานไปกินเหล้าอยู่ท้ายไร่สองวันนายก็ไม่ว่าอะไร  ได้แต่ฝากคนไปเตือน  พอวันที่สามนายไปเองมันก็ยังอวดดีอีก โดนหมัดนายเข้าไปสองสามตุ๊บก็เลยนับถือน้ำใจกันตั้งแต่นั้นมา”

    คนฟังตาโต  พอจะนึกภาพออกอยู่หรอกว่า “นายชฎิล” ทำได้จริง

    “แต่นายชฎิลก็โดนมาสักหมัดเหมือนกันนะคะ”

    มัสลินยิ่งตาโตเข้าไปอีก  คราวนี้เพราะฉงนมากกว่า  ป้าคำหล้าก็เลยเล่าต่อว่า

    “นายให้โอกาสซัดกันตัวต่อตัวค่ะ   ถ้ามันชนะก็ได้ทำงานต่อและไม่ถูกหักเงิน   แต่ถ้าแพ้ก็ต้องเลือกว่าจะออกหรือจะต้องทำงานชดเชยเป็นสองเท่า   มันคงย่ามใจว่าตัวโตกว่าเลยยอมตกลง”

    “แล้วเขายอมกลับใจไหมคะ”   มัสลินถามด้วยความอยากรู้จริงๆ

    “ก็ไอ้คนที่คุณเห็นเมื่อบ่ายนั่นแหละค่ะ   นอกจากกลับใจแล้ว เดี๋ยวนี้มันกลายเป็นหัวหน้าคนงานที่แปลงสามโน่นแล้วค่ะ  เป็นหูเป็นตาแทนนายได้แทบทุกอย่างเทียว  แล้วถ้าใครอู้งานก็ไม่ต้องถึงมือนายหรอกค่ะ ไอ้เมืองลงไปจัดการเองเลย”

    ป้าคำหล้าเล่าจบก็พอดีกับข้าวหมดจาน


    มัสลินเพิ่งรู้ตัวว่าวีรกรรมของ“นายชฎิล”นี่ก็ทำให้เจริญอาหารได้เหมือนกันนะ




    หลังอาหารมื้อนั้นมัสลินแย่งป้าคำหล้าล้างจานจนได้    ส่วนเด็กสาวที่เป็นลูกมือแกกลับเรือนคนงานไปตั้งแต่เย็นแล้ว    

    เช็ดจานใบสุดท้ายเสร็จหญิงสาวก็ออกมานั่งรับลมเย็นข้างนอกที่เก้าอี้โยกใต้ชายคา    ครู่เดียวป้าคำหล้าก็ตามออกมาพร้อมน้ำส้มคั้นสด    ตัวแกเองนั่งที่ม้าตัวเตี้ยใกล้ๆกันพร้อมถาดพริกแห้งที่เตรียมเด็ดขั้ว    ซึ่งคราวนี้แกไม่ยอมให้มัสลินช่วยจริงๆ



    เบื้องบนโน้นท้องฟ้าสีดำสนิทพร่างพรายไปด้วยแสงดาวนับหมื่นนับพันดวง   จักจั่นเรไรร้องอยู่รอบข้างเหมือนเป็นดนตรีธรรมชาติที่ขับกล่อมในคืนหนาวดาวสวยอย่างนี้  ดอกแก้วส่งกลิ่นหอมฟุ้งจึงยิ่งเพิ่มความรื่นรมย์ในหัวใจนัก

    หญิงสาวเผลอยกมือปิดปากหาว   นึกอายป้าคำหล้าเหมือนกัน   เพราะตั้งแต่มาที่นี่ก็มีแต่กินกับนอน  ไม่นับเรื่องล้างจานเล็กๆน้อยๆนั่น  

    “ง่วงก็ไปนอนเถอะค่ะคุณ อย่ารอนายเลย”   แกพูดอย่างกับรู้  

    “เจ้าของบ้านยังไม่กลับจากทำงานเลย แขกจะเข้านอนไม่น่าเกลียดแย่หรือคะ"

    สายตาที่หญิงวัยกลางคนมองมาบอกความเอื้อเอ็นดู

    “โถ...คุณคะ   เอาแน่เอานอนกับนายไม่ได้หรอกค่ะ   บางทีแกก็อยู่จนดึก   บางทีกลับแต่วันก็จริง   แต่ไฟในห้องทำงานเปิดถึงค่อนรุ่ง   ถ้าจะรอจริง  คุณอาจจะหลับบนเก้าอี้โยกนี่ไปจนถึงเช้าก็ได้”

    ด้วยเหตุนี้มัสลินจึงเดินกลับมาที่ห้องนอนของตัวแต่โดยดี  ป้าคำหล้าเดินมาส่งที่หน้าห้องแล้วบอกให้หญิงสาวสบายใจว่า

    “ป้านอนที่ห้องเล็กข้างครัวนี่แหละค่ะ   ถ้าคุณมีอะไรก็เรียกได้นะคะ   ไฟทางเดินนี่เปิดทั้งคืน”

    มัสลินสอดตัวในผ้าห่มอุ่น  มองนาฬิกาข้อมือก่อนถอดวางไว้ข้างโต๊ะหัวเตียง    เวลาสามทุ่มยังหัวค่ำไปสำหรับคนในเมือง    แต่ที่นี่.. กลางหุบเขาที่อากาศแสนบริสุทธิ์อย่างนี้  เพียงศีรษะสัมผัสความอ่อนนุ่มของหมอนก็หลับได้ในทันที

    ...ลืมคนที่ยังตากน้ำค้างนอกเรือนเสียสนิท...




    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++




    เวลาอาหารเช้ามัสลินก็ยังไม่เจอชฎิลอยู่ดี    ป้าคำหล้ารายงานว่านายของแกออกไปไร่ตั้งแต่ใกล้รุ่ง  

    ที่จริงการที่เขามีงานยุ่งๆก็ดีเหมือนกัน   เพราะมัสลินรู้สึกว่าบางทีเธอก็วางตัวไม่ถูกเมื่ออยู่ต่อหน้า ... ฤาษี ... อย่างที่ชฎาธารเรียก



    หญิงสาวใช้เวลาตลอดเช้าไปกับการอ่านหนังสือ    พอตกบ่ายหนังสือเล่มโปรดก็จบเสียแล้ว  จะเริ่มเล่มใหม่ก็รู้สึกว่ายังขี้เกียจ  ที่จริงอาณาเขตกว้างขวางของสวนนี้ก็ร่มรื่นดี  ถ้าได้ลงไปเดินเล่นสักหน่อยก็คงดีไม่น้อย

    “คุณเอารถถีบ...จักรยาน...ไปสิคะ ขี่เล่นแถวแปลงหน้านี้ล่ะพอได้ แต่ถ้าแปลงไกลโน่นต้องถีบ...ปั่น...ขึ้นเนินจะเหนื่อยหน่อย”

    ป้าคำหล้าบอกอย่างใจดีเมื่อมัสลินบอกความต้องการของตัวเอง    แถมแกยังเตือนให้เธอเอาหมวกไปด้วยเพราะแดดบ่ายยังแรงอยู่    

    จักรยานคันที่ว่าค่อนข้างใหญ่สำหรับมัสลิน    ระดับอานอยู่สูงขนาดที่เธอต้องเขย่งปลายเท้าแตะพื้น    แต่เมื่อเริ่มปั่นแล้วก็ไม่มีปัญหา    เส้นทางลาดลงทำให้แทบไม่ต้องออกแรงเลยนอกจากคอยระวังไม่ให้ลงไปคลุกดินข้างทางเสียก่อน  ลมเย็นปะทะหน้าตาเนื้อตัวทำให้เกิดความรู้สึกโล่งสบาย


    คนงานในไร่นี้ดูเป็นมิตรทีเดียว    เมื่อเธอปั่นจักรยานผ่านแล้วยิ้มให้ก็ได้รับยิ้มกว้างตอบกลับมา    ทั้งที่บางคนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอเป็นใครมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร  


    เฮ้อ..  คนหวงยิ้มเห็นจะมีอยู่คนเดียวล่ะมั้ง



    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++




    ตะวันสีแสดดวงโตคล้อยต่ำลงมามากแล้ว  แต่มัสลินยังอยากนั่งรับลมเย็น  ฟังเสียงน้ำไหลตรงนี้อีกสักหน่อย  

    สายน้ำเล็กๆนั้นใสจนมองเห็นเม็ดทรายข้างล่างได้ทุกเม็ด  และแค่หย่อนปลายเท้าลงไปก็รับรู้ถึงความเย็นที่พาดผ่าน  เธอนึกติดใจเลยคิดหยั่งขาลงไปที่พื้น  

    ทันใดนั้น  หูก็ได้ยินเสียงน้ำแตกกระจายพร้อมผิวสัมผัสถึงกระแสเย็นที่ไหลล้อมรอบตัว

    “เป็นอะไรไปหรือเปล่าคุณ”




    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    จากคุณ : Gracie Lou Freebush - [ 30 เม.ย. 48 21:16:13 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป