CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    ตามรักคืนใจ # 3

    กริ๊งงงงงงงงงงง…………..กริ๊งงงงงงงงงงง……………. เสียงโทรศัพท์ดังติดต่อกัน โดยไม่มีท่าทีว่าจะมีใครรับสาย พิมพ์ชนกจึงต้องรีบคว้าผ้าเช็ดตัวมาห่อตัวก่อนที่จะเดินลงไปรับโทรศัพท์ แต่พอมาถึงผู้เป็นแม่ก็รับเสียแล้ว

    “ใครโทร.มาคะแม่”

    “ตานุน่ะจ๊ะ เขาฝากให้แม่บอกพิมว่าเดี๋ยวอีกครึ่งชั่วโมงเขาจะเข้ามารับ นัดกันไปไหนอีกล่ะเนี่ยฮึ”

    “เปล่านี่คะแม่”

    “ไม่ต้องมาทำไขสือเลยนะเราน่ะ พักนี้แม่เห็นเราไปไหนมาไหนกับตานุบ่อยนะพิม”

    “แหม.. แม่ขาคิดมาก พิมไม่ได้นัดกับเขาไว้จริง ๆ ค่ะ แล้วเขาไม่ได้บอกเหรอคะว่าจะมารับพิมไปไหน”

    “ไม่ได้บอกจ๊ะ เอาไว้เดี๋ยวตานุมาพิมก็ถามก็ได้หนิ”

    “งั้นพิมขอตัวไปอาบน้ำต่อนะคะแม่” ร่างบางหมุนตัวเดินขึ้นไปข้างบน แต่สีหน้ายังแสดงออกว่ายังคิดไม่ตกว่าภานุจะมารับตนไปไหน

    “พิมแต่งตัวเสร็จหรือยังลูก ตานุมารอแล้วนะ”
    “ค่ะแม่ เดี๋ยวลงไปค่ะ” เมื่อพิมพ์ชนกลงมา ภานุก็ถือโอกาสลาคุณประไพ พร้อมกับฉุดพิมพ์ชนกออกมาจากบ้าน

    “นี่เดี๋ยว นายภานุ นายจะพาฉันไปไหน”

    “เดี๋ยวก็รู้”

    “ไม่ไป ถ้านายยังไม่บอกฉันให้รู้เรื่อง” พิมพ์ชนกพยายามแกะมือของภานุออก

    “ก็ได้ บอกก็ได้ ไปเรื่องงาน”

    “เรื่องงาน! งานอะไรของนาย นี่มันวันหยุดนะ”

    “รู้ครับผม แต่มันด่วนจริง ๆ นะพิม” พูดจบเขาก็เปิดประตูให้พิมพ์ชนกเข้าไปนั่ง ส่วนตัวเขาก็เข้าประจำที่คนขับ ภานุพารถออกนอกเมืองไปทุกที จนพิมพ์ชนกเริ่มไม่แน่ใจ ว่าภานุจะหลอกตนหรือเปล่า ก็หมอนี่ไว้ใจได้เสียที่ไหนล่ะ

    “ภานุ นายจะพาฉันไปไหนกันแน่เนี่ย นายออกนอกเมืองมาแล้วนะ”

    “ไปฝาง” คำตอบสั้น ๆ จากปากของภานุทำเอาพิมพ์ชนกอ้าปากค้าง

    “ฝาง ทำไมเราต้องไปไกลถึงฝางนู่นเลยล่ะ”

    “ก็ผมอยากพาพิมไปเที่ยวไง ผมจะพาพิมไปดอยอ่างขาง” พอภานุพูดจบ พิมพ์ชนกก็รู้ทันทีว่าตัวเองเสียรู้ภานุเข้าให้แล้ว ก่อนที่จะทุบหมัดเล็ก ๆ แต่หนัก ลงไปที่ไหล่ของภานุอย่างแรง

    “โอ๊ย! พิม ผมเจ็บนะ ผู้หญิงอะไรตัวเล็กนิดเดียว แต่มือหนักเป็นบ้า”

    “ดี สมน้ำหน้าหลอกคนอื่นดีนัก”

    “คนอุตส่าห์จะพาไปเที่ยว ยังมาว่าเขาอีก” ภานุตัดพ้อ

    “ไม่ต้องพูดเลย จะพาไปเที่ยวก็บอกกันดี ๆ ก็ได้ไม่เห็นต้องหลอกกันเลย นี่เลยพาลไปหลอกแม่ฉันด้วย”

    “เปล่าผมบอกคุณอาไปแล้วว่าจะพาพิมไปเที่ยวที่ฝาง แล้วแม่พิมก็อนุญาตแล้วนะ”
    “อ้อนี่ แสดงว่านายก็โกหกฉันใช่มั้ย” พูดเสร็จพิมพ์ชนกก็รัวกำปั้นใส่ภานุเป็นพัลวัน

    “นี่แน่ะ โกหกเก่งดีนัก เอาให้ตายไปเลย”

    “โอ๊ย! พิมพอแล้ว ผมขอโทษ” แค่นั้นแหละพิมพ์ชนกจึงยอมหยุด

    “เฮ้อออ… นึกว่าจะตีผมให้ตายคารถซะแล้วสิ”

    “ฉันไม่ตีนายถึงตายหรอก เพราะฉันยังไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นฆาตกร”

    “หายโกธรผมแล้วใช่มั้ยพิม”

    “ใครบอก แค่ยอมยกโทษให้เฉย ๆ หรอกย่ะ นี่เห็นว่าอุตส่าห์มารับไปเที่ยวนะ”
    พูดจบพิมพ์ชนกก็สบัดหน้าไปอย่างงอน ๆ ภานุมองตามแล้วแอบยิ้มน้อย ๆ นี่ล่ะพิมพ์ชนกคนเดิม คนที่เขาเฝ้าคิดถึงตลอดเวลา  ส่วนพิมพ์ชนกก็หันไปสนใจกับทิวทัศน์ข้างทาง จนภานุไม่อยากกวนใจปล่อยให้เจ้าตัวดื่มด่ำกับธรรมชาติต่อไป

    ช่วงนี้อากาศกำลังดี เพราะกำลังเข้าช่วงฤดูหนาว อากาศที่เชียงใหม่เลยไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่ แต่ออกจะหนาวเสียด้วยซ้ำ ภานุเลยตัดสินใจเลือกที่จะพาพิมพ์ชนกไปเที่ยวภูเขาแทนการไปเที่ยวน้ำตก ภานุพารถแล่นไปตามถนน พอรถเลี้ยวเข้าสู่ทางแยกไปดอยอ่างขาง ทางก็เริ่มคดเคี้ยว เพราะเป็นทางขึ้นเขา อากาศเริ่มเย็นลงเรื่อย ๆ จนทำให้คนที่นั่งมาด้วยถึงกับห่อไหล่ ภานุชะลอรถหยิบเสื้อกันหนาวของตนที่เตรียมมายื่นให้กับพิมพ์ชนก

    “เอาใส่ก่อนสิพิม อากาศเย็นเดี๋ยวได้เป็นหวัดกันพอดี”
    พิมหันมาทางภานุ กำลังจะอ้าปากปฏิเสธ แต่ภานุส่งสายตาดุมาให้ พิมพ์ชนกจึงยื่นมือมารับเสื้อจากภานุไปใส่แต่โดยดี

    “แล้วนายล่ะ ไม่หนาวเหรอ”

    “ไม่ต้องห่วงผมหรอกพิม เสื้อที่ผมใส่ก็หนาอยู่แล้วไม่หนาวหรอก”

    “อีกนานมั้ยล่ะ กว่าจะถึง”

    “อีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว พิมเบื่อแล้วหรือ”
    “เปล่าฉันอยากไปถึงเร็ว ๆ อยากรู้ว่าอ่างขางตอนนี้เปลี่ยนไปมากแค่ไหน ตั้งแต่ฉันเรียนจบปริญญาตรีก็ไม่ได้ขึ้นมาอีกเลย ถึงแม้ว่าจะเรียนต่อโทที่นี่ก็เถอะ”

    “พิม”

    “อะไรเหรอ”

    “เปล่า”

    “แปลกคน เรียกแล้วจะพูดอะไรก็ไม่พูด”
    ภานุหันไปมองพิมแล้วก็ยิ้มแต่ก็ไม่พูดอะไร เขามีเรื่องอยากจะพูด อยากจะบอกพิมพ์ชนกมากมาย แต่ดูเหมือนพิมพ์ชนกจะไม่รับรู้เลยว่าภานุอยากบอกอะไรตน

    พอภานุหันไปมองพิมพ์ชนกอีกทีเจ้าของร่างบางก็หลับปุ๋ยไปเสียแล้ว ขนตาดำยาวงอน ริมฝีปากบางได้รูปสีชมพูระเรื่อ ใบหน้าคมรูปไข่ที่ซ่อนภายใต้เรือนผมสีดำสนิท ภานุจำได้ไม่เคยลืม เขาได้แต่ทอดสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรัก ความอาทรให้หญิงสาว ไม่น่าเชื่อว่าตลอดเวลาที่ภานุกลับมาทำงานให้กับผู้เป็นพ่อได้ไม่ถึงปีเขาจะเกิดความรู้สึกมากมาย โดยเฉพาะเมื่อเขาได้พบกับพิมพ์ชนกผู้หญิงที่เขาเฝ้ารอมาตลอดระยะเวลาที่เขาเรียนอยู่ที่อเมริกา เฝ้านับวันรอที่จะได้กลับมาพบกับเธอตามที่ได้สัญญาไว้ แต่เขาก็แอบเสียใจนิด ๆ ที่พิมพ์ชนกไม่แสดงอาการดีใจเลยเมื่อเห็นเขากลับมา ผู้หญิงคนที่คอยเป็นไม้เบื่อไม้เมากับเขาตั้งแต่สมัยเป็นเด็ก จนเมื่อมาเจอกันตอนนี้ภานุกับพิมพ์ชนกก็ยังไม่เปลี่ยน ยังคงความเป็นไม้เบื่อไม้เมากันเหมือนเดิม แต่อาจจะน้อยลงเพราะทั้งคู่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยจากความรู้สึกของภานุก็คือความรักที่เขามีให้กับพิมพ์ชนกตลอดมา แต่เขาก็แปลกใจตัวเองเหมือนกันว่าเขาเริ่มรักพิมพ์ชนกตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่จะเป็นไรไปล่ะหากการที่เราจะรักใครสักคนไม่เห็นจำเป็นเลยที่จะต้องคอยหาเหตุผลว่ารักตั้งแต่เมื่อไหร่ และทำไม แล้วพิมพ์ชนกล่ะจะมีความรักให้กับเขามั้ยหนอ

    “พิม ……. ถึงแล้วครับพิม”
    ร่างบางขยับเมื่อได้ยินเสียงภานุเรียก

    “ถึงแล้วหรือ หลับซะยาวเลย”
    พิมพ์ชนกเปิดประตูลงมาจากรถ และภานุก็ตามมา

    “โห เปลี่ยนไปตั้งเยอะแน่ะ เปลี่ยนไปมากจนฉันเกือบจำไม่ได้ นายดูดอกไม้นู่นสิ สวยดีนะ” พิมพ์ชนกว่าพร้อมกับชี้ให้ภานุดู แล้วทั้งคู่ก็เดินดูแปลงสาธิตต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้เมืองหนาวหลากหลายชนิดที่กำลังแข่งกันบานรับแสงอาทิตย์ แปลงสาธิตการปลูกสตอเบอรี่ ฯลฯ แล้วพิมพ์ชนกก็ออกมานั่งพักใต้ต้นไม้ พลางวางกระเป๋าถือไว้ข้าง ๆ กาย
    พิมพ์ชนกเงยหน้าขึ้นมองบนท้องฟ้า ซึ่งบัดนี้เป็นสีฟ้าสะอาดตา มีริ้วเมฆสีขาวพาดเป็นเส้นยาวสุดขอบฟ้าอีกด้าน พิมพ์ชนกละสายตามาหยุดอยู่ที่ร่างสูง ๆของใครคนหนึ่งที่คุ้นตา แล้วภาพความทรงจำเก่า ๆ ก็ผุดขึ้นมา ภาพเด็กนักเรียนชายม. ปลายตัวสูง ๆ ที่คอยแกล้งพิมพ์ชนกขณะที่รอพ่อมารับกลับบ้านที่หน้าโรงเรียน แต่บางครั้งที่พิมพ์ชนกโดนคนอื่นรังแกก็จะมีเขาคนนี้แหละที่คอยปกป้อง แต่ส่วนใหญ่แล้วจะโดนภานุแกล้งเสียมากกว่า จนมาถึงปีสุดท้ายของการศึกษา ตอนนั้นจะว่าเด็กไปก็คงไม่ใช่เพราะก็สิบเจ็ดสิบแปดปีกันแล้ว พิมพ์ชนกนึกถึงภาพที่ตัวเองร้องไห้จะเป็นจะตาย แล้วโผเข้ากอดภานุ ที่สนามบินดอนเมือง

    “นุ…นายไปแล้วใครจะคอยไปส่งเราที่บ้านล่ะ……นายไม่ไปไม่ได้หรือไง ฮื่อ ๆ ๆ ๆ”
    เสียงสะอึกสะอื้นของพิมพ์ชนกพูดออกมาอย่างยากลำบาก

    “ฉันไปไม่กี่ปีน่าพิม อย่าร้องสิ เดี๋ยวตาบวมนะ ฉันสัญญานะว่าจะกลับมาหาเธอ”

    “สัญญานะนุ นายสัญญาแล้วนะ แล้วฉันจะรอนายนะ”
    พิมพ์ชนกพูด ยิ้มทั้งน้ำตา ท่าทางดีใจเหมือนกับเด็กเพิ่งได้ของเล่นชิ้นใหม่ พิมพ์ชนกนึกไปก็ขำตัวเองไป จนทำให้คนที่ตามมาแปลกใจว่าพิมพ์ชนกนั่งยิ้มอะไรอยู่คนเดียว

    “พิม …. เป็นไรหรือเปล่าน่ะ” เสียงทุ้ม ๆ ของภานุทำให้พิมพ์ชนกตื่นจากภวังค์

    “ฮึ … นุว่าไงนะ พิมฟังไม่ถนัดน่ะ”

    “เอ่อ…อ้อ … นายว่าไงนะนายภานุเมื่อกี้ฉันฟังไม่ค่อยได้ยิน” พิมพ์ชนกเพิ่งรู้ตัวว่าเมื่อกี้เผลอแทนชื่อตัวเองออกไปกับภานุ จึงรีบเปลี่ยนคำพูดใหม่อย่างรวดเร็ว และนั่นก็ทำให้ภานุอดยิ้มไม่ได้

    “ช่างเถอะ เอ่อ… พิม ผมอยากให้พิมเรียกผมเหมือนเมื่อกี้ที่พิมเรียก และแทนตัวเองกับผมว่าพิมด้วย”
    พิมพ์ชนกหันมาจ้องหน้าภานุเขม็ง

    “จำเป็นด้วยหรือไงที่ฉันต้องทำตามที่นายขอ”

    “จำเป็นสิ”

    “ฉันไม่เห็นว่ามันจะจำเป็นอะไรเลย” พูดพร้อมกับเชิดหน้าขึ้นนิด ๆ

    “จำเป็นสิ ถ้าพิมไม่ยอมทำตามที่ผมขอ มีหวังงานนี้พิมไส้แห้งทั้งเดือนแน่” ภานุพูดพร้อมกับชูกระเป๋าเงินของพิมพ์ชนกให้เจ้าตัวดู

    “นายนุ เอาคืนมานะ” พิมพยายามแย่งกระเป๋าเงินคืนมาจากภานุ แต่ไม่สำเร็จ

    “ไม่ให้ จนกว่าพิมจะยอมตกลง”

    “เอ๊ะ นายนี่ท่าจะพูดไม่รู้เรื่อง ฉันบอกให้เอาคืนมา นี่นายภานุ จะให้หรือไม่ให้” พิมพ์ชนกขึ้นเสียง พร้อมกับลุกขึ้นเท้าสะเอว

    “ไม่ให้” ภานุตอบก่อนที่จะออกวิ่ง

    “นี่เอาคืนมานะ นายภานุบ้า เอาของเขาคืนมานะ”
    พิมพ์ชนกวิ่งตามไปแย่งกระเป๋าเงินจากมือภานุ ทั้งคู่แย่งกันไปแย่งกันมา แล้วพิมพ์ชนกก็คว้ากระเป๋าเงินได้ พร้อมกับผลักภานุโดยหวังจะแกล้งคืน แต่ภานุไวกว่าเขาฉุดข้อมือพิมพ์ชนกได้ก่อนที่ทั้งคู่จะล้มลงไปพร้อมกัน

    “เจ็บมากมั้ยพิม” ภานุถามเสียงห่วงใย แต่คนถูกถามตอนนี้หน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุกไปแล้ว ก็จะไม่ให้หน้าแดงได้ไงล่ะ ก็ตอนนี้พิมพ์ชนกอยู่ในอ้อมแขนของภานุเสียแล้ว

    “เอ่อ….. ไม่เป็นไร ปละ…ปล่อยฉันได้แล้ว”

    “ไม่ปล่อย จนกว่าพิมจะยอมตกลงตามที่ผมขอ”
    ภานุยังคงต่อรอง เพราะยังไงเขาก็ยังเป็นต่ออยู่ดี ส่วนพิมพ์ชนกเริ่มจ้องหน้าภานุอย่างเอาเรื่อง พร้อมกับพยายามดิ้นเพื่อให้ตัวเองหลุดจากอ้อมแขนของภานุ แต่ก็ไม่สำเร็จดูเหมือนว่ายิ่งพิมพ์ชนกดิ้นมากขึ้นเท่าไหร่ ภานุก็ยิ่งกระชับวงแขนให้แน่นมากขึ้นเท่านั้น แล้วยังทำหน้าทะเล้นใส่พิมพ์ชนกอีก

    “นี่ ! นายภานุ อย่าแกล้งฉันได้มั้ย ปล่อยฉันได้แล้ว”
    พิมพ์ชนกเริ่มโวย ก็ไม่ให้โวยได้ไง คนเขินก็เขิน อีตาบ้าที่ก็ยังไม่ยอมปล่อยอีก

    “ผมยังยืนยันคำพูดเดิม เพียงแค่พิมตอบตกลงผมก็จะปล่อยพิมทันที”

    “ก็ได้ ตกลง พอใจรึยังล่ะ มัดมือชกกันชัด ๆ เลย แล้วก็ปล่อยฉันสิ” พิมพ์ชนกพูดพร้อมกับผลักภานุให้ออกห่าง

    “ยัง”

    “เฮ้ย ! จะเอายังไงอีก เล่ห์มากนักนะ นายจะแกล้งฉันไปจนตายเลยหรือไงฮึ”
    “แล้วพิมจะอยู่กับผมให้ผมแกล้งพิมจนตายมั้ยล่ะ” ภานุถามพร้อมกับส่งสายตาเป็นประกาย ทำเอาพิมพ์ชนกหน้าแดงอีกรอบ

    “บ้า ….. ใครจะอยู่กับนาย นี่ปล่อยฉันได้แล้ว”

    “ไม่พิมต้องพูดก่อนว่า นุปล่อยพิมเถอะนะคะ”

    “อะไรนะ นายจะบ้ารึไง ไม่ ยังไงฉันก็ไม่พูด นี่ปล่อยฉันได้แล้ว”

    “ไม่ปล่อย ถ้าพิมยังไม่พูดผมก็จะกอดพิมอยู่แบบนี้ล่ะ ดีเหมือนกันไปอยู่เมืองนอกตั้งหลายปีไม่ได้กอดพิมเลยหลังจากที่กอดพิมที่สนามบินตอนที่พิมไปส่งผมขึ้นเครื่องไปอเมริกาครั้งแรก วันนี้ก็ขอกอดให้หายคิดถึงทีเถอะนะ” พูดจบภานุก็กระชับวงแขนให้แน่นขึ้นกว่าเดิม เลยทำให้พิมพ์ชนกโวยใส่อีกรอบและก็ยอมพูดตามที่ภานุบอก และก่อนที่ภานุจะปล่อยให้ร่างบางที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาเป็นอิสระ เขาก็ก้มลงมาหอมแก้มพิมพ์ชนกเสียฟอดใหญ่

    “นายภานุ ………  นาย” พิมพ์ชนกชี้หน้าภานุ ตัวสั่นราวกับเจ้าเข้าด้วยความโกรธ

    “อ๊ะ ๆ พิม ผมให้โอกาสพิมพูดใหม่นะ ไม่งั้นผมจะหอมแก้มพิมอีกข้างที่เหลือแน่ ๆ”
    พิมพ์ชนกทั้งโกรธทั้งอาย แต่ก็ทำอะไรภานุไม่ได้ ทำได้แค่สะบัดหน้าแล้วก็เดินหนีไปที่รถ

    “อ้าวพิม รอผมด้วยสิ อยากกลับก็บอกกันดี ๆ ก็ได้”
    ภานุตะโกนไล่หลังพิม พร้อมกับหัวเราะกับกริยาของหญิงสาว พลางก้าวเท้าตามพิมพ์ชนกไป

    จากคุณ : sandglasswk - [ วันแรงงาน 12:31:03 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป