บันทึกของคนเดินเท้า
เสรีไทยสายตำรวจ (๒)
ร.ต.อ.ธานี สาทรกิจ รักษาการรองผู้บังคับการตำรวจสนาม รีบเดินทางไปพบแม่ทัพพายัพ แต่ท่านเข้ากรุงเทพ จึงต้องขึ้นเครื่องไปกรุงเทพในวันนั้น คราวนี้เป็นเครื่องบินขับไล่นาโกย่าของญี่ปุ่นชนิดเครื่องยนต์เดียว มีสองที่นั่ง แม้จะมีผู้โดยสารยัดเยียดไปอีกสามคน แต่ก็บินมาถึงดอนเมืองจนได้
ท่านเล่าว่ารุ่งขึ้นท่านก็ไปรายงานตัวต่ออธิบดีกรมตำรวจ พล.ต.อ.หลวงอดุลเดชจรัส ที่วังปารุสกวัน เล่าถึงสถานการณ์อันตึงเครียดอยู่ในขณะนี้ให้ทราบโดยละเอียด ท่านอธิบดีก็ปลอบใจว่า ไม่เป็นไรท่านจะติดต่อหน่วยเหนือของเขาโดยเร็วที่สุด แล้วท่านอธิบดีก็รับว่าจะช่วยดูแลครอบครัวทางกรุงเทพ ไม่ให้มีอันตรายได้ พร้อมกับมอบเงินราชการลับให้อีกสองพันบาท
สามสี่วันต่อมาท่านอธิบดีก็เรียก ร.ต.อ.ธานี ไปรับคำสั่งว่าได้ติดต่อกับกองบัญชาการใหญ่ที่กัลกัตตาแล้ว ทางโน้นรับว่าจะสั่งการไปที่มันดะเลย์ต่อไป และบอกชื่อหัวหน้าหน่วยทหารที่ยกมาล้อมเมืองเชียงตุงให้ทราบด้วย เพื่อติดต่อกันในคราวต่อไป แล้วร.ต.อ.ธานี ก็เดินทางกลับเชียงตุงโดยเครื่องบินทิ้งระเบิด มาตินบอมเบอร์ และต่อรถยนต์ตามเส้นทางเดิม
ท่านได้เล่าต่อไปว่า เมื่อถึงเชียงตุงก็ได้ทราบว่าทหารของเราถูกโจมตีจากกองโจรอังกฤษหลายครั้ง และได้รับรายงานจากผู้บังคับหมวด ว่าเวลานี้ได้ติดต่อกับกองทหารอังกฤษที่มาตั้งทางหลังเขาด้านทิศตะวันตกของเชียงตุงได้แล้ว ท่านจึงรีบเขียนจดหมายชี้แจงรายละเอียด และความเดิมที่ได้พบปะกับนายทหารอังกฤษทางด้านทิศเหนือของเชียงตุงมาแล้ว พร้อมกับอธิบายเกี่ยวกับขบวนการใต้ดินของเราให้เขาทราบเป็นสังเขป และว่าขบวนการเสรีไทยได้ติดต่อกับหน่วยเหนือของเขาแล้ว
ประมาณเจ็ดวันต่อมา ก้ได้รับจดหมายยืนยันจากนายทหารอังกฤษ พันโท แพลเนล ว่าได้รับทราบจากหน่วยเหนือแล้ว ทุกอย่างเรียบร้อย ขอให้ติดต่อประสานงานกันต่อไป เพราะกำลังทหารของเขาขณะนี้ยังไม่พอที่จะเข้ายึดเชียงตุง ให้ตำรวจและทหารไทยรักษาสถานการณ์ภายในเมืองต่อไปจนกว่าจะถึงเวลา
ต่อจากนั้นก็มีเครื่องบินของสหประชาชาติ มาทำการยิงและทิ้งระเบิดบริเวณรอบเมืองเชียงตุงทุกเช้าเย็น กองบังคับการตำรวจสนามตั้งอยู่กลางศูนย์การทิ้งระเบิด เราจึงต้องขุดรูกำบังเพื่อความปลอดภัยไว้ก่อน ถึงแม้จะรู้อยู่ว่าเขาพยายามจะละเว้นเราก็ตาม
เมื่อกองทหารอังกฤษเคลื่อนย้ายเข้ามามาก การส่งเสบียงอาหารทางบกก็ไม่ทั่วถึง จึงต้องส่งทางอากาศ เครื่องบินมาทิ้งร่มทีไรทหารญี่ปุ่นก็มาวุ่นวายทุกที ว่าเหตุใดไม่ช่วยกันปราบปรามข้าศึก สถานการณ์ยิ่งคับขันเข้าทุกวัน จึงต้องสร้างสถานการณ์ด้วยวิธีปะทะกับข้าศึกบ่อยครั้ง และเครื่องบินข้าศึกก็เข้ามาโจมตีทิ้งระเบิดและยิงกราดทุกวัน จนต้องย้ายกองบังคับการมาไว้กับที่พักของ ร.ต.อ.ธานี
ส่วนกำลังกองพันทหารราบที่ ๕๒ ได้ไปตั้งอยู่อีกด้านหนึ่งเพื่อสะดวกกับการติดต่อกับกองทหารอังกฤษ และเป็นทางเดียวที่จะล่าถอยเมื่อถูกจู่โจม ทั้งเตรียมแผนการหนีทีไล่ไว้อย่างพร้อมมูล แต่จะหนีไปรอดหรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง การสู้รบนั้นไม่มีทางเอาชนะเขาได้ แต่ถึงคราวจำเป็นก็ต้องสู้กันยิบตา
ขณะนั้นเริ่มเข้าฤดูฝนเส้นทางคมนาคมชำรุดทรุดโทรมมาก สะพานขาดเป็นแห่ง ๆ กองทหารญี่ปุ่นก็ดูเหมือนถูกตัดทิ้งไว้เป็นตอน ๆ แต่เขาไม่เดือดร้อนเพราะมีเสบียงอาหารพร้อมพอกินกันเป็นเดือน ๆ แต่ทหารไทยหนึ่งกองพันเริ่มเดือดร้อน เพราะการลำเลียงขนส่งอาหารจากเชียงรายไม่สะดวก ทหารกำลังจะอดข้าว
ร.ต.อ.ธานี เล่าว่า ท่านต้องไปติดต่อกับกองทัพด้วยตนเอง ทางกองทัพก็พยายามจัดรถบรรทุกส่งให้ แต่ไปไม่ถึงเชียงตุง เพราะทางขาด และข้าวเปียกฝนก็เน่าเสียหาย
ท่านจึงตัดสินใจขออนุมัติส่งกำลังบำรุงเอง โดยติดต่อกับรถบรรทุกของเอกชน ให้ช่วยบรรทุกข้าวสารไปส่งเชียงตุง เที่ยวละ ๑๐ กระสอบ เครื่องกระป่อง ๑๐ หีบ ฝ่ายเราจะจ่ายน้ำมันให้ ๒๐๐ ลิตร และเปิดโอกาสให้นำสินค้าต่าง ๆ ไปขายที่เชียงตุงได้โดยเสรี ถ้านำข้าวสารไปส่งไม่ถึงที่ ต้องคืนน้ำมันและข้าวสารให้แก่เรา
ทางกองทัพอนุมัติให้ท่านดำเนินการได้ จึงมีผู้อาสาสมัครเที่ยวแรกเพียงสามคัน แต่ละคันบรรทุกข้าวสาร ๑๐ กระสอบ เครื่องกระป๋อง ๒๐ หีบ เกลือ ๒๐ กระสอบ ปลาทูเค็มซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นปลาทูทอง และสินค้าอื่น ๆ อีกมากมาย คนประจำรถล้วนแต่เป็นคนแข็งแรงล่ำสัน คันหนึ่งไม่ต่ำกว่าหกคน มีเครื่องมือช่างครบครัน
เมื่อเจอทางชำรุดก็ทำทาง สะพานขาดก็ซ่อม สะพานทานน้ำหนักไม่ไหว ก็ลงแรงแบกหาม ตัวท่านเป็นแต่เพียงผู้อำนวยการไม่ได้ลงมือเอง ก็ยังเหนื่อยแทบแย่ แต่ทุกคนก็ทำงานแข่งกับเวลาด้วยความยินดี เพราะเมื่อถึงเชียงตุงแล้ว ราคาเกลือกระสอบละเกือบสองพันบาท ปลาทูเค็มตัวละสามบาท พวกเราทุกคนพากันรวยไปตาม ๆ กัน และทหารไทยทั้งกองพันก็ได้ข้าวสาร ๓๐ กระสอบ เครื่องกระป๋อง ๖๐ หีบ และเกลือกับปลาทูเค็ม พอกินไปได้เป็นเดือน
นับแต่นั้นมาทหารและตำรวจก็ไม่ขาดแคลนเสบียงอีกต่อไป เพราะมีรถอาสาขนส่งจนต้องจัดคิว ปัญหาเรื่องปากท้องหมดไป แต่หนักใจเรื่องศึกในบ้าน มีข่าวหลายกระแสว่าชาวบ้านจะปล้นฆ่าพวกเรา ตัวท่านเองเล่าว่ายิ่งใกล้อันตรายเท่าไร ก็ยิ่งรู้สึกเฉย ๆ เพราะไม่มีทางหลีกเลี่ยงไปได้ ต้องทำใจดีสู้เสือไว้ก่อน จึงออกประกาศสั่งเก็บอาวุธปืนทุกชนิด ผู้ใดมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองต้องนำมามอบ มิฉะนั้นจะลงโทษสถานหนัก
แต่ก็ไม่มีใครส่งมอบอาวุธปืนแต่อย่างใด ปืนกลับไหลเข้าไปสู่แหล่งของผู้ครองนครเดิมเป็นอันมาก ท่านสั่งให้เจ้าหน้าที่ออกค้นตามบ้านราษฎรได้อาวุธปืนก็ยึดไว้ แล้วเอาตัวไปขังพอเข็ดหลาบแล้วก็ปล่อยตัวไป
วันดีคืนดีทหารญี่ปุ่นก็ซ้อมเข้ายึดกองบังคับการของเราอีก เมื่อเข้ามาถึงรั้วลวดหนามแล้วก็ถอยกลับไป พอชักบ่อยเข้าก็ต้องเตรียมต้อนรับกันบ้าง พอทหารญี่ปุ่นเข้ามาชิดรั้ว ท่านก็สั่งบรรจุกระสุน และเตรียมยิงทันที ก็ถอยไป
ตอนสายวันนั้นเขาส่งนายทหารติดต่อมาขอโทษ ว่าเขาไม่มีเจตนาอะไรนอกจากจะฝึกซ้อมเท่านั้น ท่านก็บอกว่าในฐานะที่เราเป็นมิตรกัน ญี่ปุ่นซ้อมเข้ายึด ฝ่ายเราก็ซ้อมตั้งรับเท่านั้น ไม่มีอะไร
แต่ในที่สุดญี่ปุ่นก็ยอมแพ้ สงครามยุติลง ทหารญี่ปุ่นวางอาวุธอย่างราบคาบและเป็นระเบียบ แล้วก็ถอนตัวผ่านประเทศไทยกลับไปประเทศของเขา
ดังนั้นผู้รักษาการในตำแหน่งรองผู้บังคับการตำรวจสนามสหรัฐไทยเดิม และรักษาการทุกตำแหน่งในขณะนั้น กับกองพันทหารราบที่ ๒๕ จึงเป็นหน่วยสุดท้ายที่ต้องรักษานครเชียงตุง ไว้ส่งมอบให้กับกองทหารอังกฤษผู้ชนะสงครามต่อไป
แต่กองทหารอังกฤษก็ยังไม่เคลื่อนเข้ามาสักที แม้จะส่งคนไปเชิญก็บอกว่าต้องรอคำสั่งก่อน รออยู่หลายวันชาวบ้านก็ฮึกเหิมใหญ่ ลอบฆ่าทหารไทยที่ตกค้างในเชียงตุงตายไปหลายคน กองทัพพายัพถูกยุบ ทหารบางเหล่าถูกปลดออกจากประจำการทันที ตั้งแต่ตัวยังเดินออกไปไม่พ้นสนามรบ
มันเป็นสภาพที่น่าอนาถและสลดใจเสียนี่กระไร ทหารของชาติถูกสั่งปลดในสนาม พวกเขาต้องเดินทางกลับบ้านเดิมตามยถากรรม แต่ทุกคนก็เบื่อสงคราม และคิดถึงลูกเมียทางบ้าน หลังจากที่ได้สละชีพเพื่อชาติมาแล้ว มิเสียแรงที่เกิดมาเป็นลูกผู้ชาย ทหารบางคนไม่ได้กลับตัวคนเดียว บางคนแถมเอาภรรยาและลูกน้อยมาด้วย ช่วยกันหาบช่วยกันคอน ค่ำไหนนอนนั่นไม่หวั่นไหว
หลังจากญี่ปุ่นยอมแพ้แล้ว ๗-๘ วัน พ.ท.แพลแนล จึงได้ยกกองทหารของเขาเข้าเชียงตุง มีนายทหารอังกฤษสองนาย นอกนั้นเป็นทหารพม่าและ กูรข่าหนึ่งหมวดเท่านั้น พวกเจ้าผู้ครองนครพาราษฎรออกไปต้อนรับอย่างเอิกเกริก
พอท่านนายพันถึงที่พัก ผู้รักษาราชการผู้กำกับการตำรวจสนามก็ไปเยี่ยมทันที ท่านเล่าว่าพ.ท.แพลแนลได้ให้การต้อนรับอย่างดี บอกว่ารู้จักแต่ชื่อเสียงกันมานานเพิ่งพบตัววันนี้ และนำของขวัญมามอบให้ เล่นเอาพวกเจ้าฟ้าทั้งหลายงงงันไปตาม ๆ กัน
รุ่งขึ้นจึงได้นัดพบปรึกษาว่าจะทำพิธีรับมอบดินแดนกันอย่างไร เจ้าผู้ครองนครเชียงตุง เสนอให้ทำพิธีชักธงไทยลงจากยอดเสา แล้วชักธงอังกฤษขึ้นไปแทน พร้อมกับกองเกียรติยศทำความเคารพธงชาติอังกฤษ
ตัวท่านแย้งว่าเราไม่ได้ชักธงชาติไทยขึ้นที่เชียงตุงมาเป็นเวลาสามเดือนแล้ว เหตุใดจึงต้องมาทำพิธีลดธงชาติไทย เพราะถือว่าประเทศไทยไม่ได้แพ้สงคราม พวก เจ้าฟ้าทั้งหลายก็พากันสนับสนุนข้อเสนอนี้
ท่านนายพันเห็นใจจึงชี้ขาดว่าให้ทำพิธีชักธงชาติอังกฤษขึ้นสู่เสาหน้าศาลากลางเมืองเชียงตุงอย่างเดียว และขอร้องให้ตัวท่านเข้าร่วมพิธีด้วย
เมื่อถึงเวลา ๑๖.๐๐ น.กองทหารอังกฤษก็ทำพิธีชักธงชาติขึ้นสู่ยอดเสา กองเกียรติยศแสดงความเคารพ เมื่อธงชาติอังกฤษปลิวสะบัดบนยอดเสาแล้ว ท่านก็จับมืออำลา พ.ท.แพลแนล และนายทหารอังกฤษ จากนั้นขึ้นรถเดินทางออกจากเมืองเชียงตุงทันที
การเดินทางครั้งนี้มีรถยนต์เพียงคันเดียว เพราะกำลังทหารตำรวจทั้งหมดได้เดินทางด้วยเท้าล่วงหน้าไปก่อนแล้ว รถคันนี้ มีผู้ร่วมทางคือ รักษาราชการกองบังคับการตำรวจสนาม ผู้บังคับกองพันทหาราบที่ ๒๕ และ ผู้บังคับกองสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองเชียงตุง เท่านั้น
การเดินทางเที่ยวนี้ไม่ตลอดรอดฝั่ง เพราะเกิดอุบัติเหตุ รถพลิกคว่ำตรงทางโค้งบนเขาใกล้เมืองพยาก รถได้พลิกคว่ำกลิ้งลงไปในหุบเหวข้างทางประมาณสามสิบเมตร ผู้บังคับบัญชาทั้งสามนายบาดเจ็บ คนขับรถขาหัก และมีนายสิบตำรวจเสียชีวิตหนึ่งคน ซึ่งต้องทำการฌาปนกิจศพกันบนถนนนั้นเอง แล้วเก็บอัฐิห่อกลับมา
เมื่อมาถึงกรุงเทพแล้วท่านก็ได้ทราบว่า จอมพล ป.พิบูลสงคราม ต้องตกเป็นอาชญากรสงคราม พล.ต.อ.หลวงอดุลเดชจรัส อธิบดีกรมตำรวจ ต้องพ้นหน้าที่ ตัวท่านเองถูกผู้บังคับบัญชาชั้นสูง ถามว่าหายหน้าไปไหนตั้งสองปี ไปทำหน้าที่อะไรในกองพลที่ ๓
ตัวท่านเองต้องตอบอย่างขอไปทีว่า ไปทำหน้าที่นายไปรษณีย์ของกองพลที่ ๓ ผู้บังคับบัญชายิ่งไม่พอใจ จึงสรุปว่าตัวท่านอยู่ในเกณฑ์ต้องถูกปลดออกจากราชการ
ท่านจึงไปรายงานตัวกับ พล.ต.อ.หลวงอดุลเดชจรัส อดีตอธิบดีกรมตำรวจ จึงได้รับหนังสือให้ไปหาอธิบดีตำรวจคนใหม่ และได้รับการบรรจุเป็นสารวัตรประจำแผนก ๒ (ต่างประเทศ) กองตำรวจสันติบาลเมื่อ ๔ ตุลาคม ๒๔๘๘ และได้รับราชการในกรมตำรวจต่อมา จนได้รับยศ พันตำรวจเอก
ภารกิจอันเป็นการปิดทองหลังพระของ พันตำรวจเอก ธานี สาทรกิจ จึงยุติลงแต่เพียงนี้.
จากคุณ :
เจียวต้าย
- [
2 พ.ค. 48 09:03:44
]