ในเช้าของวันหนึ่ง เมื่อความมืดดำเริ่มลางเลือนลง หมอกขาวบางลอยเรียบยอดไม้ สรรพชีวิตต่างก็เริ่มฟื้นตื่นขึ้นจากหลับไหล แล้วประตูบ้านหลังหนึ่งก็เปิดขึ้นมา
ผู้ที่ย่างเท้าออกมาจากประตูที่แง้มอ้าคือ ชายชราคนหนึ่ง หลายๆ คนเรียกเขาว่า ลุงแว่น อันเนื่องมาจากเขาใส่แว่นสายตาอยู่ตลอดเวลา มีน้อยคนหนักที่จะรู้จักชื่อจริงของเขา ด้วยเหตุที่ชายชราใช้ชีวิตเรียบง่าย และไม่ค่อยคบค้ากับใคร จึงมีน้อยคนหนักจะรู้ความเป็นมาของชายชราคนนี้
ชายชราค่อยๆ เดินไปเปิดก๊อกน้ำที่ริมรั้ว เพียงชั่วครู่ก็บิดหมุนจนสุดเกลียว สายน้ำหลั่งไหลออกมาจากปลายสายยาง ราดรดต้นไม้นานาชนิดที่อยู่ในบริเวณบ้าน
ขณะที่ชายชรากำลังง่วนอยู่กับการรดน้ำต้นไม้ พลันก็มีเสียงหนึ่งดังแว่วมา
เหมียว!ๆ
เป็นเสียงของแมวตัวหนึ่งนั่นเอง เมื่อเขาเหลียวไปดูต้นเสียงก็พบว่าเป็นแมวสีขาวปลอดทั้งตัว มีเชือกป่านสีเขียวหม่นคล้องอยู่ที่คอ ขนของมันเป็นเงาวาววับเมื่อต้องแสงอาทิตย์ยามเช้า เขาถือสายยางเปลี่ยนจากรดต้นไม้ เปลี่ยนมาชี้ไปที่ตัวแมว แต่ช้าเกินไป แมวตัวขาวรู้ตัวและกระโดดหลบสายน้ำเย็นพ้น ชายชรายิ้มที่ริมผิวปากนิดหนึ่ง ก่อนจะสลายไปภายในเวลาอันรวดเร็ว
ชราหันมารดต้นไม้ต่อไป แต่ในใจนั้นกลับนึกย้อนไปถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมาในชีวิต คล้ายภาพที่ไหลเลื่อนออกมาจากเครื่องฉายภาพยนตร์
เมื่อยามเด็กเขาเติมโตขึ้นมาในชนบท ในเช้าที่อากาศเย็น เขาและเพื่อนต่างไม่หวั่นเกรงกลัวความหนาวเย็น พากันเล่นน้ำในคลองอย่างสนุกสนาน รอจนกระทั่งอาทิตย์ส่งแสงจ้าจึงเลิกลากันไป
เมื่อโตขึ้นเขาร่ำเรียนจนถึงระดับอุดมศึกษา ในเช้าของทุกวันเขาต้องตื่นมารอรถเพื่อไปยังมหาวิทยาลัย พบกับเพื่อนใหม่ และขณะเดียวกันก็ทิ้งเพื่อนในวัยเด็กไว้เบื้องหลัง
เมื่อถึงวัยทำงาน การแข่งขันทำผลงาน แก่งแย่งเพื่อให้ได้รับการยอมรับจากที่ทำงาน เป็นเหตุให้ต้องใช้ที่ทำงานเป็นบ้าน ทำงานจนดึกดื่นทุกคืน และบางครั้งก็ต้องตื่นมาทำงานทั้งๆ ที่ยังไม่ได้อาบน้ำ วันแล้ววันเล่า อย่างไม่รู้จักเหน็ดหน่าย ผลสุดท้ายทำให้มีความก้าวหน้าในหน้าที่ ได้เลื่อนตำแหน่ง มีคนนับหน้าถือตา
เมื่อวัยกลางคน เขาเลือกใช้ชีวิตอยู่บริเวณชานเมือง ซื้อบ้านหลังใหญ่ แต่ก็ยังคงต้องตื่นแต่เช้า เพื่อไปส่งลูกให้ทันเข้าโรงเรียน แม้แต่ในวันหยุดก็ต้องคอยรับส่งลูกไปโรงเรียนกวดวิชา
ช่วงบั้นปลายชีวิต ลูกๆ ของเขาต่างก็มีครอบครัวกันหมด ภรรยาเสียชีวิตเพราะโรคหัวใจ สุดท้ายเขาละทิ้งบ้านหลังโต กลับมาซื้อบ้านในต่างจังหวัด และก็รดน้ำต้นไม้ทุกเช้าไม่ได้ขาด
เขาก็เหมือนกับคนแก่ทั่วไป ชอบไปวัด คนอื่นมักจะไปทำบุญหรือไปนั่งฟังธรรม สำหรับเขามักจะไปคุยกับเจ้าอาวาสเสมอ ครั้งหนึ่งเขาเคยถามท่านว่า
หลวงพ่อครับ คนเราเกิดมาเพื่ออะไรครับ
หลวงพ่อยิ้มอย่างเมตตาตอบกลับมาว่า
เราทุกคนล้วนมีกรรมเป็นเครื่องผูกติด เมื่อเกิดมาแล้วก็ต้องใช้กรรมที่มีของแต่ละคน
หลังจากนั้นก็บรรยายธรรมอีกหลายประโยค ซึ่งเขาก็ยังคงนั่งนิ่งฟัง ขณะที่ในใจนั้นขัดแย้งสับสนอย่างที่สุด คำถามต่างๆ ผุดขึ้นมามากมาย
แล้วกรรมเกิดขึ้นมาได้อย่างไร?
ถ้าไม่มีมนุษย์คนแรกเกิดขึ้นมา ก็ไม่มีกรรมอันแรกเกิดขึ้นมาใช่หรือไม่?
จะเกิดมาทำไม ในเมื่อต้องตาย?
จะทำความดีทำไม ในเมื่อคนสุดท้ายที่จดจำความดีของเราก็ต้องตายเหมือนกัน?
แล้วสิ่งที่ทำมาทั้งหมดในชีวิต มีประโยชน์อะไร ในเมื่อคนที่รับผลการกระทำของเราก็ต้องตาย
คำถามเหล่านี้วนเวียนอยู่ในหัวของเขา และเมื่อคิดไปจนถึงที่สุดแล้ว เขาก็ตระหนักว่าไม่มีสิ่งใดจีรัง แม้โลกที่คนเรายืนหยัดกายอยู่นั้น ไม่อีกหลายล้านปีข้างหน้า มันก็จะสลายหายไป จนไม่มีอนุสาวรีย์ใดๆ จะประกาศคุณความดีให้ใครได้รับรู้อีก
แลกกันไหม
เสียงแหลมเล็กดังขึ้นมาจากความว่างเปล่า ปลุกให้เขาตื่นขึ้นมาจากภวังค์ เมื่อเหลียวดูรอบตัวก็ไม่มีใคร อาจจะเป็นเพราะหูของเขาแว่วไปตามวัยที่แก่เฒ่าก็ได้
แลกกันไหม
เสียงนั้นเหมือนจะย้ำเตือนความไม่แน่ใจ คัดค้านความคิดในเบื้องต้น เสียงเหยียบย่างต้นหญ้าดังขึ้นมาที่ข้างตัวเขา ชายชราค่อยเหลียวกลับไปดูอย่างช้าๆ เสียงนั้นมิใช่เสียงของใคร เสียงนั้นเป็นเสียงของมัน เขาย่อตัวลงมา ดวงตาที่พร่ามัวจ้องไปต้นเสียงนั้น เพื่อให้เกิดความแน่ใจเขาพูดถามมัน
แกพูดเหรอ
ถึงแม้เขาจะแก่ตัวลงมากแล้ว แต่เขาก็ยังไม่เลอะเลือนถึงขนาดที่ได้ยินเสียงอันไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ แม้ใจจะรู้สึกหวาดกลัว แต่ชีวิตล่วงเลยผ่านมามากมายเป็นเหมือนเสาค้ำยัน มิให้เขาก้าวเดินหนีจากสิ่งที่ปรากฏต่อหน้า ดวงตาของมันยังจ้องตรงมาที่เขา ใบหน้านั้นเหมือนกับยิ้มได้ แล้วมันก็อ้าปากขึ้นตอบคำถาม
ใช่
แมวสีขาวตัวนั้นตอบกลับมา
แลกอะไร เมื่อแน่ใจว่าเขาไม่ได้หูฝาด ความสงสัยจึงทำให้ความกระหายรู้ผุดขึ้นมา
คำตอบนั้น เจ้ารู้ดีอยู่แล้ว
ทำมันฉันต้องแลกกับแก เขาพูดด้วยความสงสัย ชีวิตของเขาก็สุขสบายดีแล้ว จะหาเรื่องทุกข์ร้อนไปทำไม
นั่นก็เพื่อสิ่งเดียว สิ่งเดียวเท่านั้น สิ่งที่เจ้าสงสัยและใฝ่ถามมาตลอด ตอนนี้ข้าได้ให้โอกาสนี้แก่เจ้าแล้ว จะแลกมันกับข้าไหม
เสมือนน้ำรดราดบนตัว สิ่งเดียวที่เขาสงสัยตลอดมา และสิ่งเดียวที่เขาต้องการ เขายอมแลกกับทุกสิ่งเพื่อให้ได้มันมา แม้ต้องแลกด้วยชีวิตทั้งหมดของเขาก็ยอม ความนิรันดร์
แกเป็นใคร พระเจ้า หรือว่าปีศาจซาตาน ความหวั่นเกรงทำให้เขาต้องถามคำถามนี้
ไม่ใช่ทั้งสองอย่าง และข้าก็ไม่รู้ว่าข้าเป็นอะไรเช่นกัน แม้ว่าในอดีตเมื่อนานมาแล้ว ข้าเคยเป็นอย่างเจ้า และข้าก็แลกมันมา ซึ่งบัดนี้ข้าไม่ต้องการมันแล้ว แมวขาวตอบกลับมา เมื่อเห็นเขานั่งนิ่ง มันก็พูดต่ออีกว่า
และก็เช่นกัน ถึงที่สุดแล้วเมื่อเจ้าได้แลกชีวิตกับข้าแล้ว ในวันที่เจ้าค้นพบคำตอบที่แท้จริง ของสิ่งที่เจ้าสงสัย ในวันนั้นเจ้าสามารถแลกกับคนอื่นได้เช่นกัน
ต้องทำอะไร ถึงจะแลกกันได้
เชือกป่านสีเขียว เจ้านะแก่มากแล้ว เห็นใช่ไหม ดึงมันออกมาจากคอของข้า พูดจบแมวขาวนั่งลงกับพื้น พลางยื่นคอที่มีเชือกป่านสีเขียวหม่นคล้องอยู่ให้เขา
ในวินาทีนั้น ชายชราเกิดความลังเล แมวขาวตัวนี้ เคยเป็นคนมาก่อน แล้วได้แลกเปลี่ยนชีวิตมา แล้วแมวตัวนี้อายุกี่ปี ร้อยปี หรือว่าพันปี หรือมากกว่านั้น ผู้คนที่ยอมรับข้อเสนอจะเคยมีแล้วกี่คน แล้วคนเหล่านั้นทำไมถึงยอมแลกอีกครั้งหนึ่ง เพื่อกลับเป็นคน เป็นคนแก่ที่ไร้เรี่ยวแรงรอวันตาย พวกเขาค้นพบอะไร เข้าใจสิ่งไหนกัน
แล้วชายชราก็ตัดสินใจ
+-+-+-+-+-+--+-++-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-
ในเช้าของวันหนึ่ง เมื่อความมืดดำเริ่มลางเลือนลง ผู้คนเริ่มตื่นขึ้นมาจากการหลับฝันอันยาวนาน เด็กน้อยผู้หนึ่งนั่งอยู่ริมฟุตบาทมองผู้คนที่เดินผ่านไปมาโดยไม่สนใจเขา เมื่อวานอาหารไม่ได้ตกถึงท้องเขาเลย เนื่องจากเขาถูกพ่อเลี้ยงไล่ตีออกมาจากบ้าน เพราะไม่สามารถขายพวงมาลัยได้หมด ความปวดแสบกระเพาะกระตุ้นให้เขาลุกขึ้นยืน เพื่อหาอาหารมาใส่ท้องอันหิวโหย
เขาเหม่อมองผู้คนเดินถนน เหมือนไร้ชีวิต ทุกคนรีบเร่ง ไม่สนใจใคร แม้มีใครจะนอนขวางทางเท้า พวกเขาก็คงจะเดินข้ามไป
เพื่ออะไรกัน พวกเขาอยู่เพื่ออะไรกัน เฝ้าไขว่คว้าแสวงหาอะไรกัน คำถามนี้วนเวียนอยู่ในหัวของเด็กน้อยร่างมอม เขาเดินไปเรื่อยๆ ข้ามผ่านขอทานผมเผ้ารุงรังคนหนึ่ง เขาได้ยินเสียงเพลงจากขอทานคนนั้น เสียงร้องนั้นเปี่ยมสุขยิ่ง
มีป้ายขนาดใหญ่ล้มเพราะแรงลมขวางทับทางเดิน เขาเดินอ้อมออกมา เมื่อเหลียวกับไปมองที่ป้ายนั้น ก็เห็นว่าเป็นป้ายหาเสียงของพรรคการเมือง ใบหน้าของหัวหน้าพรรคถูกน้ำฝนสาด ทำให้สีที่เขียนอยู่ไหลย้อยออกมา ใบหน้านั้นกลับกลายเป็นบูดเบี้ยวบึ้งตึง มองประหนึ่งคล้ายปีศาจจากขุมนรกที่เฝ้าจองมองคนเดินถนน
เมื่อเขาเดินไปถึงหัวสะพานลอย เพื่อจะข้ามไปตลาดตรงข้าม เด็กน้อยก็ต้องชะงักลง มีสุนัขสีขาวตัวใหญ่ยืนขวางอยู่ ขนของมันสะท้อนแสงอาทิตย์ยามเช้าวาววับ และที่คอของมันมีเชือกป่านสีเขียวหม่นคล้องอยู่ เขาจ้องมองมัน ในขณะเดียวกันมันก็จ้องมองเขา ใบหน้าของมันคล้ายจะยิ้มได้ แล้วมันก็ขยับปาก
จากคุณ :
CyberLink
- [
3 พ.ค. 48 03:46:40
A:203.113.50.9 X:203.151.140.113 TicketID:095150
]