CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    ๛๛ Origiแนว ๛๛

    ตอนสายของวันเสาร์ ณ บ้านไม้ 2 ชั้นหลังย่อมในซอยลึก เด็กหนุ่มอายุ 16 ปีในชุดกางเกงขาสั้นเสื้อยืดสีหม่น กำลังนั่งกุลีกุจออยู่หน้าเครื่องจักรขนาดเล็กภายในครัว เขานั่งอยู่ตรงนี้มาตั้งแต่เช้ามืดแล้ว  ใบหน้าที่ดูคมเข้มนั่น มีเม็ดเหงื่อหนาผุดเต็มหน้าผากและดั้งจมูก

    หญิงวัยกลางคนเปิดประตูเข้ามาในบ้าน เธอเพิ่งกลับจากทำบุญที่วัด เมื่อได้ยินเสียงเครื่องบดหมูกำลังทำงานอยู่ ทำให้เธอแปลกใจ จึงค่อย ๆ เดินเข้ามาในประตูครัวและกล่าวทักลูกชายคนเดียวของเธอด้วยน้ำเสียงห่วงใย

    "วันเกิด ไม่ไปเที่ยวไหนกับเพื่อนเหรอสน"  เสียงเครื่องบดหมูครางหึ่ง ๆ และเกิดเสียงดังหนัก ๆ ขึ้นทุกครั้งที่สนยัดเนื้อหมูที่ฝานเป็นชิ้นเข้าไปในช่องบด
    "ไม่หรอกฮะแม่  สนไม่ได้บอกใครว่าวันนี้วันเกิด"  เด็กหนุ่มหันมาตอบพลางยิ้ม ยกไหล่ซ้ายเอาแขนเสื้อสีหม่นปาดเหงื่อตรงหน้าผากแล้วก้มหน้าก้มตาบดเนื้อหมูต่อไป

    แม่วางปิ่นโตไว้ในอ่างล้างจานแล้วเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ รวบหมูบดที่ขอบกระบะ ยกวางไว้บนแคร่ แล้วเอากระบะใบใหม่มารองแทนที่ "มะ เดี๋ยวแม่ทำเองจ้ะ"
    "ไม่เป็นไรฮะ ใกล้เสร็จแล้ว เหลือแต่ผสมแป้งอย่างเดียว เดี๋ยวตอนบ่ายจะได้เอาไปส่ง"

    "ลุงแหลมแกจะเอาลูกชิ้นพรุ่งนี้เย็นไม่ใช่เหรอลูก หือ?" เสียงของชายวัยกลางคนพูดขณะเดินลงบันไดมาจากชั้น 2 ของบ้าน
    "ก็ทำเสร็จเร็วสนจะได้ไปเดินตากแอร์ที่ห้างหน่อยซะหน่อยน่ะครับพ่อ พอดีอยากไปเดินดูหนังสือด้วย" เด็กหนุ่มหันไปยิ้มให้ผู้เป็นพ่อที่เดินเข้ามาพูดคุยด้วยในครัว
    "แล้ววันนี้วันเกิด  ไม่ไปเที่ยวที่อื่นหรือลูก เดี๋ยวพ่อให้ค่าขนมเพิ่ม" พ่อของสนพูดพลางยิ้มลองเชิงรอคำตอบของลูกชาย
    "วันเกิด มันก็เหมือนทุก ๆ วันน่ะครับ ถ้ามันสำคัญจริง ๆ น่าจะเรียกว่าวันกำเนิดมากกว่า  วันนี้สนก็เลยคิดถึงแม่เป็นพิเศษน่ะ เลยลุกขึ้นมาบดลูกชิ้นแต่เช้า แม่จะได้ไม่เหนื่อยไง"  สนพูดพลางก้มหน้าเขินอาย
    "เงินน่ะไม่เป็นไรหรอกครับพ่อ ที่พ่อให้ไว้ยังเหลืออยู่ ขี้เกียจไปเลี้ยงไปเที่ยวที่ไหนด้วย...เปลือง...เดี๋ยวตอนเย็นสนเอาไปซื้อหนังสือดีกว่า"  
    สนพูดจบ พ่อตบเข่าฉาด
    "เอ้อนั่น! ให้มันได้อย่างนี้สิลูกฉัน ฮ่า ๆ ๆ" พ่อหัวเราะลั่น ส่วนแม่ยืนกอดอกยิ้มแป้นกับคำตอบของลูก
    "ว่าแต่ว่า... แล้ววันกำเนิดที่เอ็งว่าตะกี้ ไม่คิดถึงพ่อบ้างเหรอวะ" พ่อพูดพลางยิ้ม
    "ไม่คิดถึงดีกว่า  เอาไว้ให้น้องคิดถึงก็แล้วกัน..."
    "น้อง... น้องอะไรของเอ็งวะ..."
    สนเอาหน้าที่เปื้อนเหงื่อของตนมาซุกพุงของพ่อ "ก็น้องที่พ่ออุ้มท้องไว้นี่ไง  หลายปีแล้ว ไม่คลอดซักที" สนยิ้มเจ้าเล่ห์ หันไปมองแม่ที่กอดอกหัวเราะอย่างสุดกลั้น
    "บ๊ะ! ไอ้นี่" พ่อทำเสียงดุ "ทะลึ่งแล้วสินั่น มาล้อพุงพ่อ..." ช้าไป... สนลุกขึ้นแล้ววิ่งพลางหัวเราะร่าออกไปนอกครัวก่อนที่พ่อจะฟาดมือลงมา ได้ยินเพียงเสียงหัวเราะอยู่นอกบ้าน
    ...
    …
    ดวงอาทิตย์ทำหน้าที่ส่องแสงมิเคยบ่น เมฆก็ทำหน้าที่ลอยเด่นอยู่ทุกวัน เป็นเพราะมันไม่มีจิตวิญญาณฉะนั้นหรือ เราจึงไม่เคยได้ยินถ้อยคำปรับทุกข์จากสิ่งเหล่านั้น... หมู่มนุษย์มากมายเวียนว่ายไปตามความนึกคิดของตน การกระทำอันเป็นครรลองของพวกเขาไม่ว่าจะเป็นไปในทางใด นั่นคือการทำด้วยจิตใจรัก... หรือทำด้วยหน้าที่ของมนุษย์หนอ

    แม่เดินมาเกาะแขนพ่อ ไม่เอ่ยอะไรเป็นเวลาเนิ่นนาน ยืนมองไปนอกประตูเห็นราวแขวนที่มีเสื้อผ้าหลายผืนตากไว้ นั่นเป็นฝีมือของลูกชายคนเดียวของเธอ
    "เราช่างโชคดีจังนะพ่อ" แม่ซบที่ไหล่ของพ่อซึ่งยืนนิ่งอยู่
    "ปีนี้พ่อจะให้อะไรแกเหรอ ลูกเรามีอะไรที่อยากได้หรือเปล่า แม่ไม่ค่อยรู้หรอก  ลูกเราก็โตแล้วนะพ่อ ไม่เห็นจะเคยร้องขออะไรเหมือนลูกคนอื่นเลย" แม่นึกไปถึงอดีตที่ผ่านมา  สน เป็นเด็กดีที่ดีจนน่ากลัว  สนเป็นเด็กที่ขยันขันแข็ง แม้จะเรียนไม่เก่งถึงขั้นสอบได้ในอันดับดี ๆ แต่ก็ทำหน้าที่ของนักเรียน และหน้าที่ของลูกได้ดีอย่างไร้ข้อบกพร่อง ยังรวมถึงงานบ้านทุกอย่างและงานอาชีพหลักของครอบครัวคืออาชีพทำลูกชิ้นส่งร้านขายก๋วยเตี๋ยวต่าง ๆ ในตลาด สนก็แบ่งเบาภาระของพ่อแม่ไปได้มาก  เขาจึงดูเป็นผู้ใหญ่กว่าเด็กหนุ่มทั่วไปรุ่นเดียวกัน

    "น่าจะมีนะ... พ่อเตรียมไว้ให้แล้วละ ไม่รู้จะถูกใจสนมันรึเปล่า" พ่อค่อย ๆ อุ้ยอ้ายเดินขึ้นชั้นสองไป
    แม้จะเป็นเด็กดีของพ่อแม่สักปานใด  แต่สิ่งที่แม่สงสัยก็คือการเป็นเด็กขี้เกรงใจคนของสน  ทำให้สนไม่เคยปริปากบ่น ไม่เคยอยากได้เกมส์กด คอมพิวเตอร์เหมือนกับคนอื่น  ครั้นจะซื้อให้สนก็ปฏิเสธทุกครั้งไป แม้จะดูเหมือนว่านั่นเป็นสิ่งดี  แต่ผู้เป็นพ่อและแม่ก็ย่อมเป็นห่วงในความดีจนเกินไปของลูกชาย...
    ...
    พระอาทิตย์ยามเย็นลดแสงลง แต่ดวงของมันกลับใหญ่ขึ้นกว่าตอนกลางวัน ดูช่างขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิง  สนเปิดประตูหน้าบ้านยกรถมอเตอร์ไซค์ข้ามธรณีประตูเข้ามาจอดไว้ในบ้าน  เขาถือหมวกกันน็อคกับหนังสืออีก 2-3 เล่ม เดินเข้ามาในครัว ซึ่งแม่กำลังทำกับข้าวอยู่

    สนค่อย ๆ ย่องมากอดแม่ทางด้านหลัง
    "แม่ครับ...บ...บ"  เธอตกใจเล็กน้อย วางทัพพีลง "มีอะไรหรือลูก"
    "เปล่าฮะ... แค่อยากอ้อนแม่ อิอิ" สนโอบเอวแม่อยู่เนิ่นนานแล้วค่อย ๆ ปล่อยมือเดินมาแขวนหมวกกันน็อคและวางหนังสือไว้บนโต๊ะ แล้วเดินไปที่อ่างล้างจานเปิดน้ำ  เทน้ำยาล้างจานเตรียมไว้
    "แล้วพ่อไปไหนล่ะครับ"
    "นอนอยู่ข้างบนจ้ะ เห็นบ่น ๆ ว่าปวดหัว แม่เลยให้กินยา คงจะหลับแล้วละมั้ง"  สนได้ยินเช่นนั้นจึงบิดก๊อกน้ำปิด แล้วคว้าหนังสือรีบวิ่งขึ้นไปบนชั้น 2 โดยไม่พูดอะไร
    ...

    "เข้ามาสิลูก" หลังจากเคาะประตู สนก็เปิดประตูเข้าไปข้างในห้องของพ่อซึ่งกำลังนอนอยู่บนเตียง
    "เป็นยังไงมั่งฮะ" สนค่อย ๆ เดินมานั่งตรงข้างเตียง นัยน์ตามองผู้เป็นบิดาด้วยความห่วงใย
    "โรคคนแก่น่ะ ไอ้เบาหวานเดิม ๆ นี่แหละ" พ่อค่อย ๆ อุ้ยอ้ายพยุงร่างอ้วนพลุ้ยขึ้นนั่งด้วยความลำบาก
    "แล้วทานยาหรือยังฮะ"  สนพยุงลำตัวของพ่อไว้
    "อืมม์... แม่แกเตรียมไว้ให้กินแล้ว" สนกระเถิบเข้ามาและจับลำแขนที่ใหญ่หนาของพ่อมากุมไว้
    "ไปห้างได้อะไรมาล่ะลูก" พ่อเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่บ่งถึงความเอ็นดู
    "โอวาทสี่ของท่านเหลี่ยวฝาน เป็นปรัชญาจีนน่ะครับพ่อ เหลี่ยวฝานเป็นนักปรัชญาที่เขียนหนังสือสอนลูก มีคำคมเยอะดี สนเห็นน่าสนใจเลยซื้อมา" สนหยิบหนังสือเล่มนั้นมาวางไว้ใกล้ ๆ "คิดว่าพ่อน่าจะชอบ เดี๋ยวสนอ่านให้ฟังนะครับ"
    "เอ้ย! ไม่เป็นไรหรอก สนเอาไว้อ่านเถอะนะ" พ่อยกมืออีกข้างลูบหัวหนุ่มน้อยด้วยความรัก ในใจพลางนึกถึงสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้น  หลังจากที่มีลูกชายคนนี้เกิดขึ้นมา  สนเปรียบเสมือนกับแก้วตาดวงใจของพ่อ เป็นทุกสิ่งที่ดีที่สุด โชคดีอย่างเหลือล้นแล้วที่พระคุณเจ้าได้ประทานลูกคนนี้มาให้...

    จากคุณ : {``-_-}{-``-}{-_-``} - [ 3 พ.ค. 48 05:02:27 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป