CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    แผนที่ของคุณปรีดา

    คุณปรีดาเป็นคนโง่เรื่องทิศทางที่สุดในโลก ไม่เคยมีครั้งใดที่เขาไปถึงสถานที่จุดหมายที่ต้องการไปได้โดยไม่หลงทาง
    และจะว่าไปเกือบครึ่งในนั้น เขาก็ไปไม่ถึงด้วยซ้ำ

    เมื่อต้องการไปซื้อพัดลมที่ร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า เขากลับเดินหลงทางไปจนถึงร้านขายหนังสือ คุณปรีดาก็จะบอกตัวเองว่า
    “ช่างเถอะ เอาหนังสือไปพัดแทนก็ได้ ดีเสียอีกจะได้ไม่ต้องเปลืองไฟ”
    แล้วเขาก็เลือกหนังสือที่มีขนาดเหมาะมือมาทดลองพัดดูว่าจับถนัดมือหรือเปล่า พัดแล้วได้ลมแรงพอหรือเปล่า และที่สำคัญต้องไม่หนักเกินไป
    ในที่สุดเขาก็ซื้อนิตยสารรายปักษ์ราคาถูกฉบับหนึ่งที่หน้าปกเป็นกระดาษอาบมันอย่างบาง
    ส่วนข้างในเป็นกระดาษปรู๊ฟสีเหลืองซึ่งไม่หนาเกินไป และมีขนาดเหมาะมือ
    ส่วนเรื่องที่ว่าเป็นนิตยสารอะไรนั้นคุณปรีดาไม่ได้สนใจเลยแม้แต่นิดเดียว

    และเมื่อถึงคราวที่เขาต้องการอ่านหนังสือสักเล่ม คุณปรีดาก็บอกว่า
    “คราวนี้แหละ ฉันจะกลับไปที่ร้านหนังสือ”
    (นิตยสารราคาถูกที่ซื้อมาใช้แทนพัดเมื่อคราวก่อนนั้นถูกใช้งานอย่างสมบุกสมบันจนขาดวิ่นและยับจนหมึกเลอะเลือน ไม่อาจทำหน้าที่ใดๆ ได้อีกต่อไปไม่ว่าในฐานะพัดหรือหนังสือ)
    แต่เขากลับเดินหลงทางไปถึงร้านขายผ้า คุณปรีดายังคงมองโลกในแง่ดีด้วยการบอกตัวเองว่า
    “ช่างเถอะ เลือกผ้าลายที่มีตัวหนังสือแทนก็แล้วกัน ถ้าเป็นอย่างนั้นไม่ว่าจะเป็นหนังสือหรือผ้าก็ใช้อ่านได้เหมือนกัน”
    แล้วคุณปรีดาก็จัดแจงเลือกลายผ้า อาบังที่เป็นเจ้าของร้านก็ออกมาต้อนรับอย่างยิ้มแย้ม
    “อีนี่ต้องการผ้าแบบไหนนะนายจ๋า” อาบังถาม
    “ฉันต้องการผ้าที่มีลายตัวหนังสือ”
    อาบังได้ฟังก็จัดแจงหยิบผ้ามาให้ดูพับหนึ่ง
    “ผืนนี้ใช้ได้ไหม นายจ๋า อีนี่มีตัวหนังสือเบ้อเร่อเลย”
    แต่คุณปรีดากลับส่ายหน้าไม่ถูกใจ ตัวหนังสือตัวขนาดนี้อ่านแป๊บเดียวก็จบแล้ว
    ดังนั้นอาบังจึงกลับเข้าหลังร้านไปหยิบผ้าอีกพับหนึ่งมาให้คุณปรีดาดู
    คราวนี้เป็นผ้าลายหนังสือพิมพ์ อีกทั้งลวดลายก็ยังมีขนาดเท่าหนังสือพิมพ์จริงๆ อีกด้วย
    คุณปรีดาเห็นตัวหนังสือเต็มพรืดไปหมดก็ดีใจ มองผ่านๆ ก็พบข่าวชาวบ้านไปกราบไหว้หมาที่มีสองหางพร้อมขอหวย
    “นั่นละ ที่ฉันต้องการ!” คุณปรีดาบอกตัวเองก่อนจะหันไปบอกอาบังว่า “ฉันเอาฉบับนี้ เอ๊ย พับนี้แหละ”

    บางครั้งเพื่อนของคุณปรีดาก็รู้สึกสงสารและเห็นใจที่คุณปรีดาเป็นเช่นนี้ ก็เลยแนะนำให้นั่งรถเมล์
    เขาจะคอยบอกว่าถ้าจะไปที่ไหนต้องนั่งรถเมล์สายใด
    คุณปรีดาทำตามที่เพื่อนแนะนำ แต่เมื่อนั่งไปจนสุดสายแล้วก็ไม่ถึงที่ที่เขาต้องการไป
    คุณปรีดามารู้จากกระเป๋ารถเมล์ว่าเขาขึ้นรถผิดฝั่ง ความจริงต้องขึ้นฝั่งตรงข้าม จึงจะผ่านจุดหมายที่ต้องการไป
    คุณปรีดายังคงหลงทางอย่างต่อเนื่องด้วยดีเสมอมา แม้จะเป็นสถานที่ที่เขาเคยไปเป็นร้อยๆ ครั้งแล้วก็ตาม
    เพื่อนคนเดิม (คนที่แนะนำเรื่องสายรถเมล์นั่นแหละ) จึงแนะนำให้คุณปรีดาทำแผนที่ส่วนตัวเอาไว้
    เมื่อเดินผ่านไปทางไหนก็บันทึกลงแผนที่ ดังนั้นเมื่อถึงคราวต้องการจะไปยังสถานที่ที่เคยผ่านมาแล้วก็ให้ดูแผนที่จะได้ไม่หลงทาง
    คุณปรีดาทำตามที่เพื่อนแนะนำ แต่ก็ยังเกิดปัญหาอยู่ดี
    เปล่าหรอก ไม่ใช่ว่าเขายังหลงทาง
    ตรงกันข้าม คุณปรีดาเริ่มเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ตามต้องการได้ถูกต้องต่างหาก
    แต่ว่า...นั่นละคือปัญหา
    ในระหว่างทางไปร้านขายผักคุณปรีดาจะถามตัวเองว่า
    “ดูซิว่าคราวนี้ฉันจะไปโผล่ที่ร้านอะไร”
    แต่แล้วสถานที่ที่เขาเจอก็คือร้านขายผัก นี่สร้างความผิดหวังให้เขาอย่างมาก
    เมื่อเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งเข้าคุณปรีดาก็เริ่มวิตก
    ในที่สุดเขาจึงตัดสินใจว่า
    “ฉันจะไม่ยอมไปไหนโดยไม่หลงทางเด็ดขาด!”

    แล้วคุณปรีดาก็กลับมามุ่งมั่นกับการหลงทางอีกครั้ง
    เขาไม่ได้โยนแผนที่ทิ้งไปอย่างที่เธอคิดว่าเขาจะทำหรอก คุณปรีดายังคงมีนิสัยการบันทึกแผนที่และดูแผนที่ขณะเดินทางอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
    แต่วิธีแก้ปัญหาของเขาคือเขาจะไม่ยอมเดินไปตามเส้นทางที่เขาเคยบันทึกลงแผนที่ไว้แล้ว
    หากแผนที่ระบุว่าทางไปร้านขายเสื้อผ้าจะต้องเลี้ยวซ้าย เขาก็กลับเลี้ยวขวา แล้วดูว่าอะไรจะเกิดขึ้น
    ผลก็คือ คุณปรีดาหลงทาง
    คุณปรีดาหัวเราะอย่างมีความสุขกับการหลงทางของตัวเอง
    “ไชโย ในที่สุดฉันก็กลับมาหลงทางอีกครั้งแล้ว!”
    คุณปรีดาทำอย่างนี้เสมอมา แต่ทุกครั้งที่เขาหลงทาง เขาก็จะได้เส้นทางบันทึกลงแผนที่เพิ่มมากขึ้น
    และผลที่ตามมาก็คือ หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป อีกไม่นานเขาจะหมดโอกาสหลงทาง
    เพราะแผนที่ของเขาบันทึกเส้นทางในประเทศไทยเกือบครบทุกตรอกซอกซอยแล้ว
    คุณปรีดาวิตกหนัก ในที่สุดจึงตัดสินใจหลงทางออกนอกประเทศ
    “เราคงต้องไปเริ่มต้นหลงทางในสถานที่อื่นๆ ดูบ้าง” คุณปรีดาบอกตัวเองอย่างมุ่งมั่น

    แล้วเขาก็ใช้เวลาอีกหลายปีในการเดินหลงทาง เขาผ่านประเทศพม่าไปบังคลาเทศ ออกสู่เปอร์เซีย ผ่านไปยังอียิปต์ กรุงโรม จนมาถึงประเทศจีน ทุกที่ที่เขาหลงทางไป เขาล้วนบันทึกลงแผนที่ส่วนตัวจนครบหมด
    ในวันแรกที่หลงทางไปถึงกรุงปักกิ่ง เขาก็ถูกตำรวจจับไปเข้าเฝ้าจักรพรรดิจีนในข้อหาไม่ยอมขากเสลดในที่สาธารณะ ซึ่งถือเป็นความผิดอย่างร้ายแรง
    “เจ้ารู้ไหมว่าความผิดนี้มีโทษถึงประหารชีวิตเชียวนะ” จักรพรรดิตรัส ส่วนขันทีที่ยืนอยู่ด้านหลังก็เดินออกไปหยิบเครื่องประหารหัวสุนัขมา
    “ขอประทานโทษเถิดพะยะค่ะ กระหม่อมไม่ใช่คนที่นี่ก็เลยทรงไม่รู้ขนบธรรมเนียม” คุณปรีดาพูดราชาศัพท์ผิดๆ ถูกๆ
    “เอาเถอะ เรายกโทษให้” จักรพรรดิตรัส ทำให้ขันทีต้องแบกเครื่องประหารหัวสุนัขไปเก็บตามเดิม “เพียงแต่จงจำไว้ว่าต่อไปหากเจ้ายังอยู่ในราชอาณาจักรของเรา เจ้าก็ต้องขากเสลดใส่เท้าคนอื่นเพื่อแสดงความสุภาพและให้เกียรติต่อบุคคลนั้นรู้ไหม...ขากกกก!”
    แล้วจักรพรรดิก็ขากเสลดใส่เท้าของคุณปรีดาซึ่งทำท่าจะชักเท้าหลบ แต่ก็ยั้งเอาไว้ด้วยกลัวว่าจะเป็นการไม่สุภาพ
    “กระหม่อมทราบแล้วพะยะค่ะ” แล้วเสลดของจักรพรรดิก็พุ่งปรี๊ดมาตกบนหลังเท้าของคุณปรีดา
    เขารู้สึกเป็นเกียรติอย่างสูงที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณเสลดจากจักรพรรดิ
    “ดีมาก” จักรพรรดิยิ้มด้วยความพอใจก่อนจะถามว่า “เอาล่ะ ทีนี้เจ้าก็บอกเรามาว่าเจ้าเป็นใครมาทำอะไรที่ราชอาณาจักรของเรา”
    คุณปรีดาจึงเล่าเรื่องทั้งหมด จักรพรรดินั่งฟังด้วยความตื่นเต้นกับทุกเรื่องที่คุณปรีดาเล่า
    “เราเองก็มีแผนที่ราชอาณาจักรของเราเหมือนกันนะ” จักรพรรดิอวด “เราไม่ได้เขียนเองหรอก แต่มีฝรั่งคนหนึ่งชื่อมาร์โลโปโปอะไรนี่แหละเป็นคนเขียน เขามอบให้เราเป็นของขวัญเมื่อหลายปีมาแล้ว เจ้าอยากได้ไหมล่ะ เราจะให้คนไปถ่ายเอกสารมาให้ เพียงแต่ว่าแผนที่ของเขาผิดความจริงไปเยอะเลย หนอย อาณาจักรของเราแผ่ไปถึงเมืองฝรั่งเศสชัดๆ แต่ในแผนที่ของเขากลับระบุว่าราชอาณาจักรเราสิ้นสุดลงที่ทิเบต นอกจากนี้ที่ทางต่างๆ ก็ไม่ค่อยจะถูกต้อง”
    คุณปรีดารู้สึกสะดุดใจอะไรบางอย่างกับคำพูดของจักรพรรดิ
    และแล้วหลังจากจักรพรรดิมอบทองคำโตเท่าลูกฟักให้เขาเป็นของขวัญในการเจอกัน คุณปรีดาก็รีบหลงทางกลับเมืองไทย
    เขาหลงทางอีกหลายปีกว่าจะไปถึง เนื่องจากถนนหนทางในประเทศต่างๆ เปลี่ยนไปมาก แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะบันทึกมันลงแผนที่ของตัวเอง
    เมื่อกลับถึงบ้าน คุณปรีดาก็รีบเอาแผนที่ต่างๆ ที่เขาบันทึกไว้มาลอกใหม่อีกฉบับ ทั้งแผนที่กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต พนมเปญ โคลัมโบ ไคโร ไปจนถึงปักกิ่ง
    แต่เขาทำให้ทุกอย่างผิดเพี้ยนไปจากความจริง
    แผนที่กรุงเทพฯ ของคุณปรีดาแสดงเส้นทางจากถนนราชดำริตรงไปถึงสี่แยกราชประสงค์ เมื่อเลี้ยวซ้ายไปก็จะเข้าสู่ถนนบางนา-ตราด
    แผนที่ประเทศไทยของเขาระบุว่าเหนือสุดแดนสยามคือจังหวัดชุมพร ส่วนปลายสุดด้านใต้คือจังหวัดกาฬสินธุ์
    คุณปรีดายังทำแผนที่โลกอีกด้วย แผนที่โลกฉบับคุณปรีดานั้นจากทวีปออสเตรเลียสามารถนั่งเรือข้ามฟากมายังเกาะอังกฤษได้ แม่น้ำสำคัญในประเทศอียิปต์คือแม่น้ำฮวงโห และประเทศสิงคโปร์มีพื้นที่กว้างกว่าแคนาดา
    คุณปรีดาใช้เวลาสามวันสามคืนกว่าจะเขียนแผนที่เสร็จ เขาเอาทองคำเท่าลูกฟักที่ได้รับมาจากจักรพรรดิจีนไปกว้านซื้อแผนที่จากทั้งโลกมาได้เกือบหมด (มีบางฉบับเล็ดรอดไปได้) แล้วก็ลงทุนพิมพ์แผนที่ฉบับปรีดา ซึ่งมีทั้งประเทศและเมืองต่างๆ ทั่วโลกออกวางขาย
    ไม่ต้องบอกเธอก็คงรู้ว่าเหตุการณ์ต่อจากนั้นจะเป็นอย่างไร
    ทุกคนที่เดินทางด้วยแผนที่คุณปรีดาล้วนหลงทาง ขณะที่คุณปรีดารู้สึกภูมิใจที่ทำให้ผู้คนมีโอกาสได้หลงทางเหมือนอย่างตน

    หากเธอมองจากหน้าต่างห้องนอนหัวเองออกไปนอกบ้าน แล้วเห็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติถือแผนที่พลางเกาหัวทำหน้างงละก็ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าแผนที่ในมือเขาจะเป็นแผนที่ของคุณปรีดา!

    จากคุณ : ปรีดา - [ 3 พ.ค. 48 08:46:48 A:203.156.23.46 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป