คุณปรีดาเป็นคนโง่เรื่องทิศทางที่สุดในโลก ไม่เคยมีครั้งใดที่เขาไปถึงสถานที่จุดหมายที่ต้องการไปได้โดยไม่หลงทาง
และจะว่าไปเกือบครึ่งในนั้น เขาก็ไปไม่ถึงด้วยซ้ำ
เมื่อต้องการไปซื้อพัดลมที่ร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า เขากลับเดินหลงทางไปจนถึงร้านขายหนังสือ คุณปรีดาก็จะบอกตัวเองว่า
ช่างเถอะ เอาหนังสือไปพัดแทนก็ได้ ดีเสียอีกจะได้ไม่ต้องเปลืองไฟ
แล้วเขาก็เลือกหนังสือที่มีขนาดเหมาะมือมาทดลองพัดดูว่าจับถนัดมือหรือเปล่า พัดแล้วได้ลมแรงพอหรือเปล่า และที่สำคัญต้องไม่หนักเกินไป
ในที่สุดเขาก็ซื้อนิตยสารรายปักษ์ราคาถูกฉบับหนึ่งที่หน้าปกเป็นกระดาษอาบมันอย่างบาง
ส่วนข้างในเป็นกระดาษปรู๊ฟสีเหลืองซึ่งไม่หนาเกินไป และมีขนาดเหมาะมือ
ส่วนเรื่องที่ว่าเป็นนิตยสารอะไรนั้นคุณปรีดาไม่ได้สนใจเลยแม้แต่นิดเดียว
และเมื่อถึงคราวที่เขาต้องการอ่านหนังสือสักเล่ม คุณปรีดาก็บอกว่า
คราวนี้แหละ ฉันจะกลับไปที่ร้านหนังสือ
(นิตยสารราคาถูกที่ซื้อมาใช้แทนพัดเมื่อคราวก่อนนั้นถูกใช้งานอย่างสมบุกสมบันจนขาดวิ่นและยับจนหมึกเลอะเลือน ไม่อาจทำหน้าที่ใดๆ ได้อีกต่อไปไม่ว่าในฐานะพัดหรือหนังสือ)
แต่เขากลับเดินหลงทางไปถึงร้านขายผ้า คุณปรีดายังคงมองโลกในแง่ดีด้วยการบอกตัวเองว่า
ช่างเถอะ เลือกผ้าลายที่มีตัวหนังสือแทนก็แล้วกัน ถ้าเป็นอย่างนั้นไม่ว่าจะเป็นหนังสือหรือผ้าก็ใช้อ่านได้เหมือนกัน
แล้วคุณปรีดาก็จัดแจงเลือกลายผ้า อาบังที่เป็นเจ้าของร้านก็ออกมาต้อนรับอย่างยิ้มแย้ม
อีนี่ต้องการผ้าแบบไหนนะนายจ๋า อาบังถาม
ฉันต้องการผ้าที่มีลายตัวหนังสือ
อาบังได้ฟังก็จัดแจงหยิบผ้ามาให้ดูพับหนึ่ง
ผืนนี้ใช้ได้ไหม นายจ๋า อีนี่มีตัวหนังสือเบ้อเร่อเลย
แต่คุณปรีดากลับส่ายหน้าไม่ถูกใจ ตัวหนังสือตัวขนาดนี้อ่านแป๊บเดียวก็จบแล้ว
ดังนั้นอาบังจึงกลับเข้าหลังร้านไปหยิบผ้าอีกพับหนึ่งมาให้คุณปรีดาดู
คราวนี้เป็นผ้าลายหนังสือพิมพ์ อีกทั้งลวดลายก็ยังมีขนาดเท่าหนังสือพิมพ์จริงๆ อีกด้วย
คุณปรีดาเห็นตัวหนังสือเต็มพรืดไปหมดก็ดีใจ มองผ่านๆ ก็พบข่าวชาวบ้านไปกราบไหว้หมาที่มีสองหางพร้อมขอหวย
นั่นละ ที่ฉันต้องการ! คุณปรีดาบอกตัวเองก่อนจะหันไปบอกอาบังว่า ฉันเอาฉบับนี้ เอ๊ย พับนี้แหละ
บางครั้งเพื่อนของคุณปรีดาก็รู้สึกสงสารและเห็นใจที่คุณปรีดาเป็นเช่นนี้ ก็เลยแนะนำให้นั่งรถเมล์
เขาจะคอยบอกว่าถ้าจะไปที่ไหนต้องนั่งรถเมล์สายใด
คุณปรีดาทำตามที่เพื่อนแนะนำ แต่เมื่อนั่งไปจนสุดสายแล้วก็ไม่ถึงที่ที่เขาต้องการไป
คุณปรีดามารู้จากกระเป๋ารถเมล์ว่าเขาขึ้นรถผิดฝั่ง ความจริงต้องขึ้นฝั่งตรงข้าม จึงจะผ่านจุดหมายที่ต้องการไป
คุณปรีดายังคงหลงทางอย่างต่อเนื่องด้วยดีเสมอมา แม้จะเป็นสถานที่ที่เขาเคยไปเป็นร้อยๆ ครั้งแล้วก็ตาม
เพื่อนคนเดิม (คนที่แนะนำเรื่องสายรถเมล์นั่นแหละ) จึงแนะนำให้คุณปรีดาทำแผนที่ส่วนตัวเอาไว้
เมื่อเดินผ่านไปทางไหนก็บันทึกลงแผนที่ ดังนั้นเมื่อถึงคราวต้องการจะไปยังสถานที่ที่เคยผ่านมาแล้วก็ให้ดูแผนที่จะได้ไม่หลงทาง
คุณปรีดาทำตามที่เพื่อนแนะนำ แต่ก็ยังเกิดปัญหาอยู่ดี
เปล่าหรอก ไม่ใช่ว่าเขายังหลงทาง
ตรงกันข้าม คุณปรีดาเริ่มเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ตามต้องการได้ถูกต้องต่างหาก
แต่ว่า...นั่นละคือปัญหา
ในระหว่างทางไปร้านขายผักคุณปรีดาจะถามตัวเองว่า
ดูซิว่าคราวนี้ฉันจะไปโผล่ที่ร้านอะไร
แต่แล้วสถานที่ที่เขาเจอก็คือร้านขายผัก นี่สร้างความผิดหวังให้เขาอย่างมาก
เมื่อเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งเข้าคุณปรีดาก็เริ่มวิตก
ในที่สุดเขาจึงตัดสินใจว่า
ฉันจะไม่ยอมไปไหนโดยไม่หลงทางเด็ดขาด!
แล้วคุณปรีดาก็กลับมามุ่งมั่นกับการหลงทางอีกครั้ง
เขาไม่ได้โยนแผนที่ทิ้งไปอย่างที่เธอคิดว่าเขาจะทำหรอก คุณปรีดายังคงมีนิสัยการบันทึกแผนที่และดูแผนที่ขณะเดินทางอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
แต่วิธีแก้ปัญหาของเขาคือเขาจะไม่ยอมเดินไปตามเส้นทางที่เขาเคยบันทึกลงแผนที่ไว้แล้ว
หากแผนที่ระบุว่าทางไปร้านขายเสื้อผ้าจะต้องเลี้ยวซ้าย เขาก็กลับเลี้ยวขวา แล้วดูว่าอะไรจะเกิดขึ้น
ผลก็คือ คุณปรีดาหลงทาง
คุณปรีดาหัวเราะอย่างมีความสุขกับการหลงทางของตัวเอง
ไชโย ในที่สุดฉันก็กลับมาหลงทางอีกครั้งแล้ว!
คุณปรีดาทำอย่างนี้เสมอมา แต่ทุกครั้งที่เขาหลงทาง เขาก็จะได้เส้นทางบันทึกลงแผนที่เพิ่มมากขึ้น
และผลที่ตามมาก็คือ หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป อีกไม่นานเขาจะหมดโอกาสหลงทาง
เพราะแผนที่ของเขาบันทึกเส้นทางในประเทศไทยเกือบครบทุกตรอกซอกซอยแล้ว
คุณปรีดาวิตกหนัก ในที่สุดจึงตัดสินใจหลงทางออกนอกประเทศ
เราคงต้องไปเริ่มต้นหลงทางในสถานที่อื่นๆ ดูบ้าง คุณปรีดาบอกตัวเองอย่างมุ่งมั่น
แล้วเขาก็ใช้เวลาอีกหลายปีในการเดินหลงทาง เขาผ่านประเทศพม่าไปบังคลาเทศ ออกสู่เปอร์เซีย ผ่านไปยังอียิปต์ กรุงโรม จนมาถึงประเทศจีน ทุกที่ที่เขาหลงทางไป เขาล้วนบันทึกลงแผนที่ส่วนตัวจนครบหมด
ในวันแรกที่หลงทางไปถึงกรุงปักกิ่ง เขาก็ถูกตำรวจจับไปเข้าเฝ้าจักรพรรดิจีนในข้อหาไม่ยอมขากเสลดในที่สาธารณะ ซึ่งถือเป็นความผิดอย่างร้ายแรง
เจ้ารู้ไหมว่าความผิดนี้มีโทษถึงประหารชีวิตเชียวนะ จักรพรรดิตรัส ส่วนขันทีที่ยืนอยู่ด้านหลังก็เดินออกไปหยิบเครื่องประหารหัวสุนัขมา
ขอประทานโทษเถิดพะยะค่ะ กระหม่อมไม่ใช่คนที่นี่ก็เลยทรงไม่รู้ขนบธรรมเนียม คุณปรีดาพูดราชาศัพท์ผิดๆ ถูกๆ
เอาเถอะ เรายกโทษให้ จักรพรรดิตรัส ทำให้ขันทีต้องแบกเครื่องประหารหัวสุนัขไปเก็บตามเดิม เพียงแต่จงจำไว้ว่าต่อไปหากเจ้ายังอยู่ในราชอาณาจักรของเรา เจ้าก็ต้องขากเสลดใส่เท้าคนอื่นเพื่อแสดงความสุภาพและให้เกียรติต่อบุคคลนั้นรู้ไหม...ขากกกก!
แล้วจักรพรรดิก็ขากเสลดใส่เท้าของคุณปรีดาซึ่งทำท่าจะชักเท้าหลบ แต่ก็ยั้งเอาไว้ด้วยกลัวว่าจะเป็นการไม่สุภาพ
กระหม่อมทราบแล้วพะยะค่ะ แล้วเสลดของจักรพรรดิก็พุ่งปรี๊ดมาตกบนหลังเท้าของคุณปรีดา
เขารู้สึกเป็นเกียรติอย่างสูงที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณเสลดจากจักรพรรดิ
ดีมาก จักรพรรดิยิ้มด้วยความพอใจก่อนจะถามว่า เอาล่ะ ทีนี้เจ้าก็บอกเรามาว่าเจ้าเป็นใครมาทำอะไรที่ราชอาณาจักรของเรา
คุณปรีดาจึงเล่าเรื่องทั้งหมด จักรพรรดินั่งฟังด้วยความตื่นเต้นกับทุกเรื่องที่คุณปรีดาเล่า
เราเองก็มีแผนที่ราชอาณาจักรของเราเหมือนกันนะ จักรพรรดิอวด เราไม่ได้เขียนเองหรอก แต่มีฝรั่งคนหนึ่งชื่อมาร์โลโปโปอะไรนี่แหละเป็นคนเขียน เขามอบให้เราเป็นของขวัญเมื่อหลายปีมาแล้ว เจ้าอยากได้ไหมล่ะ เราจะให้คนไปถ่ายเอกสารมาให้ เพียงแต่ว่าแผนที่ของเขาผิดความจริงไปเยอะเลย หนอย อาณาจักรของเราแผ่ไปถึงเมืองฝรั่งเศสชัดๆ แต่ในแผนที่ของเขากลับระบุว่าราชอาณาจักรเราสิ้นสุดลงที่ทิเบต นอกจากนี้ที่ทางต่างๆ ก็ไม่ค่อยจะถูกต้อง
คุณปรีดารู้สึกสะดุดใจอะไรบางอย่างกับคำพูดของจักรพรรดิ
และแล้วหลังจากจักรพรรดิมอบทองคำโตเท่าลูกฟักให้เขาเป็นของขวัญในการเจอกัน คุณปรีดาก็รีบหลงทางกลับเมืองไทย
เขาหลงทางอีกหลายปีกว่าจะไปถึง เนื่องจากถนนหนทางในประเทศต่างๆ เปลี่ยนไปมาก แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะบันทึกมันลงแผนที่ของตัวเอง
เมื่อกลับถึงบ้าน คุณปรีดาก็รีบเอาแผนที่ต่างๆ ที่เขาบันทึกไว้มาลอกใหม่อีกฉบับ ทั้งแผนที่กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต พนมเปญ โคลัมโบ ไคโร ไปจนถึงปักกิ่ง
แต่เขาทำให้ทุกอย่างผิดเพี้ยนไปจากความจริง
แผนที่กรุงเทพฯ ของคุณปรีดาแสดงเส้นทางจากถนนราชดำริตรงไปถึงสี่แยกราชประสงค์ เมื่อเลี้ยวซ้ายไปก็จะเข้าสู่ถนนบางนา-ตราด
แผนที่ประเทศไทยของเขาระบุว่าเหนือสุดแดนสยามคือจังหวัดชุมพร ส่วนปลายสุดด้านใต้คือจังหวัดกาฬสินธุ์
คุณปรีดายังทำแผนที่โลกอีกด้วย แผนที่โลกฉบับคุณปรีดานั้นจากทวีปออสเตรเลียสามารถนั่งเรือข้ามฟากมายังเกาะอังกฤษได้ แม่น้ำสำคัญในประเทศอียิปต์คือแม่น้ำฮวงโห และประเทศสิงคโปร์มีพื้นที่กว้างกว่าแคนาดา
คุณปรีดาใช้เวลาสามวันสามคืนกว่าจะเขียนแผนที่เสร็จ เขาเอาทองคำเท่าลูกฟักที่ได้รับมาจากจักรพรรดิจีนไปกว้านซื้อแผนที่จากทั้งโลกมาได้เกือบหมด (มีบางฉบับเล็ดรอดไปได้) แล้วก็ลงทุนพิมพ์แผนที่ฉบับปรีดา ซึ่งมีทั้งประเทศและเมืองต่างๆ ทั่วโลกออกวางขาย
ไม่ต้องบอกเธอก็คงรู้ว่าเหตุการณ์ต่อจากนั้นจะเป็นอย่างไร
ทุกคนที่เดินทางด้วยแผนที่คุณปรีดาล้วนหลงทาง ขณะที่คุณปรีดารู้สึกภูมิใจที่ทำให้ผู้คนมีโอกาสได้หลงทางเหมือนอย่างตน
หากเธอมองจากหน้าต่างห้องนอนหัวเองออกไปนอกบ้าน แล้วเห็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติถือแผนที่พลางเกาหัวทำหน้างงละก็ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าแผนที่ในมือเขาจะเป็นแผนที่ของคุณปรีดา!
จากคุณ :
ปรีดา
- [
3 พ.ค. 48 08:46:48
A:203.156.23.46 X:
]