ติชิลา 21
เสียงเครื่องยนต์ ดังไม่ปกติ กับความร้อนระอุของไอแดด ในเขตใกล้เส้นศูนย์สูตร กษิดิส ลุกขึ้นยืน พร้อมกับเอาหมวกโบกไปมาไล่ความอบอ้าวกลางต้นเดือนเมษา อีกไม่กี่วันแล้วที่จะครบรอบปีการดูพระอาทิตย์ยามเช้าที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในโลกใบนี้ ความงดงามของของแมกไม้ แถวนี้มันก็ดูดีอยู่หรอกนะ
แต่เขาก็ไม่อยากจะมารถเสียเอา ตรงปากทางเข้าไซด์งานตรงปราสาทกระวัน อย่างนี้ วันนี้กะว่าจะไปดูความคืบหน้าเสียหน่อย แล้วถือโอกาสหาเพื่อนคุย พักผ่อนสมองสักสองสามชั่วโมง เผื่อฟลุ๊คจะได้เพื่อนกินข้าวกลางวันนี้ จะได้ไม่เหงาเหมือนเคย
เฮ้อ แล้วจะทำอย่างไรดีเนี่ย สัญญานที่นี่ก็ไม่ค่อยดี ชายหนุ่มมองดูโทรศัพท์ที่มีเส้น แสดงสัญญานเพียง ขีดเดียว เท่านั้น พอขยับตัวเข้าหน่อย มันก็หายไป
ชายหนุ่มหันซ้ายแลขวาอยู่สักพัก แล้วตัดสินใจที่จะช่วยตัวเองอีกครั้งโดยพยายามดูว่า รถส่วนตัวเป็นอะไร เขาหวังเพียงว่า หากมันยังพอวิ่งได้ จะได้ประคองไปให้ถึงที่แคมป์นั่น อย่างน้อยขากลับก็ยังพอจะไหว้วานให้ใครมาส่งก็ได้ แต่ไม่นานนัก เขาก็ได้ยินเสียงรถยนต์ วิ่งมาและเสียงนั่นก็หยุดที่ข้าง ๆ รถเขา
พี่ดิส รถเป็นไง เสียงใสจากสาวน้อยปราดเปรียวลูกสาวของอาจารย์เจ้าของไซด์งานที่เขากำลังจะไป ทักทันทีที่เห็นว่า ใครเป็นเจ้าของรถ
ไม่รู้สิ พี่ว่า คงเพราะว่ามันร้อนมั๊ง อุปกรณ์ก็ไม่มี อะไรก็ไม่มี ไอ้ที่พอจะทำได้ เลยกลายเป็นทำไม่ได้ น้ำเสียงที่เปล่งออกมาทำให้เธอเดาได้ว่า เขาต้องเผชิญกับสถานการณ์นี้มานานพอดู
เอ้านี่ เชือกผูกเข้าพี่ดิส เดี๋ยวนิลากให้ ว่าแล้วเธอก็จัดการมัดเชือกด้านหนึ่งกับท้ายรถซึ่งชายหนุ่มก็ทำเช่นเดียวกันกับรถของเขา และทั้งสองก็เข้าประจำที่ ก่อนที่จะมุ่งหน้าตรงไปยังจุดมุ่งหมาย
อาจารย์สุธีร์เดินเข้ามาดูว่าเป็นเพราะอะไรที่ทั้งสองจึงต้องเดินทางมาใน สภาพแบบนี้เมื่อรู้ถึง เหตุการณ์ก็เรียกให้ลูกศิษย์คนหนึ่งที่พอจะมีฝีมือในเชิงช่างมาตรวจดูความเสียหาย ชายหนุ่มกล่าวขอบคุณ แล้วชวน นิชา เดินดูรอบ ๆ โบราณสถาน แห่งนี้ เพื่อดูการทำงาน และชื่นชมประวัติศาสตร์ ศิลปะโบราณ ผ่านทางวัตถุที่สลักเสลา เล่าความเป็นมาอย่างวิจิตรบรรจง
อัสเป็นไงบ้าง จู่ ๆ ชายหนุ่มก็พูดขึ้น น้ำเสียงเขาราบเรียบ เหมือนตอนที่กำลังถามเรื่องดินฟ้าอากาศ
สบายดี ทำไม ไม่ได้เจอกันหรอกเหรอ หญิงสาวแปลกใจว่าทำไมเขาต้องมาถามเธอ ถึงแม้ว่าตลอดเวลานิชาจะไม่ได้อยู่ติดกับอสมาตลอดเวลา แต่เธอก็เข้าใจว่า หญิงสาวอีกคนจะต้องไปมาหาสู่ ดั่งเช่นคนชอบพอกับชายหนุ่มที่อยู่ข้าง ๆ ตอนนี้
เปล่า เจอกันทุกวัน คำตอบที่ได้รับ ทำให้นิชา ชะงักฝีเท้าแล้วหันกลับมามองหน้าชายหนุ่มอย่างไม่เข้าใจ
อ้าว แล้วมาถามนิทำไมกันล่ะ
ไม่รู้สิ พี่คิดว่าเขาน่าจะไม่สบายใจอะไรอยู่ ชายหนุ่มหยุดเดินเช่นกัน แต่ทิ้งระยะห่างระหว่างเขากับคู่สนทนาเล็กน้อย
นิ..... อัส เขามีใครไหม น้ำเสียงแผ่วเบา อย่างคนไม่มั่นใจ เอ่ยออกมา เขาขยับหมวกเล็กน้อย เพียงเท่านี้หญิงสาวก็ทราบดีว่า ชายตรงหน้านี้ แสดงอาการที่เรียกว่า เขิน ออกมาได้อย่างน่ารัก
มี คำตอบสั้น ๆ นั้น ทำให้ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมา แววตาเริ่มขึงเครียดนิด ๆ
เหรอ ......... ใครล่ะ ประโยคสั้น ๆ แต่น้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยออกมา ทิ้งระยะห่างก่อนที่จะตัดสินใจ ถามคำถาม สำคัญที่อยากรู้ออกมา
ก็.... ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะเอ่ยอะไรออกมา เสียงหัวเราะคิกคัก อย่างมีความสุข ก็ดังแว่ว มาจากโคนต้นไทร ที่อยู่ไม่ไกลนัก ชายหนุ่มเดินไปทางนั้นทันทีเพราะจำได้ว่าเสียงนั้นเป็นของใคร
พศุตม์ อย่าสิ เราไม่ชอบนะ เสียงกังวาน พยายามร้องปัดป้อง อีกคนที่กำลังทำท่าจะเอาสัตว์ร้อยขา ไม่น่าพิศมัยที่ตัวเองถือ ไม้ เกี่ยวขึ้นมาหลอกอีกคนให้กลัว
ไม่น่ากลัวหรอกดูสิ อัส เจ้านี่มีประโยชน์นะ ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงขบขัน
ไม่... เสียงร้องกรี๊ด อย่างสนุกสนาน กับภาพที่ทั้งสองวิ่งไล่กัน อย่างเด็ก ๆ ทำให้ชายหนุ่มคนที่ยืนดูจากมุมหนึ่งที่ไม่ไกลนัก เบือนหน้าหันหลังออกมา แล้วทำท่าครุ่นคิด
อืมม...... พี่รู้แล้ว ชายหนุ่มหันไปบอกนิชา แค่นั้น ก่อนที่จะขยับหมวก ให้เข้าที่ นิดนึง ก่อนที่จะเดิน จากไป ทิ้งให้หญิงสาว อ้าปากค้าง เพราะความเข้าใจผิด ของชายหนุ่ม
เอาไงดีล่ะเนี่ย นิชา เกาหัว แล้วหันกลับไปดูภาพพศุตม์ กับเพื่อนสาวของเธออีกครั้ง แล้วก็พึมพำกับตัวเองว่า
เออว่ะ เห็นแล้วมันบาดตาบาดใจจริง ๆ ด้วย เธอหัวเราะกับตัวเองอย่างปลง ๆ แต่เห็นทีต้องไปแก้ความเข้าใจ ของพี่ชายร่วมโลกของเธอใหม่เสียแล้ว ไม่เช่นนั้นคงต้องมีคนทำหน้าบูด เบื่อโลก เพิ่มขึ้นอีกคน หญิงสาวรีบสาวเท้ายาว ๆ ตามชาย หนุ่มไป แต่ไม่ทันเสียแล้ว เพราะว่ากษิดิสได้ไปจับเข่าคุยกับบิดาของเธอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และ ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่าย ๆ ด้วย แล้ววันนั้น สามชั่วโมง ให้หลัง นิชา ก็ยังไม่ได้บอกกษิดิสอยู่ดี
.........................................................................................................
เฮ้ วันนี้ หยุดไปเที่ยวกันนิ เสียงรุจดังมาแต่ไกล ทำให้นิชาที่กำลังจัดการกับอาหารยามเช้า เงยหน้าขึ้นมา ทำคิ้วยุ่ง
ไป killing Field กัน รุจ เดินมานั่งข้าง ๆ หญิงสาว พร้อมกับหยิบขนมปังของเธอเข้าใส่ปากอย่างถือวิสาสะ
หา ไม่เอา น่ากลัว ไม่ไปหรอก ว่าแล้วเธอก็หยิบเอา หนังสือพิมพ์ ฉบับ ภาษาอังกฤษออกมาอ่านอย่างสบายอกสบายใจ
ไซด์งานหยุด 2 วัน เมื่อวานฝนตก ต้องรอให้แห้งก่อน ถ้าเคลื่อนย้ายตอนที่เปียกอยู่บางอย่างจะเสียหายได้ เลย ต้องกางผ้าใบไว้แล้วรอให้มันแห้งสนิทก่อน ฝนหลงฤดูทำพิษกับงานเอา แต่เราสบายนาน ๆ จะได้หยุด กันสักที ถ้าตกลง เดี๋ยวเราออกเดินทางกันเลย เราบอกพศุตม์ ไว้แล้วเมื่อกี้ทักกับคุณดิสที่ ตลาดก็เลย ชวนแล้ว คุณดิสไม่มีปัญหาบอกว่าจะไปด้วย ส่วนอัสเจอหน้าบ้านบอกว่าแล้วแต่ เธอ ถ้าเธอไป อัสก็ไป ชายหนุ่มหน้าทะเล้น รีบแจงรายละเอียด เพื่อหาเพื่อนร่วมทริป นิชา มองหน้ารุจเหมือนเขาเป็นตัวประหลาด หมอนี่ นึกจะไปก็ไป จะมาก็มา แล้วนี่ สามคนข้างต้น เขาเป็นอะไรถึงตกหลุม นายนี่ได้เนี่ย
นี่กี่โมง หญิงสาว แหงนมองนาฬิกา
หกโมงครึ่ง เดี๋ยวเราโทรบอกคุณดิส และพศุตม์ให้เตรียมตัวแล้ว มาเจอกันที่นี่ ตอน เจ็ดโมงครึ่ง ส่วนเธอกับ อัส นะ ก็กินข้าว กินปลาให้เรียบร้อย นิชานั่งทำตาปริบ ๆ บอก ตั้งแต่เมื่อไหร่ ว่าจะไป แต่ดู หมอนี่สิ มันน่าจะไปเป็นไกด์ เรื่องเที่ยวนี่คล่องเหลือเกิน
นายไปบอกอัสด้วยแล้วกัน หญิงสาว ปิดหนังสือพิมพ์ แล้วถือโอกาสใช้ ชายหนุ่มที่นาน ๆ ครั้งจะทำตามด้วยความเต็มอกเต็มใจ เช่นนี้
ไม่นานคณะทัวร์ก็พร้อม เพรียงกันตรงเวลาขาดแต่กษิดิส ที่โทรมาบอกว่า มีงานที่ต้องสั่งทางโรงแรมนิดหน่อย ให้คณะของรุจเดินทางไปก่อน แล้วเขาจะตามไปสมทบ ดังนั้นจึงทำให้คณะทัวร์ที่ตั้งต้นที่นี่ ได้เดินทางมุ่งหน้าไป killing Field ทุ่งสังหารอันลื่อเลื่อง ในความโหดร้ายของเขมรแดงยุคบุกเบิก พอถึงสุสานเจืองแอ้ก ชำระค่าเข้าชมกันคนละ 500 เรียล แล้วก็เข้าชมประวัติศาตร์แห่งความน่าสะพรึงกลัวกัน
ทีแรกทุกคนก็เดินตามกัน เพื่อสำรวจประวัติความเป็นมาของทุ่งสังหารนี้ แต่ไม่นานนัก ความที่แต่ละคน หยุดยืนดูสิ่งที่ตัวเองสนใจ ทำให้คลาดกันไป บ้าง อสมา และนิชา เริ่มมองหากัน เมื่อเห็นว่าอีกฝ่าย นั้น อยู่คนละมุม ที่เห็นกันได้ ไม่ไกลนัก ก็ไม่ได้สนใจจะเข้ามาเดินด้วยกัน เพราะรู้ใจกันว่าแต่ละคนชอบที่จะอ่านในเรื่องที่ตัวเองสนใจ โดย ที่ไม่ต้องให้มีคนมารีรอ อะไร เพียงแค่รู้ว่ามีเพื่อน อยู่แถวนี้ก็พอแล้ว
อสมา มองห้องต่าง ๆ ที่ใช้เป็นที่คุมขัง และทรมานนักโทษ เกือบ 30 ปีผ่านมาหลังกองทัพเขมรแดงเข้ายึดดินแดนกัมพูชา ในช่วงปี บุกกรุงพนมเปญเมืองหลวง เป็นวันเริ่มต้นโศกนาฏกรรมฆ่าล้างเผ่าพันธ์ที่ชาวโลกคุ้นหูกันดีในชื่อ "ทุ่งสังหาร" คนกัมพูชากว่า 1.7 ล้านคน เสียชีวิตจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น ช่วงนั้นพอลพตเป็นผู้นำในการบริหารประเทศ เขมรแดงได้สังหารคนที่มีความรู้และการศึกษาในประเทศ ขับไล่ชาวกัมพูชาออกไปอยู่ชานเมืองเพื่อใช้แรงงานทางเกษตรอย่างหนัก ทำให้ผู้คนจำนวนมากเสียชีวิตจากการอดอาหารและการสังหารหมู่ในครั้งนั้น หลังเขมรแดงหมดอำนาจในปี 2522 เมื่อเวียดนามยกกองทัพเข้าขับไล่
แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 48 09:21:09
แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 48 09:19:28
จากคุณ :
ทะเลกับความมืด
- [
8 พ.ค. 48 09:17:49
]