ขุนช้างขุนแผนฉบับนิทานข้างกองฟาง (๘)
วัวพันหลัก
พ่อแม่พี่น้องที่เคารพรักขอรับ เราจะได้มาจับความที่ข้างกองฟางกันต่อ ตั้งแต่ตอนที่พ่อเณรแก้วลาสิกขาออกมาเป็นพลายแก้ว ตามสัญญาที่ให้ไว้กับคนรัก คือแม่พิมพิลาไลย ก็ได้เริ่มปฏิบัติการแรก หลังจากที่ได้ก้าวเท้าออกนอกวัด ด้วยการลองวิชาเข้าป่าช้าเรียกผี และก็ประสบผลสำเร็จ โดยมีผีตัวนายป่าช้านั้น ยอมให้ขี่คอเป็นพาหนะเหาะไปยังบ้านแม่พิมพิลาไลยในทันที
และก็อาจจะเป็นผลกรรมเก่าก็ได้ ที่บันดาลให้พลายแก้ว เมื่อถึงบ้านแม่พิมแล้ว กำลังจะประนมมืออ่านโองการ สะกดคนในบ้านอย่างคราวที่แล้ว แต่ในวินาทีนั้น ก็มีคนในบ้านเปิดประตูผลัวะออกมาพอดี ๆ กัน
แม่สายทอง นั่นเอง เธอฟังแม่พิมปรับทุกข์ว่าผิดสังเกต เพราะดึกแล้ว แต่พ่อเณรหรือพลายแก้วยังไม่เห็นสึกมาหา ตามสัญญาที่ว่าไว้ นั่งน้ำตาตกสะอื้นกับพี่เลี้ยง ดังที่ฉบับหลวงท่านว่า
สงสารตัวกลัวเณรจะลวงล่อ
น้ำตาคลอคลอละห้อยหวน
ได้ชั่วกลัวอายเสียดายนวล
ปั่นป่วนอัดอั้นตันอุรา
จนมืดค่ำยังไม่เห็นเจ้าพลายแก้ว
เห็นจะลวงน้องแล้วไม่มาหา
แม้นค่ำวันนี้ยังมิมา
ฉั นจะลาพี่สายทองผูกคอตาย ฯ
แม่สายทองก็พลอยร้อนอกร้อนใจไปด้วย สงสารน้องก็สงสาร แล้วตัวเองก็ยังมียังไง ๆ กับเจ้าเณรแก้วอยู่เหมือนกัน ตั้งแต่ครั้งที่เผ่นกันออกมา จากกุฏิวัดป่าเลไลยนั่นแหละขอรับ แถมยังได้สัญญาอะไรบางอย่างไว้แล้วด้วย จึงอาสาแม่พิมว่าจะไปเที่ยวตามหาเณรแก้ว พอเปิดประตูบ้านออกมา ก็เจอจำเลยเข้าพอดี
พอพบปะเออชะเจ้าคนรวย
ไปแชเชือนอยู่ด้วยอะไรนั่น
แม่พิมคอยน้อยหรือจนดึกพลัน
ที่บนนั้นฉันจะมาทวงละ ฯ
พลายแก้วก็ออกจะผิดคาด มือที่ประนมนั้นก็ลดลงโดยมิได้ทันว่าคาถา ก็ได้แต่ทักทายแม่สายทองไปตามเพรง แต่ก็ค่อยปลอบโยน จนแม่สายทองชี้ห้องแม่พิมให้ พลายแก้ว ก็บอกขอบอกขอบใจ ก่อนจะผละไป รวมทั้งให้สัญญาที่จะไป "แก้บน"กับแม่สายทองด้วย
เหตุการณ์ที่พลายแก้วได้เข้าไปพบกับแม่พิมในห้องนั้น กระผมก็คงจะไม่ต้องเล่านิทานซ้ำกับ ตอนที่ ๕ "ในไร่ฝ้าย" ดอกนะขอรับ เอาเป็นว่าพอแม่พิมหายคิดถึงพลายแก้วแล้ว พระเอกของเราก็ยังนอนก่ายหน้าผาก คิดถึงวิธีการที่จะไปใช้สินบน กับแม่สื่อคนดีอีกจนได้ ฉบับหลวงท่านว่าไว้ดังนี้ขอรับ
ครานั้นพลายแก้วคนึงตรอง
ถึงสายทองที่ทวงสินบนนั่น
ครั้นว่าจะหาเงินมาให้ปัน
จะเสียชั้นเชิงชาติเจ้าชู้ไป
คำโบราณท่านว่าไว้ตรงตรง
หนามยอกเอาหนามบ่งคงจะได้
อันเงินทองมิใช่ของที่ต้องใจ
คิดได้เบือนหน้ามาเยื้อนยิ้ม
จึงแกล้งลวงถามเป็นความใน
พี่พรั่นใจหนักหนาเจ้าเนื้อนิ่ม
จะมาขอต่อแม่ของแม่พิม
ถ้าไม่ให้แล้วพี่ปิ้มขาดใจตาย
ครานั้นนางพิมนิ่มสนิท
ไม่รู้คิดในกลเจ้าแก้วหมาย
เบือนหน้าสัพยอกหยอกเจ้าพลาย
ฉั นไม่ให้หม่อมอายอย่าทุกข์ใจ
มาตรแม้นปีเดือนไม่ได้กัน
ตัวฉันคงจะหนีหาอยู่ไม่
ได้ชั่วผิดคงจะคิดติดตามไป
กลัวหม่อมอีกจะไม่ขอฉันจริง
เออเป็นไรเจ้าว่าอย่างนี้หนอ
มีแต่พ้อล่วงหน้าไปทุกสิ่ง
วานอย่าทำเล่นงอนค่อนประวิง
จริงแล้วแม่พิมเจ้าปีไร ฯ
ตรงนี่สิ พ่อแม่พี่น้องขอรับ ก่อนที่กระผมจะได้เล่าความ ตามท้องเรื่องต่อไป กระผมใคร่จะตั้งข้อสังเกตสักนิดหนึ่ง ดังต่อไปนี้ขอรับ คือแม่พิมเธอตอบคำถามของพลายแก้วไปว่า
ฉั นฤาปีชวดนะหม่อมพี่
สิบหกปีปีนี้พึ่งปริปริ่ม
อ่อนกว่าพี่สองปีเจียวนะพิม
เจ้าเนื้อนิ่มพี่สายทองแกปีไร
พี่สายทองปีมะเมียคะหม่อมพี่
ได้ยี่สิบสองปีฉันจำได้
จะถามปีพี่สายทองไปทำไม
ฤารักใครสมสู่เป็นชู้เมีย ฯ
เป็นไปได้หรือขอรับพ่อแม่พี่น้อง ถ้าพลายแก้วซึ่งในตอนกำเนิด บอกไว้อย่างชัดเจนว่าเกิด ปีขาล แม่พิมซึ่งอ่อนกว่าสองปีจะเกิด ปีชวด ได้ แม่พิมควรจะเกิด ในปี มะโรง และอายุได้สิบหกปี ส่วนแม่สายทองก็น่าจะเกิด ปีจอ ในนักษัตรก่อนหน้าพลายแก้ว จึงจะมีอายุได้ยี่สิบสองปี ดังที่แม่พิมว่า
ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงข้อสังเกตของผู้น้อย ความรู้ที่ทำมาหารับประทาน ทางเล่านิทานสู่กันฟังคนหนึ่งเท่านั้นแหละขอรับ ส่วนความที่ไม่ตรงกันในวรรณคดีนั้น กระผมก็ขอยกหน้าที่ไปให้ปวงนักปราชญ์ราชบัณฑิต ท่านได้ถกเถียงชำระปรึกษากันเอาเอง ก็แล้วกันนะขอรับ
ในฉบับหลวงท่านเล่าความต่อไปว่า เมื่อได้ซักถามสนทนาไล่ปีเกิดกันแล้วสักครู่ แม่พิมก็หลับลง พ่อพลายแก้วของเราก็เลยได้โอกาสย่องไป"ใช้หนี้"แม่สายทองในทันใด และกระผมคิดว่า จากฉบับหลวงที่กระผมจะให้เล่าเหตุการณ์แทนต่อไปนั้น ช่างเป็นบทเกี้ยวพาที่ค่อนข้างแหวกแนว และออกจะครึกครื้นทีเดียว
คือหลังจากพลายแก้วได้เสดาะกลอนของแม่สายทอง พร้อมกับเป่ามนต์เทพรัญจวนไปแล้ว พ่อพระเอกใจร้อนของเราก็ไม่ฟังเสียงกันละ
จูบแก้มแนมนมขยำยั้ง
เต้าตั้งเต่งโตอล่างฉ่าง
เอนเอียงเคียงสอดกอดนาง
เป่ามนต์พลางลูบหลังให้ลานใจ ฯ
แม่สายสดุ้งตื่นขึ้นมา ก็ได้แต่ปัดป้องผลักไส ตัดพ้อต่อว่า พอเป็นพิธี (เพราะที่จริงก็นอนรออยู่แล้ว) พ่อแก้วของเราก็เลยเอาสีข้างเข้าถูไปว่า
พลายแก้วยิ้มแล้วตอบสายทอง
วานอย่าร้องเลยฉันเข้ามาหา
ด้วยสุดจะกลั้นกลืนรักหนักอุรา
ขอษมาเถิดอย่าถือว่าพี่เมีย
พี่ก็ไม่แก่กว่าฉันนัก
ถึงร่วมรักครองกันนั้นไม่เสีย
แก่กว่านี้ก็ยังมีเป็นชู้เมีย
วานอย่าห้ามให้ละเหี่ยละห้อยใจ ฯ
แม่สายทองเธอก็แน่จริงเหมือนกัน เธอตอบกลับไปว่า
ครานั้นสายทองก็ตอบคำ
อย่ากวนปล้ำฉันจะยอมให้หม่อมอยู่
กลัวแต่ว่าจะเล่นอย่างเช่นชู้
แม้นสมสู่ได้แล้วจะทอดทิ้ง
ถ้าแม้นจงใจรักอย่าหักหาญ
ขอประทานความสัตย์ไว้สักสิ่ง
ให้ประจักษ์ที่ว่ารักฉันจริงจริง
จะนอนก็จะนิ่งให้ตามใจ ฯ
นั่นแน่ ! อย่างนี้ก็โอเคซิขอรับ แถมฉบับหลวงท่านยังเปรียบเทียบไว้เสียอีกด้วย
สมพาสพิมดุจริมแม่น้ำตื้น
ไม่มีคลื่นแต่ระลอกกระฉอกฉาว
ปะสายทองดุจต้องพายุว่าว
พอออกอ่าวก็พอจมล่มลงไป ฯ
พ่อแม่พี่น้องที่เคารพรักขอรับ กระผมคงจะขอชะงักพฤติกรรม"พันหลัก" ของพ่อพระเอกจอมไวไฟของเราไว้เพียงเท่านี้ก่อน ให้เวลาพ่อแม่พี่น้องช่วย "ตีความ" ใน"ความเปรียบ" ของฉบับหลวงดูเล่น ๆ บ้าง แล้วคราวหน้าจึงค่อยรู้ว่า พลายแก้วจะได้พบอะไรต่อไป เมื่อแม่พิมตื่นขึ้นมาแล้ว.
##########
จากคุณ :
พจนารถ
- [
11 พ.ค. 48 07:06:43
A:61.90.14.117 X:
]