ไม่ได้เจอกันนาน สบายดีกันเหรอจ๊ะ?
ตอนนี้นัทตี้ไม่ได้เข้ามาในพันทิพเลย เพราะงานการมันสุมหัว
ไม่มีเวลาแม้แต่กระทั่งทำอาหารไทยกิน อาหารประจำแก้อยากได้แค่มาม่าและไวไว
จนกระทั่งวันหนึ่ง ที่เกิดความเบื่อหน่ายในสารพัดรสของมาม่าและไวไวขึ้นมา เอางี้ดีกว่า แค่เห็นซองก็แทบอ้วก
ก็เลยต้องเสียเวลาในการนอน เอ๊ยไม่ใช่ ในการทำงานไปร้านไทย
ตั้งใจไว้ว่า จะทำแกงไตปลากินวันละ 3 มื้อเป็นเวลายาวนาน 7 วัน เอาให้มันหายอยากกกกกก ไปเลย
ที่บ้านเวลาไปไหน จะไปกันทั้งครอบครัว ลูกสาวก็ย่อมไปด้วยเป็นธรรมดา
ถึงที่บ้านจะไม่เคยมีอะไรให้สะดุ้งตกใจเช่นโจรขึ้นบ้าน หรือของหาย หรือว่าพวกสิบแปดมงกุฏที่มาในรูปต่าง ๆ (คนไทยฉลาดกว่าฝรั่งนะ โจรที่นี่คิดอะไรแนบเนียนได้ไม่เหมือนคนไทยนะจะบอกให้)
จะออกไปไหนบ้านก็ไม่ต้องล็อค หรือตรวจแล้วตรวจอีก เหมือนอยู่กรุงเทพฯ
เออ นอกเรื่องนิดนะ
ไอ้เรื่องนี้มันจริงนะ ตอนที่นัทตี้อยู่กรุงเทพ ฯ จะเหมือนกับตัวเองเป็นคนวิตกจริต ที่บ้านมีทั้งมุ้งลวด เหล็กดัด และ ประตูไม้สักด้านนอกอีก
ไอ้เราก็แน่ใจนะว่า ตัวเราน่ะ ล็อคประตูแล้ว ไฟก็ชักปลั๊ก ดูเรียบร้อยอะไรหมดแล้ว
ขับรถออกมาใกล้จะหน้าหมู่บ้านอยู่อีกไม่กี่เมตร ต้องกลับรถย้อนกลับไปดูอีก
เมื่อกลับถึงบ้าน ไขประตูเข้าบ้านอีกครั้ง ฉี่อีกหนึ่งหน
ขึ้นชั้นบนดูหน้าต่างเพราะเปิดเอาไว้ คิดว่า เผื่อมันเข้ามาทางระเบียงบ้านล่ะ มันติดทุ่งนาด้วยนะ(ที่ระเบียงมีเหล็กดัดเหมือนกัน) มันอาจจะปีนกำแพงหลังบ้าน เอาเลื่อยมาตัดได้นะ บ้าบอจริง ๆ ในความคิด ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ตัวเองคิดได้ไงเนี่ย
เอ ถ้ามันเข้ามาได้ ต้องผ่านห้องเล็กสองห้องที่ติดระเบียง อุ๊ย ถ้าล๊อคแต่ประตูเหล็กดัดมุ้งลวด มันกระแทกโครมเดียว เอาเลื่อยตัดกุญแจ มันเข้ามาได้ง่ายอีก งั้นปิดมันทั้งประตูไม้ด้วย เพื่อความปลอดภัย
ตกลงว่ากว่าจะได้ออกไปอีกรอบก็กินเวลาเข้าไปกว่าชั่วโมง เพราะความคิดอุบาทว์ในหัวที่คิดแต่ทางร้าย ๆ ทั้งนั้น มันทำให้เราเป็นแบบนี้
เข้าตำรา มีทองเท่าหนวดกุ้งนอนสะดุ้งจนเรือนไหว ได้มั้ง ?
อ้าว ไม่ให้กลัวได้ไง ก็ที่บ้านเจอสิบแปดมงกุฏมาจะหลอกตั้งสองสามที แต่มันไม่ได้อะไรไปนะ เพราะมันเห็นนัทตี้แต่งตัวมันก็คงเผ่นแล้ว
ความคิดของแม่เข้าท่ามาก คุณแม่เล่นซื้อเสื้อผ้าใส่สบาย ๆ มาให้ตามตลาดนัด เพราะนัทตี้ขี้ร้อน
เสื้อคอกระเช้า กางเกงลายดอกขาบาน ๆ เหนือเข่า (บอกความลับให้ ไม่ใส่ชั้นในเลย คิดดูสิ เซ็กซี่แค่ไหน)หัวยุ่งไม่เคยได้หวี เพราะต้องอาบน้ำสระผมวันละสามสี่หน ประแป้งตามตัวตามหน้าจนขาววอก (นึกสภาพออกไหม)
มีอยู่คราวหนึ่ง นัทตี้ไม่ได้ออกไปไหน มีเด็กขี่มอเตอร์ไซด์ซ้อนกันมากดกริ่ง
บอกว่า พี่ ๆ พี่ชายพี่บอกว่าให้ผมมาเอารถไปเซอร์วิส และ เปลี่ยนยางด้วย เขาบอกว่าให้มาเอากุญแจกับพี่น่ะ
ถามว่ามาจากไหน เขาว่า มาจากอู่.....
ไอ้เรามันก็งง ๆ เพราะจริง ๆ แล้วตัวเองขับรถจริง แต่ว่าถ้าเอาเข้าเซอร์วิสน้องชายจะเป็นคนขับไปเข้าศูนย์เอง ไม่ใช่เข้าอู่ที่เขาบอก
เลยบอกเด็กว่า งั้นรอเดี๋ยวนะ ไว้พี่จะโทรไปถามน้องชายก่อน (ไอ้เด็กนั่นมันยังใจเย็นรอนะ)
น้องชายบอกว่า เฮ้ยไม่ได้สั่งให้อู่ไหนมาเอาสักหน่อย อย่าให้มันไปล่ะ
นัทตี้เลยอ๋อ ออกไปบอกไอ้เด็กวัยรุ่นสองคนนั่นว่า น้องชายพี่บอกว่า เขาจะเอาไปที่อู่วันเสาร์นะ กุญแจพี่ไม่มี เขาเอาไปด้วย
มันถามว่า พี่ไม่มีกุญแจสำรองหรือ ?
นัทตี้ว่า รถน้องชายเขา แค่มาฝากจอด เขาไม่ได้ให้กุญแจไว้หรอก
ยังดีนะที่มันว่าง่าย มันออกรถไปทันทีเหมือนกัน อุ๊ย เกือบแล้วไหมล่ะ
หันหลังกลับขึ้นไปชั้นบน ไปยืนอยู่หน้ากระจก แอบยิ้มขอบใจแม่อยู่ในใจ
รูปที่สะท้อนมาจากในกระจก ยายเพิ้งดี ๆ นี่เอง ยังนึกขอบใจมันที่ไอ้วัยรุ่นนั่นมันตาถึง เรียกพี่ ๆ ไม่ได้เรียกป้า ๆ หรือยาย
อ้าว คุยเพลินเลยเห็นไหม ?
มาเข้าเรื่องกันต่อ
ที่นี่ไปร้านไทย ลูกสาวไปด้วย ก็ไปเจอคนไทยที่เคยคุยกัน ก็ทักทายกันตามประสา นัทตี้สั่งลาดหน้ามาทาน สามีกับลูกก็ก๋วยเตี๋ยวผัดไทยใส่กุ้งสด
พี่คนไทยนั่นเขาก็มานั่งด้วยที่โต๊ะเดียวกัน ตรงข้ามกับลูกสาว
ตอนหนึ่งเธอยกกระป๋องน้ำลิ้นจี่ขึ้นดื่ม รอบ ๆ กระป๋องมันเปียกชื้นเพราะความเย็นกับความร้อนมันมาเจอะกันมั้ง ทำให้หล่อนทำกระป๋องหลุดมือ น้ำลิ้นจี่กระฉอกออกมา เธออุทานว่า คว.. ๆ ๆ (อวัยวะเพศชายจ้ะ)
ลูกสาวเห็นท่าทางเธอตลกก็หัวเราะคิกเชียว นัทตี้กับสามีก็หัวเราะ
วันนั้นผ่านไป ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อีกหลายวันต่อมา ลูกสาวเขากระโดดจากโต๊ะ คือที่บ้านมีไฟสี่ดวงที่ห้องรับแขกที่แขวนยาวเมตรครึ่งได้มั้งจากเพดานบ้านลงมา( ที่บ้านเพดานสูงมาก)
เขากระโดดขี่ด้ามไม้ม็อบที่นัทตี้เพิ่งซื้อมาใหม่ ตาก็ดูการ์ตูนไปด้วย ไม่รู้เหมือนกันว่า การ์ตูนที่แกดูอยู่มีแม่มดหรือเปล่า?
แม่คุณขึ้นโต๊ะตัวเตี้ย กระโดดลงมา ด้ามไม้ที่โด่ขึ้นไป ไปกระแทกกับโคมไฟแตก แม่คุณอุทานด้วยความตกใจว่า ค..ว.. เหมือนกับพี่คนไทยคนนั้น
นัทตี้ได้ยินร้องอุทานดังลั่นก็เข้ามามองดู ด้วยความตกใจ เขารีบบอกว่า หม่าม๊าห้ามดุนะ ขอโทษ หนูไม่ได้ตั้งใจ
นัทตี้ไม่ได้ว่าอะไร ถามเขาว่า เจ็บที่ไหนหรือเปล่า ? เขาตอบว่าเปล่า
นัทตี้ถามว่า แล้วเมื่อกี้หม่าม๊าได้ยินหนูพูดว่าอะไรนะ? เขาตอบอย่างภาคภูมิใจว่า ค..ว.. ๆ ๆ ๆ
นัทตี้ถามว่า หนูรู้ไหมว่ามันแปลว่าอะไร?
ลูกสาวตอบว่า ไม่รู้
นัทตี้ว่า อ้าว แล้วหนูพูดออกมาได้อย่างไร?
ลูกสาว หม่าม๊า ก็วันนั้นที่ป้าเขาทำกระป๋องน้ำหกไง เขาก็พูดแบบนี้
นัทตี้ถอนหายใจ บอกลูกสาวว่า มันเป็นคำที่ไม่ดี รู้ไหมว่าแปลว่าอะไร ? นัทตี้ย้ำถามอีกที
ลูกสาว แล้วมันแปลว่าอะไรล่ะหม่าม๊า?
นัทตี้ แปลว่า เพนนิสของผู้ชายไง ?
ลูกสาว ขอโทษหม่าม๊า หนูไม่รู้
นัทตี้ คราวนี้หนูรู้แล้ว ก็อย่าพูดอีกนะ
ลูกสาว ค่ะ แต่ว่าป้าเขาเป็นผู้หญิง แล้วทำไมเขาพูดได้ล่ะ?
นั่ทตี้ หม่าม๊าไม่รู้ คงติดปากมั้ง
ลูกสาว ติดปากอยู่ตรงไหนล่ะหม่าม๊า ? ไม่เห็นมีเลย
นัทตี้ หม่าม๊าหมายถึง พูดบ่อย ๆ จนเคยตัว หนูอย่าถามมาก จะไปไหนก็ไป หม่าม๊ามีงานต้องทำ (ตัวแม่เองชักเริ่มมีอารมณ์)
ตอนเย็นเข้านอนด้วยกัน เราคุยกันจิปาถะเรื่องโน้นเรื่องนี้
จนนัทตี้บอกเขาว่า มันดึกแล้วพรุ่งนี้หนูต้องไปโรงเรียนนะ ราตรีสวัสดิ์ลูก แล้วหันหลังให้ทันที
เขาบอกว่า หม่าม๊าให้หนูพูดอีกนิดได้ไหม?
เสียงถามมาจากปากน้อย ๆ ทางด้านหลังแม่
นัทตี้ เอ้า จะพูดอะไรก็พูดมา แล้วนอนนะ(เสียงเหี้ยม)
ลูกสาว หม่าม๊า หม่าม๊า ทำไมป้าคนนั้นเขาพูดว่า ค..ว..ล่ะ ทำไมเขาไม่พูดว่า จิ๋ม ๆ ล่ะ?
นั่นไงเรื่องจากกลางวันยังคาใจอยู่ หัวสมองน้อย ๆ ของหล่อนยังทำงานไม่เลิกกับปัญหาที่ยังขบไม่แตก ต้องตามเอาคำตอบให้ได้
นัทตี้ ?????? ได้แต่พูดว่า นอนซะ ไว้เจอป้าเขาแล้วหนูถามเขาเองดีไหม ? (หุ ๆ แม่มันก็หมดปัญญา)
หมดปัญญาตอบค่ะ ใครมีคำตอบดี ๆ ช่วยนัทตี้คิดหน่อยสิ
จากคุณ :
NATTI นัทตี้
- [
11 พ.ค. 48 17:17:28
]