CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    มิตรภาพ

    เด่นหยุดปาดเม็ดเหงื่อบนหน้าผากและเฝ้าฟังเสียงท้องที่ร่ำร้องขอความเมตตาจากเม็ดข้าวหรือน้ำสักหยดลงไปหยาดให้มันเลิกคร่ำครวญต่อความหิว

    เขามองเงินยี่สิบบาทสุดท้ายในมือ มันเป็นเงินยี่สิบบาทที่มีค่าที่สุดเท่าที่ผ่านมา  แม่ค้าขายข้าวแกงร้องถามหลายครั้งว่าจะสั่งอะไร แต่เขายังคงไม่ตอบได้แต่เฝ้ามองถาดอาหารข้างหน้านั่นพร้อมกลืนหยาดน้ำลายลงคอระแหง  

    เขามองอยู่สักพักผละเดินจากไป แดดในเมืองของยามบ่ายไม่มีแม้สายลมลูบผ่าน  เสียงท้องร้องเป็นระยะมันคล้ายจะร่ำไห้ต่อการตัดสินใจเดินจากมาของเขา  ตาของเด่นยังคงจดจ้องป้ายประกาศรับสมัครงานแต่คนการศึกษาน้อยอย่างเขาไม่มีความหวังแม้แต่น้อย

    งานที่รับวุฒิการศึกษาอย่างเขามันหายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรเสียอีกในตอนนี้ หลายวันแล้วที่เด่นเดินหางานในเมือง แต่งานก็ไม่เคยเปิดโอกาสรับคนอย่างเขาเข้าไป แต่อย่างไรเท้าของเขามิอาจหยุดอยู่กับที่ ยังสืบไปข้างหน้าเพื่อแสวงหาโอกาสอันน้อยนิดนี้

    เขากลับมายังห้องพักอีกครั้งด้วยดวงตาที่ล้าโรย พร้อมความหิวที่กัดกินเนื้อในกระเพาะ เขาเจอป้ายรับสมัครงานอยู่เหมือนกัน แต่วุฒิเพียง ม.3 อย่างเขาจำกัดต่องานที่ทำเหลือเกิน แม้งานกรรมกรขายแรงงานทั่วไปก็คล้ายจะไม่มีพื้นที่ว่างให้เขาได้แทรกเข้าไปเป็นส่วนร่วมในมหกรรมแห่งความทุกข์ยากนั่น

    งานยังหาไม่ได้แถมเงินที่แม่ให้มาจากบ้านก็จวนจะหมดแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นพรุ่งนี้เขายังต้องออกเดินตระเวนหางานอีก  ขอเพียงมีคนให้โอกาสเขาได้ทำงานเถอะจะหนักหนาสาหัสปานใดเขาจะไม่เกี่ยงงอนแม้แต่น้อย  เสียงท้องร้องอีกแล้ว มันย้ำเตือนให้เขาได้รู้ว่าข้าวแต่เมื่อเช้ายังไม่ตกไปถึงท้องสักเม็ด  


                “เป็นไงหางานได้หรือยัง”  เพื่อนของเขาถามขณะถอดเสื้ออาบเหงื่อผึ่งกับสายลมที่นานครั้งจะหลงกันเข้ามาสักวูบ    

    “ยังไม่ได้ งานหายากกว่าที่คิด”  

    “พรุ่งนี้ก็คงได้หรอก เดินให้ไกลกว่าเดิมอีกไม่กี่ก้าวคงได้งานทำ”  

    “ก็อยากให้มันเป็นแบบนั้นเหมือนกัน”

     “กินข้าวก่อนเถอะ กันซื้อข้าวผัดมาฝาก”   เพื่อนชูถุงข้าวผัดในมือให้ดูพร้อมยิ้มให้

    “กันกินมาแล้ว เอ็งกินเถอะ”  

    “ไม่ต้องมาโกหกหรอก กันรู้ว่าแกยังไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เช้า”

     “แล้วเอ็งล่ะกินมาแล้วหรือ”

    “วันนี้หัวหน้าเข้าเลี้ยงใจดีชะมัด กินเสียอิ่มแปล้ กินเถอะเดี๋ยวมันจะเย็นก่อน”

     “กินด้วยกันก็ได้นะ”    

    “กินไม่ไหวหรอก อิ่มขนาดนี้อยู่ได้อีกสามวัน”    เพื่อนว่าพลางเบ่งพุงแล้วลูบท้องให้เขาดู

     “กันไม่รู้จะขอบใจแกยังไงดีว่ะ  ขอให้มีงานก่อนแล้วกันจะตอบแทนทีหลัง”

    “เพื่อนกันน่าอย่าคิดมาก  เมื่อก่อนในห้องเรียนตอนประถมถ้าไม่ได้ลอกการบ้านเอ็ง กันคงเรียนไม่จบหรอก”  

    เด่นแกะห่อข้าวออกมาวางไว้ตรงหน้า มือที่จับช้อนของเขาสั่นพร่าด้วยแรงหิว  จนเพื่อนหัวเราะออกมา

    “หิวขนาดนี้ยังมีหน้าบอกว่าอิ่มมาแล้ว สงสัยจะอิ่มแดดเสียมากกว่า”  

      เขาไม่ได้ตอบอะไรยังคงเคี้ยวคำข้าวนั่นอย่างรู้คุณค่า

    “ถ้าอยู่ที่บ้านคงไม่อดอยากแบบนี้ อย่างน้อยข้าวในยุ้งพอมีให้กินอิ่มปี”  

    “มีข้าวกินแต่ไม่มีเงินใช้ล่ะไม่ว่า”  

    “มีหนี้ด้วยน่ะ”  

    “ใช่บ้านกันก็ติดหนี้อยู่โข นี่แม่ก็บอกว่าให้ส่งเงินไปให้ทุกเดือน”  

    “ดีนะที่เอ็งยังมีงานทำแล้ว”  

    “งานกรรมกร ไม่ได้มีเกียรติอะไรหรอก”

      “ก็ยังคงเป็นงานที่สุจริต แต่กันสิงานกรรมกรแบกหามก็ยังหาไม่ได้”  

    “โชคต้องเข้าข้างเอ็งบ้างนั่นแหละ พรุ่งนี้ยังมี อย่าท้อไปหน่อยเลย”  



    เมื่อข้าวตกถึงท้องความรู้สึกที่ล้าโรยนั่นก็หายไป  เขารู้สึกติดหนี้บุญคุณเพื่อนเหลือเกิน ได้แต่หวังว่าสักวันมีงานทำแล้วจะตอบแทนน้ำใจของเพื่อนผู้นี้   การพูดคุยเป็นไปอีกสักระยะในเรื่องสัพเพเหระ ส่วนมากจะเป็นเรื่องของอดีตที่ได้ทำร่วมกันตั้งแต่เด็ก  

    จนได้เวลานอน แต่เขายังคงไม่หลับดวงตาเหม่อมองเพดาน ด้วยความรู้สึกถึงอนาคตอันมืดมัว  มีแต่เพื่อนเท่านั้นที่หลับไปก่อน งานกรรมกรคงทำให้เขาล้าและเหนื่อย พอหัวถึงหมอนจึงหลับเป็นตาย  วิกาลผ่านไปไม่นานนัก พลันหูของเด่นก็ได้ยินเสียงบางอย่าง มันเป็นเสียงที่เขาคุ้นเคยดี  เด่นเงี่ยหูฟังและหาต้นตอของเสียงนั่น  มันอยู่ไม่ไกลเอาเสียเลย



    เขารู้สึกอยากร้องไห้ เมื่อได้ยินเสียงท้องของเพื่อนร้องขึ้นมาอีกครา  เพื่อนต่างหากที่ยังไม่ได้กินอะไรเลยในวันนี้…….

    จากคุณ : เดอะแหลม - [ 11 พ.ค. 48 18:57:09 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป