CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    ในเหงายังงดงาม...ความรัก

    ...


    “สวัสดีครับ “

    เสียงเรียกจากข้างหลังทำให้ฉันต้องหันไปมอง  แต่แล้วก็..

    “ณัฐ “

    เสียงฉันไม่เบานักหรอก  ก็ร่างสูงกับรอยยิ้มคุ้นตาของคนตรงหน้าเป็นคนที่ฉันคิดว่ากำลังอยู่อีกซีกโลกหนึ่งน่ะสิ

    “เออ ก็ฉันน่ะสิ ไม่ต้องทำหน้าแปลกใจอย่างนั้นหรอก“ เขาฉวยถาดอาหารจากมือฉันแล้วถามว่า

    “จะนั่งตรงไหนดีล่ะ “

    ฉันชี้ส่งเดชแล้วให้ณัฐเดินไปก่อน   ส่วนฉันจะไปเอาน้ำดื่มที่เครื่องทำน้ำเย็นอีกมุมของแคนทีน   ไม่ใช่อะไรหรอกนะ   แค่อยากจะตั้งตัวเสียก่อน   ฉันไม่อยากพูดคุยด้วยความตื่นเต้นหรือมือไม้สั่นอย่างนี้น่ะสิ

    “หิวมากหรือไง เห็นก้มหน้าก้มตากินเอากินเอา แกไม่ดีใจเลยหรือที่เจอฉัน “

    ฉันเงยหน้าขึ้นหน่อย  แต่สบตาณัฐไม่สนิทนัก

    “ดีใจก็ส่วนดีใจสิ หิวก็ส่วนหิว แล้วแกมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ฉันนึกว่าแกยังอยู่ที่อเมริกาเสียอีก “

    “เพิ่งจบกลับมานี่แหละ  ถึงเมืองไทยได้สองอาทิตย์กว่าล่ะมัง  ยังไม่ได้ติดต่อเพื่อนคนไหนเลยเพิ่งเจอแกเป็นคนแรก

    ส่วนฉันมาทำอะไรที่นี่... เดี๋ยวแกก็จะได้รู้เอง อ้าว!  นั่นไงมาพอดีเลย  ทางนี้จ้ะ “

    ประโยคท้ายเจ้าตัวพูดพร้อมโบกไม้โบกมือจนฉันต้องมองตาม

    ร่างโปร่งระหงที่เดินเข้ามาอยู่ในเครื่องแบบพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน  ใบหน้าแต่งไว้บางๆแต่กลับเน้นความงามที่มีอยู่ให้เพิ่มมากขึ้น  ช่วงขาเรียวยาวอยู่ในถุงน่องเนื้อบางใสและท่าเดินอย่างมั่นใจเรียกความสนใจของคนในแคนทีนได้ไม่น้อย

    “เพิร์ลจ๊ะ นี่เพื่อนของพี่ณัฐชื่อรุจนา “

    ณัฐแนะนำให้ฉันรู้จักกับสาวสวยคนนี้  และเจ้าหล่อนก็ไหว้ฉันอย่างงดงามเชียว  ลองพูดจาหวานๆด้วยขนาดนี้  ทั้งยังท่าทีเลื่อนเก้าอี้ให้อย่างเอาอกเอาใจทำให้คิดเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากน้องเพิร์ลคนนี้คือแฟนคนปัจจุบันของณัฐ

    “เพิร์ลเพิ่งเข้ามาวันแรกน่ะ ฉันเลยอาสาพามา ดีที่เจอแก เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยแนะนำ อ้อ! แล้วเพิร์ลจะทานอะไรดีจ๊ะ  พี่ณัฐไม่แน่ใจเลยยังไม่ได้ซื้อมาให้ “

    ช่างเป็นณัฐคนเดิมที่ช่างเอาอกเอาใจคนรักเป็นที่สุด

    “ไม่ค่อยอยากทานอะไรมากค่ะ เดี๋ยวเพิร์ลไปดูก่อนแล้วกันนะคะ พี่ณัฐไม่ต้องลุกหรอกค่ะอยู่คุยกับพี่รุจนาเถอะ “

    “น่ารักดีนะ สวยและน่ารักกว่าคนก่อนๆเยอะ “  ฉันพูดเบาๆหลังจากที่เพิร์ลเดินห่างออกไปแล้ว

    “แหม... มือชั้นนี้แล้ว แต่ก็ใช่อย่างที่แกว่า เพิร์ลเป็นคนน่ารัก เราเจอกันที่โน่น ตอนฉันไปถึงใหม่ๆ เขาช่วยดูแลเป็นอย่างดี เขาเรียนอยู่ที่นั่นตั้งแต่เด็กๆแล้วล่ะ และที่ยิ่งไปกว่านั้นแม่ของเราก็เป็นเพื่อนกันด้วย เราเลยมีโอกาสรู้จักกันมากขึ้น “  ณัฐเล่ายิ้มๆ

    “แล้วถ้าเพิร์ลเขาไม่สวยขนาดนี้ แกจะรู้จักเขามากขนาดนี้หรือเปล่า“  ฉันย้อนถาม

    “แกเห็นฉันเป็นคนยังไงวะ “

    “ก็เห็นอย่างที่แกเป็นไงล่ะ “  เพื่อนกันก็ทันกันสิน่า


    หลังมื้อเช้าฉันก็รีบขอตัวออกมาก่อน  ไม่อยากเห็นณัฐอี๋อ๋อกับแฟนตรงหน้า   แต่ก็ให้เบอร์โทรศัพท์ไว้


    จากวันนั้น  ฉันก็มักจะเจอณัฐทุกเช้าที่แคนทีนเมื่อเขามาส่งเพิร์ล  ท่าทางทั้งคู่มีความสุขมากจนฉันชักจะมั่นใจว่าคนนี้เป็นตัวจริง





    เมื่อจบหลักสูตรการอบรมหกเดือน  เพิร์ลก็ต้องไปบินจริงและฉันก็ไม่ได้เจอณัฐอีกเลยจนวันหนึ่งระหว่างที่กำลังเลือกซื้อหนังสือในห้างสรรพสินค้า   ส่วนหน้าของร้านเป็นกระจกทั้งหมด  ฉันจึงมองเห็นหนุ่มสาวคู่หนึ่งเดินผ่านหน้าร้าน  ฉันมองเห็นณัฐถนัดตาส่วนฝ่ายหญิงก็คงเป็นเพิร์ลนั่นล่ะ   ด้วยความที่ไม่เจอทั้งคู่มานาน  ฉันจึงรีบจ่ายเงินแล้วเดินตามไปในทันที

    “ณัฐ “

    เมื่อทั้งคู่หันมา  ฝ่ายชายนั้นใช่ณัฐแน่  ส่วนฝ่ายหญิงต่อให้ขยี้ตาสิบครั้ง  มองแล้วมองอีกก็ไม่ใช่เพิร์ลอยู่ดี

    “รุจนั่นเอง“ ท่าทางณัฐไม่ได้ตกใจเลยที่เจอฉัน ทั้งที่คนอยู่ข้างๆไม่ใช่เพิร์ล

    ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหรอกนะที่เห็นณัฐควงคนโน้นทีคนนี้ทีถ้าเขาไม่แสดงให้ฉันเห็นว่ารักและจริงจังกับเพิร์ลมากขนาดไหน  เฮ้อ! ณัฐหนอณัฐ  เวลาสองปีกว่าที่ไม่เจอกันไม่ทำให้แกเปลี่ยนไปเลยนะ

    “พี่ณัฐคะ ไปดูเสื้อตัวนั้นกันเถิดค่ะ“  

    สาวน้อยที่ยืนรออยู่ข้างๆคล้องแขนณัฐกึ่งลากให้เข้าร้านเสื้อผ้าโดยไม่ใส่ใจฉันเลยแม้แต่น้อย

    “แกไปเถิด ฉันจะกลับแล้วล่ะ“
    ฉันบอกอย่างไม่อยากให้ณัฐลำบากใจ ก่อนปลีกตัวออกมาด้วยความรู้สึกหงุดหงิด



    คืนนั้นฉันโทรไปหาณัฐ  เพราะคงไม่สบายใจถ้าไม่ได้พูดอะไรสักอย่าง

    “ณัฐ ฉันอยากเตือนแกด้วยความหวังดีนะ แกก็รู้ว่าสิ่งที่แกทำอยู่มันไม่ถูก ถ้าเพิร์ลรู้แกจะทำยังไง “

    “เพิร์ลคงไม่รู้หรอกถ้าไม่มีใครไปบอก “   เสียงย้อนตามสายอย่างไม่ทุกข์ร้อนและติดจะรวนๆจนฉันนึกโกรธ

    “ถ้าเพิร์ลรู้ก็ไม่ใช่จากฉันแน่ และถึงแม้ฉันจะรู้จักเขาไม่นาน ฉันก็พอรู้ว่าเขาไม่ใช่คนโง่ เขาเป็นคนดีมากและที่สำคัญเขารักแกนะ “

    ฉันพยายามพูดอย่างใจเย็นไม่เก็บคำพูดของณัฐมาเป็นอารมณ์

    “ฉันก็รู้ว่าเขารักฉันมาก และฉันก็รักเขามาก คนอื่นๆก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น แกไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ผู้หญิงคนนั้นก็เหมือนคนอื่นๆ   แกอย่าเก็บเรื่องอย่างนี้มาใส่ใจเลย “

    “ตามใจ ฉันเตือนแกด้วยความหวังดี ถ้าแกไม่อยากเสียใจทีหลังก็เลิกเสียทีไอ้นิสัยอย่างนี้ “

    “ขอบคุณมากนะแม่แก่ แต่คนอย่างฉันไม่มีทางพลาดแน่ เออ! แค่นี้ก่อนนะมีสายน้องฝนเข้ามา  คนนี้รายล่าสุดว่ะต้องเอาใจหน่อย “

    แล้วโดยไม่รอคำตอบเจ้าเพื่อนตัวดีก็วางสายทันที

    เฮ้อ! ฉันก็ได้แต่เตือนแกแค่นี้ล่ะ  ส่วนที่เหลือก็เป็นเรื่องของแกแล้ว





    แล้ววันหนึ่งณัฐก็ยิ้มระรื่นมาหาฉันถึงที่ทำงานโดยมีเพิร์ลตามมาด้วย  การ์ดสีชมพูถูกยื่นมาตรงหน้า  หัวใจฉันกระตุกวูบ

    “พี่รุจต้องไปให้ได้นะคะ “  เสียงหวานๆชวนฉันอย่างจริงใจ

    “ดีใจด้วยนะคะ นายด้วยนะณัฐ แล้วจะแต่งกันเมื่อไหร่ล่ะ “

    ฉันถามโดยยังไม่ได้เปิดการ์ดออกดู

    ณัฐหัวเราะถูกใจ  ส่วนเพิร์ลก็หน้าแดงเชียว

    “ถ้าแต่งเลยก็ดีสิ นี่แค่หมั้นโว้ย จองไว้ก่อน ใครจะไปรู้บนฟ้านั่นมีแต่คนหล่อๆคนหน้าตาดีทั้งนั้น “

    ดูมันพูดสิ  ยังกับตัวเองไม่เจ้าชู้เลย  นี่เพิร์ลจะรู้บ้างหรือเปล่าหนอ

    “แกต้องไปให้ได้นะ ไอ้เอกน่ะยังไงก็กลับมาไม่ทันอยู่แล้ว ฉันเลยไม่อยากให้ขาดแกอีกคน “

    เอกคือเพื่อนในกลุ่มอีกคน  ตอนนี้เรียนต่อต่างประเทศ  เราสามคนสนิทกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม

    “แล้วฉันจะไปนะ“ พูดออกไปแล้วฉันก็นึกเสียใจนิดหน่อย นี่ฉันต้องไปงานหมั้นของณัฐกับเพิร์ลจริงล่ะหรือ





    หลังงานหมั้นของณัฐไม่นาน  ฉันก็ลาออกจากงาน  ฉันรู้สึกเบื่อชีวิตในเมืองใหญ่เหลือเกิน   และพอดีกับกิจการรีสอร์ทของทางบ้านซึ่งอยู่บนเกาะแห่งหนึ่งไม่มีคนดูแล  ฉันเลยถูกขอร้องให้ไปทำหน้าที่นั้น  ช่างเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในขณะนั้น  

    ณัฐขอร้องแกมบังคับให้ฉันมาร่วมงานแต่งงานให้ได้  ซึ่งฉันก็รับปาก  ก็มันขัดไม่ได้นี่นา  ณัฐว่าจะไปเยี่ยมฉันบ้างถ้ามีเวลา  แต่คงมีหรอกนะพ่อนักรัก คิวสาวๆคงยาวเหยียดไปอีกสองปีข้างหน้าโน่นเลยกระมัง





    กิจการรีสอร์ทไปได้ดีพอสมควร  ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ  ที่มีคนไทยไม่มากนักอาจเป็นเพราะที่นี่เงียบสงบ  ชีวิตที่นี่เรียบง่ายอยู่กับธรรมชาติจริงๆ  ไม่มีทีวี  ไฟฟ้ามีใช้แค่สามทุ่มเพราะเราปั่นไฟเอง  คนที่มาคือคนที่ต้องการความสงบ  ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางธรรมชาติจริงๆ

    ชีวิตของฉันก็เป็นไปอย่างนั้น  ตื่นแต่เช้า  วิ่งออกกำลังกายริมหาดกับเจ้าโบนัสหมาอัลเซเชี่ยนตัวโตที่เป็นทั้งเพื่อนและบอดี้การ์ดได้อย่างดี   หลังอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก็แวะไปดูการจัดเตรียมอาหารมื้อเช้าสำหรับแขกและความเรียบร้อยต่างๆของรีสอร์ท  ตอนสาย  ถ้าวันไหนไม่ออกทริปดำน้ำดูปะการัง  ฉันก็ออกไปว่ายน้ำบ้าง  เกือบเที่ยงก็กลับมาดูความเรียบร้อยของรีสอร์ทอีกครั้ง  หลังมื้อกลางวันเป็นเวลาสำหรับการตรวจบัญชีและจัดเตรียมต้อนรับทัวร์คณะใหม่ที่อาจจะมีเข้ามา  สำรวจข้าวของที่จะต้องสั่งซื้อเพิ่มเติมจากฝั่งแผ่นดินใหญ่  บ่ายแก่ๆฉันอาจมีเวลาเล็กน้อยสำหรับอ่านหนังสือบ้าง  หรือไม่ก็เขียนหนังสือ  บางทีอาจนอนรับลมทะเลบนเปลญวนหน้าเรือนพัก  เวลาอาหารค่ำเป็นเวลาที่ค่อนข้างเฮฮา  ทุกคนจะมารวมกันเพื่อพูดคุยถึงความสนุกที่ได้รับช่วงกลางวัน  เรามีบาร์บีคิวปาร์ตี้บ้างเป็นครั้งคราว  ซึ่งแขกที่มาพักจะชอบมาก  กว่าจะขึ้นเรือนพักฉันก็หลับได้ในทันทีเมื่อหัวถึงหมอน  ไม่มีเวลาสำหรับเหงามากนัก!



    “คุณแจ๋มคะ มีแขกมาขอพบค่ะ “

    แม่บ้านซึ่งดูแลรีสอร์ทนี้มานานร้องเรียกอยู่หน้าเรือนพักในบ่ายวันหนึ่ง  ส่วนชื่อเรียกนั่นน่ะเป็นชื่อเล่นของฉันเอง  ไม่ค่อยมีใครเรียกหรอกนอกจากพ่อแม่กับคนเก่าแก่

    “ใครกันคะ ป้าเรี่ยมไม่ได้บอกเขาหรือคะว่าตอนนี้ห้องพักเราเต็มหมดแล้ว “

    “ บอกค่ะ  แต่เขายืนยันจะขอพบคุณแจ๋มให้ได้ “

    ใครกันนะ  มีไม่กี่คนนี่นาที่รู้ว่าฉันอยู่ที่นี่



    *************************************

    แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 48 19:12:46

    แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 48 19:10:56

    จากคุณ : Gracie Lou Freebush - [ 11 พ.ค. 48 19:43:46 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป