"หลวงจีนเฒ่า!!!!! เวลาของเจ้าแม้เหลือมิมากแล้ว แต่ก็มิเห็นต้องรีบเร่งตายไปไย!!!!" ประมุขฉิกจับอิดตวาดใส่ฝ่ายตรงข้าม
ทว่าหัวหลินไต้ซือยังคงแผ่พุ่งพลังไร้สภาพออกจากกายอย่างไม่หยุดยั้ง พลังลมปราณอันปราศจากรูปร่างแผ่พุ่งออกโดยรอบทั่วทุกตารางนิ้วประดุจดั่งปราการอันกล้าแข็งปราศจากช่องว่างรอยโหว่ให้สืบค้น หลี่เฉินเชียงพยายามเร่งเร้าพลังซัดฟาดฝ่ามือรุกเข้าใส่อย่างมิหยุดยั้ง ความต่อเนื่องของกระบวนท่ากระทั่งตัวมันเองยังแทบมิมีเวลาให้ระบายลมหายใจ อย่าว่าแต่หลวงจีนชราผู้เป็นฝ่ายตั้งรับเลย ทว่าหัวหลินไต้ซือยังคงรับมืออย่างปลอดโปร่ง ตรงกันข้ามกับหลี่เฉินเชียงที่ชิงเป็นฝ่ายรุกไล่โดยสิ้นเชิง มันพบว่าแต่ละก้าวๆ ที่มันขยับเคลื่อนเข้าหานั้นล้วนยากเย็นยิ่ง
ทันใดนั้นหลวงจีนชรา ก็เริ่มร่ายรำกระบวนฝ่ามือพิสดารออกมา บังเกิดพลังอันเพริดแพร้วพิสดารทั้งเหนี่ยวรั้ง ทั้งกระแทกกระทั้น พลังทั้งหมดกลับจู่โจมเข้าใส่เสี่ยวซา!
เด็กหนุ่มรู้สึกพลังกระแสนี้หนักหน่วงรุนแรงยิ่ง ตัวมันคล้ายร่วงหล่นลงสู่หุบเหวไร้ก้นบึ้ง ร่วงหล่นลงโดยมิมีวันจบสิ้น รอบข้างทั้งแผ่นฟ้าผืนดินล้วนดำมืดว่างเปล่า
มันแว่วเสียงแผ่วเบาดังขึ้น เสียงนี้คล้ายดังขึ้นจากภายในโสตประสาท เสี่ยวซาจงฟังเรา เป็นเสียงหลวงจีนชรา
"ถึงเวลาที่เราจำต้องละสังขารแล้ว ต่อไปหน้าที่ปกป้องเภทภัยครั้งนี้คงต้องมอบให้เจ้า หยุดสักครู่ก็พูดต่อว่า ขอเจ้าจงฟังให้ดี...."
"ไต้ซือ ท่านจะตายหรือ!!? เสี่ยวซาร่ำร้อง
เด็กน้อยเอย ใครบ้างเกิดมาแล้วไม่ตาย อาตมาเพียงละสังขารเพื่อกลับสู่สามัญสภาพเท่านั้น เสียงนั้นดังมาอีก
เด็กหนุ่มเกิดความสะทกสะท้อน น้ำตาไหลหลั่งออกมามิรู้ตัว มันครางอย่างอ่อนแอว่า ยะ... อย่าตายนะ ...ข้าพเจ้ามิมีพ่อแม่ อาจารย์ก็เสียชีวิตแล้ว หากท่านต้องตกตายไปอีกผู้หนึ่ง ข... ข้า... ข้าจะอยู่อย่างไร
สภาพของมันเวลานี้ชวนแก่การสมเพศเวทนานัก หากเสียงหัวหลินไต้ซือยังคงสงบประดุจน้ำนิ่ง "เรารู้ตัวดี เวลานี้อวัยวะภายในของเราแหลกสลายลงสิ้น ...ที่ยืนหยัดอยู่ได้ก็ด้วยอานุภาพวิชา เป็นอยู่ด้วยจิตว่าง เท่านั้น"
"แสดงว่าท่านคลี่คลายปริศนาหน้าสุดท้ายลงได้แล้ว?" เสี่ยวซาถามอย่างมีความหวังขึ้นมาบ้าง
"คลี่คลายได้แล้ว ตอนนี้เรานับเป็นบุคคลแรกที่สำเร็จวิชา 'เป็นอยู่ด้วยจิตว่าง' ซึ่งแม้แต่อาจารย์ของเราก็มิสามารถบรรลุถึงได้"
"อา! เช่นนั้นท่านน่าจะมีชีวิตต่อไป และยังอาจสยบหลี่เฉินเชียง!!!" เสี่ยวซาอุทานออกมา
หากคราวนี้บรรยากาศรอบกายกลับเงียบอยู่เนิ่นนานจนเด็กหนุ่มใจเสีย รอจนเขากระวนกระวายถึงที่สุดเสียงอันเมตตาปรานีก็ดังขึ้นอีกครั้ง
"หลี่เฉินเชียงก็เป็นเพื่อนร่วมทุกข์คนหนึ่ง เขามีปัญหาของเขาเช่นเดียวกับเจ้าหรือที่เรามี อย่าได้อาฆาตพยาบาทเขาเลยนะ" หลวงจีนชราว่า ที่จริงคนผู้นี้เป็นผู้ที่ประกอบไปด้วยสติปัญญา และไหวพริบอันยอดเยี่ยม น่าเสียดายถลำลึกในกิเลสเกินไป หากว่าเราสามารถมีชีวิตยืนยาวกว่านี้ก็คงประเสริฐ เสียดายที่ตัวเราตอนนี้มิอาจมีชีวิตได้ยาวนานเกินหนึ่งก้านธูป ...หน้าที่ที่จะช่วยเหลือเขา คงต้องปล่อยให้เจ้าเป็นผู้กระทำแทน
"ไต้ซือ ท่าน!!!" เสี่ยวซาตะโกนสุดเสียง
"ฟังเรา... เราจะชี้แนะเคล็ดวิชาแก่เจ้า อันตำราหน้าสุดท้ายที่ว่างไว้นั้น เนื่องเพราะปรมาจารย์ต้องการสื่อถึง ความว่างเปล่าที่ยังคงมีอยู่? ความว่างในทางพุทธนั้นเปรียบเสมือนดวงจิตที่ผ่องใส ปราศจากซึ่งกิเลสอันเกิดจากการเลิกยึดมั่นถือมั่นในตัวตน
ทุกเรื่องทุกราวในจักรวาลต้องประกอบด้วย เหตุการณ์ และ จิตผู้สังเกตการณ์ อยู่เสมอ จิตที่หลุดพ้นจากกิเลสทั้งมวลจึงสามารถหลอมรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียว และสามารถรับรู้ พิจารณาสรรพสิ่งทั้งมวลได้อย่างถ่องแท้ ราวกับเป็นผู้สังเกตการณ์ซึ่งเฝ้าดูจากวงนอก
แต่การที่จะเข้าถึงสถานะนั้นได้ต้องฝึกลมปราณสมาธิ เพื่อเจริญปัญญาสำหรับพิจารณาสรรพสิ่ง ...จำไว้ว่าปัญญาที่เกิดจากจิตที่มั่นคงย่อมตรวจสอบได้สิ้นทุกอย่าง
ในทางยุทธ เมื่อลมปราณหลอมรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียว บรรลุปัญญาไพศาล ย่อมใช้กระบวนท่าออกได้ทั้งท่ารับ สงบเย็น ท่ารุก สำนึกรู้เท่าทัน โดยตามใจปรารถนา และ ถูกต้องตามกาล
สภาวะเช่นนี้จึงเรียกว่า พุทธภาวะ หรือภาวะที่มีอยู่คล้ายไม่มีอยู่ ประดุจดังกระดาษไร้หมึก เราบอกเจ้าได้เพียงเท่านี้ เจ้าจะสามารถสำเร็จวิชา เป็นอยู่ด้วยจิตว่าง หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับบุญวาสนา และสติปัญญาของเจ้าเอง"
ถ้อยคำทั้งหมดผ่านเข้าสมองเสี่ยวซาโดยทางตรง หากมันฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้บ้างเพราะมัวแต่ห่วงความปลอดภัยของฝ่ายตรงข้าม
ไต้ซือ... ท่านอย่าตายเลย ข้าขอร้องละ... จะใช้ข้าทำอะไรก็ได้ ขอเพียง ขอเพียง... เด็กหนุ่มผู้มีใจบริสุทธิ์ร้องไห้เหมือนทารกผู้หัวใจแตกสลาย ...ถ้าสิ้นหัวหลินไต้ซือมันก็ไม่มีใครจริงๆ
หัวหลินไต้ซือคล้ายสัมผัสถึงอารมณ์ของลูกศิษย์ที่มิใช่ลูกศิษย์ผู้นี้ได้จึงกล่าวว่า "เสี่ยวซาเอย ตัวอาตมาบวชเรียนแต่เยาว์วัยไร้บุตร ภรรยา สำหรับอาตมาแล้วเจ้าแม้นมิใช่ศิษย์เส้าหลิน แต่ก็เป็นผู้สืบทอดยอดวิชาของสำนัก อาตมานับเจ้าเป็นบุตรชายคนหนึ่ง เจ้าจะว่าอย่างไร?" น้ำเสียงของหลวงจีนชรายิ่งมายิ่งแผ่วเบา
เสี่ยวซารับฟังจนน้ำตาไหลริน มันอดคิดมิได้ สุดท้ายกระทั่งยามใกล้มรณภาพ ไต้ซือชราผู้นี้ยังคงดีต่อมันถึงที่สุด "ข้าพเจ้าก็เคารพท่านเฉกเช่นบิดา ท่านเมตตาข้าพเจ้ายิ่งกว่าบิดาแท้ๆที่ทิ้งข้ากำพร้าเสียอีก"
ได้ยินเสียงแผ่วเบาราวเสียงกระซิบกล่าวต่อไปอีกว่า
"ลูกเอย... รับปากบิดา หลังจากที่กล่าวจบแล้วเจ้าจงชักนำทุกผู้คนจากไปเสียอย่าให้บิดาตายเปล่า เจ้าทำได้หรือไม่?"
เสี่ยวซาฟังเช่นนั้นยิ่งสะอึกสะอื้น หาได้ตอบคำ
พลันได้ยินเสียงตวาด
"ตอบเรา!!!! เจ้าทำได้หรือไม่?"
เสี่ยวซาสะดุ้งสุดตัวรีบกล่าวตอบออกไป
"ข้าพเจ้ารับคำท่าน ข้าพเจ้าไปปปปปปปปปปปปปปป..." ฉับพลันรู้สึกราวกับโดนซัดฟาดเข้าใส่หนึ่งฝ่ามือต้องกระดอนไปด้านหลังประมาณสามวา
จากนั้นรู้สึกรอบข้างสว่างไสว มันค่อยพบว่าตนเองนั่งก้นจ้ำเบ้ากับพื้น เบื้องหน้าปรากฏเป็นหลวงจีนชราในสภาพยืนตรง เหยียด แขนสองข้างกางออก จีวรของท่านลุกไหม้โชติช่วง กระทั่งหนวดเคราก็ติดไฟ
หลี่เฉินเชียงซัดฟาดฝ่ามือเข้าใส่ท่านมิหยุดยั้ง ทว่าทุกครั้งครากลับเป็นฝ่ายถดถอยไปเบื้องหลังครึ่งก้าว ระยะห่างระหว่างทั้งสองยิ่งมายิ่งยืดยาว
เสี่ยวซาแทบมิอาจละสายตาจากภาพนั้น น้ำตาของมันไหลรินท่วมท้นออกมา เด็กหนุ่มตัดสินใจสะบัดหน้ามิจ้องมองอีกต่อไป
มันต้องหลบหนี ไปให้พ้นจากที่นี่ เพื่อพ่อของมัน!!!!!!!!!
เด็กหนุ่มผุดลุกขึ้นหันหลังกลับโลดแล่นออกไป พบฮั่นตง เหวินเหม่ยชิง ฟาหลินซี และ เสี่ยวโกย นั่งสิ้นสติอยู่กลับพื้น มันตบสกัดลงบนคนทั้งสี่อย่างว่องไว ทำให้ทั้งหมดฟื้นขึ้น
"พวกเรารีบไป!" เสี่ยวซาตะโกนเสียงดัง
พวกฮั่นตงแม้รู้สึกงุนงง แต่ยังออกวิ่งติดตาม
หลี่เฉินเชียงที่ห่างออกไปเห็นเช่นนั้นก็ยิ่งมีโทสะ มันระดมซัดฟาดฝ่ามือเข้าใส่หลวงจีนชราหนักหน่วงยิ่งกว่าเดิม ทว่ามีว่ามันจะทุ่มเทพลังเท่าใดก็มิอาจฝ่ากำแพงพลังไร้สภาพของอีกฝ่ายไปได้
...ผู้ยิ่งใหญ่ของฉิกจับอิดเริ่มรู้สึกเหนื่อยล้าแล้ว
...มันคิดตัวมันยังเหนื่อยล้า เหตุใดฝ่ายตรงข้ามกลับมิมีทีท่าถดถอยแม้แต่น้อย กระทั่งทรวงอกก็มิเคลื่อนไหวขึ้นลง
ทรวงอกนิ่งสนิท!!!
ลักษณะอาการเช่นนี้มีเพียงคนตายเท่านั้น!
หัวหลินไต้ซือแห่งเส้าหลินเทียนซานมรณภาพแล้ว!!!!
หลวงจีนผู้เมตตาได้สิ้นชีพลงในท่ายืน สองมือกางอ้า
แม้นท่านมิหลงเหลือลมหายใจ แต่ยังปลดปล่อยพลังไร้สภาพกางกั้นเอาไว้!!!!!!!!
หลี่เฉินเชียงพิชิตโดยไร้ผู้ต่อต้าน ชั่วชีวิตมิมีคู่มือเปรียบติด เวลานี้คนตายผู้หนึ่งกับความมุ่งมั่นอันยิ่งยวด กลับสามารถสกัดขัดขวางเขาไว้ได้!!!!!!!!!!!!!!!!!!
แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 48 15:32:41
แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 48 15:23:47
แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 48 15:20:53
แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 48 15:19:26
จากคุณ :
ทีมแต่งนิยาย
- [
12 พ.ค. 48 15:18:43
]