กาแฟ จดหมายสีฟ้า และพระจันทร์เต็มดวง
นาฬิการูปจันทร์เสี้ยวสีเหลืองละมุนบอกเวลาสองยามเศษ... น้ำมันหอมละเหยกลิ่นลาเวนเดอร์โชยกรุ่นทั่วทั้งห้อง... โคมไฟส่องแสงสีอุ่นนวลตา.. เพลง California Dreamin ถูกเล่นซ้ำไปซ้ำมาเป็นรอบที่... นับไม่ถ้วน หากจะว่าไปแล้ว..เครื่องเสียงของเธอนั้นไม่ได้เล่นเพลงอื่นเลยต่างหาก... California Dreamin เป็นเพลงที่เธอโปรดปราน มันถูกใช้เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องหนึ่งซึ่งหลังจากที่ดูจบแล้วความเหงาจากในเรื่องก็โลดแล่นออกมานอกจอเกาะกุมหัวใจเธอเอาไว้ไม่ยอมวาง... เธอชอบหนังเรื่องนั้นเป็นชีวิตจิตใจจนในบ่อยครั้งเผลอไผลคิดไปว่าเป็นตัวเอกเรื่องราวนั้น...
บรรยากาศเชิญชวนให้ความเหงาเยี่ยมหน้ามาทักทาย นอกหน้าต่างพระจันทร์ใกล้เต็มดวงในไม่นานช้า
นับปีแล้ว...กับการสื่อสารด้วยตัวอักษรของเธอถึงเขาคนนั้น... เธอเขียนจดหมายหย่อนตู้ไปรษณีย์สีแดงถึงเขาอย่างสม่ำเสมอจนกลายเป็นความคุ้นชิน และเขากลายเป็น กล่องรับจดหมาย ไปโดยไม่ได้ตั้งใจเช่นกัน... ชายหนุ่มไม่เคยเขียนจดหมายถึงเธอโดยการหย่อนตู้ไปรษณีย์สีแดง เพราะระบบการสื่อสารที่ทันสมัย หากเมื่อใดที่เขาได้รับและอ่านจดหมายของเธอแล้ว เขาจะตอบกลับเธอมาทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์...
หญิงสาว ไม่เคยมีที่อยู่สำหรับให้ใครเขียนจดหมาย หย่อนตู้ไปรษณีย์สีแดง มาถึง...
น้อยคนนักที่จะรู้จักชื่อเสียงเรียงนามจริงของเธอ... น้อยคนอีกเช่นกันที่จะรู้ว่าเธอพำนักพักพิงอยู่ส่วนไหนของประเทศ... เธอไม่ได้ปิดบัง.. เพียงแต่เธอไม่มีความจำเป็นต้องเปิดเผย...
...เธอชอบเขา...
ชอบ... ตัวหนังสือของเขา...
ไม่ใช่ความรักในตัวคน..แต่มันเป็นการตกหลุมรักตัวหนังสือ... เปรียบไปก็คล้ายกับเด็กสาววัยกระเตาะที่คลั่งไคล้นักร้อง นักแสดงหนุ่มน้อยที่รูปร่างหน้าตาโดดเด่นกว่าผลงานนั่นเอง ต่างกันก็เพียงแต่เขาไม่ใช่นักร้องนักแสดงแต่เป็นชายหนุ่มแวดวงวรรณกรรม เดินเล่นอยู่ในบรรณพิภพกับผลงานที่แปลกในภาษา และการเล่าเรื่อง บางคนก็ชอบผลงานของเขา
บ้างก็ว่า... งานเขียนของเขาไม่ใช่วรรณกรรม
สุดแต่ใครจะมีมุมมองที่แตกต่างไป...
งานเขียนของเขาคลับคล้ายกับกาแฟคุณภาพดีคั่วบดแล้วชงด้วยน้ำที่ร้อน กลิ่นกรุ่นหอมของกาแฟยั่วยวนให้ต้องยกขึ้นจิบ...
เธอชอบกาแฟ... และเธอก็เป็นเจ้าของร้านกาแฟเล็กๆ ริมเจ้าพระยา.. ที่ที่เขามักจะพาตัวเองมาจมอยู่ในห้วงของความคำนึงและการเขียน...ที่นั่งประจำของเขาอยู่นอกชานติดแม่น้ำ... เครื่องมือในการสร้างผลงานคือคอม_พิวเตอร์โน้ตบุ้คที่เขาหอบหิ้วติดตัวมาอยู่เสมอ...
กาแฟของเธอมีชื่อเพียง กาแฟ ร้อนกับเย็น...เท่านั้นเอง เพราะเป็นกาแฟธรรมดา ไม่ได้เลิศหรูอลังการด้วยชื่อเรียกประหลาดที่ร้านกาแฟบางแห่งตั้งขึ้นมาให้โดดเด่นแต่เรียกยาก... หากแต่ความพิเศษของกาแฟร้านเธออยู่ที่วัตถุดับชั้นดีมีคุณภาพที่เธอสรรหามาจากทั่วทุกมุมโลกเพื่อคนที่รักกาแฟโดยเฉพาะ... เขาจึงมักจะได้ลิ้มลองรสชาติของกาแฟจากบราซิลบ้าง กาแฟจำปาสัก หรือบางครั้งก็เป็นอราบีก้าดอยตุง... ขึ้นอยู่กับว่า ในวันนั้น...เจ้าของร้านกาแฟตกอยู่ในห้วงใดของอารมณ์...
....เขาไม่เคยรู้จักหญิงสาวที่เขียนจดหมายหย่อนตู้ไปรษณีย์สีแดงไปถึงเขา...
เขาเคยคุ้นเพียงรสชาติกาแฟจากร้านเล็กๆ นี้เท่านั้น...
เธอลอบมองใบหน้าของชายหนุ่มคราวแรกที่เขายกถ้วยกาแฟขึ้นจิบ... เธอเพียงอยากดูสีหน้า ท่าทางและความพึงใจในรสชาติกาแฟ... บางครั้งเมื่อจิบครั้งแรก เขาเอียงคอสงสัยแล้วจิบซ้ำอีกครั้งก่อนจะหันมาปราศรัย
วันนี้เป็นกาแฟจากที่ไหน รสชาติแปลกดีนะ... ไม่ขมจัดเท่าไหร่ หรือในบางวัน...
ถ้าเดาไม่ผิด รสชาติแบบนี้ คล้ายกับเมื่อสามวันก่อน.... แต่เพิ่มนมสดใช่หรือเปล่า เธอยิ้ม... เพียงเท่านั้นแล้วเขาก็หันไปสนใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า... ความเงียบอยู่เป็นเพื่อนเราเสมอ...
มีต่อ --->
จากคุณ :
ดาริกามณี
- [
12 พ.ค. 48 18:33:44
A:202.176.103.186 X: TicketID:018136
]