ความคิดเห็นที่ 1 กระต่ายแสนกลภาค2 บทที่ 1 กระต่าย สี่ปีนับจากการพบสมบัติภายใต้พื้นไม้ในโบสถ์หลังเก่า เรื่องราวทุกอย่างปิดฉากลงด้วยการหายตัวไปอย่างลึกลับของเจ้าอาวาสวัด สมบัติทุกชิ้นถูกนำไปเก็บไว้ที่พิพิธพันธ์ เช้าวันหนึ่ง ณ วัดแห่งเดิม รถเก๋งคันหนึ่งแล่นเข้ามาที่ลานวัด แล้วจอดลงที่หน้ากุฏิเจ้าอาวาส หญิงสาวเปิดประตู และก้าวลงจากรถ เธออยู่ในชุดยีนส์กับเสื้อยืดเก่า ๆ  ในคอคล้องกล้องดิจิตอลกลางเก่ากลางใหม่ เธอเอื้อมมือไปปิดประตูรถเบาๆ แล้วเดินก้าวมั่นคงตรงไปยังกุฏิเจ้าอาวาส “เจ้าอาวาสอยู่ไหม” เธอถามคำถามกับเด็กวัดคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้ากุฏิ “อยู่ครับ ท่านบอกให้คุณไปรอที่ศาลาครับ เดี๋ยวท่านจะออกมาพบ” เด็กวัดตอบคำถามแล้วชี้มือไปยังศาลาเล็กหลังหนึ่ง ที่อยู่ห่างจากจุดที่เธอยืนไปราวยี่สิบเมตร “ขอบใจนะ” เธอพูดจบก็เดินหันหน้าไปยังศาลา สิบนาทีให้หลัง หลังจากเธอมาถึงศาลา และเริ่มลงมือถ่ายรูปไปรอบๆตัว เหมาะเจาะพอดีที่ศาลานั้นตั้งอยู่กลางวัด เธอจึงสามารถเก็บรายระเอียดทุกอย่างภายในวัดไว้ได้อย่างรวดเร็ว หญิงสาวเอี้ยวตัวกลับมา และรีบนั่งพับเพียบลงทันที เมื่อพบว่าพระรูปหนึ่งยืนสงบนิ่งอยู่หน้าศาลา ห่างจากตัวเธอไปแค่สี่ก้าว แปลกที่เธอไม่เห็นท่านก่อนหน้านี้ คงเป็นเพราะเธอกำลังง่วนอยู่กับการถ่ายรูป หญิงสาวยืนตะลึงอยู่ซักพัก แล้วลุกเข่าลงที่พื้น พร้อมกราบลงสามครั้ง “เจริญสุขเถอะโยม” หญิงสาวเงยหน้ามองพระรูปนั้น “ท่านเจ้าอาวาสหรือเปล่าคะ” พระรูปนั้นสบตาเธอแล้วพยักหน้า “อาตมาคือคนที่คุยกับโยมทางโทรศัพท์ ว่าแต่โยมจะทำธุระให้เสร็จภายในวันนี้เลยใช่ไหม” หญิงสาวลุกขึ้นยืน รักษาระยะห่างเท่าเดิม “ค่ะ คิดว่าจะทำให้เสร็จภายในวันนี้ เพราะไม่ได้จองที่พักที่ไหนไว้เลย” พระรูปนั้นพยักหน้าเบาๆอีกครั้ง “อาตมาขอดูเอกสารจากทางกรมศิลปกรก่อนได้ไหม” หญิงสาวล้วงมือเข้าใบในกระเป๋าเสื้อ แล้วล้วงกระดาษที่พับไว้ออกมา กางมันออกแล้วส่งให้เจ้าอาวาส เธอเห็นเจ้าอาวาสกวาดสายตาอ่านจดหมายฉบับนั้นอย่างรวดเร็ว แล้วยื่นคืนให้เธอ “เอาเถอะ โยมทำงานของโยมตามสบาย เดี๋ยวอาตมาจะให้เด็กวัดมาช่วย ถ้าขาดเหลืออะไร ก็บอกกับเด็ก อาตมาจะรออยู่ในกุฏิ” พูดจบเจ้าอาวาสก็หันหลังและเดินจากไป หญิงสาวมองตามภาพของเจ้าอาวาสที่ค่อยๆเคลื่อนตัวห่างออกไป เธอเคลงหัวลงเล็กน้อย ประหลาดใจที่เจ้าอาวาสดูหนุ่มหว่าที่เธอคิด แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาของเธอ เธอต้องเก็บข้อมูลที่มีทั้งหมดก่อนจะค่ำ หญิงสาวเดินออกจากศาลา จึงเห็นเด็กวัดคนเดิมค่อยๆเดินจากกุฏิมาหาหล่อน เธอหยุดยืนเพื่อรอเด็กคนนั้นเข้ามาใกล้ “จะเริ่มจากไหนก่อนดีครับ เจ้าอาวาสให้ผมเป็นคนนำทาง” หญิงสาวยิ้ม “โบสถ์” เธอพูดจบก็ออกเดินไปยังสถานที่นั้นทันที แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 48 00:02:35 แก้ไขเมื่อ 17 พ.ค. 48 22:05:55 จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 12 พ.ค. 48 23:01:10 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อ้าว  แล้วเรื่องนั้น  จบแล้วเหรอ งง!    แต่ไม่เป็นไร เรื่องนี้ ก็ชอบ  สนุกดีค่ะ จากคุณ : devilvodka - [ 13 พ.ค. 48 03:22:48 ]

ความคิดเห็นที่ 3 โบสถ์กลังเก่า ไฟล์รูปภาพ จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 13 พ.ค. 48 05:25:37 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เรื่องจริง เหรอเนี่ย!!  มีโบสถ์ มายืนยัน ด้วยอ่ะ จากคุณ : devilvodka - [ 13 พ.ค. 48 08:10:45 ]

ความคิดเห็นที่ 5 จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ เดาเรื่องไม่ค่อยออกแฮะ แฮ่ๆๆ จากคุณ : NIS (NiS*Za) - [ 13 พ.ค. 48 08:28:12 ]

ความคิดเห็นที่ 6 หญิงสาวเริ่มเดินดูไปรอบๆโบสถ์ภายนอก โดยมีเด็กวัดเดินตามอยู่ห่างๆ เธอบันทึกรายละเอียดทุกอย่างที่เห็นด้วยกล้องถ่ายรูปดิจิตอล เริ่มจากกำแพงนอกโบสถ์ ไล่มาจนถึงทางเข้า เธอสำรวจทุกซอกทุกมุมภายนอก แล้วมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าพระประทานหน้าโบสถ์ “สร้างขึ้นใหม่ใช่ไหม พระประทานองค์นี้” เธอหันไปถามเด็กวัดซึ่งยืนอยู่ด้านหลัง “ครับ” หญิงสาวยิ้มที่มุมปาก พอใจกับสมมุติฐานของตัวเอง “แล้วองค์เก่า อยู่ที่ไหนล่ะ” “ไม่ทราบครับ คงต้องเรียนถามท่านเจ้าอาวาสเองนะครับ” หญิงสาวพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินเลยพระประทาน ผ่านประตูไม้แคบๆเข้าสู่ภายในตัวโบสถ์ เธอเริ่มมองไปรอบๆเมื่อเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงกึ่งกลางของภายใน พื้นไม้ของโบสถ์ถูกทำขึ้นมาใหม่ ขัดจนเป็นมันวาว แต่ก็มีผงฝุ่นจับอยู่เป็นบ้างแห่ง พนังโบสถ์ทุกด้านไม่มีจิตรกรรมอย่างที่เธอคาด เธอจ้องมองพระประทานภายในโบสถ์ ซึ่งถูกทาสีขึ้นใหม่ “องค์นี้ของเก่าใช่ไหม” เด็กวัดซึ่งยืนอยู่ที่หน้าธรณีประตู เดินตามเธอเข้ามา “.ใช่ครับ” หญิงสาวก้มลงกราบพระประทานสามครั้ง แล้วลุกขึ้นเดินไปยังพระประทานนั้นอย่างช้าๆ “คุณจะทำอะไรครับ เจ้าอาวาสสั่งไว้ว่าห้ามแตะต้องครับ” เด็กวัดซึ่งยืนอยู่ด้านหลังเธอ วิ่งเข้ามาด้านหน้าเธอแล้วยกมือกางขวางเธอไว้อย่างรวดเร็ว “ทำไมล่ะ” “ไม่ทราบครับ เจ้าอาวาสสั่งไว้ว่าห้ามแตะต้อง ไม่ว่าใครทั้งนั้น” หญิงสาวสบตาเด็กวัดแล้วพยักหน้า “งั้นขอถ่ายรูปใกล้หน่อย เจ้าอาวาสจะว่าไหม” เด็กวัดหลีกทางให้เธอแล้วไปยืนดูเธออยู่ด้านข้างอีกครั้ง หลังจากสำรวจดูรอบๆภายในโบสถ์และถ่ายรูปเก็บไว้จนหมด หญิงสาวก็เดินมาหยุดอยู่ที่หน้าธรฯประดูโบสถ์ เธอหันหน้ามายังพระประทานภายในโบสถ์ แล้วเอียงคอไปมา ทำไมนะเธอรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง แต่ยังบอกไม่ได้ว่ามันคืออะไร มีอะไรบางอย่างผิดเพี้ยนไปจากปกติธรรมดา “จะไปดูที่ไหนต่อครับ” เสียงของเด็กวัดฉุดเธอจากพวัง “ไปที่ป่าช้าเก่า” เด็กวัดกลืนน้ำลายลงคอ แล้วหันไปสบตาหล่อน “ผมไม่ไปด้วยนะครับ ป่าช้าเก่าอยู่นอกวัดนู้น” หญิงสาวเดินออกมาจากประตูโบสถ์ “เจ้าอาวาสสั่งให้เธอมากับฉันไม่ใช่เหรอ” เธอเดินนำเด็กวัดออกไปยังสถานที่ที่เธอต้องการอีกครั้ง ไม่ได้สนใจว่าเด็กวัดจะติดตามเธอมาหรือไม่ เพราะจากข้อมูลที่ได้รู้จากทางกรมศิลปกร สิ่งปลูกสร้างเก่าแก่ที่อยู่คู่กับวัดนี้มาตั้งแต่ปลายกรุงศรีอยุธยา คือโบสถ์หลังเก่านี้ และเจดีย์ผุๆพังๆในป่าช้าหลังวัด แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 48 15:31:38 จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 13 พ.ค. 48 15:27:49 ]

ความคิดเห็นที่ 7 กรมศิลปากร จะเป็นแนวประวัติศาสตร์ไหมนะ ถ้าใช่ก็น่าสนใจ จากคุณ : scottie - [ 13 พ.ค. 48 16:35:35 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ไม่เอา ภาคแรกมาโพส  ไว้ด้วยล่ะคะ คุณส้ม  เผื่อ คนห้องนี้จะอยากอ่านนะ จากคุณ : devilvodka - [ 13 พ.ค. 48 17:09:06 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เด็กวัดคนนั้นไม่ได้เดินตามเธอมา แต่ขอตัวแยกจากเธอที่กุฏิเจ้าอาวาส หญิงสาวก้าวท้าวมั่นคงอย่างรวดเร็วไปยังจุดหมาย ราวสิบนาทีให้หลังเธอหยุดยืนอยู่ที่หน้าป่าช้าเก่าแห่งนั้น เธอมองไปรอบๆอย่างสำรวจ ดูจากสถาปัตยกรรม เจดีและสถูปต่างๆน่าจะอยู่ในสมัยอยุธยาตอนต้นมากกว่า ผิดกับสถาปัตยกรรมของตัวโบสถ์ และพระประทานซึ่งบ่งชี้ว่าน่าจะอยู่ในปลายสมัยอยุธยา เธอเก็บความสงสัยไว้แล้วเริ่มเดินสำรวจไปเรื่อยๆ พร้อมกับถ่ายรูปโดยรวมเก็บไว้ พลันสายตาเธอมาสะดุดกับเจดีย์เก่าที่ตั้งตระหง่านอยู่ลึกสุดของป่าช้า เจดีย์อันนั้นสูง และใหญ่กว่าอันอื่น แต่สภาพดูทรุดโทรมไม่แพ้กัน แต่ที่แปลกไปกว่านั้น มันน่าจะเป็นสถาปัตยกรรมในสมัยอยุธยาตอนปลาย หญิงสาวเดินเข้าไปใกล้เจดีย์ แล้วเริ่มสำรวจไปรอบๆ แล้วสายตาเธอก็จับกับภาพของปูนปั้นบนตัวเจดีย์ “ศิลปะนูนต่ำ” เธอลำพึงอยู่ในใจ “แปลกจัง ทำไมไม่เป็นรูปของเทวดา หรือพระ แต่กลับเป็นภาพของกระต่าย ” เธอเอื้อมสุดมือไปปัดฝุ่นที่ตัวกระต่ายออกแล้วคว้ากล้องถ่ายรูป ลงมือถ่ายภาพกระต่ายปูนปั้น กระต่ายตัวนั้นหันหน้ามาออกมาจากตัวเจดีย์ แม้จะบุบสลายไปบ้าง แต่ก็พอมองออกว่าคือภาพของอะไร หญิงสาวง่วนอยู่กับการสำรวจและถ่ายภาพเจดีย์ที่เหลือ จนเวลาล่วงเข้าพลบค่ำ แสงทองของยามเย็นทาบทับขอบฟ้า ลมยามเย็นพัดมาแผ่วเบา หญิงสาวปาดเหงื่อบนใบหน้าแล้วเหลือมองดูนาฬิกาข้อมือ 6.30 เธอหันหลังให้กับเจดีย์สุดท้ายที่เพิ่งสำรวจ คงได้เวลากลับแล้ว ต่อไปคือการวิเคราะห์ข้อมูลที่มีอยู่ทั้งหมด บางทีคำตอบที่เธอสงสัยอาจจะกำลังรอเธออยู่ที่ไหนซักแห่ง เธอแหงนมองท้องฟ้าแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ เวลาหนึ่งวันช่างผ่านไปไวเหลือเกิน ยังมีเรื่องมากมายที่เธอยังไม่เข้าใจ โดยเฉพาะเจ้ากระต่ายบนเจดีย์ใหญ่อันนั้น ทำไมคนสร้างถึงเจาะจงเป็นรูปกระต่าย เขาต้องการสื่อความหมายอันใด? และขณะที่เธอกำลังเดินคิดอะไรเรื่อยเปื่อย เพื่อมุ่งหน้าออกจากป่าช้า เธอก็เหลือบไปเห็นเจ้าอาวาสยืนสงบนิ่งอยู่ด้านหน้าเธอ ห่างกันไม่เกินสิบก้าว เธอเดินเข้ามาในระยะสายตาแล้วก้มลงกราบ “หนูขอลาท่านตรงนี้เลยนะคะ ขอบคุณท่านมากๆนะคะสำกรับข้อมูล” “โยมได้ข้อมูลครบแล้วก็ดี อาตมาจะได้หมดห่วง” “ห่วงเรื่องอะไรคะ” เจ้าอาวาสยิ้มให้กับหล่อน “ไม่มีอะไรหรอกโยม คนสมัยนี้เขาไม่เชื่อเรื่องนั้นกันแล้ว” หญิงสาวยิ้มที่มุมปากแล้วพยักหน้าลงช้า “ท่านหมายถึง ผีเหรอคะ” แก้ไขเมื่อ 14 พ.ค. 48 03:56:24 จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 14 พ.ค. 48 03:54:59 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ตามอ่านอยู่เรื่อยๆ นะคะ จากคุณ : devilvodka - [ 14 พ.ค. 48 07:04:50 ]

ความคิดเห็นที่ 11 วันนี้จะไปดูหนังนะว๊อดก้า จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 14 พ.ค. 48 17:20:25 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เรื่องอะไรอ่ะ อยากไปดู เหมือนกัน ไม่ได้ ดูหนังโรงมานานมากๆ เนื่องจาก ที่ญี่ปุ่น ไม่มีเพื่อนไปดูด้วย จากคุณ : devilvodka - [ 14 พ.ค. 48 23:05:57 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เจ้าอาวาสไม่ได้ตอบคำถาม ได้แต่ยืนก้มหน้าแล้วส่ายหัวไปมาช้าๆ “แล้วแต่โยมจะคิด อาตมาแค่มาเตือนมาเย็นมากแล้ว โยมควรจะกลับได้แล้ว” “ค่ะ กำลังจะกลับอยู่พอดี” เจ้าอาวาสหันหลังให้เธอแล้วเดินจาดไป หญิงสาวเดินตามมาห่างๆจึงถึงรถของตัวเอง เธอยืนมองเจ้าอาวาสเดินเข้ากุฏิไป เธอขับรถออกจากวัดในอีกสิบนาทีต่อมา ความอยากรู้อยากเห็นทำให้เธอวกรถมาจอดข้างๆกำแพงของโบสถ์หลังเก่า เธอก้าวลงจากรถอย่างเงียบเชียบ มองซ้ายมองขวาไม่เห็นสิ่งผิดปกติ หญิงสาวก้าวเดินอย่างรวดเร็วผ่านกำแพงประตูโบสถ์ เข้ามาหยุดยืนหน้าตัวโบสถ์ ประตูโบสถ์ถูกคล้องด้วยโซ่เส้นใหญ่ และล็อคติดกันไว้ด้วยกุญแจอีกหนึ่งดอก หญิงสาวเดินเลี่ยงมาทางหน้าต่างของโบสถ์ ลองใช้มือผลักบานหน้าต่างให้เปิดออก แต่ไม่เป็นผล หน้าต่างนั้นถูกลงดานไว้อย่างแน่นหนา เธอยืนครันคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเดินอ้อมไปทางประตูหลังของโบสถ์ ประตูไม่เก่าคร่ำครึ ไม่มีกุญแจคล้องอยู่  เธอลองผลักที่ประตูเบาๆด้วยมือข้างหนึ่ง เสียงประตูไม้ค่อยเปิดออกอย่างช้าๆ หญิงสาวแอบดีใจ คงมีใครลืมลั่นดานประตู จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 17 พ.ค. 48 02:00:00 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เด่วงานเสร็จจะรีบมาปั่นนะครับ กพลังจะเข้าเรื่องแล้ว หุๆๆ จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 17 พ.ค. 48 02:06:53 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เธอหันมองไปรอบๆอย่างระวังตัว แล้วค่อยๆเดินย่องผ่านประตูที่เปิดออกเข้าไปในตัวโบสถ์ เมื่อผ่านเข้ามาแล้วเธอหันกลับไปปิดประตูลงเบาๆ เมื่อประตูปิดสนิท ภายในโบสถ์จึงมีแต่ความมืด หญิงสาวหลับตาลงเพื่อให้สายตาชินกับแสงอันน้อยนิดภายในนั้น เมื่อเธอลืมตาขึ้นอีกครั้งจึงพบว่าตัวเองยืนอยู่ด้านหลังของพระประธาน ห่างจากฐานพระเพียงสามก้าว เธอยกมือไหว้พระประทาน แล้วเดินเข้ายังฐานพระประทาน พระปูนปั้นซึ่งคงถูกทาสีขึ้นใหม่ เธอเอื้อมมือไปแตะที่องค์พระเบาๆแล้วปัดฝุ่นบางๆที่ฐานพระออกอย่างช้าๆ พลันเธอรู้สึกถึงสายลมเย็นเยียบที่พัดผ่านมาปะทะหลังเธอ หญิงสาวชะงักแล้วหันกลับไปทันที เธอเห็นบานประตูค่อยๆเลื่อนออกจากกันอย่างช้าๆ เธอตะลึงงันกับสิ่งที่กำลังประสบ จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 17 พ.ค. 48 05:49:13 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ยังไม่นอนอีกแฮะ จากคุณ : devilvodka - [ 17 พ.ค. 48 05:57:22 ]

ความคิดเห็นที่ 17 แสงสลัวยามเย็นค่อยๆสาดส่องเข้ามา หญิงสาวยกมือขึ้นขยี้ตาเพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่เธอเห็นไม่ใช่ภาพหลอน ภาพของชายสองคนในเครื่องแต่งกายแบบนักรบโบราณ ยืนกำดาบแน่นอยู่ทั้งสองมือ คนหนึ่งเนื้อตัวและใบหน้าสีแดงก่ำราวกับถูกทาด้วยสีเลือด ส่วนอีกคนก็คล้ายกันเพียงแต่เป็นสีดำแทน เธอแอบกลืนน้ำลายแล้วก้าวถอยหลังจนแผ่นหลังมาแนบติดอยู่กับฐานพระ ชายทั้งสองคนก้าวเข้ามาหาเธออย่างช้าๆ เธอแอบสวดมนต์อยู่ในใจ แล้วแนบตัวติดอยู่กับฐานพระนั้น พลันภาพชายทั้งสองที่เธอเห็นก็หายวับไปต่อหน้า และพร้อมกันหญิงสาวรับรู้ถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับแผ่นหลังเธอ เธอหันตัวกลับมาที่องค์พระประทานอีกครั้ง จึงเห็นฐานขององค์พระเลื่อนออกไปจากพื้นของตัวโบสถ์ เธอมองไปที่องค์พระ และมองกลับไปที่พื้นโบสถ์ แล้วหันหลังไปที่ประตูโบสถ์อีกครั้งอย่างรวดเร็ว เธอลอบอุทานอยู่ในใจเมื่อเห็นว่าประตูโบสถ์ทั้งสองบานยังคงปิดอยู่เช่นเดิม สภาพมันไม่ต่างจากที่เธอปิดมันไว้แต่แรก หญิงสาวคุกเข่าลงกับพื้น แล้วสูดลมหายใจยาวๆหนึ่งครั้ง จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 17 พ.ค. 48 06:11:08 ]

ความคิดเห็นที่ 18 รออ่านอยู่นะคะ มาเร็วๆ จากคุณ : น้องหนูแบรนด์เนม - [ 17 พ.ค. 48 09:20:24 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ไปไหนมาคุณส้มรอตั้งนาน นึกว่าจะไม่ได้เรื่องที่คุณส้มเขียนอีก จากคุณ : mrpc999 - [ 17 พ.ค. 48 12:41:50 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ดึกๆนะ แดดยังออกเขียนไม่ออก จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 17 พ.ค. 48 14:04:56 ]

ความคิดเห็นที่ 21 กำ กะจะแอบอ่านที่ทำงานสักกะหน่อย แก้ง่วง คุณส้มนะ ทำกันได้ จากคุณ : น้องหนูแบรนด์เนม - [ 17 พ.ค. 48 15:03:49 A:unknown X:203.130.144.55 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ลืมบอกไปว่ามีเรื่องก่อนหน้านี้ด้วย ตามลิงค์ครับ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K3463036/K3463036.html จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 17 พ.ค. 48 15:16:54 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ดึกๆ นี่กี่โมงอ่ะคะ คุณส้ม  ถ้า ตีห้า จะได้ นอน ก่อน จากคุณ : devilvodka - [ 17 พ.ค. 48 15:26:42 ]

ความคิดเห็นที่ 24 หญิงสาวคุกเข่าลงกับพื้น แล้วสูดลมหายใจยาวๆหนึ่งครั้ง แล้วผ่อนลมหายใจออกมาอย่างช้าๆ พยายามหาตรรกะมาอธิบายเหตุการณ์ที่เพิ่งประสบ “ภาพหลอนจากความเครียด” เสียงจากมโนสำนึกพูดดังก้องอยู่ในโสตประสาท เธอบอกกับตัวเองอย่างนั้นแล้วลุกขึ้นยืน หันกลับมายังองค์พระประทาน พระประทานคงถูกแรงของเธอผลักให้เลื่อนออกไป เธอประมาณกำลังของเธอ และน้ำหนักขององค์พระจากสายตา “มันไม่น่าจะเลื่อนออกไปได้” เธออุทานออกมาเบาๆ แล้วเดินเข้าไปหาองค์พระอีกครั้งอย่างช้าๆ ทันทีที่เท้าของเธอสัมผัสกับพื้นของโบสถ์ เธอรับรู้ถึงความผิดปกติบางอย่างอีกครั้ง พื้นไม้ใต้องค์พระที่เพิ่งจะถูกเปิดออก  มีบางส่วนไม่รวมเป็นเนื้อเดียวกับพื้นไม้รอบๆฐานพระ เธอก้มลงและปัดฝุ่นที่พื้นไม้ออกอย่างช้าๆ พื้นไม้ใต้ฐานพระถูกทำขึ้นมาใหม่ “ทำไม” เธอตั้งคำถามกับตัวเองอยู่ในใจ แล้วใช้สันมือเคาะเบาๆที่พื้นไม้อันผิดสังเกต และกลับมาเคาะอีกทีที่พื้นไม้ปกติ “เสียงดังต่างกัน เสียงหนึ่งกลวง เสียงหนึ่งตัน” เธอลุกขึ้นยืนแล้วเอียงคอไปมาช้าๆ หญิงสาวเดินอ้อมไปด้านองค์พระประทาน และพยายามผลักมันกลับองค์พระให้มาอยู่ในที่เดิม แต่ไม่เป็นผล แรงทั้งหมดที่เธอมีไม่ทำให้องค์พระประทานขยับแม้แต่น้อย เธอหอบด้วยความเหนื่อย เหงื่อเม็ดเล็กๆผุดขึ้นบนใบหน้า “นี่มันอะไรกัน ทำไมตอนที่เธอผลักจากด้านหลังมันกลับเลื่อนออกอย่างง่ายดาย” เธอเดินอ้อมมาที่พื้นโบสถ์ด้านหลังองค์พระ แล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ และขณะที่เธอหันรีหันขวางอยู่นั้น เท้าข้างหนึ่งของเธอก็ไม่สะดุดกับบางสิ่งบางอย่างบนพื้นโบสถ์ เธอก้มมองที่เท้าตัวเอง  เห็นแผ่นไม้กระดานอันหนึ่งง้างออก หญิงสาวก้มลงมองพื้นกระดานจึงเห็นว่าตะปูที่ตอกไว้คลายตัวออก พื้นไม้จึงกระดกขึ้นตามแรงบีบ “ตะปู” จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 17 พ.ค. 48 23:11:52 ]

ความคิดเห็นที่ 25 คืนนี้ต่อไม่ไหวแล้วนะ ผมเมา จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 18 พ.ค. 48 03:16:41 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เมาตลอด!! ระวังอ้วนลงพุงล่ะ จากคุณ : devilvodka - [ 18 พ.ค. 48 06:59:28 ]

ความคิดเห็นที่ 27 มาลงชื่อรอคับ จากคุณ : zzz - [ 18 พ.ค. 48 11:12:59 A:203.155.7.117 X:203.155.142.132 ]

ความคิดเห็นที่ 28 นั่นแสดงว่าพื้นไม้นี้ถูกทำขึ้นมาใหม่ แต่ทำไมจึงเจาะจงทำเฉพาะส่วนแคบๆใต้ฐานพระ แล้วใครคือคนทำ หรือเจ้าอาวาสยังปิดบังเรื่องบางอย่างกับเธอ เมื่อความอยากรู้อยากเห็นเอาชนะความกลัวได้อย่างเบ็ดเสร็จ หญิงสาวล้วงลงในกระเป๋ากางเกง เธอล้วงพวงกุญแจออกจากระเป๋า เลือกเอาดอกที่ใหญ่ที่สุด ใช้มันง้างตัวปูที่ลอยอยู่ออกจากแผ่นไม้ เมื่อตะปูหลุดออกจากไม้กระดาน เธอจึงเห็นว่าไม้กระดานที่เห็นไม่ใช้ไม่แท้ เป็นเพียงแผ่นไม้อัดแบบหนาพิเศษ ลงลวดลายให้คล้ายกับไม้แท้ เธออมยิ้มแล้วใช้มือถึงไม้กระดานที่เพยอขึ้นออกจากพื้นโบสถ์ ไม้กระดานหักและเปิดออกด้วยแรงของเธอ เผยให้เห็นรูกลวงภายใต้พื้น เธอไม่อาจข่มความอยากรู้อยากเห็นที่เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวได้อีกต่อไป แต่ถ้าเธอจะเปิดแผ่นไม้ที่เหลือ คงต้องใช้เครื่องมือมากกว่านี้ ส่วนอีกปัญหาหนึ่งคือแสงสว่างยามเย็นใกล้หมดลงไปทุกที เธอหันซ้ายหันขวาไปรอบๆ แล้วก็เหลือบไปเห็นเชิงเทียนที่อยู่ข้างองค์พระประทาน หญิงสาวอมยิ้มแล้วเดินไปยังจุดหมาย มองไปรอบๆเชิงเทียนเพื่อหาสิ่งที่ใช้จุดไฟ ไม่นานเธอก็เห็นกล่องไม้ขีดเล็กๆวางอยู่ใกล้ๆเชิงเทียน เธอจุดเทียนแล้วดึงมันออกจากฐานเชิง จากนั้นเดินกลับไปด้านหลังองค์พระ เธอปักเทียนลงกับพื้นโบสถ์ แล้วใช้เชิงเทียนง้างไม้กระดานส่วนที่เหลือออกจากกัน ไม่นานนักเธอไม้กระดานสองแผ่นก็ถูกง้างออก แต่เชิงเทียนในมือเธอก็ปิดเบี้ยวไม่ได้รูป หญิงสาววางเชิงเทียนลงกับพื้น แล้วคว้าเทียนมาไว้ในมือ ยกมันขึ้นเหนือโพลงใต้พื้นโบสถ์ “บันใด” มีบันใดไม้เก่าๆอยู่ภายใต้พื้น อาจจะเป็นห้องใต้ดิน เธอลุกขึ้นยืนแล้วเดินกลับไปด้านข้างองค์พระประทาน คว้าเทียนแท่งที่มีอยู่ทั้งหมด และไม้ขีดยัดใส่กระเป๋ากางเกง แล้วเดินกลับมายังช่องลับใต้พื้นโบสถ์ ช่องว่างที่มีขนาดขว้างเพียงสามศอกกับบันใดที่ทอดยาวลงพื้นโบสถ์เบื้องล่าง เธอชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วแทรกตัวลงผ่านช่องว่างนั้น ใช้ท้าวแตะที่บันใดไม้เบื้องล่างเบาๆ เมื่อหยั่งน้ำหนักลงบันใดเบื้องล่างอย่างมั่นคงได้แล้ว เธอก็ก้าวลงบันใดนั้นไปอีกขั้นอย่างช้าๆ จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 18 พ.ค. 48 17:07:01 ]

ความคิดเห็นที่ 29 แสงเทียนส่องสว่างได้ไม่ไกล เธอจึงทำไก้เพียงก้าวลงบันใดไปอย่างระมัดระวัง บันใดนั้นทอดยาวดิ่งลงไปเรื่อยๆ ในที่สุดเธอก็เท้าของเธอก็สัมผัสกับพื้นด้านล่าง เธอยืนมั่นคงอยู่บนพื้น แล้วส่องแสงเทียนไปรอบๆตัว พลันได้ยินเสียงครืนดังขึ้นเหนือหัว เธอแหงนหน้าขึ้น ผงฝุ่นจากข้างบนทางเข้าหล่นล่วงมาหาเธอ “แย่แล้ว” เธออุทานอยู่ในใจ แล้วรีบก้าวขึ้นบันใดไปยังบันใดที่เพิ่งลงมา “ฐานพระเลื่อนกลับเข้ามาปิดที่เดิม” หญิงสาวอุทานอยู่ในใจแล้วปักเทียนลงบันใดขั้นบนสุด เธอพยายามผลักฐานพระออกจากด้านล่าง แต่ไม่เป็นผล องค์พระไม่มีท่าทีเขยื้อนแม้แต่น้อย ความตระหนกบังเกิดขึ้นในใจจนไม่อาจควบคุม เธอทุบตีอยู่ที่ใต้ฐานพระราวกับคนบ้าคลั่ง เหงื่อกาฬพาลไหลทะลักออกมาท่วมตัว เมื่อรู้ว่าหมดปัญญาจะเลื่อนมั่นออก เธอจึงนั่งลงที่ขั้นบันใด จ้องมองลงไปยังความมืดมิดด้านล่าง ไม่มีทางย้อนกลับ มีแต่ต้องเดินหน้าลูกเดียว   เธอรวบรวมสติกลับมาอีกครั้ง ถือเทียนในมือซ้ายแล้วเดินลงมายังพื้นด้านล่าง จากนั้นจึงควักเทียนส่วนที่เหลือออกมาจากในกระเป๋า ต่อไฟจากเทียนเล่มเดิม เธอปักเทียนเล่มแรกลงที่ขั้นบันใดสุดท้าย จากนั้นเดินก้าวไปข้างหน้าช้าๆ ตามพื้นปูนด้านหน้า เมื่อเดินมาไกลจากเทียนเล่มแรกราว แปดก้าว เธอก็ก้มลงใช้มือปักฝุ่นที่พื้น จากนั้นจึงปักเทียนเล่มที่สองลงที่พื้น เธอเริ่มเดินสำรวจแบบนั้นไปเรื่อยๆ โดยใช้เทียนปักไปตามจุดต่างๆของห้อง ครั้นเมื่อแสงเทียนส่องสว่างไปทั่วบริเวณ เธอจึงรู้ว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ห้องขนาดใหญ่ ในสี่ทิศมีประตูไม้อยู่ทิศละหนึ่งบาน บนพื้นที่เธอเหยียบมีฝุ่นจับอยู่หนาเตอะ “ใครนะที่ทำห้องลับใต้ดินไว้ แล้วจะทำไว้ทำไม” เธอลำพึงอยู่ในใจ แล้วเดินถือเทียนเล่มหนึ่ง เดินไปหยุดอยู่ที่ประตูด้านทิศตะวันออก ปะตูไม้เก่าๆ สภาพผุพังจนไม่อาจปิดล็อคได้ เธอผลักบานประตูนั้นออกเบาๆ เมือประตูเปิดออกเธอยื่นมือที่ถือเทียนไปด้านหน้า  มองตามแสงเทียนไปช้าๆอย่างสำรวจ หญิงสาวผงะถอยหลังมาทันที เทียนในมือหล่นลงที่พื้นและดับลง เธอรีบหวานหาเทียนที่อยู่ใกล้ กำแน่นอยู่ในมือ แล้วชูไปด้านหน้า “เธอไม่ได้ตาฝาด ชายสองคนที่เธอพบที่ด้านหลังประตูโบสถ์ยืนอยู่ด้านในห้อง” หญิงสาวตัวสั่นไปด้วยความกลัว เธอพยายามสูดลมหายใจเข้าออกช้าๆ แล้วยันตัวขึ้นจากพื้น จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 18 พ.ค. 48 22:13:55 ]

ความคิดเห็นที่ 30 โอ๊ย  ตื่นเต้นๆ   ต่อเลยๆ จากคุณ : devilvodka - [ 18 พ.ค. 48 22:43:04 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ใจร่มๆหน่อยนะ ขอไปหาไรกินแปปนึง จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 18 พ.ค. 48 23:32:54 ]

ความคิดเห็นที่ 32 สนุกจังต่อเร็วๆนะคะ จากคุณ : kai_o - [ 18 พ.ค. 48 23:35:22 A:158.108.209.53 X: ]

ความคิดเห็นที่ 33 “จะทำยังไงต่อไปล่ะทีนี้” เธอลำพึงกับตัวเอง พยายามสั่งให้ส่วนต่างๆของร่างกายหยุดสั่น แต่ยิ่งควบคุม ขาของเธอยิ่งสั่นขึ้นกว่าเก่า “ไม่มีทางย้อนกลับ บางทีทางออกอาจจะอยู่ในห้องนั้น” คิดได้ดังนั้นเธอรวบรวมความกล้าที่มีอยู่ สืบเท้าไปข้างหน้าจนถึงบานประตู แล้วผลักมันออกเบาๆ เมื่อประตูเปิดออก หญิงสาวรีบหลับตาลงทันที “มันเป็นภาพหลอน มันไม่มีอยู่จริงๆ” เธอพยายามท่องมันอยู่ในใจ แล้วลืมตาขึ้นช้าๆอีกครั้ง ภาพที่เธอเห็นไม่ได้แปรเปลี่ยนไปแม้แต่น้อย ชายในชุดโบราณยังยืนอยู่ในที่เดิม สองมือกำดาบที่สนิมเกาะเกรอะกรังไว้แน่น เพียงแต่ดวงตาทั้งสองข้างไม่มีวี่แววของการคงอยู่ ไม่มีท่าทีขยับเขยื้อนใดๆ “ศพ” ความคิดวูบหนึ่งแล่นเข้ามาในสมอง “ไม่ใช่ซิ มันมี่ต่างหาก เพราะดูจากสภาพของชุดที่สวมใส่ ทั้งสองต้องมีชีวิตอยู่ในราวปลายสมัยอยุธยา” เมื่อสมองกลับมาทำงานตามหน้าที่ ความกลัวที่พุ่งพล่านจึงค่อยๆลดลง หญิงสาวมองสำรวจไปทั่วตัวของศพทั้งสอง คนหนึ่งผิวกายทั่วทั้งตัวคล้ายกับถูกย้อมด้วยสีแดง และสีดำ แม้ผิวหนังจะเหี่ยวแห้งจนติดอยู่กับกระดูก แต่มือทั้งสองข้างของสองคนกลับยังกำดาบอยู่แน่น “ถ้าทั้งสองเป็นศพที่ถูกทิ้งไว้ แน่นอนร่างกายย่อมผุพังไปตามกาลเวลา มันเหมือนทั้งสองจงใจที่จะยืนอยู่ตรงนี้ ราวกับยามหน้าประตู เพื่อเป็นมัมมี่” เธอสำรวจไปเรื่อยๆจนพบว่าบนลำตัวของศพทั้งสองมีผ้ายันต์สีแดงติดอยู่ มันถูกตอกติดอยู่กับตัวศพด้วยหมุดเหล็กขนาดใหญ่ หญิงสาวสืบเท้ามาด้านหน้าอีกหนึ่งครั้งจนมาหยุดยืนอยู่ด้านหน้าตัวศพ เธอยื่นมือไปช้าๆจนสัมผัสผ้ายันต์บนหน้าอกของศพ แล้วใช้มือลูบตัวผ้าและหมุดที่ปักอยู่เบาๆ “หมุดและผ้ายันต์นี้เป็นของใหม่ ตัวหมุดทำด้วยเหล็กยังมันวาวอยู่ ส่วนตัวผ้าเป็นผ้าใยสังเคราะห์” เธอลำพึงอยู่ในใจแล้วก้าวถอยหลังกลับมาที่หน้าประตู เอียงคอไปมาแล้วพิศดูศพทั้งสองอีกอย่างช้าๆ “หรือว่าเคยมีใครเข้ามาในนี้แล้ว ใช่ซิต้องมีคนเคยเข้ามา เพราะไม้ที่ปิดทางเข้าใต้ฐานพระก็ถูกทำขึ้นมาใหม่” เธอเก็บความสงสัยไว้ เพราะสิ่งที่สำคัญกว่าในตอนนี้คือหาทางออกจากที่นี่ให้ได้ เธอชูเทียนขึ้นเหนือหัวเพื่อให้มองเห็นส่วนอื่นๆของห้อง ด้านหลังของศพทั้งสองเป็นห้องแคบๆกว้างยาวไม่เกินสี่เมตร บนพื้นห้องมีหีบไม้เก่าๆวางอยู่ระเกะระกะ เธอมองผ่านหีบเหล่านั้นไปยังส่วนอื่นๆของห้องเพื่อหาประตู หรือสัญลักษณ์อะไรบางอย่าง แต่ไม่พบสิ่งใด” หญิงสาวตัดสินใจเดินผ่านศพทั้งสองที่ขวางทางอยู่เข้าไปในตัวห้อง จนมาหยุดยืนที่หน้าหีบไม้ใบหนึ่ง แล้วย่อตัวลงด้านหน้าหีบ ใช้มือลูบฝุ่นที่จับอยู่บนฝาหีบออกเบาๆ แล้วบรรจงปักเทียนลงบนนั้น แก้ไขเมื่อ 19 พ.ค. 48 00:56:42 จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 18 พ.ค. 48 23:50:01 ]

ความคิดเห็นที่ 34 กรรม เจ้าว๊อดก้าไปตามเพื่อนมาเหรอเนีย ดึกป่านนี้ไม่กลับไม่นอน หาวๆๆๆ ไปหาเบียร์ป๋องนะ จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 18 พ.ค. 48 23:50:58 ]

ความคิดเห็นที่ 35 มาไวจัง ^-^ แหมเรื่องดีๆ+สนุก ตื่นเต้า ฯลฯ แบบนี้ไม่ต้องตามก็มาอ่านอยู่แล้วละคะ^.^ (อะดึกจริงด้วยงั้นไปนอนก่อนละกัน ขอบคุณนะคะดีใจจังได้อ่านต่อ แลวมาต่ออีกนะคะ) จากคุณ : kai_o - [ 19 พ.ค. 48 00:40:49 A:158.108.209.53 X: ]

ความคิดเห็นที่ 36 ไปนอนแล้วนะ พรุ่งนี้จะมาเขียนต่อครับ จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 19 พ.ค. 48 03:54:13 ]

ความคิดเห็นที่ 37 มาต่อเร็วๆ เลยนะ  ติดกระทู้อีกแระ จากคุณ : devilvodka - [ 19 พ.ค. 48 06:36:12 ]

ความคิดเห็นที่ 38 วันนี้ มารอ แต่ ค่ำๆ จะมาเมือ่ไรล่ะเนี่ย จากคุณ : devilvodka - [ 19 พ.ค. 48 21:00:40 ]

ความคิดเห็นที่ 39 แสงเทียนบนฝาหีบสิ่งแสงสลัวๆไปทั่วห้อง  เธอจ้องมองหีบใบนั้นอยู่ซักพักอย่างสำรวจ   “หีบเคยถูกเปิดออกแล้ว ไม่ว่าจะเคยมีอะไรอยู่ข้างใน” เธอลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปยังหีบอีกใบที่วางอยู่ข้างๆ ก้มลงเปิดฝาหีบออกอย่างช้าๆ เป็นอย่างที่เธอคิด หีบใบนั้นมีเพียงความว่างเปล่าอยู่ภายใน เธอมองไปกุญแจเก่าๆที่ตกอยู่บนพื้น สนิมเกาะอยู่ที่ตัวกุญแจ สายคล้องหักออกจากกันด้วยแรงกระแทก เธอเดินไปรอบๆห้อง และเริ่มเปิดหีบใบอื่นๆ ไม่ว่ามันเคยใส่อะไรไว้  มันจะต้องเป็นของล้ำค่า นั่นแสดงว่าห้องลับใต้ดินถูกสร้างขึ้นเพื่อเก็บสมบัติเหล่านี้ เธอกลับมายืนหน้าหีบที่เทียนปักอยู่ หยิบเทียนขึ้นจากฝาหีบ แล้วหันหลังเดินกลับไปหน้าประตูทางเข้า เหลียวมองศพทั้งสองที่ปากทาง แล้วก้มหน้าเดินออกประตูไป เธอกลับมาอยู่ในห้องโถงใหญ่อีกครั้ง  หลังเตรียมใจที่จะพบกับสิ่งที่อยู่ด้านหลังประตูแล้ว เธอก็เดินมาหยุดอยู่ที่ประตูไม้ด้านทิศใต้ เธอหยุดยืนอยู่ด้านหน้าประตู แล้วใช้มือผลักประตูให้เปิดออกอย่างช้าๆ จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 19 พ.ค. 48 22:18:53 ]

ความคิดเห็นที่ 40 แปปนะครับ จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 19 พ.ค. 48 22:19:17 ]

ความคิดเห็นที่ 41 เธอกลั้นใจส่องแสงเทียนในมือไปด้านหน้าเมื่อประตูเปิดออก ห้องเล็กที่ซ้อนอยู่ด้านหลังประตูมีขนาดเท่าๆกับห้องที่เก็บหีบที่เพิ่งออกมา เพียงแต่ภายในห้องแทบไม่ได้เก็บสิ่งใดไว้เลย มีเพียงเครื่องปั้นดินเผาที่วางอยู่ระเกะระกะ หญิงสาวเดินเข้าไปในห้องและเริ่มสำรวจไปรอบๆ เมื่อเดินผ่านสิ่งของชิ้นใดเธอก็จะหยิบขึ้นมาดู และวางลงมันกลับที่เดิม เครื่องไม้เครื่องมือทั้งหมดเป็นของสมัยอยุธยา แต่เธอยังบอกไม่ได้ว่ามันอยู่ในช่วงใดของสมัยนั้น เธอถอนหายใจเบาๆแล้วเดินกลับมายังทางเข้า ยังเหลือประตูอีกสองบาน บางทีทางออกคงอยู่ในส่วนใดส่วนหนึ่งของสองห้องที่เหลือ เธอปิดประตูแล้วเดินมาออกมาที่ห้องใหญ่ แล้วก้าวเท้าช้าๆไปที่หน้าประตูด้านทิศใต้  เธอเปิดบานประตูไม้แล้วก้าวเดินผ่านประตูเข้า เธอสิ่งไปรอบๆห้อง  เธอเห็นเงาของสิ่งของอยู่บนพื้นจึงเดินเข้าไปหาวัตถุนั้น “อาจเป็นเครื่องปั้นดินเผา หรือเครื่องมือเครื่องใช้คล้ายกับห้องที่ผ่านมา” เธอลำพึงอยู่ในใจแล้วย่อตัวลงที่พื้น เธอส่องไฟไปด้านหน้าเพื่อให้เห็นวัตถุนั้นช้าๆ หญิงสาวผงะล้มไปด้านหลังทันทีเมื่อรู้ว่าวัตถุนั้นคืออะไร “กระดูก” เธออุทานเสียงดังเมื่อรู้ว่าสิ่งที่มือเธอสัมผัสอยู่คือส่วนหนึ่งของซี่โครงมนุษย์ หญิงสาวถลันตัวขึ้นยืน เทียนในมือหล่นและดับลงที่พื้นห้อง เธอวิ่งไร้ทิศทางไปในความมืด และกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว “พลั๊ก” เธอวิ่งมาชนกำแพงภายในห้องอย่างจัง  ร่างของเธอร่วงลงกับพื้นแล้วสิ้นสติไปในความมืดนั้น แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 48 05:18:31 แก้ไขเมื่อ 19 พ.ค. 48 23:53:03 จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 19 พ.ค. 48 23:08:39 ]

ความคิดเห็นที่ 42 บทที่สอง โจรล่าสมบัติ ราวหนึ่งปีก่อนหน้านี้ ในคืนเดือนมืด ที่ข้างกำแพงโบสถ์ ชายสี่คนซุ่มเงียบอยู่ในเงามืด ไม่มีใครขยับเขยื้อนร่างกายหรือส่งเสียงพูดคุย มีเพียงเสียงหายใจแผ่วเบาเล็ดลอดออกมา ชายผู้เป็นหัวหน้าแหงนมองท้องฟ้าอยู่เป็นพักๆ แล้วให้สัญญาณเคลื่อนตัว เมื่อเห็นสัญญาณทั้งสี่คนเคลื่อนตัวไปข้างกำแพงโบสถ์อย่างช้าๆ โดยมีผู้เป็นหัวหน้าเดินนำไป ชายคนที่สองสะพายกระเป๋าย่าม คนที่สามแบกเครื่องไม้เครื่องมือที่ใช้โจรกรรม ส่วนคนที่สี่หิ้วกระเป๋าเปล่าขนาดใหญ่สองใบ ทั้งสี่เคลื่อนตัวมาหยุดที่หลังประตูโบสถ์ จุดมุ่งหมายของพวกเขาในคืนนี้คือการขุดเจดีย์ที่ด้านหลังโบสถ์ บางทีมันอาจจะมีสมบัติ หรือของมีค่าซ่อนอยู่เช่นเดียวกับใต้พื้นโบสถ์ แผนการต่างๆได้ถูกเตรียมการไว้ล่วงหน้าเกือบสองเดือน เมื่อทั้งสี่ปีนข้ามกำแพงโบสถ์มาหยุดยืนอยู่ด้านข้างเจดีย์ทั้งสององค์หลังโบสถ์ ต่างคนก็ต่างแยกย้ายทำงานตามหน้าที่ทันที จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 19 พ.ค. 48 23:52:29 ]

ความคิดเห็นที่ 43 เด่วมาต่อนะครับ ถ้าง่วงไปนอนก่อนเลยครับ ป๋มต้องส่งงานพรุ่งนี้เช้า คืนนี้คงไม่นอน จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 20 พ.ค. 48 00:37:45 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ชายผู้เป็นหัวหน้าเดินวนไปรอบๆตัวเจดีย์ อีกสามคนที่เหลือช่วยกันใช้แชลง แงะและทุบก้อนอิฐที่ฐานเจดีย์ออกอย่างรวดเร็ว ด้วยความชำนาญเพียงยี่สิบนาทีฐานของเจดีย์ก็ถูกเปิดออกเป็นโพลงขนากคนลอดเข้าไปได้ ส่วนก้อนอิฐที่ถูกรื้อ และทุบออกมาถูกนำมาวางกองไว้ข้างๆอย่างเป็นระเบียบ เมื่อรู้ว่าแผนการขั้นเป็นไปได้ด้วยดี  การดำเนินการขั้นต่อไปจึงเริ่มขึ้นแบบไม่รั้งรอ ชายคนที่สามซึ่งเป็นคนรูปร่างเล็กที่สุดในกลุ่ม ควักผ้ายันต์สีแดงสดออกจากกระเป๋า แล้วร่ายคาถา จากนั้นนำมันไปพาดไว้บนฐานของเจดีย์ เมื่อพิธีการเสร็จเรียบร้อย เขาก็มุดตัวเข้าสู่โพลงแคบๆได้ฐาน ชายคนที่สามหายเงียบเข้าไปในเจดีย์ราวสิบนาที ก็คลานออกมาจากโพลง เขาส่ายหน้าช้าๆ แล้วลุกขึ้นยืนปัดฝุ่นตามเนื้อตัว ชายคนที่สี่ซึ่งรูปร่างสูงใหญ่ที่สุดในกลุ่ม หันไปมองทางหัวหน้าแล้วถามขึ้นเบาๆ “เอาไงต่อครับ” หัวหน้าโจรซึ่งดูมีอาวุโสที่สุดในกลุ่ม ยกมือขึ้นเกาคางช้าๆ แล้วแหงนหน้าขึ้นมองดวงดาวบนท้องฟ้า “เรายังพอมีเวลา คืนนี้ดวงดาวเป็นใจ เถ้ามันมีสมบัติซ่อนอยู่อีก พวกเราจะต้องเจอแน่ๆ แต่ตอนนี้ปิดโพลงนั่นก่อน” เมื่อหัวหน้าพูดแบบนี้ ลูกน้องทุกคนจึงได้แต่พยักหน้าและทำถาม ชายคนที่สี่และคนที่สามเริ่มลงมือปิดโพลงกลับเข้าไปอย่างช้าๆและชำนาญ ส่วนชายคนที่สามเดินเข้ามาหยุดยืนที่ข้างหัวหน้าโจร “ลองเข้าไปดูในตัวโบสถ์ไหม” ชายคนที่สามพูดขึ้นเชิงปรึกษา “กรูก็คิดอย่างนั้น มรึงตามกรูมา ทิ้งไอ้สองคนไว้ตรงนี้” ชายคนที่สามพยักหน้าและเดินตามหัวหน้าโรไปหยุดยืนอยู่ที่ประตูหลังของตัวโบสถ์ ทันใดนั้นเกิดลมแรงพัดมาวูบหนึ่ง ปะทะกับร่างของทั้งสองทางด้านหลัง ทั้งสองคนหันหลังกลับไปทันที แม้จะตกใจกับภาพที่เห็น แต่ทั้งคู่ก็เรียกสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว ประสบการณ์ในการเป็นโจรสั่งสมมาแสนนาน พวกเขาพอรู้ว่าต้องเจอเรื่องแบบนี้เข้า ชายผู้เป็นหัวหน้าก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว ส่วนชายคนที่สามยังยืนอยู่ที่เดิม “เอามัน” ชายผู้เป็นหัวหน้าพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ชายคนที่สองและคนที่สามได้ยินเสียงหัวหน้าสั่งการ จึงพละจากเจดีย์ มาสมทบกับหัวหน้าโจรที่ด้านหลังประตูโบสถ์ “เกิดไรขึ้น” ชายคนที่สี่ถามขึ้นด้วยท่าทีหวาดระแวง หัวหน้าโจรชี้นิ้วไปด้านหน้าตัวเองแทนคำตอบ ชายคนที่สองและคนที่สามหันไปในทิศนั้นทันที พวกเขาเห็นชายสองคนในชุดนักรบโบราณ มือทั้งสองกำดาบแน่น หน้าอกเปลือยเปล่า คนหนึ่งเนื้อตัวสีแดงก่ำ ส่วนอีกคนสีดำคลับ พวกมันยืนห่างจากพวกเขาไปราวสี่ก้าว “ผี” ชายคนที่สองและคนที่สี่อุทานขึ้นพร้อมกันด้วยความตกใจ จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 20 พ.ค. 48 04:12:35 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ชายคนที่สองและคนที่สี่อุทานขึ้นพร้อมกันด้วยความตกใจ สิ้นเสียงอุทานของทั้งสองคน ชายคนที่สามก็ล้วงมือเข้าไปในย่าม ล้วงเอากริชเล่มเล็กออกมาจากในนั้น แล้วสืบเท้าไปด้านหน้าหนึ่งก้าว “เข้ามาเลย กรูพร้อมแล้ว” ชายคนที่สามพูดขึ้นแล้วชี้กริชในมือไปด้านหน้า หลับตาลงและเริ่มบริกรรมคาถา ผีทั้งสองตนยกดาบในมอขึ้นในท่าพร้อมสู้ แล้วเดินก้าวเข้ามาหาชายคนที่สาม เมื่อได้ระยะของดาบ ทั้งสองตนก็เงื้อมดาบในมือขึ้นจนสุด พร้อมที่จะฟาดใส่ผู้บุกรุกยามราตรี ชายคนที่สามลืมตาขึ้นเผชิญกับผีทั้งสองตนทันที เมื่อท่องคาถาจบลง เขาเห็นดาบในมือของผีทั้งสองตนกำลังฟาดเข้าใส่ร่างตัวเอง ชายคนที่สามอมยิ้มแล้วยกกริชในมือขึ้นเหนือหัว ดาบแหวกผ่านอากาศ และผำลังจะผ่าลงสู่ร่างของชายคนที่สาม ฉับพลันบังเกิดแสงสว่างจ้าขึ้นที่ปลายกริช แล้วภาพของผีทั้งสองตนก็พลันหายวับไปกับแสงสว่างนั้น ชายคนที่สามยังยืนอยู่ที่เดิม เขาค่อยๆใส่กริชกลับลงไปในยาม แล้วหันกลับมามองพักพวกช้าๆ “มันจะมาอีกไหม” ชายคนที่สี่ถามขึ้น “ไม่รู้ แต่มันมาก็ไม่ต้องกลัวมัน พวกมรึงเอามีผ้ายันต์ที่กรูให้ไว้แล้วนี่หว่า” ชายคนที่สองและคนที่สี่พยักหน้าช้าๆ ส่วนชายที่เป็นหัวหน้าหันหลังกลับไปที่ประตูโบสถ์ “ในเมื่อมียาม ก็ต้องมีสมบัติ พวกมรึงตามกรูมา อยู่ใกล้กันเอาไว้ อย่าสติแตก” จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 20 พ.ค. 48 05:05:53 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ว่าจะอยู่เป็นเพื่อน คนเขียน  ดันเผลอหลับไปซะได้  สนุกดีค่ะ รออ่านอยู่ นะคะ จากคุณ : devilvodka - [ 20 พ.ค. 48 06:24:42 ]

ความคิดเห็นที่ 47 หัวหน้าโจรเดินนำลูกน้องทั้งสองคนมาที่ประตูหลังของโบสถ์ เขาสะเดาะกุญแจที่คล้องออกอย่างชำนาญ จากนั้นเปิดประตูโบสถ์แล้วก้าวเข้าไปข้างใน หัวหน้าโจรสั่งงานลูกน้องต่อทันที เป้าหมายในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว เพราะผีสองตนนั้นปรากฏกายราวกับยามเฝ้าสมบัติ เมื่อรู้ว่าเขาจะเข้าสู่ภายในโบสถ์ ฉะนั้นมันจะต้องมีสิ่งมีค่าอยู่ภายในตัวโบสถ์นี้อย่างแน่นอน ราวสิบนทีให้หลังชายสี่คนและเครื่องมืองัดแงะครบครันก็ยืนอยู่ด้านหลังพระประทานในตัวโบสถ์ แต่ละคนถือไฟฉายกระบอกเล็กๆอยู่ในมือ เมื่อเห็นทุกคนพร้อมแล้วหัวหน้าโจรก็ให้สัญญาณมือ จากนั้นทุกคนก็ออกเดินสำรวจไปรอบๆภายในของตัวโบสถ์ทันที ราวสิบนาทีให้หลังทุกคนกลับมายืนรวมกันด้านหน้าองค์พระประทานภายในโบสถ์ หัวหน้าโจรยืนสงบนิ่งอย่างใช้ความคิดอยู่ท่ามกลางลูกน้องสามคน  เขาเหม่อมององค์พระประทานขนาใหญ่ภายในตัวโบสถ์ “ลองขยับองค์พระดู” เขาเอ่ยขึ้นในที่สุด สิ้นเสียงคำสั่งชายสามคนก็เดินตรงไปยังฐานของพระประทาน ทั้งสามคนช่วยกันผลักพระประทานให้เลื่อนออกจากด้านหน้าของฐาน แต่ไม่เป็นผล ประประทานไม่มีท่าทางเลื่อนแม้แต่น้อย เมื่อรู้ว่าสู้น้ำหนักองค์พระไม่ไหว ชายทั้งสามจึงหันกลับมามองหัวหน้าโจร หัวหน้าโจรยืนยิ้มกริ่ม “พวกมรึงว่าแปลกไหม แรงของสามคนผลักฐานพระออกไม่ได้ แค่เขยื้อนสักนิดยังไม่มี” “หมายความว่ายังไง กรูไม่เข้าใจ” ชายคนที่สี่พูดขึ้นอย่างมีอารมณ์ หัวหน้าโจรยังยืนอมยิ้ม “กรูไม่ได้หมายความว่าพวกมรึง แรงไม่ถึง” หัวหน้าโจรพูดจบก็เดินเลี่ยงชายคนที่สี่ไปหยุดยืนอยู่ด้านข้างองค์พระประทาน เขาใช้สันมือไล่เคาะที่ฐานพระ วนไปรอบๆ จนมาหยุดยืนอยู่ที่ด้านหลังของฐาน เขาอมยิ้มอีกครั้ง แล้วลองใช้มือผลักที่ฐานพระด้านหลังเบาๆ จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 20 พ.ค. 48 19:41:37 ]

ความคิดเห็นที่ 48 เอาอีกอ่ะ อ่านไม่จุใจเลยยย จากคุณ : devilvodka - [ 21 พ.ค. 48 00:42:02 ]

ความคิดเห็นที่ 49 คืนนี้ขอตัวนะครับ พรุ่งนี้จะรีบตื่นมาต่อให้ จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 21 พ.ค. 48 02:38:01 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ง่า รออ่านอยู่นะงับ รีบมาเร็วๆๆๆๆ นะก๊ะ จากคุณ : น้องหนูแบรนด์เนม - [ 21 พ.ค. 48 18:26:14 ]

ความคิดเห็นที่ 51 บังเกิดเสียงดังครืน พร้อมกันกับที่องค์พระประทานเลื่อนออกไปด้านข้างอย่างช้าๆ ลูกน้องโจรรีบวิ่งมาสมทบกับหัวหน้าโจร “เจอแล้วใช่ไหม” ชายคนที่สี่ถามขึ้น ท่าทางร้อนรน หัวหน้าโจรก้มมองที่พื้นใต้ฐานพระ แล้วรำพึงขึ้นเบาๆ “กรูคิดว่านี่คือทางเข้า แต่กรูไม่แน่ใจว่าข้างล่างคืออะไร” ราวสามสิบนาทีให้หลังหัวหน้าโจรและชายคนที่สามก็เดินผ่านช่องลับลงไปยังห้องใต้ดิน ทิ้งชายคนที่สี่และคนที่สามยืนเฝ้าอยู่ด้านหลังองค์พระประทาน ทันทีที่หัวหน้าโจรและชายคนที่สามเหยียบถึงพื้นดิน พระประทานก็เลื่อนกลับเข้ามาที่เดิม ทั้งสองตกใจแต่ยังมีสติ ด้วยได้นัดแนะกับลูกน้องสองคนข้างบนไว้แล้ว หัวหน้าโจรและชายคนยืนรออยู่ที่พื้นด้านล่างซักพัก ฐานพระประทานก็เปิดขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับเสียงเคาะที่กระบอกไฟฉายเบาๆสามครั้ง หัวหน้าโจรตอบกลับลูกน้องด้วยสัญญาณเคาะที่ไฟฉายเบาๆสองครั้งติดกัน การสำรวจเริ่มขึ้นอย่างช้าๆไปรอบๆพื้นทีละก้าว จากห้องใหญ่ ไล่เรียงไปแต่ละห้องเล็กทั้งสี่ทิศ สองชั่วโมงผ่านไปพร้อมกับการสำรวจสิ้นสุดลง หัวหน้าโจรและชายคนที่สาม เดินกลับขึ้นไปสมทบกับชายอีกสองคนด้านบน “เป็นไง เจออะไรไหม” ชายคนที่สี่ถามขึ้นเมื่อหัวหน้าโจรกลับขึ้นมายืนข้างๆ หัวหน้าโจรพยักหน้าช้าๆ “พระพุทธรูปทองคำ” ชายคนที่สี่และคนที่สองตาลุกวาว “จะขนเลยไหม” ชายคนที่สองถามขึ้นทันที หัวหน้าโจรหันกลับไปมองชายคนที่สาม “ยังเอาออกมาไม่ได้ มีผีเฝ้าอยู่ ก็สองตัวที่เจอหลังโบสถ์ เราต้องจัดการกลับมันก่อน” ชายคนที่สามพยักหน้าลงอย่างช้าๆ “มันไม่เหมือนกับที่กรูเคยเจอ   ศพมันทั้งสองยังอยู่ในห้องเก็บสมบัติด้านล่าง กรูสะกดมันไว้ด้วยยันต์  แต่กรูยังไม่มั่นใจว่าจะเอาพวกนั้นอยู่หรือไม่” “สะกดมันไว้แล้ว แล้วยังต้องกลัวอะไรอีก” ชายคนที่สี่ถามขึ้นท่าทางร้อนรน “ต้องทำพิธีอีกครั้งในคืนวันเพ็ญ เดือนยี่ กรูถึงจะมั่นใจ ยันต์นั้นแค่สะกดมันไว้ชั่วคราวเท่านั้น” ชายคนที่สามตอบขึ้นแล้วหันไปสบตาชายคนที่สองและคนที่สี่ “แล้วพระทองคำด้านล่างล่ะ จะมั่นใจได้ยังไงว่าใครจะไม่มาขนมันไปก่อนเรา” ชายคนที่สองหันไปถามหัวหน้าโจร “เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง พวกกรูซ่อนเอาไว้แล้วในที่ที่คนธรรมดาไม่มีวันมองเห็น ในที่เดิมของมัน” ชายคนที่สามพยักหน้าลงช้าๆ “ตอนนี้ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น กรูรับรองว่าไม่มีใครเอามันไปได้ ถ้ากรูไม่อยู่ด้วย” ชายคนที่สี่นิ่งเงียบไป เขานับนิ้วไปมาแล้วหันไปทางหัวหน้าโจร “วันเพ็ญเดือนยี่ มันอีกเกือบปีเลยนะ” หัวหน้าโจรพยักหน้าช้าๆ แล้วเดินเลี่ยงออกไปด้านหน้าพระประทาน “กรูรู้ว่ามันนาน แต่ถ้าไม่มั่นใจอย่าเอาตัวไปเสี่ยง พวกมรึงทำงานกับกรูมานาน มีครั้งไหนไหมที่กรูพาพวกมรึงเข้าตาจน” ชายคนที่สี่หลบตาหัวหน้าโจร แล้วเดินเลี่ยงไป “แล้วเอาไงต่อล่ะ เราจะมั่นใจได้ยังไงว่าจะไม่มีคนมาเจอห้องลับนี้” ชายคนที่สองถามขึ้น “ปิดมันซะ แล้วกรูจะเฝ้าดูมันเอง” หญิงสาวสลึมสลือตื่นขึ้นมากลางดึกในห้องลับที่มืดสนิท เธอยกมือกำหัวที่บวมปูด แล้วยันกายลุกขึ้นยืน หันหลังพิงกำแพง ควานหาเทียนในกระเป๋า เธอสูดลมหายใจลึกๆสองสามครั้งแล้วใช้ไม้ขีดขุดเทียนขั้นอีกครั้ง ห้องทั้งห้องกลับมาส่องสว่างอยู่ใต้แสงเทียนอีกครั้ง คราวนี้เธอเพ่งมองผ่านแสงสลัวๆไปรอบๆห้อง แม้จะตระหนกกับภาพที่เห็น แต่เธอก็พยายามควบคุมสติอย่างเต็มที่ ภาพของโครงกระดูกและหัวกะโหลกที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นทั่วห้อง นับจากจำนวนหัวกะโหลกได้สี่ชิ้น นั่นหมายความว่าเคยมีคนเข้ามาในนี้อย่างน้อย สามคน และพวกเขาไม่ได้กลับออกไป หญิงสาวก้าวช้าไปรอบๆเพื่อสำรวจเสื้อผ้าที่ห่อหุ้มโครงกระดูกอยู่ เป็นอย่างที่เธอคาด เสื้อผ้าที่ศพสวมใส่เป็นผ้าใยสังเคราะห์ และที่ทำให้เธอประหลาดใจอย่างที่สุด โครงกระดูกอันหนึ่งสวมใส่จีวรพระอยู่ด้วย เธอเดินวนไปรอบๆห้องเพื่อสำรวจโครงกระดูกทั้งหมด รู้สึกประหลาดใจที่ส่วนของหัวกะโหลก อยู่ไกลกับส่วนตัวมาก “พวกเขาเป็นอะไรตาย” เธอถามตัวเองแล้วแอบกลืนน้ำลาย “หรือว่าพวกเขาตายเพราะไม่ได้ออกไปจากห้องลับนี้” เธอเดินกลับมาหยุดยืนที่ประตูหน้าห้อง พยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้เท้าตัวเองเหยียบกับส่วนต่างๆของโครงกระดูกบนพื้น ยังเหลือห้องด้านทิศเหนือที่เธอยังไม่ได้เข้าไป แต่ความหวังที่จะหาทางกลับออกไปดูจะเลือนรางเต็มที หรือบางที่เธออาจจะต้องรอคนมาขยับฐานพระอีกครั้ง แล้วของในหีบล่ะ มันหายไปไหน แล้วใครกันที่เคยเข้ามาที่นี่ มีคนรู้เรื่องห้องลับนี้อีกกี่คน ความคิดของเธอวกวนปนเป แต่ไม่มีคำตอบให้กับคำถามที่เกิดขึ้น เธอเดินผ่านประตูห้องเล็กกลับมายังห้องโถงใหญ่ ซึ่งตอนนี้แสงเทียนบนพื้นมอดดับหมดแล้ว หญิงสาวก้าวช้าๆผ่านแสงสวัวไปหยุดยืนอยู่ที่ประตูเล็กด้านทิศเหนือ เธอพลักบานประตูออก แล้วก้าวเท้าไปด้านหน้า ภายในห้องเล็กด้านทิศเหนือมีตู้ไม้เก่าๆวางอยู่ติดกับฝาห้องหนึ่งใบ เธอมองผ่านแสงเทียนไปรอบๆห้อง ไม่พบความผิดปกติอื่นใด จึงก้าวเดินช้าๆไปที่ตู้ไม้สองใบนั้น ตู้ไม้ที่สูงท่วมหัวเธอ ความกว้างไม่เกินหนึ่งเมตร เธอใช้มือปัดฝุ่นที่จับอยู่ด้านหน้าของตู้ แล้วเอื้อมมือเปิดประตูตู้ออกช้าๆ เมื่อบานประตูถูกเปิดออก เธอมองผ่านแสงเทียนเข้าไปภายในตู้ ที่บรรจุกองหนังสือใบลาน วางซ้อนกันอยู่อย่างเป็นระเบียบ เธอปัดฝุ่นที่อยู่บนหนังสือใบลานแล้วหยิบมันออกมาหนึ่งพับ แม้เธอจะไม่เก่งเรื่องภาษาบาลีเท่าไหร่ เธอก็พอมองออกว่าสิ่งนั้นคือ พระไตรปิฎก เธออ่านออกเสียงข้อความภายในนั้นไปอย่างช้าๆ แล้วพับมันเข้าที่ วางกลับเข้าไปภายในตู้ หญิงสาวมองเข้าไปภายในตู้อีกครั้งอย่างสำรวจ พลันเธอก็เหลือบไปเห็นพับหนึ่งของหนังสือใบลานที่ทาสีดำสนิท วางอยู่ด้านบนสุดของกองหนังสือใบลาน แปลกแยกจากพับอื่นอย่างชัดเจน จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 23 พ.ค. 48 06:06:19 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ขอโทษครับ หลับเป็นตายมาตั้งแต่วันศุกร์แล้ว จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 23 พ.ค. 48 06:07:15 ]

ความคิดเห็นที่ 53 กำลังหนุกเลยย   มาต่อ เร็วๆ นะคะ จากคุณ : devilvodka - [ 23 พ.ค. 48 07:07:06 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ตามมาคับ เห็นหายไปนาน นึกว่าไปไหนซะแล้ว ดีนะเนี่ย ที่search หา........ จากคุณ : นธี - [ 23 พ.ค. 48 10:15:41 ]

ความคิดเห็นที่ 55 โห....คุณแกงส้มเช้ง แอบมาเขียนที่ห้องสมุดนั้นเอง มิน่า ถึงหาไม่เจอ ถ้าคุณdevilvodkaไม่ส่งข่าว เราคงอดอ่านแน่ๆเลย จากคุณ : HaMishNaRuk - [ 23 พ.ค. 48 17:55:10 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ขอบคุณ devilvodka ที่ส่งข่าว ไม่งั้นหาไม่เจอแน่ๆ เลย กำลังมันส์เลย มาต่อเร็วๆ น้า จากคุณ : เหลียนปอ - [ 23 พ.ค. 48 18:15:48 ]

ความคิดเห็นที่ 57 เธอเอื้อมมือไปคว้าหนังสือใบลานพับนั้นออกมา จึงรู้ว่ามันทำจากเยื้อของไม้ ไม่ใช่จากใบลาน เธอพลิกซ้ายพลิกขวาแล้วเปิดหนังสือพับนั้นออก ตัวหนังสือสีขาวตัดกับพื้นสีกำสนิท แม้บางคำจะดูเลอะเลือนไปตามกาลเวลา แต่ดูลักษณะของอักษรที่ใช้แสดงว่าคนเขียนอยู่ในปลายสมัยอยุธยา และที่สำคัญข้อความไม่ใช่เนื้อเรื่องของพระไตรปิฎก หญิงสาวอ่านผ่านๆในหน้าแรก แล้วเปิดหน้าอื่นๆตามมา สุดท้ายเธอกางกระดาษแผ่นนั้นออกจนหมด กระดาษที่พับเมื่อถูกคลี่ออก ความยาวของมันยาวจนจรดพื้น หญิงสาวถือมันไว้อย่างมันคงด้วยมือข้างหนึ่ง ยืดมันไปจนสุดแขน แล้วใช้มืออีกข้างหนึ่ง หยิบกล้องถ่ายรูปที่คอ แล้วบรรจงถ่ายภาพของหนังสือพับนั้น หลังจากถ่ายภาพ และอ่านมันจนละเอียดแล้ว เธอจึงปิดตู้พระไตรปิฎกแล้วเดินออกจากห้องเล็ก   “ทั้งหมดเป็นความบังเอิญอย่างนั้นหรือ เรื่องแบบนี้มันยังมีอยู่ในปัจจุบัน เธอเองก็ไม่อยากจะเชื่อ แต่สิ่งที่เธอเพิ่งได้อ่าน และได้เห็น มันชี้ชัดลงไปเป็นอย่างเดียว ผี สมบัติ และสมบัติที่แท้จริง” เธอเก็บความสงสัยไว้ แล้วออกเดินตรงไปยังประตูห้องด้านทิศตะวันออก เข้าสู่ห้องเล็กที่มีศพของชายสองคนและหีบวางอยู่ เมื่อเดินเลยเข้ามาในห้อง และมองไปรอบๆแล้ว เธอก็เลือกฝาหับอันเดิมเป็นที่ปักเทียน จากนั้นจึงเดินย่างสามขุมมาหยุดอยู่ที่หน้าศพของชายทั้งสอง หญิงสาวคุกเข่าลงกับพื้นหน้าศพทั้งสอง และพนมมือไหว้ “ฉันเป็นนักโบราณคดีของกรมศิลปกร ฉันพลัดหลงเข้ามาในนี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ฉันไม่มีความประสงค์อยากจะได้สมบัติ หรือของมีค่า ฉันเป็นเพียงนักสำรวจ ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าคุณทั้งสองคือใคร และมีหน้าที่อะไร ฉันเพียงมาขออนุญาตที่จะล่วงล้ำเข้าสู่ห้องเก็บสมบัติที่แท้จริง เอาล่ะถ้าเธอทั้งสองไม่ขัดข้อง ก็จงอย่าปรากฏกายให้ฉันเห็นอีกเลย นะ นายมั่น นายยืน” พูดจบเธอก็กราบลงหนึ่งครั้งที่ศพทั้งสอง จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 23 พ.ค. 48 20:11:45 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ผมไปเขียนบอกแล้วนะว่าจะย้ายมาห้องสมุดครับ ยังไงก็ขอบคุณนะครับที่ตามมา ขอไปซดเบียร์ป๋องน้า เด่วมาต่อ จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 23 พ.ค. 48 20:13:01 ]

ความคิดเห็นที่ 59 พูดจบเธอก็กราบลงหนึ่งครั้งที่ศพทั้งสอง เมื่อลุกขึ้นยืนแล้วมองไปรอบๆแล้วยังไม่เห็นสิ่งผิดปกติ หญิงสาวจังหันหลังเดินเข้าไปหากำแพงห้องด้านในสุด เธอไม่ได้หันกลับไปมองเลยว่ามีบางสิ่งเกิดขึ้นกับศพทั้งสอง หมุดเหล็กที่ปักอยู่บนตัวศพค่อยๆลอยขึ้น แล้วหลุดออก ไม่ช้าผ้ายันต์บนตัวศพก็ร่วงลงสู่พื้น หญิงสาวปัดฝุ่นที่กลางพนังออกโดยรอบ อีกมือหนึ่งควานหาสิ่งที่ต้องการ ไม่นานเธอก็สะดุดกับรูปนูนต่ำบนกำแพง เธอปัดฝุ่นออกช้าๆจนรูปที่พนังปรากฏชัดขึ้น “กระต่าย” เธออุทานออกมาเบาๆ แล้วใช่ผ่ามือทาบลงที่ตัวกระต่าย แล้วออกแรงกดเบาๆ ตัวกระต่ายยุบหายเข้าไปในกำแพง พลันเกิดเสียงดังครืนๆ ดังก้องอยู่ทั่วห้อง หญิงสาวถอยหลังกลับมาหนึ่งก้าว  รอจนกลไกทำงานของมันจบ เธอหันมองไปรอบๆจึงเห็นว่ากำแพงด้านทิศเหนือ มีส่วนหนึ่งกลายเป็นช่องสี่เหลี่ยมขนาดเท่าประตู “ทุกอย่างเป็นไปตามที่เขียนไว้ในบันทึกนั้น ห้องเก็บสมบัตินี้เป็นเพียงกลลวง ยังมีห้องอีกห้องหนึ่งซ่อนอยู่ในนี้ ห้องที่เก็บสมบัติล้ำค่าที่แท้จริง” เธอก้าวช้าๆไปตามพื้นห้อง แวะหยิบเทียนบนฝาหีบ แล้วเดินก้าวมั่นคงไปหยุดอยู่หน้าช่องลับที่เพิ่งถูกเปิดขึ้นใหม่ จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 23 พ.ค. 48 21:53:41 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ต่อเลยๆๆ   คืนนี้  จะรออ่าน  ค่ะ จากคุณ : devilvodka - [ 23 พ.ค. 48 22:29:41 ]

ความคิดเห็นที่ 61 มาลงชื่อด้วยคน ตาม คนข้างบนมา ชอบคุณมากค่ะ ที่บอกเรา จากคุณ : หนูหมีน้อย - [ 24 พ.ค. 48 00:38:24 ]

ความคิดเห็นที่ 62 รอ รอ รอ จากคุณ : HaMishNaRuk - [ 24 พ.ค. 48 13:06:07 ]

ความคิดเห็นที่ 63 เธอยกเทียนชูไปด้านหน้า สายตาเพ่งผ่านแสงสลัวๆของเทียนเล่มน้อย เพื่อสำรวจสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าเธอไม่ได้หันกลับมามอง หรือตั้งใจฟังเสียงของกลไกพับพนังกำแพงกลับเข้าที่ เสียงหนึ่งคือเสียงของฝาพนังที่เลื่อนปิด อีกเสียงหนึ่งคือเสียงที่ฐานของพระประทานด้านบนเปิดออกอีกครั้ง ในขณะเดียวกัน คืนที่กลุ่มโจรเฝ้ารอก็มาถึง คืนนี้ในวันเพ็ญเดือนยี่ ชายสามคนยืนอยู่ที่ด้านกลังองค์พระประทานภายใจโบสถ์ คนรูปร่างเล็กสวมชุดขาวทั้งชุดอยู่ในวัยกลางคน  ส่วนอีกสองคนอายุน้อยกว่า แต่ร่างกายกำยำ สองคนนั้นถือกระเป๋าใบใหญ่คนละใบ “รอหัวหน้าไหมพี่” ชายคนหนึ่งถามคนสวมชุดขาว “ไม่ต้องรอ เด่วมันตามาเอง ตอนนี้พวกเองไปกับข้าคน ส่วนอีกคนเฝ้าทางเข้าไว้” ชายคนสวมชุดขาวพูดจบก็ผลักเบาๆที่ฐานด้านหลังพระประทาน ทันทีฐานพระเลื่อนออก พวกเขาก็เห็นสิ่งผิดปกติบนพื้น พื้นที่พวกเขาตอกปิดช่องลับไว้ถูกเปิดออก ชายทั้งสามยืนนิ่งงันเมื่อเห็นความผิดปกติที่พื้น “มีคนเข้าไป” สามคนเอ่ยขึ้นพร้อมกันแล้วหันมองกันไปมา ชายชุดขาวนั่งขุกเข่าลงที่พื้นหน้าช่องลับแล้วเอ่ยขึ้นเบาๆ “ไปตามหัวหน้ามา ส่วนอีกคนตามกรูลงไปข้างล่าง ดูจากร่องรอย มันเพิ่งถูกงัดในวันนี้ บางทีวันนี้เราอาจเจอโจรอีกกลุ่ม” ชายคนที่สามพูดจบก็เคลื่อนตัวผ่านช่องลับลงข้างล่าง ตามติดด้วยชายอีกคนที่คว้าปืนมากำไว้ในมือ แล้วพาตัวลงช่องลับตามชายคนสวมชุดขาวลงไปทันที จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 24 พ.ค. 48 18:45:51 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ก้าวแรกที่เธอเดินเข้ามาในห้อง  บังเกิดลมแรงพัดมาประทะใบหน้าเธอ จนเทียนในมือดับวูบลง เธอชะงักและถอยกลับเมื่อคิดว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในความมืด ทันใดนั้นเบื้องหน้าเธอก็บังเกิดแสงสว่างขึ้น หญิงสาวถอยกรูดไปจนติดอยู่กับพนังกำแพง ห้องทั้งห้องสว่างจ้าจนเธอต้องรีบปรับสายตา เมื่อปรับสายตาได้เธอจึงเริ่มเห็นภาพทุกอย่างภายในห้องอีกครั้ง เธอยังยืนอยู่ที่เดิม แต่สายตาสำรวจไปรอบๆห้อง จึงเห็นว่าที่มาของแสงว่างนั้น มาจากก้อนฟอสฟอรัสนับร้อยนับพัน ที่วางเรียงรายอยู่ตามพนังห้อง กลางห้องมีศพของชายคนหนึ่งยืนขวางอยู่ด้านหน้าห่างจากเธอไปเพียงสี่ก้าว ด้านหลังเขามีหีบเหล็กนับร้อยวางเรียงรายจนสุดกำแพงทั้งสามด้าน คะเนจากขนาดของห้องนั้นใหญ่กว่าห้องโถงกลางเกือบสองเท่า แม้เธอจะรู้ว่ามีห้องนี้อยู่จากการอ่านบันทึก และเตรียมใจไว้แล้วที่จะเจอกับ มัมมี่นักรบอีกคน นายมั่น นายคง และนายยืน ผู้ที่อุทิศชีวิตและวิญญาณปกป้องสมบัติเหล่านี้ เมื่อตังสติได้เธอก็ยกกล้องถ่ายรูปมาไว้ในสองมือ แล้วบรรจงถ่ายภาพด้านหน้า แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 48 20:22:22 จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 24 พ.ค. 48 19:06:42 ]

ความคิดเห็นที่ 65 กินข้างแปปนะเดี๋ยวมาต่อ คืนนี้ยาวครับ จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 24 พ.ค. 48 19:07:38 ]

ความคิดเห็นที่ 66 โอ๊ย  สนุกแน่ๆ ต่อจากนี้    จะรอๆๆๆๆ จากคุณ : devilvodka - [ 24 พ.ค. 48 20:03:37 ]

ความคิดเห็นที่ 67 เมื่อลงมายังพื้นห้อง และสาดแสงไปไปโดยทั่ว ชายชุดขาวก็มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่ามีคนเข้ามาในห้องลับใต้ดินนอกจากพวกเขา รอยเทียนที่มอดดับอยู่บนพื้นเป็นจุดๆ ไล่เรื่อยๆไปในแต่ละห้อง ล้วนมีร้องลอยคนเดิน ชายสวมชุดขาวและชายคนถือปืน มุ่งหน้าสู่ห้องเก็บสมบัติ แม้จะมั่นใจในอาคมของตน แต่ก็เผื่อทางเลือกไว้ว่า อาจมีมือดีมาคลายมนต์ได้ ทั้งสองเปิดประตูเดินผ่านศพของ นายมั่นนาย ยืน ไปยังหีบสมบัติอย่างรีบเร่ง โดยไม่ได้เหลือบมองว่า ผ้ายันต์ที่ตนเคยปักไว้บนศพทั้งสอง ร่วงลงสู่พื้นไปแล้ว เมื่อถึงหีบชายชุดขาวรีบบริกรรมคาถาแล้วเปิดฝาหีบ ถันทีที่ฝาหีบเปิดออก ภาพของพระพุทธรูปทองคำก็ปรากฏอยู่ในหีบ ไม่มีร่องรอยขยับเขยื้อนจากเดิม ชายชุดขาวปิดฝาหีบแล้วหันหลังกลับไปมองชายคนถือปืนที่ยืนอยู่ข้างๆ ชายชุดขาวอมยิ้ม “ยังอยู่คบ คนที่ลงมาคงคิดว่าเป็นหีบเปล่า” ชายคนถือปืนพยักหน้าเบาๆ แล้วถามขึ้น “จากรอยเท้า มีคนเข้ามาคนเดียว บางทีมันอาจจะยังอยู่ในนี้” ชายสวมชุดขาวพยักหน้าเบาๆ แล้วสาดแสงไฟไปทั่วๆห้อง พลันสายตาเขาเหลือบไปเห็นผ้ายันต์ที่หล่นอยู่บนพื้น “ซวยแล้ว” เขาอุทานอยู่ในใจแล้วล้วงมือกลับไปในย่ามทันที จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 24 พ.ค. 48 20:31:22 ]

ความคิดเห็นที่ 68 หลังจากถ่ายภาพรวมๆของทั้งห้องแล้ว หญิงสาวก็ปาดเหงื่อบนใบหน้า เพราะอุณหภูมิที่ร้อนอบภายในห้อง เธอนึกภาพของแผนที่ทั้งหมดภายในหัวแล้วเดินผ่านร่างของศพนาย ยืน ไปยังหีบเหล็กด้านหลัง หีบเหล็กใบเก่า สนิมจับเกรอะกรังทุกใบ มีแม่กุญแจแบบโบราณคล้องอยู่ เธอเอื้อมมือไปจับที่แม่กุญแจ แล้วกะเทาะมันเข้ากับตัวหีบ เพียงสองสามครั้งกุญแจก็หักออก เธอถอดกุญแจที่คล้องออกวางลงบนพื้นห้อง ใช้มือทั้งสองเปิดฝาหีบขึ้นช้าๆ พลันสายมเย็นวูบหนึ่งพัดมาประทะที่ด้านหลัง จนผมเธอสะบัดไปมา เธอเอี้ยวคอกลับหลังทันทีตามสัญชาติญาณ เธอตาค้างกับภาพที่เห็น   เสียงฝาหีบปิดกลับลงที่เดิมดังก้องไปทั้งห้อง เพราะมีเธอจับไว้คลายออก หญิงสาวทุกลักทุเลลุกขึ้นยืน แล้วก้าวถอยไปชนชิดหีบเหล็ก แต่ตาทั้งคู่ยังจ้องมองไปยังภาพที่เห็นอย่างไม่กระพริบ ภาพของนาย คง ที่ถือดาบสองเล่มอยู่ในมือ จ้องมองมาที่เธอด้วยสายตาดุดัน แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 48 20:57:10 จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 24 พ.ค. 48 20:46:07 ]

ความคิดเห็นที่ 69 “ซวยอะไรวะ” ชายคนถือปืนถามขึ้นอย่างงๆ โดยไม่ตอบคำถามชายสวมชุดขาวคว้ากริชจากยาม และกำแน่นอยู่ในมือ “มายืนด้านหลังกรู ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นอย่าวิ่งหนี” ชายคนถือปืนพอจะเดาออกว่าเกิดอะไรขึ้น เขารีบวิ่งมาอยู่ด้านหลัง สอดส่ายสายตาไปรอบๆตัวอย่างระแวง “มรึงแน่จริงออกมา ยังไงสมบัตินี้ก็ต้องเป็นของพวกกรู” สิ้นเสียง ชายชุดขาวก็ชูกริชไปด้านหน้า พลันภาพของชายในชุดนักรบก็ปรากฏขึ้นด้านหน้าเขา ห่างออกไปเพียงสองสามก้าว มั่น และ ยืน ผู้ปกป้องดูแลสมบัติเหล่านี้ ทั้งสองจ้องมองมายังชายสวมชุดขาวด้วยแววตาพยาบาท “ดี ออกมาพร้อมกันแบบนี้ จะได้ส่งไปลงนรกพร้อมๆกัน” เขาบริกรรมคาถาทันที แล้วชูกริชตรงไปยัง มั่นและยืน จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 24 พ.ค. 48 20:54:06 ]

ความคิดเห็นที่ 70 รู้สึกเหมือน คุณส้มจะเขียน สลับไปมารึปล่าว ระหว่างนายยืน และนายคง  แต่ยังไงก้เข้าใจ เพราะมีอยุ่แค่สามคนเอง จากคุณ : devilvodka - [ 24 พ.ค. 48 20:59:37 ]

ความคิดเห็นที่ 71 แก้ให้แล้วนะ นายคง ไม่ใช่นายยืน กะลังมึนๆ หนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 24 พ.ค. 48 21:04:54 ]

ความคิดเห็นที่ 72 “นาย ยะ คะ คง ฉันไม่ใช่ขโมย ฉัน คะ คะ ..แค่อยากรู้ว่าข้างในคืออะไร” เธอละล่ำละลักพูดออกมาด้วยความกลัว นาย คง ก้าวเขามาหาหญิงสาวอย่างช้าๆ จนมาหยุดยืนอยู่ด้านหน้าเธอ หญิงสาวหลับตาลง แล้วกลั้นหายใจด้วยความกลัว พลันสายลมเย็นวูบหนึ่งพัดมาปะทะใบหน้า  แผ่วเบาแล้วจางหายไป เธอลืมตาแล้วมองไปยังจุดที่นายคงเคยยืนอยู่ ไม่มีภาพนั้นอยู่แล้ว มีเพียงภาพของศพ ที่ยืนอยู่ยังจุดเดิมของมัน เธอถอนหายใจแล้วลุกขึ้นยืน พลันเท้าของเธอสัมผัสกับบางสิ่งบนพื้น หญิงสาวก้มมองที่พื้นทันที เธอเห็นกุญแจดอกหนึ่งวางอยู่ที่เท้าเธอ เธอไม่แน่ใจว่ามันอยู่ตรงนี้มานานแล้ว หรือว่าเพิ่งปรากฏขึ้น เธอก้มลงหยิบกุญแจดอกนั้น แล้วจับมันพลิกไปพลิกมา ลูกกุญแจดอกใหญ่แบบโบราณ สีดำสนิท หญิงสาวนิ่งไปอย่างใช้ความคิด แล้วสอดกุญแจลงในกระเป๋าเสื้อ แล้วเดินไปยังที่ๆศพของนาย คง ยืนอยู่ จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 24 พ.ค. 48 21:08:44 ]

ความคิดเห็นที่ 73 สิ้นเสียงสวด ของชายชุดขาว บังเกิดแสงที่ปลายกริช สว่างจ้าไปทั้งห้อง ภาพของ มั่น และยืนจางหายไป ชายสวมชุดขาวก้าวมั่นคงไปยังจุดที่ศพทั้งสองยืนอยู่ “ตามกรูมา” เขาหันหลังไปบอกชายถือปืนที่ยังยืนตลึงอยู่ที่เดิม ชายถือปืนได้สติจึงก้าวตามชายสวมชุดขาวมาอย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึงด้านหน้าศพทั้งสอง เขาใช้กริชในมือ กรีดลงที่กลางหน้าอกของศพทั้งสองยาวลงไปจนถึงสะดือ ชายคนถือปืนเบือนหน้าหนีไปอีกทางเพราะภาพอันน่าสยดสยองนั้น เมื่อผ่าท้องของศพออกแล้ว เขาเก็บกริชลงกระเป๋าย่าม แล้วขวานหยิบกระบอกใส่น้ำออกมาจากกระเป๋า เขาเปิดฝาขวดออกแล้วเทของเหลวสีแดงสดเข้าไปในส่วนท้องของศพที่ถูกผ่าออก “อะไรน่ะ” ชายคนถือปืนถามขึ้นด้วยความอยากรู้ “ประจำเดือน อย่าถามมากเฉยๆไว้” เมื่อเทเลือดเข้าไปในช่องท้องของทั้งสองศพ ชายชุดชาวก็นั่งขัดสมาธิลงที่หน้าศพ ประนมมือ แล้วเริ่มบริกรรมคาถาอีกครั้ง แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 48 21:22:51 จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 24 พ.ค. 48 21:20:45 ]

ความคิดเห็นที่ 74 แปปนะไปหาเบยร์กินป๋อง จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 24 พ.ค. 48 21:21:43 ]

ความคิดเห็นที่ 75 วันนี้โพสเยอะดีจัง   ชอบๆ จากคุณ : devilvodka - [ 24 พ.ค. 48 21:33:02 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ไปกินเบียร์ น๊าน นาน เนอะ จากคุณ : devilvodka - [ 24 พ.ค. 48 22:36:45 ]

ความคิดเห็นที่ 77 เธอคุกเข่าลงที่ด้านหน้าศพนายมั่น แล้วพนมมือไหว้  นึกขออโหสิกรรม และขอขมาในสิ่งที่ล่วงเกิน จากนั้นจึงกราบลงที่เท้าของศพหนึ่งครั้ง หลังจากกล่าวสิ่งต่างๆจนจบเธอก็ลุกขึ้นยืน มองไปรอบๆ แล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ ถึงตอนนี้เธอตระหนักแล้วว่า ทั้งสามตนไม่คิดร้ายต่อเธอ เธอคงจะกลับออกไปจากห้องลับนี้อย่างปลอดภัย หญิงสาวออกเดินกลับไปยังหีบเหล็ก แล้วเปิดมันออกอีกครั้ง หีบเหล็กใบนั้นภายในบรรจุพระพุทธรูปทองคำอยู่ เธอจ้องมองแล้วยื่นมือไปลูบองค์พระเบาๆ เนื้อทองละเอียด ไม่ขรุขระ องค์พระปางสมาธิ สายตาเหลือบลงต่ำ เมื่อมองดูแล้วทำให้รู้สึกสงบอย่างบอกไม่ถูก เธอปิดฝาหีบแล้วลุกขึ้นยืนมองไปรอบๆห้อง ถ้าหีบทุกใบในห้องบรรจุสิ่งเดียวกันนี้ คือพระพุทธรูปทองคำ ไม่นับถึงความเก่าแก่ มันจะมีค่ามากมายขนาดไหน หญิงสาวออกเดินอีกสำรวจหีบเหล็กที่วางอยู่รอบๆห้อง และเริ่มนับจำนวนของมันทั้งหมด เธอทำตำหนิที่ฝาหีบใบที่นับแล้วด้วยการใช้เทียนไขขีดเป็นรอยกากบาทบนฝาหีบ พลันสายตาเธอสะดุดกับหีบเหล็กใบหนึ่ง ซึ่งมีความยาวกว่าปกติ ความกว้างและความสูง มองคล้ายกับโลงศพซะมากกว่า เธอเดินไปหยุดที่หีบยาวใบนั้น แล้วปัดฝุ่นบนฝาหีบออก ลวดลายบนฝาหีบ สลักเป็นรูปกระต่ายสี่ตัว หันหัวเข้าหากัน เธออมยิ้มแล้วนึกถึงข้อความในบันทึก จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 24 พ.ค. 48 22:59:39 ]

ความคิดเห็นที่ 78 สิ้นเสียงสวดชายสวมชุดขาวก็ลุกขึ้นยืน พลันร่างของศพทั้งสองก็ล้มครืน พลิกคว้ำลงกับพื้น ชายสวมชุดขาวอมยิ้มแล้วหันไปยังชายคนถือปืน “เรียบร้อย เท่านี้มันก็ไม่มีวันทำอะไรเราได้อีก” ชายคนถือปืนผลงะถอยไปด้านหลัง ด้วยความตกใจ “มันมีอีกตัว” ชายคนถือปืนละล่ำละลักออกมาแล้วชี้นิ้วไปด้านหลังชายสวมชุดขาว ชายสวมชุดขาวได้ยินดังนั้น จึงรีบหันหลังกลับไปด้านหลังตัวเอง “อะไรวะ มีอีกตัวเหรอเนี่ย” ด้วยความรวดเร็วเขาล้วงมือลงในย่าม แล้วหยิบกริชออกมาถือไว้ สายตาจับจ้องไปข้างหน้า จุดที่ผีตนใหม่ยืนอยู่ “เข้ามา จะได้ไปลงนรกกับเพื่อนมรึงไง” สิ้นเสียงเขาก็ชูกริชในมือไปข้างหน้า ท่องคาถาอีกครั้ง คง ยืนจ้องชายสวมชุดขาวด้วยความเคียดแค้น แล้วยกดาบในมือทั้งสองข้างขึ้นในท่าเตรียมสู้ เมื่อร่ายคาถาจบชายสวมชุดขาวก็ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว พร้อมกับที่ คง สืบเท้าเข้ามาแล้วฟันดาบในมือลงอย่างแรง ชายชุดขาวรู้สึกเย็นเยียบที่กลางลำคอ  คล้ายกับลมเย็นๆพัดผ่านไปวูบหนึ่ง กริชในมือของชายชุดขาวร่วงลงกับพื้น สองแขนพับเข้าหาตัว เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นรวดเร็วจนชายคนถือปืนได้แต่ยืนตาค้าง เขาคิดจะวิ่งหนี แต่สองขาไม่ยอมขยับไปไหน เขาจ้องมองไปยัง คง และร่างของชายสมชุดขาวที่ทรุดลงไปกองบนพื้น ส่วนหัวขาดกระเด็นไปอีกทาง แต่เลือดยังทะลักไหลออกมาจากลำคอไม่หยุด ร่างไร้หัวของชายชุดขาวชักกระตุกอยู่สองสามครั้งแล้วแน่นิ่งไป ส่วนของหัวที่ตกลงบนพื้นห้อง ยังจ้องมองมาข้างหน้า นัยน์ตาเบิกโพลง จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 24 พ.ค. 48 23:23:10 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ไปนอนแล้วนะ จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 24 พ.ค. 48 23:35:11 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ขอบคุณค่ะ วันนี้ โพสซะเยอะ เลย จากคุณ : devilvodka - [ 25 พ.ค. 48 00:08:51 ]

ความคิดเห็นที่ 81 มาลงชื่อแล้วนะงับ งานการไม่ทำ เปิดทู้ ทุกๆ 15 นาที (ตูจะโดนไล่ออกอ่ะป่าวเนี่ย --") จากคุณ : น้องหนูแบรนด์เนม - [ 25 พ.ค. 48 14:49:35 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ไม่ต้องรอนะครับ ขอทำงานแปปนึง แล้วจะมาต่อให้ ดึกๆนะ จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 25 พ.ค. 48 21:17:52 ]

ความคิดเห็นที่ 83 แง่มๆๆๆๆๆๆๆ.....ทำงานให้เสร็จไวน้าๆๆๆๆๆ จากคุณ : น้องหนูแบรนด์เนม - [ 25 พ.ค. 48 22:22:46 ]

ความคิดเห็นที่ 84 มาลงชื่อด้วย ทำไม ยังไม่มา จะตีสองแล้วนะ ตัวเองง จากคุณ : หนูหมีน้อย - [ 26 พ.ค. 48 01:45:43 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ด้วยคน จากคุณ : mrpc999 - [ 26 พ.ค. 48 02:13:55 ]

ความคิดเห็นที่ 86 งานเพิ่งเสร็จครับ ขออาภัย ขอโทษจริงๆนะ พรุ่งนี้จะตื่นมาต่อให้แต่เช้า แก้ไขเมื่อ 26 พ.ค. 48 04:38:32 จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 26 พ.ค. 48 04:34:13 ]

ความคิดเห็นที่ 87 มายังงงงงงงงงงงงงง ยังไม่มา จากคุณ : HaMishNaRuk - [ 26 พ.ค. 48 09:23:07 ]

ความคิดเห็นที่ 88 ลวดลายบนฝาหีบ สลักเป็นรูปกระต่ายสี่ตัว หันหัวเข้าหากัน เธออมยิ้มแล้วนึกถึงข้อความในบันทึก “กระต่ายคือทางเข้า และทางออก” หญิงสาวมองดูรูเล็กๆ ทีอยู่กึ่งกลางของกระต่ายทั้งสี่ คล้ายรูกุญแจ ฉับพลันเธอนึกถึงกุญแจในกระเป๋า “นี่มันบังเอิญ จริงๆเหรอ” เธออุทานอยู่ในใจแล้วล้วงกุญแจในกระเป้าเสื้อมาถือในมือ แล้วลองสอดเข้ารูบนตัวหีบ ทันทีที่กุญแจสอดเข้าที่รูด้านหน้าหีบ บังเกิดเสียงคลืนๆ ที่ด้านหลังเธอ เธอหันกลับทันที จังเห็นพนังกำแพง ณ จุดที่เธอเคยผ่านเข้ามาในห้องนี้เลื่อนตัวออกอีกครั้ง เธอลุกขึ้นยืน “ปัง” เสียงนั้นดังก้องเข้ามาในโสตประสาทเธอ ตามด้วยเสียงร้องอย่างเจ็บปวดของชายคนหนึ่ง ตามติดด้วยเสียงปืนอีกสองนัด หญิงสาวถลันตัวจากจุดที่ยืนอยู่  กึ่งวิ่งกึ่งกระโจนข้ามหีบที่วางอยู่ทั่วห้อง ตรงไปยังช่องว่างของกำแพง ทันทีที่เธอแทรกตัวผ่านกำแพงออกมา กำแพงนั้นก็ปิดกลับไปที่เดิม เมื่อไม่มีแสงไฟเหมือนเก่า เธอจึงต้องปรับสายตาให้เข้ากับแสงสลัวๆในห้องอีกครั้ง เธอลืมตาขึ้นราวสามวินาทีหลังจากผ่านช่องลับข้างกำแพง กลับมาสู่ห้องเก็บสมบัติลวง มีแสงสายหนึ่งสาดส่องอยู่ภายในห้อง แสงนั้นมาจากบนพื้น เธอเดินตรงไปยังที่มาของแสง เมื่อเข้าใกล้จึงรู้ว่าเป็นแสงจากไฟฉายกระบอกเล็กที่หล่นกลิ้งอยู่บนพื้น เธอก้มลงหยิบไฟฉาย พลันรับรู้ว่าเท้าตัวเองเหยียบเข้ากับบางสิ่งที่เหนียวเหนอะหนะ เธอฉายไฟลงที่เท้าตัวเอง จึงเห็นของเหลวสีแดงค้นไหลเป็นทางยาวมาที่เท้า “เลือด” หญิงสาวผงะถอยและลุกขึ้นยืน ก้าวถอยหลังไปจนชิดกำแพง จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 26 พ.ค. 48 14:02:51 ]

ความคิดเห็นที่ 89 เธอสูดลมหายใจยาวๆ เพื่อตั้งสติ ตอนนี้เธอได้กลิ่นคาวเลือดคลุ้งอยู่ไปทั่ว “อาจเป็นอุปทาน” “แล้วไฟฉายในมือเธอล่ะมาจากไหน” “มีคนลงมาที่นี่ แต่ใครกัน” เธอกลั้นหายใจ กำไฟฉายแน่นอยู่ในมือ ค่อยๆสาดแสงไปรอบๆตัว เริ่มจากกองเลือดที่เท้า ไล่เรื่อยไกลออกไป ร่างของชายคนหนึ่งนอนจมกองเลือดอยู่ตรงนั้น ห่างจากเธอไปเพียงสี่ก้าว แขนข้างหนึ่งขาดออกจากส่วนไหล่  เลือดยังทะลักไหลออกจากบาดแผล เธอเบือนหน้าหนี แล้วสูดลมหายใจลึกๆอีกครั้ง “เกิดอะไรขึ้นที่นี่กันแน่” แทนคำตอบเธอฉายไฟไกลออกไปอีก จึงเห็นแขนท่อนที่ขาดจากตัวของชายคนนั้น มันนอนจมกองเลือดอยู่ใกล้ๆ ในมือข้างนั้นยังกำปืนอยู่แน่น หญิงสาวสืบเท้ามาข้างหน้า หลบเลี่ยงกองเลือดบนพื้น เธอเริ่มฉายไปรอบๆห้อง ศพของ มั่น และยืน ยังยืนอยู่ที่เดิม แต่มีเลือดไหลออกมาจากช่องท้อง ที่ถูกแหวะออกจากอกจนถึงท้องน้อย หญิงสาวรู้สึกมวนท้องขึ้นมาทันที “นี่มันอะไรกัน ใครมาทำอะไรที่นี่กันแน่” เธอสาดแสงไฟไปด้านข้างศพของ มั่นและ ยืน จึงเห็นร่างของชายอีกคนนอนจมกองเลือดอยู่ ร่างสวมชุดขาวทั้งชุด เธอสืบเท้าเข้าไปใกล้ๆเพื่อดูร่างนั้นให้ชัดขึ้น หญิงสาวอาเจียนออกมาคำโต เมื่อได้เห็นภาพเต็มตา ร่างไร้หัว นอนจมกองเลือด ส่วนหัวนั้นตั้งจมกองเลือดอยู่ไม่ไกล นัยน์ตาของศพจ้องมองมาที่เธอคล้ายยังมีชีวิต “ใช่ มันเกิดบ้าอะไรขึ้นที่นี่ แล้วคนพวกนี้เป็นใคร แล้วใครเป็นคนฆ่าพวกเขา” เธอเดินมาหยุดอยู่หน้าศพของ มั่น และยืน เลือดที่ไหลอออกมาจากช่องท้อง ไม่ใช่เลือดจากศพ คล้ายมีใครผ่าออก แล้วเทเลือดลงไปในนั้น เธอก้าวถอยหลัง ฉายไฟไปที่ประตูทางเข้าซึ่งเปิดอ้าอยู่ ทันใดนั้นเธอรู้สึกถึงมือของใครบางคนจับเข้าที่ข้อเท้าเธอ เธอกระชากขาอย่างแรง แล้วหันหลังหลับ ฉายไฟไปที่เท้าตัวเองอย่างรวดเร็ว “หัวหน้า มันมีสามตัว” สิ้นคำเสียงนั้น ร่างของชายที่แขนขาดก็สิ้นใจ มือข้างที่จับขาเธอไว้คลายออก ร่างของหญิงสาวทรุดฮวบลงไปกองกับพื้น เธอไม่ได้รับรู้ถึงประโยคนั้น เธอสิ้นสติลงทันที ตั้งแต่วินาทีที่เห็นภาพของชายคนนั้น จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 26 พ.ค. 48 16:18:38 ]

ความคิดเห็นที่ 90 วันนี้เขียนแค่นี้ เหรอ คะ   จะได้ ไปนอน น่ะค่ะ จากคุณ : devilvodka - [ 26 พ.ค. 48 21:01:54 ]

ความคิดเห็นที่ 91 ขอทำงานแปป จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 26 พ.ค. 48 21:57:35 ]

ความคิดเห็นที่ 92 ถ้าคุณdevilvodkaไม่ส่งข่าว เราคงอดอ่านแน่ๆเลย ขอบคุณจ้า เรารออ่านอยู่นะ จากคุณ : *_*Dryice*_* - [ 26 พ.ค. 48 22:20:56 ]

ความคิดเห็นที่ 93 ไม่ไหว ก็ไม่ต้อง หรอก คุณส้ม   ทำงานเสร็จแล้ว  นอนไปเลยก็ได้ค่ะ จากคุณ : devilvodka - [ 26 พ.ค. 48 22:36:54 ]

ความคิดเห็นที่ 94 คุณ devilvodka นี่ สมเป็นแฟนคุณส้มจริงๆ เลย ส่งข่าวบอกแฟนคลับได้ดีมาก ไม่งั้น เราก้อไม่ได้อ่านเหมือนกัน ขอปรบมือให้ แฟนตัวอย่างค่าาาาาา จากคุณ : หนูหมีน้อย - [ 26 พ.ค. 48 23:11:25 ]

ความคิดเห็นที่ 95 บทสุดท้าย หญิงสาวหมดสติไปในห้องเก็บสมบัติลวง ภาพสุดท้ายที่เธอเห็นยังติดตาอยู่ในมโนสำนึก มันเป็นความฝันช่วงสั้นๆที่เกิดขึ้นก่อนจะมีใครคนหนึ่งมาปลุกเธอ เธอยืนอยู่ในโบสถ์เก่า มีพระแก่ๆหนึ่งรูปนั่งสวดมนต์อยู่ด้านหน้าพระประทาน ไม่มีใครสนใจเธอ ชายสามคน นั่งอยู่ด้านหน้าพระรูปนั้น พวกเขาเปลือยหน้าอก ข้างกายมีดาบวางอยู่คนละคู่ พวกเขานั่งพนมมือ หลับตาสนิท เธอตะโกนเรียก มั่น คง  ยืน  เว้นวรรค เป็นจังหวะ ว่างเปล่า ไม่มีสิ่งใดตอบสนองการคงอยู่ของเธอ หญิงสาวก้าวเท้าไปเรื่อยๆจนหยุดอยู่ด้านหน้า ชายทั้งสาม เป็นเวลาที่เสียงสวดมนต์จากพระรูปนั้นสิ้นสุดลง พร้อมกลับร่างของชายทั้งสามฟุบลงไปนอนกับพื้น พระภิกษุรูปนั้นลุกขึ้นยืนแล้วจ้องมองมาที่เธอ “สมบัติทั้งหมด จังรักษาไว้ให้ดี ซักวันจะมีผู้ที่เหมาะสม มานำมันออกไป” หญิงสาวจ้องหน้าพระรูปนั้น พลันภาพทั้งหมดที่เธอเห็นก็จางหายไป “ตื่นได้แล้วโยม” เธอเห็นแสงสว่างจ้า จนต้องเปิดเปลือกตาออก แม้จะเรียกสติกลับมาได้ไม่ได้ทันที แต่เธอยังรู้ตัวว่าภาพตรงหน้าไม่ใช่ความฝัน จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 26 พ.ค. 48 23:25:45 ]

ความคิดเห็นที่ 96 มาแล้วจ้าคนฉวย จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 26 พ.ค. 48 23:26:27 ]

ความคิดเห็นที่ 97 “เป็นยังไงบ้างโยม เจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่า” หญิงสาวยันตัวลุกขึ้นจากพื้น “ไม่เป็นไรค่ะ คงจะเป็นลมไป ว่าแต่ท่านเจ้าอาวาสเข้ามาได้ยังไงคะ” เธอตอบและถามในประโยคเดียว เจ้าอาวาสยืนอยู่ห่างเธอไปเพียงสองก้าว ก้านข้างคือเด็กวัด คนที่เธอเคยพบเมื่อเช้า ภาพในห้องสว่างด้วยแสงจากไฟฉายกระบอกใหญ่ในมือของทั้งสองคน “อาตมาต้องถามโยมซิ ว่าโยมเข้ามาที่นี่ได้ยังไง” หญิงสาวไม่ได้ตอบคำถาม แต่มองไปรอบๆห้องอย่างสำรวจ ไม่มีศพ หรือคราบเลือดอย่างที่เธอเคยเห็น ก่อนจะสิ้นสติไป เธอมองไปที่ประตูทางเข้า ไม่มีศพของ มั่น คง และ ยืน อยู่ตรงนั้น แม้แต่หีบเหล็กที่วางอยู่ภายในห้องก็อันตรธานหายไปหมด “ศพหายไปไหน” เธอสบตาเจ้าอาวาสแล้วถามในสิ่งที่สงสัยทันที จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 26 พ.ค. 48 23:34:25 ]

ความคิดเห็นที่ 98 เธอสบตาเจ้าอาวาสแล้วถามในสิ่งที่สงสัย เจ้าอาวาสเดินเข้ามาใกล้ๆเธอแล้วถอนหายใจเบาๆ “โยมฝันไปหรือเปล่า อาตมาเข้ามาก็เห็นโยมนอนหลับอยู่บนพื้นห้อง ไม่มีใครอีกแล้วโยม” หญิงสาวสบตาเจ้าอาวาสแล้วเดินเลยไปยังประตูทางเข้า “แล้วศพของชายในชุดโบราณตรงนี้ล่ะ หายไปไหน” เธอชี้มือไปยังจุดที่เคยเห็นศพของมั่น และยืน เคยยืนอยู่ เจ้าอาวาสหันกลับ แล้วเดินตามเธอมายังหน้าประตูทางเข้า “โยมเพ้อไปแล้วล่ะ อาตมาเคยลงมาข้างล่างนี้หลายครั้ง ไม่มีศพของใครทั้งนั้น” เจ้าอาวาสกล่าวหนักแน่น “ในห้องไม่มีหีบไม้เก่าๆวางอยู่ใช่ไหมคะ” เจ้าอาวาสส่ายหัวช้า “ไม่มีหรอกโยม” “เราฝันไปหรือนี่” หญิงสาวสลอบอุทานอยู่ในใจ แล้วเหม่อมองไปรอบๆห้อง พลันเธอเหลือบไปเห็นพนังด้านในสุดของห้อง เธอเคยเดินไปตรงนั้น ที่พนังนั้นมีรูปกระต่ายอยู่หนึ่งตัว เพียงแต่กดมันเบาๆ ห้องลับที่ซ่อนอยู่ก็จะเปิดออก และนั่นคือข้อพิสูจน์ว่าเธอไม่ได้ฝันไป หญิงสาวเดินสวนกับเจ้าอาวาส และเด็กวัด ตรงไปยังพนังด้านในสุด ที่พนังกำแพงมีภาพนูนต่ำของกระต่ายอยู่จริงๆ และยังมีร่องรอยที่เธอใช้มือปัดฝุ่นมันออกรอบๆ เธอยืนจ้องพนังอยู่ซักพัก แล้วหันหลังกลับไปสบตาเจ้าอาวาส “ทำไมต้องปิดบังเรื่องห้องลับนี้ด้วยคะ” จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 26 พ.ค. 48 23:52:30 ]

ความคิดเห็นที่ 99 จบคืนนี้เลยป่าวว   เนี่ย จากคุณ : devilvodka - [ 27 พ.ค. 48 00:11:11 ]

ความคิดเห็นที่ 100 เอาให้จบ คนเขียนก็จบเห่อ่ะจิ จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 27 พ.ค. 48 01:09:48 ]

ความคิดเห็นที่ 101 เจ้าอาวาสถอนหายใจอีกครั้ง “ที่อาตมาปิดบังเพราะไม่ต้องการให้เป็นข่าวครึกโครม” หญิงสาวเอียงคอไปมา แล้วเดินเข้าหาเจ้าอาวาส “ท่านจึงปิดตายทางเข้าไว้ เพื่อที่จะฮุบสมบัติทั้งหมดไว้” เจ้าอาวาสสบตาเธอ แววตาเคร่งเครียดขึ้น “ไม่มีสมบัติอะไรทั้งนั้นแหละโยม” “มีซิ เพราะดิฉันได้ถ่ายรูปไว้ทั้งหมดแล้ว ทั้งเรื่องความเป็นมาของห้องลับนี้ ทั้งสมบัติทั้งหมดที่มีในนี้” พูดจบเธอยกกล้องถ่ายรูปที่คล้องคออยู่ชูขึ้น “ใครก็ตามที่ขโมยสมบัติในลังไม้ไป จะต้องไม่ตายดี แล้วกล้องถ่ายรูปนี้จะเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ” เจ้าอาวาสก้มหน้าลง แอบชำเรืองมองไปทางเด็กวัด ซึ่งยืนสงบนิ่งไม่พูดอะไร “โยม ไม่มีบันทึกหรือสมบัติอะไรทั้งนั้น อาตมายืนยัน โยมกลับออกไปพร้อมอาตมา แล้วเอากล้องถ่ายรูปนั่นมา” หญิงสาวเดินมาข้างหน้าอีกาองก้าว หันมองไปทางประตูแล้วถอดกล้องถ่ายรูปออกจากคอ ยื่นมันให้เจ้าอาวาส แต่พอเจ้าอาวาสจะยื่นมือมารับ เธอก็ชักมันกลับมาไว้ในอก “ถ้าไม่มีสมบัติอยู่จริงๆ ท่านจะเอากล้องไปทำไมคะ ฉันคงจะเพ้อไปดังที่ท่านบอก” เจ้าอาวาสซบตาหญิงสาวด้วยแววตาดุดัน “ส่งกล้องมาซะ” จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 27 พ.ค. 48 01:20:14 ]

ความคิดเห็นที่ 102 “ไม่ ลาก่อน ดิฉันจะกลับมาที่นี้อีกครั้ง หลังจากแจ้งทางกรมศิลปกรแล้ว” หญิงสาวยกมือกราบลาเจ้าอาวาสแล้วทำท่าจะเดินออกประตู ทันใดนั้นเด็กวัดซึ่งยืนอยู่ใกล้กับเจ้าอาวาสก็พุ่งตัวมาขวางเธอไว้ ด้วยความตกใจ หญิงสาวผงะถอย แล้วหันไปทางเจ้าอาวาส ซึ่งกำลังเดินมาหาเธอช้าๆ “ยังออกไปไหนไม่ได้ จนกว่าจะส่งกล้องถ่ายรูปนั้นมา” “ในเมื่อท่านยืนยันว่า สิ่งที่ดิฉันเห็นเป็นเพียงความฝัน ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะเอากล้องนี้ไป” เจ้าอาวาสถอนหายใจยาวๆหนึ่งครั้ง แล้วล้วงมือขวาเข้าที่ชายเอว “ยังไงกล้องนั่นก็ต้องตกเป็นของอาตมา” สิ้นประโยคเจ้าอาวาสก็หยิบปืนออกมาจากข้างเอว เล็งตรงมายังหล่อน “ไม่ต้องงหรอกโยม อาตมายอมรับว่าโยมไม่ได้ฝัน อาตมาไม่รู้ว่าโยมได้เห็นอะไรบ้าง แต่อาตมายอมรับว่าโยมฉลาดจริงๆ ที่รู้ทันอาตมา สมบัติในลังนั้น อาตมาขนออกไปไว้ด้านนอกแล้ว ส่วนศพนักรบนั้น อาตมาย้ายไปไว้อีกห้องหนึ่ง และชายสองคนที่โยมเห็นนอนตายอยู่บนพื้นห้อง อาตมาก็ลากไปไว้ด้านนอกแล้ว” หญิงสาวตกใจกับการกระทำ และคำพูดของเจ้าอาวาส เธอพยายามประครองสติ แต่รู้ว่าตนไม่มีโอกาสต่อสู้แม้แต่น้อย ถูกล้อมหน้าล้อมหลัง ด้วยคนที่ถือปืน “ท่านเป็นใครกันแน่” เจ้าอาวาสยิ้ม แล้วขึ้นนกปืนในมือช้าๆ “อย่ารู้เลยโยม เพราะโยมคงจะจบชีวิตในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้านี้” จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 27 พ.ค. 48 01:36:30 ]

ความคิดเห็นที่ 103 ไปนอนแล้วนะ โปรดติดตามตอนต่อไป เป็นกำลังใจให้นางเอกด้วยนะ อิๆๆ จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 27 พ.ค. 48 01:37:49 ]

ความคิดเห็นที่ 104 คุณส้ม หยอดไว้ให้เราอยาก(รู้) แล้วจากไป แงงๆๆๆๆ จากคุณ : หนูหมีน้อย - [ 27 พ.ค. 48 07:44:36 ]

ความคิดเห็นที่ 105 จะจบแล้ว  เย้ๆ       วันนี้  มาต่อ ด่วนเลยยยนะ จากคุณ : devilvodka - [ 27 พ.ค. 48 08:51:12 ]

ความคิดเห็นที่ 106 รอ รอ รอ รอ รอ จากคุณ : HaMishNaRuk - [ 27 พ.ค. 48 12:08:33 ]

ความคิดเห็นที่ 107 อีดซักชั่วโมงงานคงเสร็จแล้วครับ เย้ๆๆๆ วันเสาร์นี้ผมจะไปเชียงใหม่ คงจะรีบให้จบวันนี้ ครับ จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 27 พ.ค. 48 16:11:28 ]

ความคิดเห็นที่ 108 เธอทำใจดีสู้เสือ สบตาแน่นิ่งกับเจ้าอาวาส “ไม่ว่าแกคือใคร แกคงไม่ใช่พระ แต่ก่อนที่ฉันจะตาย ฉันจะบอกให้เอาบุญ ว่าสมบัติในหีบไม้ทั้งหมด เป็นเพียงสมบัติลวง” เจ้าอาวาสเลิกคิ้วขึ้น “แกคงคิดซินะว่าฉันรู้ได้อย่างไร พวกแกเคยเข้ามาที่นี่ก่อนฉัน แต่ก็มัวค้นหาสมบัติ จึงไม่ได้เฉลียวใจถึงบันทึกที่ซ่อนอยู่ในตู้ประไตรปิฎก” ถึงตอนนี้เจ้าอาวาสลดปืนลง แล้วเป็นฝ่ายก้าวเท้าเข้ามา “บันทึกเขียนว่ายังไง ถ้ายอมบอก อาตมาจะปล่อยโยมไป” หญิงสาวอมยิ้ม “ของที่อยู่ในหีบไม้ ที่พวกแกขนออกไปเป็นพระพุทธรูปทองคำใช่ไหม ในหีบสี่ใบ มีพระพุทธรูปทองคำอย่างละสององค์ ฉันเดาว่าพวกแกคงยังไม่ได้เอาไปขาย เพราะว่าถ้าเอาไปขาย พวกแกคงจะรู้เองว่า เป็นพระพุทธรูปสำริด ที่หุ้มทองอีกชั้นหนึ่ง” ถึงตอนนี้เด็กวัดที่ยืนอยู่ด้านหลังพุ่งตัวเข้ามา แล้วจับแขนเธอไพล่หลัง หญิงสาวร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด “บอกมานะว่าสมบัติอยู่ที่ไหน ไม่งั้นตาย” เสียงเด็กวัดขู่เธอ แล้วออกแรงบิดแขนเธอแรงขึ้น “เอาซิ ถ้าฉันตายไป พวกแกคงไม่มีวันได้สมบัติ” เจ้าอาวาสแสยะยิ้ม แล้วเดินมาหยุดหน้าเธอ ยกกระบอกปืนขึ้นจ่อตรงกลางหน้าผากหล่อน   “เอางั้นก็ได้ ถ้าอยากจะตายนัก จะสงเคราะห์ให้” หญิงสาวหลับตาลง ไม่ขัดขืนใดๆอีก “ปัง” จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 27 พ.ค. 48 17:21:24 ]

ความคิดเห็นที่ 109 กำลังลุ้นเลยยยอ่ะ  มาเร็วๆๆๆสิ จากคุณ : devilvodka - [ 27 พ.ค. 48 18:22:43 ]

ความคิดเห็นที่ 110 ร่างของหญิงสาวเซถลาไปด้านกลัง คลายจากการจับกุมของเด็กวัด เธอลืมตาขึ้นแล้วพยายามตัวเองให้หยัดตัวเองบนพื้น เมื่อยืนมั่นคงบนพื้นเธอจึงลอบสำรวจดูรอบๆตัว ไม่มีความเจ็บปวดหรือคราบเลือดใดๆ เธอจ้องมองเจ้าอาวาส แล้วเอี้ยวตัวหลับหลัง เด็กวัดคนนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น กระสุนนัดนั้น ฝังลงที่กลางกะโหลก เลือดซึมไหลออกมาจากแผลช้าๆ หญิงสาวยกมือปิดปาก แล้วหันหลังหลับมาที่เจ้าอาวาส “แกทำอย่างนั้นทำไม” เจ้าอาวาสขึ้นนก แล้วเล็งปืนมายังหล่อนอีกครั้ง “ส่วนแบ่ง คราวนี้ก็ถึงตาเธอแล้ว แม่นักโบราณคดี” “แกมันเลวสุดขั้วจริงๆ” เจ้าอาวาสส่งยิ้มเจ้าเหล่ มายังหล่อน “อย่าพูดอย่างนั้นซิ ผลประโยชน์ไม่เข้าใครออกใคร ดังคำที่ว่าไม่มีสัจจะในหมู่โจร” “เอาเลยซิ ยิงเลย แต่แกจะไม่มีวันได้ออกไปจากที่นี่ กลไกใต้ฐานพระถูกปิดตายลงแล้ว ไม่ว่าใครจะก็ออกไปจากที่นี่ไม่ได้” หัวหน้าโจรเลิกคิ้ว แล้วเดินเข้ามาใกล้หล่อน เหลือเพียงอีกก้าว ก็จะประชิดตัวเธอ “เธอคิดว่าฉันจะเชื่อเธองั้นซิ” พูดจบหัวหน้าโจรก็ล้วงมืออีกข้างเข้าที่ชายเอว คว้าโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วเรียกไปยังลูกน้องอีกคนที่เฝ้าอยู่ด้านหลังพระประทาน “เปิดฐานพระซิ” หัวหน้าโจรออกคำสั่ง แล้วยืนนิ่งสบตาหล่อน ซักพักก็มีเสียงตอบกลับเข้ามาในสาย สีหน้าของหัวหน้าโจรเริ่มเครียดขึ้น “ลองอีกที ผลักแรงๆ จากทุกด้าน” แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 48 19:22:31 จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 27 พ.ค. 48 19:17:55 ]

ความคิดเห็นที่ 111 ทุกอย่างอยู่ในความเงียบชั่วอึดใจ เสียงปลายสายตอบกลับมาในอีกราวสองสามนาที หัวหน้าโจรขว้างโทรศัพท์ในมือลงที่พื้น  แล้วก้าวมาประชิดตัวหล่อน หญิงสาวคิดจะถอย แต่ช้าไป ด้ามปืนในมือของหัวหน้าโจร ฝาดลงมาอย่างแรงที่กระหมับขวาของเธอ หญิงสาวเซถลาไปตามแรง  รู้สึกปวดร้าวไปทั้งศีรษะ หัวหน้าโจรตามเธอมาติดๆ แล้วคว้าเข้าที่ผมเธอ จับมันกระชากเข้าหาตัว หญิงสาวเซไปตามแรงฉุด ความรู้สึกเจ็บ และหวาดกลัวประดังเข้ามา เธอร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ไม่เป็นผล ฝ่ามือของเจ้าอาวาสซัดเข้าอย่างแรงที่แก้มซ้ายของเธอ มือที่จับผมเธอคลายออก หญิงสาวปลิวไปตามแรงตบ โซเซไปมา แล้วฟุบลงไปกองอยู่บนพื้น เธอรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วไปหน้า เลือดซึมไหลเป็นทางยาวออกมาจากบาดแผลที่ขมับขวา หัวหน้าโจรก้าวเข้ามาหาร่างของเธอ แล้วใช้เท้าถีบอย่างแรงที่กลางหน้าอก ร่างของหญิงสาวปลิวไปตามแรงถีบ และล้มหงายไปด้านหลัง เธอรู้สึกจุดเสียดไปทั่วท้อง หมดความสามารถที่จะต่อกรใดๆ “บอกมาว่าจะออกจากที่นี่ได้ยังไง” หัวหน้าโจรส่งเสียงคำรามออกมาด้วยความโกรธ จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 27 พ.ค. 48 19:38:36 ]

ความคิดเห็นที่ 112 หัวหน้าโจรส่งเสียงคำรามออกมาด้วยความโกรธ หญิงสาวพยามยามยันกายบนพื้น แล้วหันไปสบตาเจ้าอาวาส “ไม่มีวัน แกต้องตายเป็นผีเฝ้าสมบัติอยู่ในนี้” พูดจบหญิงสาวก็ถอดกล้องถ่ายรูปที่คล้องคอออก กระแทกมันลงกับพื้นห้อง กล้องติจิตอล แตกเป็นเสี่ยงๆ กระจัดกระจายไปคนละทาง หัวหน้าโจรก้าวมาประชิดตัวเธออีกครั้ง แล้วใช้เท้าเหยียบเข้าที่มือของเธอ ข้างที่ถือกล้องนั้นอยู่ หญิงสาวกัดฟันแน่น ไม่มีเสียงร้องออกมาจากปากเธอ “เอาซิ อยากตายนักใช่ไหม” ปืนในมือของหัวหน้าโจรถูกขึ้นนกอีกครั้ง มันเล็งตรงมาที่กลางหน้าผากหล่อน หญิงสาวใช้ความกล้าที่มีทั้งหมด พลิกตัวไปด้านข้าง ใช้เท้าเตะกวาดไปด้านหน้า เท้าของเธอเกี่ยวเข้ากับขาทั้งสองของหัวหน้าโจร พร้อมกับเสียงปืนในมือที่ดังขึ้น “ปัง” หัวหน้าโจรเสียหลักไปตามแรงเตะของเธอ กระสุนนัดนั้นจึงพลาดเป้า ไม่รอช้า หญิงสาวคว้ากระบอกไฟฉายข้างศพของเด็กวัดมาไว้ในมือ รีบลุกขึ้นยืน วิ่งออกประตูห้องไปอย่างรวดเร็ว เมื่อตั้งหลักได้ หัวหน้าโจรก็วิ่งตามหญิงสาวไปติดๆ จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 27 พ.ค. 48 19:59:37 ]

ความคิดเห็นที่ 113 หญิงสาววิ่งมาถึงกลางห้องโถงใหญ่ จึงเห็นศพของชายสองคนวางกองรวมกันอยู่กลางห้อง รวมทั้งศพของ มั่น และ ยืน ไม่มีเวลาพินิจสิ่งใด เธอวิ่งตรงไปยังห้องลับด้านทิศใต้ ผลักประตูออก แล้วแทรกตัวผ่านเข้าไปอย่างรวดเร็ว เสียงปืนดังไล่หลังเธอมาหนึ่งนัด หลังเธอปิดประตู หญิงสาวแนบตัวอยู่ติดกับกำแพง หน้าประตูทางเข้า เธอกับไฟฉาย สูดลมหายใจลึกๆเข้าเต็มปอด พยายามระงับอาการสั่นของแขน และขา ประตูถูกเปิดออกด้วยมือของหัวหน้าโจร มันก้าวเท้าเข้ามาที่หน้าประตู แล้วสาดแสงไฟไปรอบๆ ห้องอย่างสำรวจ หญิงค่อยๆลดตัวลงนั่งยองอย่างเงียบกริบ “ออกมา แกหนีไม่รอดหรอก” เสียงหัวหน้าโจรตะโกนขึ้น พร้อมกับก้าวเข้ามาในห้องอย่างช้าๆ ร่างของมันยืนหันหลังให้เธอ หญิงสาวตัดสินใจกระโดดพุ่งตัวไปข้างหน้า หมายจะใช้กระบอกไฟฉายในมือฟาดที่หัวของหัวหน้าโจร แต่กลับพลาด หัวหน้าโจรหันกลับมา แล้วเอี้ยวตัวหลบ หญิงสาวเซถลาไปด้านหน้า พยายามตั้งหลักอีกครั้ง แต่ช้าไป ปืนในมือของหัวหน้าโจรเล็งตรงมายังตัวหล่อน พร้อมกับระเบิดรังเพลิงออกมาทันที “ปัง” หญิงสาวเซล้มไปตามแรงถีบของกระสุน มันเร็วเกินกว่าที่เธอจะตั้งตัว หรือหลบหลีก จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 27 พ.ค. 48 20:53:43 ]

ความคิดเห็นที่ 114 หัวหน้าโจรเห็นกระสุนเข้าเป้า จึงรีบวิ่งมาประชิดตัวเธอในทันที “บอกทางที่จะออกจากที่นี่มา ไม่งั้นได้ตายสมใจแน่” หญิงสาวยกมือกำรอยแผลที่ไหล่ซ้าย  มันเจ็บปวดจนเกินจะทน แต่เธอก็ข่มความเจ็บปวดทั้งหมด ยันกายลุกขึ้นจากพื้น “ไม่มีวัน ยังไงแกก็ฆ่าฉันอยู่ดี” หัวหน้าโจรยิ้มเหี้ยมเกรียม “งั้นก็ลงนรกไปก่อนแล้วกัน ยังไงกรูก็ต้องหาทางออกเองจนได้ล่ะวะ” หญิงสาวมองย้อนแสงจากไฟฉาย สบตาแน่วแน่กับมัจจุราช ผู้กำลังจะหยิบยื่นความตายให้เธอ แล้วเธอก็เห็นภาพของ มั่น ยืนสงบนิ่งอยู่ด้านหลังหัวหน้าโจร “ข้างหลัง” เธอพยายามบอกหัวหน้าโจร “ลูกไม้ตื้นๆ คิดว่ากรูจะเชื่องั้นเหรอ” ตัดเป็นภาพช้า หัวหน้าโจรขึ้นรังนก นิ้วใต้โกร่งไกกำลังง้างเข้าหาตัว วินาทีเดียวกับที่ดาบในมือของ มั่น ฟันลงอย่างแรงที่ข้างที่ถือปืนของหัวหน้าโจร ไม่มีแม้เสียงกรีดร้อง หรือเสียงดาบกรีดผ่านเนื้อ แขนท่อนนั้นหลุดร่วงลงไปกองดิ้นอยู่บนพื้นห้อง พร้อมกับเสียงปืนที่ดังขึ้นในทันที หญิงสาวเบือนหน้าหลบ เพราะเลือดจากท่อนไหล่ของหัวหน้าโจร สาดกระเซ็นออกจากบาดแผล พุ่งมายังตัวของหล่อน หัวหน้าโจรยังยืนอยู่ที่เดิม แววตาของเขาเบิกโพลง ยกมือข้างที่เหลือกำที่บาดแผล แล้วส่งเสียงร้องโอดโอยออกมา หญิงสาวยันกายถอยหลังไปช้าๆ แล้วลุกขึ้นยืนพร้อมกับหยิบไฟฉายมาไว้ในมือ จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 27 พ.ค. 48 22:10:13 ]

ความคิดเห็นที่ 115 มั่นยังยืนอยู่ในที่เดิม จ้องมองมาที่เธอด้วยแววตาไร้ความรู้สึก “ถ้าเธอฆ่าเขา บาปจะติดไปกับตัวเธอ ปล่อยเขาไปเถอะ” หญิงสาวพูดขอชีวิตให้กับหัวหน้าโจร ที่ตอนนี้ทรุดลงไปนั่งอยู่บนพื้น ร่ำให้ออกมาด้วยความเจ็บปวด ช้าไปเสียแล้ว ดาบในมือของมั่นง้างขึ้นในท่าเตรียมพร้อมและฟันลงที่ลำคอของหัวหน้าโจรในที่สุด หญิงสาวหันหน้าหลบไปทันที ไม่มีเสียงกรีดร้องใดๆอีก เธอยืนสงบนิ่งอยู่อย่างนั้น หญิงสาวหันกลับมาอย่างช้าๆ เมื่อเตรียมใจที่จะเห็นภาพนั้นได้ ภาพของร่างไร้หัวของหัวนอนจมกองเลือดอยู่ที่พื้น   มั่นจากไปจากที่ที่เคยอยู่ เธอสาดแสงไฟไปรอบๆห้อง จึงเห็นหัวของหัวหน้าโจร ตกอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง หญิงสาวดับไฟฉาย แล้วเริ่มร้องให้ เธอแค่อยากร้องให้ ไม่รู้ทำไม เธอไม่รู้ว่าเสียใจ ตกใจ ดีใจ หรือเจ็บปวดที่บาดแผล ได้แต่ปล่อยให้น้ำตาอุ่นๆไหลลงอาบแก้มไปเรื่อยๆ ท่ามกลางความมืดของห้องลับ ที่ปกปิดขุมทรัพย์ และศพมากมายที่นอนกองอยู่ในนี้ แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 48 22:23:14 จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 27 พ.ค. 48 22:21:11 ]

ความคิดเห็นที่ 116 บทส่งท้าย ค่ำคืนอันยาวนานผ่านพ้นไป หญิงสาวออกมาจากห้องลับด้วยความทุกลักทุเล เส้นทางที่ถอดยาวออกไปเมื่อเปิดกลไลในห้องด้านทิศใต้ พาเธอมาโพล่ที่เจดีย์รูปกระต่ายในป่าช้าร้างหลังวัด ระหว่างทางเธอยังเจอโครงกระดูกห่มผ้าเหลืองนอนกองอยู่หว่างทางอีกหนึ่งศพ ไม่รู้ว่ามีใครเคยเข้ามาในนี้บ้าง ใครกันที่ได้กลับออกไปพร้อมกับสมบัติติดมือ แล้วใครกันบ้างที่ต้องจบชีวิตลงในห้องลับนี้ หญิงสาวสูดอากาศยามเช้าเข้าเต็มปอดเมื่อพาตัวเองออกมาสู่โลกภาพนอกได้สำเร็จ เหลือบดูแผลที่หัวไหล่ยังมีเลือดซึมไหลออกมานิดๆ แม้จะพันผ้าเอาไว้อย่างดี เธอเดินออกจากป่าช้าหลังวัด และตรงเข้าไปในในโบสถ์ จึงพบศพชายอีกคนนอนตายอยู่ด้านหลังพระประทาน ไม่มีรอยบาดแผลใดๆบนร่างกาย เธอสวดมนต์และอุทิศส่วนกุศลให้กับทุกชีวิตที่ต้องจากไป จากนั้นจึงตรงกลับไปที่รถ คราบน้ำตาได้จางหายไปแล้ว มีเพียงความทรงจำที่เธอจะไม่มีวันลืมเท่านั้นที่ยังคงอยู่ ทั้งในหัวสมอง และใน memory stick ของกล้องติจิตอลนี้ จบภาค แก้ไขเมื่อ 28 พ.ค. 48 00:39:43 จากคุณ : แกงส้มเช้ง - [ 28 พ.ค. 48 00:38:15 ]

ความคิดเห็นที่ 117 ขอบคุณคุณส้ม ที่แต่งเรื่องหนุกๆ ให้อ่าน ขอบคุณคุณ devilvodka ที่บอกให้มาอ่าน รออ่านเรื่องต่อไปค่ะ จากคุณ : หนูหมีน้อย - [ 28 พ.ค. 48 01:05:29 ]

ความคิดเห็นที่ 118 จบแล้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : HaMishNaRuk - [ 28 พ.ค. 48 07:53:47 ]

ความคิดเห็นที่ 119 สนุกมากๆ ค่ะ   ขอบคุณด้วยค่ะ ว่าแต่ ต่อไปนี้จะอ่านอะไรละเนี่ย จากคุณ : devilvodka - [ 28 พ.ค. 48 14:40:53 ]

ความคิดเห็นที่ 120 สนุกมากเลยคะ จากคุณ : kai_o - [ 29 พ.ค. 48 00:09:26 A:158.108.209.10 X: ]

ความคิดเห็นที่ 121 จะติดตามเรื่องต่อไปคับ........ จากคุณ : นธี - [ 29 พ.ค. 48 10:11:27 ]