CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    ใยแห่งรัก ตอนที่ 3

    “ปลอมเป็นผู้ชายเนี่ยนะพี่ธิศ มันจะดีเหรอ แล้วที่สำคัญจะให้น้ำไปอยู่ที่ไหนล่ะ”
    “คือว่า พี่รู้จักกับคนคนหนึ่ง เขาเป็นนักธุรกิจอยู่ที่เชียงใหม่ ทำธุรกิจ 2-3 อย่าง และยังทำรีสอร์ทด้วย เขาเป็นผู้กว้างขวาง อาจเรียกได้ว่าเป็นผู้มีอิทธิพลเลยก็ว่าได้ เท่าที่พี่รู้จักเขา แม้จะเป็นช่วงสั้นๆ แต่พี่ก็ดูออกว่าเขาเป็นคนดี มีความเป็นสุภาพบุรุษ ทำงานเก่ง พี่จะส่งแกไปอยู่กับเขา ”
    “พี่ธิศพูดว่าเขาดีอย่างนี้ น้ำชักอยากเห็นหน้าเขาซะแล้วซิ แล้วพี่ธิศรู้จักเขาได้ยังไง” ชลธิชาถามด้วยความสงสัย
    “พอดีเพื่อนพี่ ไอ้ดลน่ะ รู้จักกับเขา แล้วช่วงนั้นพี่ลาพักร้อนพอดี ก็เลยไปเที่ยวเชียงใหม่ และไปพักที่รีสอร์ทเขานั่นแหละ”
    “แล้วเขาชื่ออะไรล่ะ”
    “เขาชื่อ คุณ ภูวนาท แกเตรียมตัวไว้แล้วกัน ฉันคงไปส่งแกเร็วๆนี้ อยู่ที่นี่นานจะไม่ปลอดภัย”
    “คือ น้ำสงสัยอยู่อย่างหนึ่งว่าทำไม น้ำต้องปลอมตัวเป็นผู้ชายด้วยล่ะ”
    “ก็เพื่อให้พวกมันตามหาแกยากขึ้นน่ะสิ และเพื่อความปลอดภัยของตัวแกเองด้วย ไปอยู่ที่อื่นและปลอมเป็นผู้ชายคงจะปลอดภัยกว่าเป็นผู้หญิง” พอพูดจบชลธิศก็บอกน้องสาวว่า นี่ค่ำแล้ว “รีบกลับบ้านกันเถอะ
    เดี๋ยวพี่ไปส่ง รถน้ำน่ะเดี๋ยวให้ลูกน้องพี่ขับไปไว้ที่บ้านให้ละกัน”
    ........................................................................................................................................
    เมื่อกลับมาถึงบ้าน เธอกับพี่ชายไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้พ่อแม่ฟัง เพราะไม่อยากให้ท่านไม่สบายใจ หลังจากทานอาหารค่ำเรียบร้อยเธอก็ขอตัวขึ้นไปบนห้อง เธอคิดไม่ออกซะทีว่า ‘ของ’ ที่ไอ้เล็กว่าคืออะไร จึงนอนคิดอยู่บนเตียงแต่คิดเท่าไรก็คิดไม่ออกซะที เธอจึงหันไปค้นดูเสื้อผ้าที่พอจะใส่ได้ตอนที่จะปลอมตัวเป็นผู้ชาย ขณะที่กำลงค้นเสื้อผ้าอยู่นั้น ซองสีน้ำตาลซองหนึ่งก็หล่นลงมาจากกระเป๋าเสื้อคลุมสีดำ เธอหยิบขึ้นมาดูด้วยความสงสัยว่าเป็นของใครกัน ทันใดนั้นเธอก็นึกขึ้นมาได้ว่า วันนั้นเป็นวันที่ตำรวจเข้ามาจับกุมไอ้ใหญ่ เธอใส่เสื้อคลุมสีดำเข้าไปในห้องทำงานของไอ้ใหญ่ซึ่งอยู่ด้านหลังของโกดังเก็บของค้นหาหลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับการค้าของเถื่อนของมัน และพบซองสีน้ำตาลตกอยู่ข้างโต๊ะทำงานของมัน เธอจึงหยิบขึ้นมาดู แต่พลันได้ยินเสียงคนเดินมาทางห้องนี้ เธอจึงรีบหาที่หลบแต่ไม่ทันแล้ว มันเดินเข้ามาพอดี มันก็คือคนที่ถามหา’ของ’ในวันนั้น มันเห็นเธอถือซองสีน้ำตาลอยู่มันพยายามจะแย่งคืน เธอจึงรีบเก็บซองนั้นไว้ในกระเป๋าเสื้อ พร้อมๆกับที่มันยกปืนขึ้นเล็ง แต่เธอคว้าที่ทับกระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะนั้น ขว้างใส่หัวมัน แล้วรีบวิ่งออกจากห้องไป แต่ดันวิ่งไปเจอกับหัวหน้าใหญ่ ซึ่งก็คือไอ้ใหญ่นั่นเอง มันคงรู้แล้วว่าเธอหักหลังมัน มันจึงวิ่งไล่เธอ เธอจึงวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต แต่สุดท้ายเธอก็รอดมาได้เพราะพี่ชายของเธอมาช่วยได้ทันแบบเส้นยาแดงผ่าแปด คิดได้ดังนั้นเธอจึงวิ่งไปที่ห้องของชลธิศ เคาะประตูและส่งเสียงเรียกพี่ชายอย่างตื่นเต้น
    “พี่ธิศๆ เปิดประตูหน่อย น้ำรู้แล้วๆ” สักพักหนึ่งชลธิศก็มาเปิดประตู พร้อมกับพูดว่า
    “เอะอะอะไรกันยัยน้ำ พี่กำลังจะนอนพอดีเลย ง่วงจะตายอยู่แล้ว เมื่อคืนทำงานแทบไม่ได้นอนเลย”
    “พี่ธิศ น้ำคิดว่า น้ำรู้แล้วว่า’ของ’ที่มันต้องการคืออะไร” ได้ยินดังนั้น ชลธิศถึงกับหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง พร้อมทั้งรีบดึงแขนชลธิชาเข้ามาในห้องนอน และถามอย่างร้อนรน “อะไรล่ะ ยัยน้ำ”
    ชลธิชาจึงชูซองสีน้ำตาลให้ชลธิศดู “นี่ไง น้ำคิดว่ามันต้องการไอ้ซองนี้นี่แหละ”
    ชลธิศจึงหยิบมาพิจารณา พร้อมทั้งเปิดซองดูข้างใน พบว่าเป็นแผ่นซีดีแผ่นหนึ่ง เขาจึงรีบนำไปเปิดดู และแล้วทั้ง 2 คนก็พบว่าแผ่นซีดีแผ่นนั้นคือ ภาพการตกลงทำการค้าของเถื่อนร่วมกันระหว่างไอ้ใหญ่ กับ ผู้มีอิทธิพลคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนที่กรมตำรวจจับตาดูมานานแล้วแต่ยังไม่เคยหาหลักฐานมามัดตัวมันได้ซะที แต่เขาก็ต้องหาหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อจับมันให้ได้คาหนังคาเขา ชลธิศถึงกับมองน้องสาวด้วยความหนักใจ
    “ตอนนี้พวกมันคงร้อนใจมาก อยากตามตัวแกให้พบ พี่ว่าแกคงต้องรีบไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด”
    ..........................................................................................................................
    วันพรุ่งนี้เธอต้องไปเชียงใหม่แล้ว เธอยังไม่รู้จะบอกพ่อกับแม่ยังไงเลยว่าจะไปเชียงใหม่ทำไม ช่วงนี้พี่ก็งานยุ่งมากจนไม่ค่อยมีเวลากลับบ้าน แต่ก็ยังให้ลูกน้อง 4-5 คนมาเฝ้าที่บ้าน พลันเธอก็นึกถึง อินทิรา เพื่อนของเธอขึ้นมา เธอควรจะบอกเรื่องนี้กับเพื่อนของเธอ มือเร็วเท่าความคิด เธฮจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรถึงอินทิรา ทันทีที่อินทิรารับสาย เธอก็กรอกเสียงลงไปว่า
    “อิน เป็นยังไงบ้าง สบายดีมั้ย หมู่นี้เราไม่ค่อยได้เจอกันเลยนะ”ทั้งเธอและอินทิราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่มัธยมปลาย พอเข้ามหาวิทยาลัย เธอและอินทิรา ก็แยกย้ายกันไปเรียนคนละสาขา แต่ยังนัดเจอกันบ่อยๆ ครั้นจบมหาวิทยาลัย ต่างคนก็ต่างมีชีวิตของตนเอง อินทิราได้ทำงานเป็นเลขาให้กับผู้บริหารระดับสูงของบริษัทชื่อดังแห่งหนึ่ง และงานยุ่งจนไม่มีเวลามาพบกับชลธิชาบ่อยๆเหมือนแต่ก่อน ในขณะที่ชลธิชาจบบริหารมาแต่ยังไม่ได้ตั้งใจจะทำงานอย่างจริงจัง ทั้งๆที่พ่อของฌะอก็รอให้เธอมาช่วยอย่างเต็มใจ แต่เธอกลับไปช่วยงานของพี่ชาย ซึ่งเธอให้เหตุผลกับพี่ชายของเธอว่า ‘ที่น้ำช่วยพี่ก็เพราะ น้ำชอบอะไรที่มันตื่นเต้นโลดโผนแล้วศิลปะป้องกันตัวที่พี่ธิศสอนให้น้ำนั่นน่ะ น้ำคิดว่าน้ำเอามาใช้ป้องกันตัวเองได้ถึงจะไม่เก่งเท่าพี่ธิศก็เถอะ และที่สำคัญนะน้ำเชื่อว่าน้ำสามารถเอาตัวรอดได้ทุกครั้ง’ พี่ของเธอห้ามปรามบ่อยๆไม่ให้มายุ่ง แต่ชลธิชาก็ยังดื้อรั้นที่จะช่วยอยู่ร่ำไป ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมานี้ เธอจึงไม่ได้ติดต่อกับอินทิราเลยเพราะมัวแต่ช่วยงานของชลธิศ
    “น้ำ! ดีใจจังที่น้ำโทรมา ช่วงนี้อินไม่ค่อยว่างเลย ขอโทษนะที่ไม่ได้โทรหาเลย”
    “ไม่เป็นไรหรอกอิน เราเข้าใจว่าช่วงนี้อินงานยุ่ง เจ้านายเขาใช้อินหนักจังเลยนะ”
    “ก็ไม่เท่าไหร่หรอก พรุ่งนี้เจ้านายอินต้องไปประชุมที่เชียงใหม่ อินเลยต้องตามเจ้านายไปด้วย”
    “นี่ อินจะไปเชียงใหม่เหรอ?” ชลธิชาถามด้วยความตื่นเต้น
    “ใช่แล้วจ้ะ มีอะไรหรือเปล่าน้ำ ทำไมต้องทำเสียงตื่นเต้นขนาดนั้นด้วย”อินทิราถามด้วยความสงสัย
    “คือ น้ำมีเรื่องให้อินช่วยนิดหน่อยน่ะ” จากนั้นเธอจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้อินฟังตั้งแต่ต้น พร้อมทั้งขอให้อินทิราช่วยโทรมาขออนุญาติพ่อกับแม่ของเธอว่า จะชวนเธอไปเที่ยวเชียงใหม่ และอาจพักอยู่ 2-3 เดือนเพราะต้องการพักผ่อน เมื่ออินทิรารู้เรื่องทั้งหมดแล้วถึงกับตกใจและรับปากว่าจะโทรไปขออนุญาตพ่อแม่ของชลธิชาให้ ได้ยินดังนั้นชลธิชาจึงเบาใจหน่อยที่สามารถหาข้ออ้างไปเชียงใหม่ได้แล้ว
    หลังจากที่คุยกับอินทิราเสร็จ ชลธิศก็มารับเธอไปตัดผมสั้นและซื้อเสื้อผ้าผู้ชายเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการปลอมตัวเป็นผู้ชาย พอกลับมาที่บ้านในตอนเย็น แม่ของเธอถึงกับตกใจว่าทำไมเธอถึงไปตัดผมสั้นทั้งๆที่เธอไว้ผมยาวมาตลอด เธอบอกเหตุผลเพียงสั้นๆว่า ‘น้ำแค่อยากลองเปลี่ยนตัวเองมั่งน่ะค่ะแม่’ แม่ของเธอนั้นยังคงทำหน้าประหลาดใจ แต่ก็ไม่ซักถามอะไรต่อแต่กลับเรียกเธอเข้าไปคุยเรื่องที่อินทิราโทรมา พร้อมกับอนุญาตให้เธอไปเที่ยวได้ แต่ยังไม่วายกำชับอีกว่าให้ระวังตัวเองให้ดี อย่าไปก่อเรื่องวุ่นๆอีก
    จากนั้นเธอจึงเตรียมจัดข้าวของเครื่องใช้ต่างๆที่จำเป็นใส่กระเป๋าเสื่อผ้าใบเล็ก ส่วนเครื่องสำอางนั้นเธอทิ้งไว้ที่บ้านเพราะคงไม่ได้ใช้แน่ๆ ขณะที่กำลังจัดของอยู่นั้น เธอก็ได้ยินเสียงเคาะประตูพร้อมเสียงเรียก
    “น้ำ เปิดประตูให้พ่อหน่อยลูก พ่อมีเรื่องจะพูดด้วย”
    เธอจึงเดินไปเปิดประตูให้พ่อเข้ามาพร้อมกับถามว่า “พ่อมีเรื่องอะไรหรือคะ” พ่อของเธอหันมามองหน้าพร้อมกับยกมือขึ้นลูบหัวเธอ แล้วพูดว่า
    “พ่อรู้เรื่องที่น้ำต้องหนีไอ้พวกผู้ร้ายไปอยู่ที่เชียงใหม่แล้วละลูก นายธิศเขาเล่าให้พ่อฟัง”
    “แล้วพ่อโกรธน้ำหรือเปล่าคะที่ไม่เล่าให้พ่อฟัง แล้วนี่แม่รู้เรื่องนี้หรือเปล่าคะ”
    “ไม่รู้หรอก ถ้ารู้ล่ะก็ป่านนี้บ้านคงแตกแล้วล่ะ” พ่อเธอถอนหายใจพร้อมกับพูดว่า “พ่อรู้ว่าน้ำเอา
    ตัวรอดได้เสมอ ไปอยู่ที่นู่นแล้วระวังตัวให้ดีนะลูก”
    “ค่ะพ่อ” หญิงสาวรับคำพร้อมทั้งเข้าไปกอดพ่อ แล้วครุ่นคิดว่าต่อไปชีวิตของเธอจะเป็นยังไง เธอได้แค่ภาวนาให้พี่ธิศจับตัวไอ้พวกนั้นได้เร็วๆ

    จากคุณ : ปลายสน - [ 17 พ.ค. 48 10:33:39 A:203.172.51.22 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป