CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    ++The Shadow Stone++[ตอนที่ 5]

    ตอนที่ 5 : :::น้ำตา:::

    “เรื่องนี้ฉันอยากให้เป็นความลับ” กิลเบิร์ตนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน “ถ้ารู้มากมันจะไม่เป็นผลดี เรายังไม่รู้แน่ว่าใครอยู่เบื้องหลังเชอริแดน”

    “แล้วจะจับมันได้ยังไงล่ะครับ ยังไงมันก็ต้องดิ้นหลุดอยู่แล้ว ถ้าเรายังไม่รู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังมันเป็นใคร” รอยด์ซึ่งยืนอยู่ข้างโอเรนเอ่ยขึ้น

    “เรื่องนั้นต้องให้เชอริแดนเป็นคนล่อ เพราะฉะนั้นพวกนายต้องหาทางจับเชอริแดนให้ได้คาหนังคาเขา” กิลเบิร์ตลุกขึ้นแล้วเดินมาที่โอเรนและรอยด์ “อาทิตย์หน้ามันจะเอาเพชรที่ขโมยมาจากเทวรูปไซคีไปขายในตลาดมืดที่บรูตัสซิตี้ มันจะเดินทางโดยเรือคาร์เนเลียน กัปตันก็คือฟรองซัว ลูกค้าประจำของมัน ข่าวนี้แพร่ไปยังพวกที่ชอบซื้ออัญมณีเถื่อน รับรองได้เลยว่ามันคงเอาอัญมณีที่ขโมยมานำมาขายบนเรือนั้นแน่นอน” เขาแตะบ่าโอเรนและรอยด์ “นายต้องหาหลักฐานจับมันให้ได้ก่อนที่มันจะเอาเพชรไปขาย ต่อจากนี้ให้พวกนายจัดการแล้ว ฝากด้วยนะ”

    โอเรนและรอยด์โค้งให้กิลเบิร์ตก่อนจะเดินออกไป แต่โอเรนต้องหยุดเมื่อกิลเบิร์ตเรียกชื่อเขา

    “งานนี้เป็นงานใหญ่ในรอบปีเลยนะ” กิลเบิร์ตพูด

    “ครับ”

    “ถ้างานนี้สำเร็จฉันจะเสนอชื่อนายกับรอยด์เข้าหน่วยเบรฟ” กิลเบิร์ตตอบแล้วหยิบไปป์ขึ้นมาสูบ

    “ผมขอบคุณที่ให้โอกาสผมมากครับ แต่ผมคิดว่าคุณควรจะเสนอชื่อคนที่อยากจะเข้ารับตำแหน่งในเบรฟมากกว่า ผมต้องขออภัยด้วย ตอนนี้ผมยังพอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ไม่อยากไปแก่งแย่งชิงดีอะไรกับพวกนั้นนัก” โอเรนพูดแล้วโค้งศีรษะลงเล็กน้อย

    “ฮ่า ๆ ๆ ” กิลเบิร์ตหัวเราะชอบใจในความหยิ่งทะนงของโอเรน “ฉันคิดอยู่แล้วว่านายต้องปฏิเสธ นายนี่เหมือนฉันตอนหนุ่มๆเลยนะ”

    “ก็ดูคุณยังไม่แก่เลยนี่ครับ” โอเรนยิ้ม

    “เจ้าเด็กนี้หนิ” กิลเบิร์ตเดินมาตบหัวโอเรนเบาๆ “ฉันล่ะ ชอบนิสัยนายตรงนี่แหละ แต่ฉันว่านายควรจะพิจารณาข้อเสนอของฉันไว้บ้างนะ คนหนุ่มเก่งๆที่มีความซื่อสัตย์อย่างนายใน S SARB นะหายาก สมัยนี้คนที่เข้ามาทำงานใน S SARB เพราะอยากจะมีตำแหน่งใหญ่โตได้เป็นเบรฟ มีมากมาย S SARB ในสมัยนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนมีแต่การแก่งแย่งชิงดี ฉันก็อยากจะวางมือแล้วเหมือนกัน แต่ยังวางใจไม่ได้เลย อยากให้คนอย่างนายมารับตำแหน่งต่อมากกว่า” เขายิ้มอย่างเศร้าๆ

    “ไว้กลับมาผมจะลองพิจารณาดูแล้วกันครับ” โอเรนตอบตามมารยาท เห็นหน้ากิลเบิร์ตดูจะตั้งความหวังไว้ที่เขามาก
    ชายหนุ่มกับกิลเบิร์ตมีความผูกพันกันมาก ถึงแม้จะไม่ใช่พ่อลูกกัน แต่ความเอ็นดูของกิลเบิร์ตที่มีต่อเขานั้นไม่ได้น้อยไปเลย

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++

    “มันตื่นรึยัง?” โอเรนรู้สึกว่าเขาได้ยินเสียงของชายแก่พูดขึ้นในโสตประสาทของเขา

    “ยังเลยครับ คงอีกสักพักแหละครับ” อีกเสียงหนึ่งซึ่งดูจะยังเป็นหนุ่มรุ่นอยู่ตอบ

    โอเรนเริ่มรู้สึกตัว เขาพยายามที่จะลืมตา แต่อยู่ๆก็มีมือมาแตะที่หน้าอกของเขา โอเรนลุกพรึ่บขึ้นสะบัดมือนั้นออกทันที

    “โอ๊ย!!” เขาจับที่ท้องข้างขวาของตัวเอง มันรู้สึกเจ็บแปลบไปหมด เขาก้มมองเห็นว่าที่ท้องข้างขวาตอนนี้มีผ้าพันแผลพันอยู่

    “ตื่นแล้วสินะ” ชายหนุ่มพูด “อย่าเพิ่งลุกสิ แผลคุณยังไม่หายดี ถ้าคุณออกแรงมากมันอาจจะปริเอาก็ได้” เขาร้องห้ามเมื่อโอเรนกำลังจะลุกจากเตียง เขาดูน่าจะอายุไล่เลี่ยกับโอเรน ผมสีดำของเขาตัดสั้นเกียน ทำให้หน้าของเขาดูยาวกว่าปกติ เขาจับมือตัวเองที่โดนปัด ดูน่าจะเจ็บพอสมควร

    “คุณหลับไปตั้ง 3 วัน เอาล่ะ คุณนอนลงไป ผมจะตรวจร่างกายคุณดูหน่อย” เขาพูดแล้วดันโอเรนลง แต่โอเรนฝืน จ้องเขาอย่างไม่ไว้ใจ แล้วหันไปมองรอบๆห้อง เห็นหญิงสาวที่ร้องไห้ให้เขาเมื่อคืนกำลังนอนหลับสนิทอยู่บนโซฟา

    “แฟนคุณเฝ้าคุณอยู่ตั้ง 3 วันโดยไม่ยอมไปไหนเลย คุณเงียบๆหน่อยละกันเพราะเขาไม่ค่อยได้นอนนักหรอก มัวแต่มานั่งจ้องคุณอยู่ตลอด” ชายหนุ่มพูด

    “ที่นี่ที่ไหน” โอเรนไม่มีแรงที่จะอธิบายแล้วว่าเขากับคารีสไม่ได้เป็นแฟนกัน เขาถามขึ้นขณะที่ชายหนุ่มคนนั้นตรวจร่างกายของเขา “ฉันจำได้ว่าฉันขึ้นมาอยู่บนเรือหาปลา….” โอเรนพยายามนึก

    “เอาล่ะ คุณดูโอเคแล้ว แต่อย่าเพิ่งออกแรงแบบเมื่อกี้นะ คงต้องพักผ่อนอีกสักหน่อย คุณถูกยิงจนกระสุนเกือบจะทะลุท้องอยุ่แล้ว จริงๆแล้วคุณเสียเลือดมากเกินไปน่าจะไม่รอดด้วยซ้ำ ถ้าไม่ได้เลือดจากแฟนคุณ คุณคงจะไม่ได้ฟื้นมาแบบนี้หรอก” ชายหนุ่มพูดเมื่อตรวจร่างกายโอเรนเสร็จ

    “ผมชื่อเบ็น คาเดน ส่วนนั้นเดอริค พ่อของผม” เขาชี้ไปที่ชายแก่ที่ยืนอยู่หน้าประตู “ผมเป็นหมอประจำเกาะนี้ ตอนนี้คุณอยู่บนเกาะโคลาโด คุณสลบไปหลังจากที่เราช่วยคุณขึ้นมาบนเรือ ผมไม่รู้ว่าคุณถูกยิงได้ยังไง แต่หวังว่าคงมีคำอธิบายให้พวกเราได้นะ” เขาเก็บเครื่องมือที่ใช้ตรวจ “หายไวๆแล้วกัน พวกผมอยากจะฟังเรื่องราวทั้งหมดเต็มทีแล้ว”

    โอเรนมองตามเบ็นที่เดินออกไปจากห้อง เขามองสำรวจดูรอบๆห้อง ห้องนี้เหมือนกับเป็นห้องพยาบาลยังไงยังงั้น มีตู้ยาวางอยู่ตรงมุมด้านหนึ่งและมีเครื่องมือทางการแพทย์วางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบบนชั้นวางของข้างๆตู้ยา เฟอนิเจอร์นั้นมีเพียงเตียงที่เขานอนกับโซฟานุ่มๆ ที่คารีสกำลังหลับอยู่เท่านั้น เขาลุกขึ้นนั่งแล้วมองตรงมาที่คารีส เขาจำได้ว่าก่อนที่เขาจะสลบหญิงสาวร้องไห้ให้เขาไม่ยอมหยุด น้ำตาไหลอาบเต็มใบหน้า เขาไม่เคยคิดว่าจะมีใครร้องไห้ให้เขาได้ขนาดนั้น เขาอยู่ตัวคนเดียวมาตลอด ไม่มีพ่อและแม่หรือญาติที่ไหนที่คอยเลี้ยงดูเขา เขารู้แค่ว่าพ่อและแม่ของเขาตายไปหลังจากเขาเกิดแค่เดือนเดียว ตายโดยไม่รู้สาเหตุด้วยซ้ำ เขาเติบโตมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า การที่ได้อยู่ที่นั้นทำให้เขาต้องต่อสู้เพื่อปกป้องตนเอง ต้องทำสิ่งต่างๆด้วยตัวเอง เขามักจะคิดว่าไม่มีใครที่เขาจะพึ่งพาได้และไม่มีใครที่จะอยู่เคียงข้างเขาได้ตลอด เขาจึงเป็นคนชอบความอิสระ ไม่ยึดติดกับใคร

    โอเรนลุกลงจากเตียงจะเดินไปที่คารีส แต่เขาสะดุดกับขาตั้งสายน้ำเกลือเข้าจนมันล้มลง “โอ๊ย!!”

    “นายตื่นแล้วเหรอ?!!” คารีสสะดุ้งตื่นทันทีเมื่อได้ยินเสียงและรีบไปช่วยโอเรนที่ยืนโค้งกุมแผลตัวเองเอาไว้

    “เป็นอะไรมากไหม?” คารีสช่วยพยุงโอเรนมาที่เตียง “นายตื่นมาเมื่อไหร่? แล้วนายลุกเดินทำไมจะเอาอะไรทำไมไม่เรียกฉันล่ะ”

    ชายหนุ่มไม่ตอบอะไร เขาจ้องมองมาที่คารีสอีกครั้ง “นายยังเจ็บมากอยู่เหรอ นายจะเอาน้ำไหม หรือยังไงดี ให้ฉันเรียกคุณเบ็นดีไหม?” คารีสพูดรัวไม่หยุด เธอรู้สึกดีใจและโล่งใจเป็นที่สุดที่โอเรนฟื้นขึ้น

    “ไม่ต้องหรอก ฉันคุยกับเขาแล้ว แค่อยากจะลุกเดินเฉยๆ” ชายหนุ่มตอบอย่างเหนื่อยๆ แต่ยังคงจ้องไปที่หญิงสาว และต้องตกใจที่น้ำตาเริ่มเอ่อล้นและไหลอาบบนใบน้ำหญิงสาว

    “เธอเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม!?” เขาถามและเอื้อมมือจะไปเช็ดน้ำตาให้

    “เปล่าๆ ฉันไม่เป็นไร แค่ดีใจที่นายฟื้นขึ้นมาซักที ฉันกลัวแทบแย่ กลัวว่านายจะตาย” หญิงสาวปราดคราบน้ำตาออก “แล้วทำไมนายไม่บอกว่านายถูกยิง ทำไมถึงทนว่ายน้ำอยู่ได้ตั้งนาน” คารีสต่อว่า

    “ถ้าบอก เธอก็คงจะกลัวมากกว่านี้น่ะสิ” โอเรนตอบ “เลิกร้องไห้ได้แล้ว เรื่องแค่นี้จะร้องทำไม”

    “นายบอกเรื่องแค่นี้งั้นเหรอ นายเกือบจะตายอยู่แล้วนะ เป็นเพราะฉันแท้ๆเลย ถ้าฉันเอะใจมากกว่านี้คงจะรู้ว่านายถูกยิง” หญิงสาวยังคงร้องไห้ต่อ

    “มันไม่เกี่ยวกับเธอหรอกน่า บอกหรือไม่บอกมันก็มีค่าเท่ากันนั้นแหละ” โอเรนพูด มองหน้าคารีสเมื่อวานเธอก็ร้องไห้แบบนี้ เป็นครั้งแรกจริงๆที่มีคนร้องไห้เพราะเป็นห่วงเป็นใยเขา เขาควรรู้สึกว่ามีแสงสว่างเล็กๆเกิดขึ้นท่ามกลางความมืดในหัวใจของเขา “ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณเธอที่ช่วยฉันไว้เพราะฉะนั้นเลิกร้องไห้ได้แล้ว” เขาหันหน้าหนีแล้วหลับตาลง

    คารีสมองโอเรนที่ดูเหมือนต้องการจะพักผ่อน เธอจึงเช็ดน้ำตาแล้วบอกเขาว่า “งั้นฉันไม่กวนแล้ว นายพักผ่อนมากๆนะ” เธอกำลังจะเดินไปที่ประตูแต่โอเรนก็พูดขึ้น

    “แล้วเธอ…ก็พักผ่อนด้วยแล้วกัน”

    คารีสไม่พูดอะไรแต่หันมายิ้มให้เขาถึงเขาจะไม่เห็นก็ตาม เธออยู่บนเกาะนี้ด้วยความหวาดกลัวมาหลายวัน พอโอเรนตื่นขึ้นก็รู้สึกใจชื้นขึ้น เธอคงทำอะไรไม่ถูกถ้าโอเรนเกิดเป็นอะไรไป เธอยอมรับว่าเธอยังดูเป็นเด็กอ่อนประสบการณ์อย่างที่เขาว่าไม่มีผิด ถึงอย่างนั้นเธอก็ช่วยชีวิตเขาไว้ได้

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++

    จากคุณ : Felicia - [ 17 พ.ค. 48 21:40:53 A:202.183.212.119 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป