วันฟ้าเหงา..ฝนเศร้า..และความว่างเปล่า
สายฝนปรอยๆ จากท้องฟ้าที่หยาดหยดลงมาตามหน้าต่างออฟฟิต ดูแล้วเหมือนกระจกหน้าต่างกำลังร้องไห้...ร้องไห้โดยมีใบหน้าของผมสะท้อนอยู่ในเงากระจกนั้น มันก็น่าแปลกที่กระจกบานนี้ก็เป็นเพียงกระจกหน้าต่างธรรมดา ไม่ใช่กระจกวิเศษเหมือนในเทพนิยาย แต่มันกลับสามารถตอบคำถามของผมที่ว่า กระจกเอ๋ย บอกข้าเถิด ตอนนี้ใจของข้ารู้สึกเช่นไร แล้วมันก็ตอบว่า นายท่าน ในใจของท่านกำลังร้องไห้ ร้องไห้เพราะความโหยหาใครคนหนึ่งในวันที่ฟ้าเหงาเช่นนี้ มันตอบถูก...
เพราะสายฝนที่ตกมาไม่ขาดสาย แม้จะไม่หนักมากนัก แต่ก็คงทำให้เราเปียกปอนกันพอดูกว่าจะกลับถึงบ้าน ทำให้ผมและเพื่อนร่วมงานทุกคนยังคงนั่งเล่น พูดคุยกันในออฟฟิตแม้จะเลิกงานแล้ว เสียงพูดคุย แซวกันไปมา เสียงหัวเราะของเพื่อนๆ ไม่สามารถดึงสายตาของผมกลับมาจากการมองท้องฟ้าได้ เวลานี้ท้องฟ้าได้ถ่ายทอดความหมายของคำว่าโลกเป็นสีเทาได้เป็นอย่างดี ทุกสิ่งดูหม่นหมองไปจนหมด ต้นไม้สีเขียวที่ควรจะดูสดชื่นจากฝนกลับดูโดดเดี่ยวและเฉยชา ดอกไม้หลากสีที่ตกแต่งในสวนของบริษัทดูเศร้าสร้อยอย่างน่าประหลาด ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะความเหงาจากเบื้องบน ความเหงาจากท้องฟ้าสีเทาที่โอบล้อมพวกเราอยู่ เหมือนเวลาเรารู้สึกว่าเพื่อนของเราไม่สบายใจ เราเองก็จะรู้สึกเช่นเดียวกัน ยิ่งมองฟ้าผมยิ่งเหงาแต่ผมกลับไม่สามารถถอนสายตาจากมันได้ เหมือนกับยาเสพติด รู้ว่ามองแล้วทำให้เรารู้สึกเศร้า ไม่มีความสุขแต่กลับชอบที่จะมองมัน ยิ่งมองยิ่งหมองหม่น ยิ่งรู้สึกว่าเราเองช่างไร้ค่าเสียเหลือเกิน ความน้อยใจที่ไม่รู้ว่าน้อยใจใครหรือน้อยใจเพราะอะไรก็พรั่งพรูออกมา คงเพราะความรู้สึกที่เราได้รับรู้ว่า ท้องฟ้าที่แสนกว้างใหญ่ แผ่ขยายราวไม่มีที่สิ้นสุด สดใสและร่าเริงก็ยังมีวันที่เหงาได้ นับประสาอะไรกับเราที่เป็นเพียงคนตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งเล่า
ในเวลาที่ฟ้าเป็นสีเทาอย่างนี้ จะมีสักกี่คนกันเต็มใจจะแหงนหน้าขึ้นมองฟ้าเพื่อพบกับสีเทาและความหม่นหมอง แทบทุกคนที่ชอบมองฟ้าสดใสมักเบือนหน้าหนีกันหมด ทั้ง ๆ ที่มันไม่ใช่ความผิดของฟ้าเลยสักนิดเดียว ในเมื่อท้องฟ้าเป็นเหมือนเพื่อนเรา เรามีความสุขเมื่อท้องฟ้าสดใสเป็นสีฟ้า เมื่อยามท้องฟ้าเหงา เราก็ไม่ควรจะหนีเพื่อนของเราไปไหน ร่วมเหงาด้วยกันกับท้องฟ้าจึงจะถูก คงมีผมเพียงคนเดียวกระมังที่มีความสุขเมื่อได้เหงาไปกับท้องฟ้า เพราะทั้งความเหงาและท้องฟ้าต่างเป็นเพื่อนผมทั้งคู่ สายฝนเริ่มสร่างซาลง ทุกคนในออฟฟิตต่างทยอยกันเก็บของและเริ่มกลับบ้าน ผมเองก็เช่นกัน ผมบิดมอเตอร์ไซค์คู่ใจฝ่าสายฝน ตอนนี้ผมไม่สามารถมองท้องฟ้าขณะขี่รถได้ ไม่เช่นนั้นผมคงจะไม่สามารถเห็นท้องฟ้าได้อีกครั้ง แต่สิ่งที่มาแทนคือความรู้สึกเย็นที่กระทบกับผิวกายของผม เม็ดฝนที่โปรยปรายลงมาก็คงจะมีความหนาแน่นเท่าๆ กันทุก ๆ ตารางเมตรแต่ผมกลับรู้สึกหนาวเหน็บกว่าคนอื่น สายฝนสาดซัดมาจากด้านหน้าแต่ด้านหลังของผมกลับรู้สึกเยือกเย็นเหลือเกิน เพราะมันไม่มีไออุ่นจากใครบางคนที่อยู่ด้านหลังของผมนั่นเอง มันหนาวจนผมต้องห่อตัว อยากจะหลับตาให้พ้นจากภาพที่มองเห็น ภาพของคนที่มีคู่ มีคนซ้อนอยู่ด้านหลัง อยากหลับตาหนีจากภาพที่เห็นอ้อมแขนของคนซ้อนเขาโอบกัน สิ่งที่ผมทำได้มีเพียงแค่เร่งความเร็วให้มากขึ้น ราวกับจะให้เป็นหนึ่งเดียวกับสายฝน ผมกระซิบเบาๆ ขอบใจสายฝน ขอบใจที่ร้องไห้เป็นเพื่อนผมในวันที่ฟ้าเหงา ฝนเศร้าและว่างเปล่าอย่างนี้
รบกวนช่วยวิจารณ์ด้วยนะครับ ขอบคุณครับที่สละเวลาอ่าน
จากคุณ :
Kimjiboy
- [
18 พ.ค. 48 15:55:47
]