ตอน ขุนสุนทรโวหาร
ปรานทัศน์ทำหน้าเลิกลัก ตาโตเป็นไข่ห่าน
เอ็งเป็นอะไรไปหรือไอ้ทิศ ชายแก่คนหนึ่งถาม
ผมคงบ้าไปแล้วล่ะครับ เอ่อ...ลุงครับ ที่นี่ที่ไหนครับปรานทัศน์ถาม ชายแก่ทำหน้างง
อ้าว เอ็งไม่ใช่คนแถวนี้ดอกรึ ที่นี่น่ะท่าน้ำวังหลัง คลองบางกอกน้อย
แล้วพวกลุงมาทำอะไรอยู่แถวนี้ล่ะครับ
ข้าก็มารอขึ้นเรือสิว๊ะ เอ็งนี่ถามแปลก
สิ้นบทสนทนาเขามองไปรอบ ๆ ที่ตัวเขานอนอยู่นั้นมันแทบจะกลางแจ้งเลยก็ว่าได้เป็นท่าเรือเล็ก ๆ มีไม้กระดานวางเรียงอยู่ไม่กี่แผ่นดูจากสภาพแวดล้อมเขาสรุปเอาเองว่าเป็นแถวกรุงธนบุรีเขาลุกขึ้นเดินไปรอบ ๆ ในตอนแรกเขานึกว่าตัวเองฝันไปจนกระทั่งเขาเดินเหม่อไปเตะเอาก้อนหินริมทางเดินและรู้สึกว่าเจ็บมากจึงมั่นใจมากขึ้นว่าไม่ได้ฝัน
สภาพบ้านเมืองตอนนั้นเหมือนกำลังจะมีงานใหญ่เกิดขึ้นสังเกตได้จากการประดับประดาอย่างสวยงาม
เอ...มันสมัยไหนนะ เขาเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองในใจเขาเดินเรื่อยเปื่อยไปมาจนแน่ใจแล้วว่าหมดหนทางที่จะรู้เองแล้วจึงเข้าไปถามชาวบ้านแถวนั้น
ขอโทษนะครับ ตอนนี้ปีอะไรครับ
อ้าวพ่อหนุ่มที่นอนอยู่ที่ท่าน้ำวังหลังใช้ไหม ที่ไหนก็ไม่รู้ปีอะไรก็ยังไม่รู้อีกชายแก่ยิ้มเยาะ
ปีนี้น่ะ พ.ศ. ๒๓๖๗ ไง
อ้อ จริงสิผมเอ๊ย! ฉันก็ลืมไป แล้วนี่พวกลุงกำลังทำอะไรอยู่หรือจ๊ะเขาแกล้งตามน้ำเพราะเริ่มรู้ตัวกับสถานการณ์แล้ว
บ๊ะ ไอ้นี่ชั่งซักเสียเหลือเกิน เอ็งมิรู้หรือไง ว่าถัดไปอีกสองวันจะเริ่มสถาปนาพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ใหม่ เขาว่าพระเจ้าลูกยาเธอกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ จะได้ขึ้นครองราชย์เป็นพ่ออยู่หัวองค์ต่อไป
อ๋อเปลี่ยนรัชกาล!
ไอ้หนุ่มเอ็งพูดอะไรของเอ็งว๊ะ ข้ามิเห็นรู้เรื่องเลยพูดจาแปลก ๆ ชายแก่ตั้งข้อสังเกต
เอ่อ...ไม่มีอะไรจ๊ะ แล้วพ่ออยู่หัวพระองค์เดิมทรงพระนามว่าอะไรล่ะจ๊ะ
ก็ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยไงเอ็งนี่ ช่างซักเสียจริงข้ามิพูดด้วยแล้วข้าจะทำงานต่อ พูดเสร็จชายแก่ก็เดินสะบัดหน้าหนีไปเพราะกลัวว่าเขาจะถามอะไรอีก
ร.2 อ๋อ กำลังสถาปนา ร.3 นี่เอง
ปรานทัศน์เดินเตร่มาเรื่อยเขาข้ามสะพานมาฝั่งรัตนโกสินทร์บ้านเมืองตอนนั้นสวยงามและดูเป็นระเบียบเรียบร้อยดีและประกอบกับกำลังจะมีงานฉลองใหญ่จึงทำให้ดูร่มรื่นมากกว่าเดิมในขณะที่เขาชมทัศนียภาพสองข้างทางอยู่นั้นก็ได้ชนใครคนหนึ่งเข้าด้วยความแรง
อุ๊ย ขอโทษครับ เป็นอะไรหรือเปล่าครับปรานทัศน์รีบขอโทษทันที
ชายวัยกลางคนหันมายิ้มให้ มิเป็นไรดอก แล้วเจ้าล่ะเป็นเยี่ยงไรบ้าง ชายคนนี้แต่งกายสะอาดสะอ้านดูภูมิฐานอีกทั้งยังดูใจดี
ไม่เป็นอะไรครับปรานทัศน์ก้มหน้าตอบ
เอ สำเนียงเจ้าแปลก ๆ คงมาจากที่อื่นล่ะสิ มิต้องก้มหน้าดอกข้ามิเหมือนเจ้านายคนอื่นดอก ดูจากการแต่งองค์ทรงเครื่องแล้วเจ้าคงมิใช่ไพร่ธรรมดาใช่ไหมชายวัยกลางคนถามด้วยความสงสัย
ครับ
ขอรับ มิใช่ครับ มันห้วนเกินไป แล้วนี่เจ้าพูดอย่างอื่นมิเป็นแล้วหรือ
ครับ เอ๊ย ขอรับ
แน๊ะ เจ้านี่น่าขันดีนะ
แล้วเจ้ามาจากไหนล่ะ ชายวัยกลางคนซักอีก
เอ่อ...เมืองไทยครับ ปรานทัศน์ตอบ
เมืองไทย หรือ อืม...อยู่ไกลจากกรุงรัตนโกสินทร์มากไหม เขาตั้งคำถามอีก
ไกล ไกลมากเลย ปรานทัศน์รีบรับคำ
ถึงว่าสิข้ามิเคยรู้จัก
แล้วนี่ เจ้าค้างแรมที่ไหนล่ะ
ยังไม่รู้เลยขอรับ
ถ้าเยี่ยงนั้น เจ้าไปพักค้างแรมอยู่ที่บ้านข้าก่อนดีไหม ชายวัยกลางคนออกปากชวน
ก็ดีขอรับปรานทัศน์รีบตอบตกลงเพราะเขาเองก็ไม่รู้จะไปนอนที่ไหนเหมือนกันเขามีของติดตัวมาเพียงอย่างเดียวคือหนังสือเล่มนั้น
แล้วเจ้าชื่ออะไรหรือ
กระผมชื่อทัศน์ขอรับ
อือชื่อไพเราะดีนะ อย่างกับเป็นเจ้าขุนมูลนายเลย ข้าชื่อ ภู่
ภู่เหรอ!ปรานทัศน์เผลออุทานด้วยความตกใจ
ทำไมรึ
เอ่อ เปล่าขอรับเขาหวังว่าจะไม่ใช่คนคนเดียวกับที่เขาคิดไว้ ใจหนึ่งเขาก็ไม่อยากให้เป็นคนที่เขาไม่ชอบแต่อีกใจหนึ่งก็อยากรู้จึงตัดสินใจถามออกไป
แล้วท่านทำงานอะไรหรือขอรับ
ข้าได้บรรดาศักดิ์เป็นราชกวีที่ปรึกษา เจ้านี่สงสัยมาไกลจริง ๆ นะ ไม่รู้จักข้า ขุนสุนทรโวหาร คือชื่อในตำแหน่งของข้า
ปรานทัศน์ได้ยินเช่นนั้นเขาแทบจะเป็นลม ใช่จริง ๆ ชายคนนี้คือสุนทรภู่เขาเริ่มคิดได้ว่าที่เขาต้องมาอยู่ในยุคนี้มันต้องมีเหตุผลบางอย่างแน่ ๆ แล้วเหตุผลเหล่านั้นคืออะไรล่ะเขาเริ่มตีโจทย์ไปทีละอย่างทั้งหมดเริ่มจากหนังสือเล่มนั้นมันก็ต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกันแน่ ๆ
จากคุณ :
ขุนไกรพลพ่าย
- [
19 พ.ค. 48 23:59:47
A:61.91.75.114 X:
]