CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    พระจันทร์ดวงเดียว ตอนที่ 2

    ตอนที่ 2

    “อ้าว..... ไอ้นี้มานอนอะไรตรงนี้
    ห้องหับมีไม่ขึ้นไปนอน”
    .......คุณอำพลบ่นเมื่อเห็นลูกชายตัวดี
    นอนหมดสภาพอยู่ที่โซฟาห้องนั่งเล่น

    “ใครอยู่ตรงนี้บ้าง มาช่วยพยุงคุณฤทธิ์ขึ้นห้องหน่อยเร้ว”
    คนรับใช้สองสามคนเดินตามกันออกมา
    แต่ทว่าเมื่อดูรูปร่างแล้ว คุณอำพลก็ได้แต่ไล่ออกไป

    “ไปตามนายชมกับนายชื่นมาไป้
    … อ้อ อย่าลืมเอาผ้าเย็นขึ้นมาด้วยสักสองผืนนะ”
    “คะ”

    พอสองพี่น้องเดินออกมาคุณอำพลก็ชี้ไปที่ร่างของลูกชายคนเดียว
    “รู้ละนะ ต่อไปนี้มีงานเพิ่มขึ้นมา”
    “ไม่เป็นไรขอรับ คุณท่าน”
    นายชมผู้เป็นพี่เอ่ยขึ้น แล้วทั้งสอง
    ก็พยุ่งร่างของนายหนุ่มขึ้นไป
    ซึ่ง.....กว่าจะถึงห้องนอนได้ก็เล่นกับหอบกันทั้งคู่
    เมื่อจัดแจงให้ชายหนุ่มนอนเรียบร้อยคุณอำพล
    จึงบอกให้ทั้งสองออกไป
    “ขอบใจมาก ไปนอนเถอะ”
    “ขอรับ”

    คุณอำพลรับผ้าเย็นทั้งสองผืนมา
    ก็ลงมือเช็ดหน้าเช็ดหน้าให้กับลูกชาย
    ทั้งพินิจ...ดูบุคคลที่นอนแน่นิ่งอยู่นี้
    ว่า....มีส่วนใดบ้างหนอ ที่ถอดมาจากพ่อ
    แต่....หาเท่าไรก็พบแต่เพียงใบหน้า
    ของภรรยาเก่า....ที่เสียชีวิตไปแล้ว
    อีกทั้ง....นิสัยก็ถอดมาจากทางคุณตาคุณยายเสียสิ้น
    .......แล้วจะมีไหม วันที่.......ลูกชายคนนี้......จะยอมรับสิ่งต่างๆเสียที






    แสงตะวันที่ส่องเข้ามาทางม่านสีครีม
    ที่เปิดออก ทำให้ร่างที่นอนสงบนิ่งอยู่เริ่มเคลื่อนไหว

    “ตื่นได้แล้วคะคุณฤทธิ์ สายแล้วนะคะ”
    เสียงแม่บ้านเก่าแก่คุ้นหูทำให้ชายหนุ่มยิ้มออกมานิดหนึ่ง
    “เอตอนชั้นไม่อยู่นี้ ป้าแช่มไปปลุกใครนา อยากรู้จริง”
    “โถ......จะให้ไปปลุกใครละคะ
    นอกจากนังเล็กๆ พวกข้างล่างที่นับวัน
    มันจะขี้เกียจกันหนักขึ้น”
    ชายหนุ่มยังคงไม่ลืมตา แต่ก็แสดงให้รู้ว่า
    เขาไม่ได้เสียอารมณ์กับการที่แม่บ้านมาปลุก

    “ก็ปล่อยเขานอนมั้งซิ ทำงานมาเหนื่อยด้วยกันทุกคน
    คนใช้แรงงานนะเขาเหนื่อยกว่าคนใช้สมองหลายเท่า”

    “ลองคุณฤทธิ์พูดยังงี้ เดี๋ยววันพรุ่งนี้
    ป้าแช่มจะให้พวกนั้นตื่นสักเที่ยงเป็นไงคะ”

    “พูดแค่นี้......ทำงอนเป็นสาวๆ”
    ชายหนุ่มลุกขึ้นมา......โถมกอดร่างอวบอ้วนนั้นไว้ทั้งตัว

    “โอ้ย.....หัวใจจะวาย
    ป้าแก่แล้วนะคะ พรวดพราดทีลมจะใส่
    ไป...ไปอาบน้ำเถอะคะเหม็นขี้ฟันจะแย่
    ป้าไม่ใช่สาวๆของคุณนะคะ
    จะได้มานอนให้คนไม่อาบน้ำกอด”

    “ต้องอาบน้ำให้ชุ่มว่างั้นเถอะ”
    “นี้.....นี้.... ไม่ต้องมาล้อคนแก่เลยนะคะ”
    ก็เนื่องว่า...นายชุ่ม....นั้นเป็นสามีของนาง
    ซึ่งตั้งแต่เด็ก ชายหนุ่มจะติดสอยห้อยตาม ไปดูนายชุ่มทำนั้นนี้เป็นประจำ หรือเวลาที่ ลูกชายทั้งสองคนของนางกลับจากโรงเรียนแล้ว ไปเล่นจับปลา เด็กชายวฤทธิ์ก็จะตามไปด้วย .....ซึ่งแน่นอนว่าต้อง....ไม่ใช่เวลาที่คุณผู้หญิงอยู่บ้าน
    “เล่นเป็นเด็ก คนดีของป้าไปอาบน้ำนะคะ วันนี้ต้องออกไปทำงาน”
    “ถ้าผมมีเมียก็จะหาอย่างป้าแช่ม ให้ได้เลยถูกใจจริงๆ” ชายหนุ่มสลัดผ้าห่มออกจากตัว .....เดินไปรับผ้าขนหนูจากมืออันเหี่ยวย่นของแม่บ้าน
    “อย่าเลยคะ . ...... ป้านะไม่ได้เรียนหนังสือหนังหา คุณฤทธิ์นะต้องหาเมียที่มีความรู้ รักคุณมากๆ”
    “แล้วฉันจะไปหาที่ไหนละ แนะนำหน่อยซิจ๊ะ” แม่บ้านเอกมองพิจาราณาใบหน้าล่อเหลานั้นพลางแย้มริมฝีปาก
    “คุณหาเองดีกว่าคะ....... ป้าถือคติปลูกเรือนตามใจผู้อยู่”
    “ว้า...นึกว่าเราจะได้หนึ่งในผู้เข้าประกวด” ชายหนุ่มผิวปากเดินเข้าห้องน้ำไปพลางฮัมเพลงตามจังหวะ จนแม่บ้านเอกที่ยืนฟังอยู่อดยิ้มไม่ได้ เมื่อกลับออกมา เตียงนอน สะอาดเรียบร้อย หากเมื่อเข้ายืนแต่งตัวอยู่หน้ากระจกเตรียมออกไปทำงาน โทรศัพท์ส่วนตัวก็ดังขึ้น
    “ฮัลโหล”
    “ฤทธิ์ แกออกมาเลยนะมีเรื่องด่วน”
    ท่าทีร้อนรนของเพื่อนทำให้ชายหนุ่มร้อนรน พลางยิ้มเนกไท แล้วรีบเดินออกไปจากห้องนอน
    “มีเรื่องอะไร”
    “ฉันขับรถชนคน" "ใคร" "แกรีบมาเถอะอย่าเพิ่งซักฉันมาก " ชายหนุ่มรีบเดินไปยังรถยนต์โดยไม่ได้สนใจ
    แม่เลี้ยงที่กำลังนั่งอยู่โต๊ะอาหาร เขาไม่สนใจใครทั้งนั้น
    ไม่ว่าจะเป็นพ่อผู้ที่เขารู้ได้ว่ามองตามหลังเขามา
    ถึงจะไม่มีคำถามตามมาเลยก็ตาม
    เมื่อชายหนุ่มขับรถมาถึงธำรงค์
    ได้มารออยู่แล้วที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์
    ของโรงพยาบาลท่าทีกระวนกระวาย
    ของเพื่อนทำให้เขาเร่งจังหวะเก้าเท้ามากยิ่งขึ้น

    “ขับรถชนใครเข้าวะ”

    ธำรงค์มีสีหน้าที่แสดงออกมาชัดเจน
    ว่าตกใจและว้าวุ่นมากจนชายหนุ่มคิดว่า
    หรือจะคนใหญ่คนโต

    “ชนคุณนานะซิ”
    “นาไหน”
    “ไอ้..”
    ธำรงค์ที่กังวลใจอยู่แล้วพึมพำด่าเสียยืดยาว

    “ก็ใครจะไปรู้วะว่ายัยนั่น
    แล้วนี้อาการหนักมากหรือไง”

    น้ำเสียงของเขาห้วนจัด
    จนคนที่โทรเรียกมาคิดว่าตัวเองคงเรียกตัวคนช่วยผิด
    น่าจะชวนเพื่อนคนอื่นมาน่าจะดีกว่าไอ้นี้
    หากยังไงเขาก็เชิญให้เจ้าตัวมาร่วมวงรับรู้
    ด้วยแล้วจึงต้องปล่อยเลยตามเลย

    “เซ่อซ่ายังไงละถึงโดนรถแกชนเข้าตาย “
    นำเสียงที่ไม่มีความห่วงใยใดๆของเพื่อนยิ่งทำให้ธำรงรู้สึก
    ผิดมากขึ้น

    “คุณนาไม่ได้ผิดหรอก ข้าเลี้ยวรถแล้วมองทางไม่ชัด
    เลยเสยเข้าให้ แกไม่ต้องทำหน้ายังงั้นเลยนะ
    เจ้าฤทธิ์มาก ฉันผิดจริงๆ ไม่ได้แก้ตัวแทนน้องสาว
    แกหรอก”

    “ไม่ใช่น้องฉัน แกไม่ต้องมายัดเยียด ไม่ตายหรอก
    เชื้อหนังหนาถ่ายทอดมาจากแม่ขนาดนั้น
    แกอย่าเป็นห่วงเขามากนักเลย ข้ารีบมาแทบตาย
    นึกว่าแกขับรถชนนายก หรือลูกท่านหลานเธอ
    ถ้าเป็นยัยนี้ ฉันกลับก่อนดีกว่าขี้เกียจเสียเวลา”

    ชายหนุ่มเดินจากไปโดยไม่ได้สนใจเพื่อนที่กำลังหน้ายุ่ง
    แล้วหัวเสียอยู่ด้านหลัง


    หลังจากที่ชายหนุ่มขับรถออกมาจากโรงพยาบาลแห่งนั้น
    ก็หวนให้คิดถึงว่า อีกไม่นานหรอกที่บ้านเขา เป็นได้
    ยกขบวนมาเยี่ยมยัยบ้านั้นแน่นอน ทั้งพ่อเขาที่เห็นลูกคนอื่น
    ดีกว่าลูกตัว แม่เลี้ยงที่คงจะโอ๋ลูกสาวยังกะไข่ในหิน

    ผู้หญิงสองคนนี้เมื่อไหร่จะหายไปจากชีวิตเขาซะที
    อยากจะถามแม่นักว่า ทำไม ทำไมแม่ถึงต้องจาก
    เขาไปเร็วแบบนี้ ปล่อยให้นางกลางเมืองขึ้นมาแทนตำแหน่ง
    แม่ของเขา
    “จำไว้เถอะ ฉันไม่ตายไปนังสองคนนี้ไม่มีวัน
    ซะละที่จะมีความสุข “

    ชายหนุ่มเขาสำนักงานในตอนบ่าย โดยผู้เป็นบิดาตามมาในตอนบ่าย
    หากเขาก็ยังไม่เห็นว่าผู้เป็นบิดาจะระแคะระคาย ข่าว ที่เขากลัวนักกลัวหนา
    จนเขาอดแย้บไม่ได้

    “ลูกสาวของพ่อเขาเป็นไงบ้างครับหมู่นี้”

    คุณอำพลถึงกับขมวดคิ้ว แปลกใจ ที่ลูกชายตัวดียอมถามถึงหนูนา
    ได้ หากความเป็นผู้ใหญ่ที่อยากเห็นความปรองดองของลูกทั้งสอง
    มากกว่าสิ่งอื่นใด ก็ทำให้ผู้เป็นพ่ออดยิ้มน้อยไม่ได้

    “น้องเขาพึ่งเรียนจบ คงกำลังหางานทำมั้ง เห็นแม่เขา
    เล่าให้พ่อฟัง บอกให้มาทำงานด้วยกัน เจ้าน้องเรา
    เขาก็บอกว่า ไม่ ซะแล้ว พ่อกับแม่ก็ต้องปล่อยให้แสดงฝีมือกันก่อนละนะ
    ให้ไอ้ความกระหายใคร่รู้หายไปก่อน เหมือนแกไงละ
    กว่าจะเรียนจบ กว่าจะกลับมาบ้านได้ แกก็ท่องซะจนทั่วโลก
    น้องเขาก็คงเหมือนกันนั้นแหละ”

    “พ่ออย่าเอาเด็กคนนั้นมาเปรียบกับผมนะครับ
    เขาส่วนเขา ผมส่วนผม ถ้าลูกสาวของพ่ออยากจะเข้ามา
    ทำงานก็เชิญเขามาซิครับ ถึงอย่างไงแม่เขาก็ได้ชื่อว่า
    เป็นภรรยาพ่อ รู้ถึงไหนอายไปถึงนั้น ลูกคุณหญิงคนงาม
    แล่นไปเป็นลูกน้องคนอื่น เรียกมาก็ดีนะครับ อยู่ใกล้ๆกันมีอะไร
    จะได้ช่วยเหลือกันสะดวก”

    ชายหนุ่มบอกอย่างอารมณ์ดี คราวนี้ละจะได้รู้ซะที ใครแน่กว่าใครกันแน่
    เขา หรือว่ายัยเด็กไม่มีพ่อคนนั้น พ่อเขาจะได้หูตาจาสว่างซะที
    ไม่ใช่คำก็ยัยหนูนา สองคำก็ยัยหนูนา อยากจะรู้นักว่า
    จะทำงานได้เรื่องสักแค่ไหนกัน

    เกือบห้าโมงเย็นที่เขานั่งจมอยู่กับกองเอกสารบนโต๊ะ
    โดยไม่ได้กระดิก ก่อนที่จะวางปากกาลง และทันทีที่ลุกจากเก้าอี้
    เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

    “ฮื่อ ว่าไงวะ”
    “.................”
    “ตามใจแกซิ มาถามฉันทำไม”
    “...................”
    “โธ่เขาไม่อยากบอก ก็ตามใจเขาซิ แกออกค่ารักษาให้ดีเท่าไหร่แล้ว
    เรื่องมากนักแกก็ปล่อยให้ตายอยู่นั้นแหละ”
    “......................................”
    “อะไรไอ้รงค์แกจะบ้าไง”
    “....................................”
    “ฉันไม่ว่างมากขนาดนั้นนะ”
    “......................................”
    “เฮ้ย....ไอ้บ้า”

    ปลายสายที่วางลงโดยไม่สนใจเขาที่โวยวาย ทำให้ชายหนุ่มยิ่งหัวเสีย
    มากยิ่งขึ้น ชายหนุ่มตัดสินใจกดโทรศัพท์อีกครั้ง
    เมื่อเสร็จเรียบร้อย ร่างสูงใหญ่ของเขาก็เดินอย่างสบายอารมณ์ออกไป
    โดยไม่ได้สนใจว่าผลจะออกมายังไง แค่เขาทำให้ยัยนั้นไม่พอใจได้
    เขาก็ดีใจ จนเดินผิวปากขับรถกินลมได้อย่างสบายใจ

    จากคุณ : nana - [ 20 พ.ค. 48 12:53:45 A:10.32.1.76 X:202.28.77.30 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป