ยุทธภพมีเสียงร่ำลือมากหลาย เรื่องเหล่านั้นมีทั้งจริงแลเท็จ หนึ่งในเสียงร่ำลือดังกล่าวก็คือเรื่องของฉิกจับอิด เป็นเรื่องของสำนักใหญ่พวกมันโดยตรง!!! สำนักใหญ่ฉิกจับอิดนั้นว่ากันว่า เปรียบประดุจถ้ำเสือแดนมังกร ความมั่นคงและการจัดวางเวรยามมิด้อยไปกว่าของราชสำนัก มีบ้างที่กล่าวว่าให้มันปีนป่ายขึ้นสวรรค์ยังง่ายกว่าให้มันหลบหนีออกจากสถานที่แห่งนี้ เสียงร่ำลือเหล่านี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นความจริงเสมอมา
จนกระทั่งเมื่อหลายวันก่อน มันก็มิอาจเป็นจริงได้อีกแล้ว หนึ่งในเรื่องร่ำลือที่แทบจะกลายเป็นตำนานของยุทธภพบทหนึ่งถูกทำลายลงสิ้น เนื่องเพราะหลวงจีนชราผู้หนึ่ง กับเด็กหนุ่มยากไร้อีกผู้หนึ่งได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ฉิกจับอิดอันยิ่งใหญ่มากมายด้วยไพร่พลเรือนพัน มิอาจยับยั้งพวกมันเอาไว้ได้ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์นี้ถูกทำให้เสื่อมความขลังลงแล้ว!!!!
แน่นอนคนทั้งสองย่อมเป็นหัวหลินไต้ซือ และ เสี่ยวซา!!
ย้อนเวลากลับไปหลี่เฉินเชียงปั้นสีหน้าเคร่งเครียดกล่าวกับซุนหยางว่า "แผนการณ์ที่เจ้าเสนอมาเราเห็นดีด้วยทุกประการ ทว่าเรามิเห็นด้วยที่เจ้าให้นำกำลังไปบู๊ตึ้ง คุนหลุน และหัวซานก่อน เหตุใดพวกเราไม่จัดการกับหันซาน เส้าหลินเทียนซานซึ่งเวลานี้กำลังขาดผู้นำก่อน แล้วค่อยจัดการกับพวกที่เหลือที่ยังเข้มแข็งอยู่?"
"ที่ประมุขกล่าวนั้นมิผิด เวลานี้หัวหลินไต้ซือพึ่งมรณภาพ ส่วนเหวินเหม่ยชิงเวลานี้คงยังไม่กลับไปยังสำนัก คงเพราะต้องคอยดูแลฮั่นตงซึ่งบาดเจ็บสาหัสมิสะดวกในการเดินทาง เส้าหลินเทียนซานและหันซานต่างขาดผู้นำประดุจมังกรที่ไร้เศียร การจะนำกำลังไปเข่นฆ่าพวกมันย่อมง่ายเพียงพลิกฝ่ามือ ทว่าระยะทางระหว่าง คุนหลุนกับหันซาน หรือบู๊ตึ๊งกับเส้าหลินเทียนซานนั้นนับว่าห่างไกลอยู่ การที่จะโจมตีหันซาน เส้าหลินเทียนซาน แล้วจึงค่อยกลับมาสยบพวกที่เหลือนั้น จะกลายเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น เมื่อถึงเวลาดังกล่าวพวกเราจะกำราบพวกมันคงมิใช่เรื่องง่าย เพราะพวกมันคงเตรียมการจนพรักพร้อมแล้ว ดังนั้นพวกเราควรอาศัยจังหวะที่มันยังมิทันเตรียมตัว ชิงจู่โจมสยบพวกมัน ส่วนพวกอ่อนแอที่เหลือ ถึงเวลาย่อมมิต่างจากมดปลวก จะบี้เสียเมื่อไหร่ก็ได้"
หลี่เฉินเชียงได้ยินเหตุผลของซุนหยางก็รู้สึกว่าสมเหตุสมผล ดังนั้นผงกศีรษะ กล่าวว่า
"ตกลงเราทำตามแผนการของเจ้า ตัวเราจะนำกำลังบุกไปยังบู๊ตึ้งสังหารจื่ออิง และพวกเต้าหยินเหล่านั้นให้หมดสิ้น!! ส่วนสามมารตลบเมฆให้นำกำลังคนบุกไปคุนหลุน นำศีรษะของตั๋วล่ายสุก และหวงอี้เฟยให้แก่เรา หากมิสำเร็จให้นำหัวพวกมันมาแทน!!!"
หยุดนิดหนึ่งจึงค่อยเปลี่ยนสีหน้าเป็นวิตก "...เออ แล้วเหวินคังใช่ทุเลาหายดีหรือไม่?"
ซุนหยางตอบเรียบๆ "ผู้แซ่ซิเดิมทีสูญเสียแขนขวา เวลานี้ยังถูกดินระเบิดกระทบกระเทือนถึงบาดแผล เวลานี้แม้ทุเลาหายดีถึงเจ็ดแปดส่วน ทว่าพลังฝีมือเพียงเรียกกลับคืนมาได้เพียงห้าส่วนเท่านั้น"
หลี่เฉินเชียงฟังแล้วก็ถอนหายใจยาวนาน "เช่นนั้นแสดงว่ามันเพียงลำพังมิอาจนำกำลังสยบ หลิวหยงเคอ และศิษย์หัวซานทั้งหมดได้ ผลแพ้ชนะที่จะบังเกิดขึ้นกลายเป็นมันมีโอกาสเพียงสี่ส่วน"
"มิผิด!" ซุนหยางรับคำหนักแน่น
"เอาเยี่ยงนี้เถิด พวกเราปล่อยข่าวลวงว่าพวกเราจะยกกำลังทั้งหมดไปบู๊ตึ๊ง ถล่มมันให้ราบฆ่ามิให้หลงเหลือแม้เพียงสัตว์เลี้ยง ส่วนทางหัวซานให้เหวินคังลอบเคลื่อนไหว นำกำลังคนลอบวางกลไกกับดัก จากนั้นให้แพร่พิษในบ่อน้ำ แล้วค่อยนำกำลังเข้าหักหาญ ด้านไซเทียน โฮ่วฮง และเสี่ยวเหมย ให้แยกย้ายเป็นสามทางเข้าจู่โจมคุนหลุน" หลี่เฉินเชียงจำแนกแผนการออกมาอย่างชัดเจน
ซุนหยางมองประมุขของมันด้วยแววตานับถือเลื่อมใส อดมิได้ต้องกล่าวว่า "ประมุขปรีชาสามารถยิ่งนัก ข้าพเจ้ามิได้เลือกรับใช้คนผิด"
"ฮา ฮา รอเอาไว้เราขึ้นเป็นฮ่องเต้ของชาวฮั่น เจ้าก็เป็นมหาอำมาตย์ รับรองเรามิทอดทิ้งเจ้าเด็ดขาด!!!!" หลี่เฉินเชียงหัวร่อพลางกล่าวด้วยความกระหยิ่ม สุดท้ายกล่าวว่า "นำคำสั่งลงไป เรียกระดมกำลังคนทั้งหมดที่ลานกว้าง พวกเราจะไปทำศึกครั้งสุดท้ายกัน!!!!"
..............
แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 48 10:18:43
จากคุณ :
ทีมแต่งนิยาย
- [
20 พ.ค. 48 15:43:07
]