CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    ดุจดั่งตะวัน ตอนที่ 1

    ดุจดั่งตะวัน ตอนที่ 1

    หลังจากรู้ว่าเสด็จพ่อ......เจ้าหลวงศิวพันธเรศให้มาตาม เจ้าหญิงพรรณวดีจึงรีบวิ่ง เพราะรู้ตัวว่าสายมากแล้ว ทันทีที่ใกล้ถึงห้องทำงานของเจ้าหลวง เธอจึงหยุดวิ่งพร้อมทั้งยืนยืดตัวตรงและเดินช้าๆตามโบราณราชประเพณี ซึ่งเธอเคยโดนดุเรื่องนี้มาแล้ว เธอจึงไม่อยากต้องมาฟังเทศน์เป็นชั่วโมงๆอีกครั้ง เสด็จแม่ของเธอเพิ่งสิ้นพระชนม์ไปเมื่อ 5 ปีก่อน เธอยังจำได้ว่าเธอร้องไห้คิดถึงแม่หลายวันมาก ตอนนี้เธอจึงเหลือแค่เสด็จพ่อและพี่ชายเท่านั้น ส่วนเชื้อพระวงศ์คนอื่นๆนั้นเธอไม่ได้สนิทด้วย เจอกันแค่ในงานพระราชพิธีเท่านั้น ซึ่งเธอยังไม่ถึงกำหนดที่สามารถออกงานได้ ตามโบราณราชประเพณีนั้นเชื้อพระวงศ์ฝ่ายหญิงจะออกงานได้ก็ต่อเมื่อมีพระชนมายุครบ 20 ปีบริบูรณ์

    เธอหยุดยืนอยู่หน้าประตูครู่หนึ่ง ก่อนจะเคาะสองครั้งแล้วเดินเข้าไป เธอถวายบังคมองค์เจ้าหลวงที่นั่งที่โต๊ะทำงานตัวใหญ่ ทางด้านหลังประกอบด้วยชั้นวางหนังสือสูงถึงเพดาน มีหนังสือมากมายที่เธอเคยถูกบังคับให้ต้องอ่านเมื่อสมัยยังเป็นเด็ก จนถึงวันนี้ เธอก็ยังไม่ชอบมันอยู่นั่นเอง พลันเธอก็เห็นผู้เป็นพี่ชาย.....เจ้าชายอินทรเวศนั่งอยู่ทางฟากซ้ายขององค์เจ้าหลวง ด้วยหน้าตาอิดโรยเหมือนกับไม่ได้นอนมาหลายคืน

    “นั่งสิหญิง พ่อมีเรื่องจะพูดด้วย”

    “มีเรื่องด่วนอะไรหรือเพคะถึงได้มาตามหญิงมา แล้วพี่ชายล่ะเพคะ มีเรื่องพูดกับหญิงด้วยหรือเปล่า” หล่อนถามเจ้าชายอินทรเวศผู้เป็นพี่ชาย ซึ่งมีรูปร่างสูง ค่อนข้างผอม ผิวขาว ดวงตายาวรีสีน้ำตาลมีแววตาอบอุ่นอ่อนโยนมองมาทางเธอ

    “เสด็จพ่อเรียกพี่มาเหมือนกัน”

    “แสดงว่าเสด็จพ่อต้องมีเรื่องอบรมเราทั้งสองคนใช่มั้ยเพคะ” องค์เจ้าหลวงไม่ได้ตอบคำถามนั้นแต่กลับมองหน้าเจ้าหญิงพรรณวดี อยู่นานมากจนหญิงสาวคิดว่าตัวเองทำอะไรให้เสด็จพ่อไม่พอใจหรือเปล่า

    “ลูกหญิง ลูกรู้ไหมว่า คำว่า เจ้าหญิง หมายถึงอะไร”


    “คำว่าเจ้าหญิงหรือเพคะ อืม หมายถึงภาระหน้าที่ที่ต้องดูแลทุกข์สุขของประชาชน ดูแลบ้านเมืองให้อยู่เย็นเป็นสุข ใช่ไหมเพคะ ลูกจำได้ว่าครูเคยสอนไว้อย่างนี้”

    “ใช่แล้วลูก เจ้าหญิงหมายถึงภาระหน้าที่อันใหญ่หลวงในการดูแลบ้านเมือง ดูแลประชาชนให้อยู่อย่างสงบสุข ลูกจำคำที่ลูกตอบพ่อวันนี้ไว้ให้ดีนะลูก”

    “เพคะ” เธอรู้สึกว่าวันนี้เสด็จพ่อของเธอมีเรื่องไม่สบายใจอย่างมาก เธอจึงถามว่า

    “เสด็จพ่อเพคะ มีอะไรไม่สบายใจบอกลูกได้นะเพคะ”

    “ไม่มีอะไรหรอกลูก ลูกแค่จำไว้ว่าพ่อรักลูกเสมอเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว” จากนั้นองค์เจ้าหลวงจึงบอกให้เจ้าหญิงพรรณวดีออกไปก่อน เธอจึงเดินออกจากห้องนั้นด้วยความรู้สึกเหมือนกับมีอะไรมาทับในอก เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเสด็จพ่อถึงไม่เล่าเรื่องที่ท่านไม่สบายใจให้เธอฟังบ้าง หรือคิดว่าเธอยังเป็นเด็กอยู่นะ ‘คงไม่มีอะไรมากหรอกน่า พี่ชายยังอยู่ทั้งคน ต้องช่วยเหลือเสด็จพ่อได้แน่นอน’


    ภายในห้องทำงานของเจ้าหลวงศิวพันธเรศ........

    “ชาย พ่อฝากวิมุตติด้วยนะลูก”

    “อย่ารับสั่งอย่างนั้นพระเจ้าค่ะ เสด็จพ่อต้องทรงปลอดภัย ชายจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเสด็จพ่อได้ ”

    “ชาย พ่ออาจแก่เกินไปที่จะปกครองบ้านเมืองแล้วก็ได้ ถึงได้มีคนคิดที่จะล้มล้างพ่อ ถ้าพ่อเป็นอะไรไป ชายจะได้เป็นเจ้าหลวงพระองค์ใหม่ จงดูแล ปกป้อง บ้านเมืองและประชาชนให้ดีนะลูก”

    “รับด้วยเกล้าพระเจ้าค่ะ”

    “ลูกได้ข่าวไหมว่าพวกมันเป็นใคร”

    “ทราบแค่ว่าตรงชายแดนมีการซ่องสุมกำลังคนอย่างลับๆพระเจ้าค่ะ แต่ชายยังไม่ทราบว่าใครเป็นผู้สั่งการ”

    “จับตาดูพวกนั้นให้ดีนะชาย เรายังไม่รู้ว่ามันจะทำอะไรกันแน่”

    “พระเจ้าค่ะ”


    ประตูห้องบรรทมของเจ้าชายอินทรเวศเปิดออก พร้อมกับมหาดเล็กหน้าประตู บอกว่า

    “ท่านสินธุมาขอเข้าเฝ้าพระเจ้าค่ะ” สินธุคือราชองครักษ์คนสนิทของเจ้าชายอินทรเวศ ‘ถ้าสินธุมาหายามดึกเช่นนี้ แสดงว่าต้องมีข่าวด่วนแน่ๆ’ เขาคิดในใจก่อนบอกมหาดเล็กว่า

    “ให้เข้ามาได้”

    สิ้นเสียงรับสั่ง ชายผู้เป็นราชองครักษ์ของเจ้าชายอินทรเวศก็เดินนำหน้าชายผู้สวมชุดสีดำทั้งชุด เนื้อตัวมอมแมม แสดงว่าเดินทางมาไกลเข้ามา พร้อมทั้งทำความเคารพแบบเต็มพิธีการ ทันทีที่เห็นหน้าชายผู้ที่เดินตามหลังสินธุมานั้น เขาก็จำได้ว่าเป็นคนสนิทของเจ้าชายรัตติวรการนั่นเอง

    “อันนุวัต เจ้ามาได้ยังไงกัน”

    “กระหม่อมรับคำสั่งจากเจ้าชายรัตติวรการ ให้มาส่งจดหมายพระเจ้าค่ะ” พูดพร้อมกับยื่นจดหมายฉบับนั้นให้กับเจ้าชายอินทรเวศ เขารับมาเปิดอ่านอย่างรวดเร็ว หลังจากอ่านจบ เขาถึงกับทำหน้านิ่วคิ้วขมวด

    “ทำไมเจ้าชายของเจ้าไม่ปรึกษาเราก่อน ทำไมอยากทำอะไรก็ทำโดยไม่ห่วงว่ามันอันตรายแค่ไหน”

    “เพราะเจ้าชายของกระหม่อมทรงทราบว่า เจ้าชายอินทรเวศต้องทรงห้ามแน่ๆ กระหม่อม” เจ้าชายอินทรเวศถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง ก่อนที่จะถามว่า

    “ตอนนี้เจ้าชายของเจ้าอยู่ที่ไหน”

    “คงออกเดินทางแล้วกระหม่อม คงมาถึงก่อนวันพระราชสมภพองค์เจ้าหลวงศิวพันธเรศ 1 วันกระหม่อม”

    “ขอบใจเจ้ามาก อินนุวัต แล้วฝากบอกขอบใจเจ้าชายของเจ้าด้วย รีบไปเถอะ ก่อนที่ใครจะมาเห็น สินธุ ไปส่งอินนุวัตด้วยนะ” คำว่า ‘ไปส่ง’ ของเจ้าชายอินทรเวศ คือให้คอยดูแล อินนุวัต ให้ปลอดภัยจนถึงชายแดน

    หลังจากทั้งสินธุและอินนุวัต ออกไปแล้ว เขาจึงนั่งครุ่นคิดถึงเพื่อนสนิทที่เรียนการทหารที่อังกฤษด้วยกันมา ซึ่งตอนนี้กำลังมุ่งหน้ามายังแคว้นวิมุตติแห่งนี้ เนื้อความในจดหมายบอกว่า ‘เราจะไปดูที่ชายแดนเงียบๆ ไม่ต้องห่วงนะอิน เรารู้ว่าตอนนี้นายเป็นห่วงองค์เจ้าหลวงมาก คอยดูแลท่านให้ดีล่ะ ทางนี้เราจัดการเอง อย่าห้ามเราเลย เราเป็นห่วง เรื่องนี้เราบอกเสด็จพ่อและพี่ชายเราแล้ว ท่านฝากมาบอกว่าให้นายระวังตัวไว้ด้วยเป็นห่วงเสมอ.......รัตติวรการ’ เขารู้นิสัยของเจ้าชายรัตติวรการดี เรื่องแบบนี้ถึงห้ามก็คงไม่ฟัง แถมยังมีนิสัยดุดัน กล้าได้กล้าเสีย ไม่กลัวตาย ถึงได้เป็นที่นิยมชมชอบของเหล่าทหารนัก และที่สำคัญเจ้าชายรัตติวรการเกลียดงานสังคมเป็นอย่างยิ่ง จึงไม่มีใครเคยเห็นเลยว่าหน้าตาของเจ้าชายรัตติวรการเป็นเช่นใด!

    จากคุณ : รัตติกาล - [ 21 พ.ค. 48 22:43:11 A:203.172.51.79 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป