บทที่ 3
ประตูห้องพักที่ถูกกระชากเปิดออกอย่างแรงพร้อมกับเสียงฝีเท้า
ของผู้มาเยือนที่ก้าวย่างอย่างเร่งรีบนั้น ทำให้ ผู้ที่นอนอยู่บนเตียงภายใน
ห้องพยาบาลนั้น หันขวับมาอย่างรวดเร็ว
แม่ คุณลุง
ท่าทีตกอกตกใจของสตรีร่างบางระหง
หากทว่าใบหน้ายังคงสวยสง่าแม้น
วัยของเธอจะล่วงเข้าไปห้าสิบแล้งก็ตาม
ทำให้หญิงสาวยกมือขึ้นทำความเคารพพร้อม
กับหันไปยิ้มให้กับผู้เป็นบิดาเลี้ยง
โดยไม่สนใจกับคุณหญิงเพ็ญพรรณที่เข้ามาลูบเนื้อลูบตัวแม้แต่น้อย
เป็นยังไงบ้างลูก โธ่แม้ตกใจแทบแย่ ตอนคุณฤทธิ์โทรไปบอก
หญิงสาวเก็บความสงสัยไว้ไม่ได้จึงเอ่ยถามกับคุณหญิงอีกครั้ง
แม่ว่าใครนะค่ะ
ก็พ่อพี่ชายเรานั้นแหละ เขาบอกว่าเราอยู่โรงพยาบาล
ทำไมไม่บอกลุงกับแม่บ้างละจ๊ะ หนูนะยังมีญาติพี่น้องนะ
เมื่อเอ่ยถึงญาติพี่น้องนั้นยิ่งทำให้นริศราเกิดความรังเกียจ
ในพฤติกรรมของผู้เป็นแม่ยิ่งนัก ก็คุณหญิงเพ็ญพรรณในวันนี้
ซึ่งแต่ก่อนมีเพียงชื่อว่า นังจันทร์เพ็ญของพี่ๆน้องนั้นพยายามอย่างยิ่ง
ที่จะให้ญาติพี่น้องนั้นตายจากกันไปโดยไม่ยินยอมที่จะให้เด็กเล็กๆ
ย่างเธอเข้าใจสิ่งใดเลย มีเพียงคำปลอบประโลมว่า
อย่าไปยุ่งกับเขามากนักเลยลูก ถ้าเราอยู่แต่กับพวกนี้
ชีวิตเราก็ไม่มีทางเจริญกาวหน้ามากว่านี้
จำไว้เถอะว่า แม่จะส่งนาไปเรียนเมืองนอกกับเขาบ้างให้ได้ คอยดูนะ
ในครั้งนั้นที่แม่เธอกล่าวอย่างหมายมาด หากเมื่อกาลเวลาผ่านไป
หญิงสาวกลับรู้เรื่องราวของแม่มากยิ่งขึ้น
เธอกลับรังเกียจกับกิจกามของผู้เป็นแม่ยิ่งนัก
ผู้ชายคนแล้วคนเล่าที่แวะเวียนมาส่งในตอนเช้า
และหลายครั้งที่อยู่อย่างโดดเดี่ยว โดนเพื่อนๆ มาบอกว่า
แม่เธอนะ แม่ฉันบอกว่าเขาชอบทำงานสบายไม่ต้องออกเรียกก็ได้ตัง
หรือไม่ก็
แม่เธอนะเป็นผู้หญิงที่รู้จักทำมาหากิน
ไม่ต้องลำบากเหมือนคนอื่นแค่ครั้งสองครั้งแม่ก็ได้เงินมากว่าเขาทำงานทั้งเดือน
และคำถามที่หญิงสาวถามตัวเองตลอดคือ
เธอจะต้องเป็นเหมือนแม่หรือ
คำตอบที่ได้เด็ดเดี่ยวยิ่ง
ไม่!
เธอได้บอกกับตัวเองว่าไม่มีทางที่จะให้ชีวิต
ต้องแปดเปื้อนกับสิ่งเหล่านี้อย่างแน่นอน
ไปพักกับแม่ก่อนนะลูก จะได้มีคนดูแล หนูอยู่คนเดียวละแม่อดห่วงไม่ได้
ไปพักที่บ้านเรานะลูก บ้านออกกว้างขวางแต่ไม่มีคนอยู่มันโหวงๆๆยังไงพิกล
ทั้งสองสามีภรรยาต่างโอ้โลมปฏิโลมหญิงสาวเป็นการใหญ่หากคำตอบยังคงเป็น
ไม่ค่ะ
ทำไมลูก
ผู้เป็นแม่รู้สึกวาบไหวในทรวงไม่ได้ ลูกน้อยๆทำไม ทำไม
นาดูแลตัวเองได้ อยู่มาคนเดียวตั้งแต่เล็กจนโตก็ไม่เห็นมันจะตายนี้ค่ะ
ท้ายประโยคผู้พูดตะหวัดนัยน์ตาไปยังผู้เป็นแม่ที่ยืนหน้าซีดอยู่ข้างๆ
จริงไหมค่ะ คุณหญิงเพ็ญพรรณ
มือคร้ามอันกร้านของคุณอำพลแตะเบาๆบนไหล่
ของภรรยา ก่อนจะค่อยถอยออกไป
น้ำตาที่ไหลรินลงมา ทำให้ผู้เป็นสามียิ่งเข้าใจ
ในความหนักอกหนักใจของภรรยาเป็นที่ยิ่ง
ข้างฝ่ายลูกชายก็ก่อเรื่องเอ็ดตะโร ลั่น
หากลูกสาวนั้นเงียบแต่ค่อยเชือดผู้เป็นแม่อย่างทุรนทุราย
ให้เวลาเขาบ้างเถอะ วันนี้ไม่เข้าใจ วันหน้าเขาต้องเข้าใจ
คุณแน่ใจหรือค่ะ ฉันว่ามันนานๆ จนพวกเขาน่าจะเข้าใจอะไรได้แล้วนะค่ะ
แต่ยิ่งนับวันฉันว่าเรานับวันยิ่งห่างพวกเขามากยิ่งขึ้น
จนฉันไม่แน่ใจอะไรแล้ว
คุณอำพลหัวเรา หึ ในลำคอ ก่อนปลอบทั้งภรรยาและตัวเองว่า
สิบปากกว่าไม่เท่ามือคลำ สิบมือคลำไม่เท่าลองทำดู หรอกคุณ
รอให้เป็นแม่เป็นพ่อบ้างพวกเขาก็คงรู้สึกเอง
แต่มันก็นานเหมือนกัน นานจนบางทีเราก็คงไม่มีโอกาสจะอยู่ดูแลพวกเขาได้
โธ่ คุณพูดไปโน้นนะค่ะ ร่างกายคุณยังแข็งแรง อย่าพูดแบบนั้นซิค่ะ
ทำไปทำมาเราก็มานั่งปลอบใจกันสองคนนะ
รถคันใหญ่สีดำมันปลาบวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วก่อนจะเหยียบเบรกอย่างกะทันหัน
มีผลให้เกิดเสียงดังจากห้ามล้อ จนผู้คนต่างวิ่งออกมาดู พร้อมสบถกันขรม
ก่อนเจ้าของรถคันงามจะก้าวออกมา
ตรงไปยังลิฟต์ด้านใน
ฉันโทรให้แกมาหาตอนหกโมงนี้มันจะเที่ยงคืน โผล่มาทำป๊ะ อะไรวะ
ธำรงในสภาพงัวเงียบอกชัดว่าเขากำลังอยู่ในนิทรารมณ์อันสุขแสน หากก็ยังไม่พ้นมีมารมาผจญ
ฉันก็พักผ่อนหย่อนใจของฉันมั้ง ไม่เหมือนแกนิ ห้าโมงเลิกงาน หกโมงถึงห้อง
เจ้าของห้องเดินอย่างไม่ค่อยตรงทางนักเข้าไปในครัว
ที่จัดไว้อย่างหรูหราโดย คนทำก็คงจะไม่ได้ใส่ใจถึงประโยชน์
ใช้สอยมากกว่าความสวยงามมากนัก
จะรับประทานอะไร ละขอรับ เสด็จมาดึกดื่น
ฉันกินมาแล้วทั้งนั้นแหละ
อ้าว
จะมานอนด้วยนะ ขี้เกียจกลับบ้าน
ฉันเป็นเมียเช่าแกไง นึกจะมานอนด้วยก็มา แล้วทำไมไม่กลับไปนอนบ้าน
ธำรงค์นั้นก็รู้ดีว่า ห้องของเขานั้นจะต้องได้ต้อนรับแขก
โดยไม่ได้รับเชิญเสมอ หากเจ้าเพื่อนผู้ เป็น เก ประเภท เกเร เกตุง
ของเขาก่อเรื่องขึ้น ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ เป็นต้องมาหดตัวย่อส่วน
อยู่กับเขาสองสามวันโน้นแหละเขาถึงจะกลับบ้าน พร้อมกับการ
ไม่รู้ไม่ชี้ ใครถามอะไรมา เขาก็จะตอบแบบ
ไปไหนมา สามวาสองศอก
คราวนี้ก่อเรื่องอะไรมาอีกละ
เปล้า
ปฏิเสธเสียงสูงแต่ไม่วายที่รอยยิ้มแตะแต้มบนริมฝีปากบางเฉียบ
แกบอกเปล่าที่ไร ฉันเห็นมันได้เรื่องทุกที
เฮ้ย...แกเห็นฉันเป็นคนประเภทไหนกัน
ไม่ใช่เด็กสามขวบนะจะได้หาเรื่องใครได้ตลอด
เอ้อ แล้วนี้แกกลับมาจากโรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อไหร่ละ
สายตาตวัดมายังเพื่อนที่เริ่มจะอาการคงที่ไม่มีท่าทางสลึมสลือเหมือนเมื่อแรก
กลับมาตั้งแต่เย็น จะอยู่เป็นเพื่อนคุณนาเขาก็ไล่กลับ
หญิงแกร่ง
แกอย่าทำน้ำเสียงแบบนั้นหน่อยเลยวะ ข้าละเกลียดจริงๆ
วฤทธิ์อดไม่ได้ที่จะเปล่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างสมเพชเพื่อนเต็มที่
แกคิดมากไปได้ ข้าเห็นใจในความรักของแกละไม่ถูก
ที่จริงเขาก็แกร่งดี สมน้ำสมเนื้อกันดี
แกมันคนอ่อนโยน ยายนั้นนะหัวแข็ง
อยู่ด้วยกันลูกออกมาคงพอดีพิลึกละ
นี้แกไม่ต้องไปพูดแบบนั้นผู้หญิงเขาเสียหาย
เราผู้ชายหน่ะมันไม่เสียหายหรอก
พ่อสุภาพบุรุษ
ฉันไม่ได้เป็นสุภาพบุรุษอะไรนักหรอก
แต่เห็นว่ายังไงผู้หญิงเขาก็อ่อนแอกว่าเรา
ให้ยังไงสังคมก็ยังยกย่องผ็ชายมากกว่าผู้หญิงอยู่ดี
ต่อให้เรียกร้องสิทธิไปแค่ไหน เราก็รู้อยู่แล้วว่าเอาเข้าจริงๆ
ผู้หญิงเขาก็แพ้เราอยู่ดีถ้าใช้กำลัง หรือความหน้าด้านเขาห้ำหั่นกันละก้อ
เสียงปรบมือสองสามครั้งของชายหนุ่ม เป็นผลให้เพื่อนชายต้องส่ายหัวอีกครั้ง
ลงสมัครเมื่อไหร่บอกด้วยนะยังไงก็จะลงให้สักหนึ่งคะแนน
แล้วแกนี้ไม่คิดจะช่วยคุณดาเขาเลยหรือ
อย่างไงเสียก็เป็นคนรู้จักใกล้ชิดกัน
ฉันช่วยอยู่แล้ว แกไม่ต้องบอกหรอกรงค์
น้ำเสียงเรื่อยๆของชายหนุ่มนั้นทำให้ธำรงค์อดแปลกใจเสียไม่ได้
ก็เมื่อวานเพื่อนเขายังบอกปัดเสียงแข็งมาวันนี้กลับบอกว่าจะช่วย
สงสัยประสาทกลับ หากความที่ไม่ได้สนใจอะไรมากมาย
ของธำรงค์นั้นก็กลับทำให้เขาสบายใจ ต่างจากอีกคนที่
ตั้งหน้าตั้งเฝ้าคิดรุมเร้าถึงอีกฝ่ายอย่างมาดหมาย
จวบจนกระทั่งรุ่งเช้าเมื่อธำรงค์ตื่นขึ้นชายหนุ่มอีกคน
ก็ยังคงนอนหลับสบายโดยมิได้สนใจกับแสงแดดที่ทอดแสง
เข้ามากระทบร่างสูงใหญ่ของตัวแม้แต่น้อย
ธำรงค์ลุกขึ้นทำกิจวัตประจำวันตามปกติหากเพียงวันนี้
เขาไม่สามารถจะออกไปไหนได้ในเมื่อเพื่อนคู่ทุกข์คู่ยากของเขา
ยังนอนหลับเอ้ อยู่อย่างสบายอารมณ์
ชายหนุ่มหยิบนั้นทำนี้อยู่พักใหญ่ เขาถึงได้ยินเสียงตึงตังๆ
จากภายใน มือที่กำลังหยิบขนมปังชะงักนิดหนึ่งพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก
ก่อนจะกลับเป็นปกติ ธำรงค์หันหลังเดินเข้าไปในห้องที่ได้ยินเสียงอีกครั้ง
ภาพที่ปรากฏต่อสายตาก็แทบไม่เชื่อว่านั้นคือ
ชายหนุ่มผู้สูงส่งในวงสังคม ชายหนุ่มผู้ที่เป็น
ความปรารถนาของหญิงสาวทุกมุมเมือง
ภาพที่เพื่อนนอนขดตัวงอเป็นกุ้งอยู่ข้างๆเตียง
โดยมีผ้าห่มพันอยู่รอบตัว ใบหน้าที่คมเข้มนั้น ขมวดนิดๆ
อย่างคนที่สมองยังเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมาย
ธำรงค์เดินกลับออกมาอีกครั้งก่อนจะหยิบหนังสือพิมพ์ร
อบเช้ามาอ่านกระทั่งเสียงโทรศัพท์ข้างกายดังขึ้น
เขาสนทนาอยู่ครู่หนึ่งก่อนวางสายลงไป
ไอ้ลูกบังเกิดเกล้าเอ๋ย พ่อแม่เที่ยวเป็นห่วงตั้งแต่เด็กยันแก่
บ่นอะไรแต่เช้า
เสียงบ่นพึมเพาดังมาจากผู้ที่ถูกล่าวถึง
อ้าว เมื่อกี้เห็นนอนหลับสบายตื่นขึ้นมาทำไม
ก็ไอ้เสียงโทรศัพท์ของแกนะซิ ใครโทรมาแต่เช้า
ชายหนุ่มผู้ถูกถามมองดูสภาพของเพื่อนที่อยู่ในชุดนอนแบบปิจาม่านั้นแล้ว
อดหัวเราะออกมาไม่ได้ ก็สภาพ มันต่างจากเด็กชายวัยสิบขวบสมัยก่อนเมื่อไหร่กัน
หัวยุ่งเป็นลูกตาล แถมยังหยิบขนมปังกินอย่างสบายอารมณ์
ใครมาเห็นแกสภาพนี้มันจะรับประทานแกลง ฮึ ฉันอยากรู้จริง
ใครมันจะมาเห็นฉันถ้าไม่ใช่แก
อ้าว ...เผื่อตกร่องปล่องชิ้นกะใครเขาไปละ เจ้าสาวไม่หอบผ้าหนีตั้งกะคืนแรกหรือไง
ช่างซิ .... ใครมันจะสวยจะงามได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงละ
พูดไปนะ..ที่แกยังชอบให้ผู้หญิงของแกสวยตลอดสี่สิบแปดชั่วโมงเลย พูดยังไงของแก
ผู้หญิงมีหน้าที่สวย ก็สวยไปซิ เรามีหน้าที่วิจารณ์
พูดอย่างแกนะซิ
ธำรงค์คร้านจะต่อความจึงเปลี่ยนเรื่อง
แล้ววันนี้ไม่ไปไหนหรือ
รอยยิ้มปรากฏบนริมฝีปากของชายหนุ่ม
ไปนะไปแน่ ......แต่ไม่ใช่ตอนนี้ แกจะออกไปไหนก็ได้นะ
เดี๋ยวไปดูคุณนาหน่อย แกจะไปด้วยไหมละ
ไปซิ
ชายหนุ่มตอบออกไปอย่างที่เพื่อนอย่างธำรงค์ก็คาดไม่ถึง
ได้แต่มองตามร่างที่เดินเข้าไปอย่างงงงวย
จากคุณ :
nana
- [
วันวิสาขบูชา 17:16:42
A:10.32.1.45 X:202.28.77.30
]