คุยกันก่อน...
เราไม่รู้ว่าจะตอบกระทู้เรื่องสั้นยังไงดี เอาเป็นว่าเราจะกลับมาตอบในกระทู้เรื่องสั้นเรื่องนั้นแล้วกันนะจ๊ะ
ทีแรกเราไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นเรื่องต้อนรับฤดูฝนที่ออกมาในโทนนี้ แต่ตอนนี้อยากแต่งเรื่องประมาณนี้ แหะๆ เอาเป็นว่ามันจะมีเรื่องสั้นต้อนรับฤดูฝนที่เป็นโทนที่เราตั้งใจเอาไว้คราวแรกแน่ๆ แต่ติดเอาไว้ก่อนนะจ๊ะ
คุยต้นเรื่องแค่นี้ก่อน แล้วค่อยคุยกันท้ายเรื่อง
----------------------------------------------
ต่างฤดู
ถึงจะอยู่ต่างฤดู ต่างประเทศ ต่างแผ่นดิน
หากแต่ความรู้สึกเดียวกัน มีฝนตกอยู่ในใจเหมือนกัน
ฤดูฝน.....มาถึงแล้วสินะ
ในยามฝนตกใครๆ ก็อยากจะซุกตัวอยู่ในผ้าห่มอุ่น นอนกอดหมอนข้าง อ่านหนังสือตามประสาคนรักหน้าฝน และนัตเองก็เป็นหนึ่งในนั้น วันนี้เธอกำลังนอนอยู่ในห้องเล็กๆ ในบ้านเรือนไทยขนาดย่อม นอนมองสายฝนที่โปรยปรายอยู่นอกหน้าต่าง
แต่วันนี้ไม่เหมือนกับหน้าฝนของปีอื่นๆ เพราะแทนที่เธอจะดีใจที่ฤดูฝน ฤดูที่เธอชอบมากที่สุดในบรรดาสามฤดูกำลังมาเยือน แต่เธอกลับเศร้า นัตรู้สึกว่าปีนี้มันมาเร็วเกินไป นัตเคลื่อนตัวออกจากผ้าห่มอุ่น แล้วเดินไปที่ข้างหน้าต่าง พลางเหม่อมองผิวน้ำที่ถูกฝนกระทบจนดูเป็นผิวขรุขระตะปุ่มตะป่ำ
"นัตจะนอนไปถึงไหน จดหมายมาแหนะ" เสียงแม่เรียกท่ามกลางเสียงฝทำให้เธอต้องขานอย่างจำใจ แม่ยังไม่รู้เรื่อง อันที่จริงเธอเองก็ยังไม่รู้เรื่อง...จากปากของเขา
"กรูบอกนัตไปแล้ว" เสียงเพื่อนผู้ชายคนนึงพูดขึ้นด้วยโทสะมาตามสาย ทำให้ชายหนุ่มที่อยู่อีกฝากนึงถึงกับตัวชาไปทันที นี่เขาทำอะไรลงไป เขาต้องการเพียงแค่ประชดเธอเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น เขาเพียงแค่น้อยใจที่เธอไม่เคยสนใจ ไม่เคยแคร์ความรู้สึกของเขาเลย
เขาถอนหายใจหนักๆ เขาไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องมันจะเป็นอย่างนี้ เราจบกันแล้วใช่ไหมนัต จากวันนี้เราจะไม่ได้เดินจูงมือกันอีกแล้วใช่ไหม....เขาหลับตาท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมา หน้าร้อนแท้ๆ แต่ทำไมฟ้าถึงมีฝน เอาอะไรไม่ได้กับอากาศที่นี่จริงๆ
"เราบอกนายแล้วไงว่าเราไม่ให้ไป" เสียงเด็กสาวตะโกนขึ้นด้วยความไม่พอใจ ทำให้มองหน้าแฟนสาวด้วยท่าทางที่บอกได้คำเดียวว่าน้อยใจ ไหนจะคำพูดที่ดูเหมือนไม่แคร์ ไหนจะสรรพนามที่แทนตัว กับรุ่นพี่คนนั้นเรียกแทนตัวเองว่านัต เรียกแทนเขาว่าพี่ภู แต่กับเขา เธอใช้คำว่า "เรา" กับ "นาย"
"ตามใจนัต" เขาพูดออกมาในที่สุด ไอ้เรื่องที่จะขัดใจเธอสักครั้งน่ะไม่เคยอยู่ในหัวของเขาเลย ขอเพียงเธอต้องการอะไร ทำอะไร ขอให้บอกคำเดียว
ท่าทางและคำพูดของเขาแทนจะทำให้เธอพอใจ แต่กลับทำให้เธอรู้สึกผิด เธอรู้...ว่าเธอไม่ควรใช้คำพูดและน้ำเสียงแบบนี้ แต่ว่ามันเป็นท่าทางที่เธอแสดงออกกับเขาเท่านั้น ท่าทางที่เธอเอาไว้กลบเกลื่อนความเขินอายและความในใจ
"นายไปส่งเราไม่ได้หรอก พ่อต้องว่าแน่ๆ พ่อต้องถามว่าเรากับนายเป็นอะไรกัน ถ้าเราตอบว่าเป็นเพื่อนก็เท่ากับโกหก แม้ว่าฉันไม่ได้ตั้งใจให้ความสัมพันธ์ของเราสองคนเป็นอย่างนี้ก็เถอะ" พอพูดประโยคสุดท้ายออกไปเธออยากจะตบปากตัวเองเหลือเกิน แม้ว่าเธอไม่เคยคิดว่าเขากับเธอจะเป็นแฟนกันได้ แต่เธอก็ไม่ควรทำร้ายจิตใจเขาขนาดนี้
ตัวเขาเองก็เกือบจะยินดีกับคำพูดของเธอแล้ว หากว่าไม่มีคำพูดประโยคสุดท้าย....
"เราจริงใจนะ" เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงใจ ทำให้เธอย่นจมูกมองเขาแปลกๆ
"นายกับฉันยังเด็กอยู่เลย นายจะรู้ได้ยังไง อีกอย่างนะคุณชายเฌราทร นายยังไปกลับบ้านกับโรงเรียนด้วยตัวเองไม่ได้เลย ต้องให้คนขับรถไปรับไปส่ง แล้วนายจะมารับมาส่งฉันเนี่ยนะ เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ" นัตพูดจบก็สะบัดหน้าไปอีกทาง เล่นเอาอีกฝ่ายถอนหายใจดังเฮือก เธอว่าเขาเป็นผู้ชายไม่ได้เรื่องอีกละสิ ทั้งๆ ที่เขาพยายามขนาดนี้แล้ว
นัตเองก็ไม่อยากให้มันเป็นอย่างนี้เลย บรรยากาศในบ้านตอนนี้มันดูน่าอึดอัด พ่อใจดีกับเธอก็จริง แต่กับผู้ชายที่เข้ามายุ่งกับเธอ พ่อไม่เคยใจดีด้วยเลย แน่นอนว่าเธอไม่อยากให้เขามาเผชิญสถานการณ์ที่ลำบากขนาดนี้ แต่เขาเองนั่นแหละที่แส่หาเรื่อง มารับเธอตอนเช้าทำไม แถมมาเองด้วยนะ ไม่มีวี่แววของคนขับรถแม้แต่น้อย ตาบ้านี่ทำทุกอย่างที่เธอว่าจริงๆ
"ชื่ออะไรน่ะเรา" พ่อของเธอถามเสียงเข้ม แน่ล่ะสิ ลูกสาวคนเดียวนี่นา ก็ต้องหวงเป็นธรรมดา
"เฌครับ" เขาไม่เพียงไม่ก้มหน้า แต่กลับสบตาพ่อของเธอเพื่อแสดงความจริงใจ เขารู้ดีว่าเวลานี้การเผชิญหน้ามาถึงแล้ว แม้ว่าเขาไม่อยากจะให้มันอยู่ในสภาพนี้เลย แต่พ่อเขาสอนเอาไว้ว่า จะคบกับใครสักคนต้องจริงใจ ไม่ใช่มาทำลับๆ ล่อๆ แอบคบกัน
"เป็นอะไรกับนัต ฉันไปรับไปส่งลูกสาวเองได้ ไม่ต้องลำบากให้เธอมารับมาส่งหรอก" พ่อพูดเสียงเข้มกว่าเดิม เล่นเอาเด็กชายที่อายุแค่ 14 ปีอย่างเขาสะดุ้งได้ไม่น้อย
"เป็นแฟนครับ"
"เพล้งงงง" นัตทำแก้วหลุดจากมือทันที ...อีตาบ้าทำไมถึงพูดดังฟังชัด และชัดเจนขนาดนี้ ทำไมไม่รู้จักพูดอ้อมๆ เสียบ้าง...นัตคิดอย่างขัดใจ แต่ก็ลืมไปว่าจุดน่ารักของเขาอยู่ตรงนี้เนี่ยแหละ
"ลูกสาวฉันเพิ่งอยู่ม.2เองนะ" พ่อพูดเสียงเข้มขึ้นทุกทีๆ แถมตาตอนนี้แทบจะถลนออกมานอกเบ้า เฌมองพ่อของแฟนอย่างกล้าๆ กลัวๆ ในใจก็คิดว่า คุณพ่อเอ้ยคุณอาลืมไปหรือเปล่าว่าเขาเองก็อยู่ม.2 แถมอยู่ห้องเดียวกับนัตด้วย
"พ่อ ตาเฌเขาไม่ได้มาขอลูกสาวพ่อนะ เขาแค่มารับส่งลูกสาวตัวแสบของพ่อเอง" แม่พูดพลางแตะที่แขนเบาๆ เป็นทำนองเตือน แต่แค่นี้ก็ทำให้พ่อของนัตรู้ดีว่านี่คือการปราบปรามอย่างนิ่มนวล เพราะหากไม่หยุดละก็ อาจจะโดนมาตรการขั้นรุนแรงก็เป็นได้
พ่อของนัตมองหน้าแม่อย่างขัดใจ ก่อนที่จะเดินงอนเข้าไปในบ้านด้วยความที่ทำอะไรไม่ได้ แต่ก็มีความมุ่งมั่นว่าจะต้องขัดขวางให้เลิกกันจนได้ เพราะลูกสาวของเขายังเด็กเกินไปที่จะมีแฟน โดยมีเด็กชายต่างวัยกำลังมุ่งมั่นอยู่เหมือนกัน แต่เป็นการมุ่งมั่นที่จะทำให้พ่อของแฟนยอมรับเขาให้ได้
กว่าพ่อนัตจะยอมรับ
กว่าจะไปรับส่งนัตได้
กว่านัตจะยอมเป็นแฟนด้วย
กว่าที่จะเป็นเหมือนวันนั้น....เขาทุ่มเทแรงใจและแรงใจไปเท่าไหร่
แต่วันนี้....เขากลับทำลายมันด้วยตัวของเขาเอง
เขาหยิบกรอบรูปที่มีรูปเขามียิ้มเขินๆ กับเธอที่กำลังทำหน้าบึ้งๆ มันเป็นรูปคู่รูปเดียวของเขากับเธอ และอาจจะเป็นรูปเดียวตลอดไป จะเป็นไปได้ไหม ที่เขากับเธอจะมีโอกาสได้เดินทางเดียวกันอีก เขาจะมีโอกาสอย่างนั้นอีกไหม
ฝนหยุดตกแล้ว แต่ก็ยังไม่หยาดแห่งความชุ่มชื่นติดอยู่ที่ต้นไม้ใบหญ้า นัตพาร่างของตัวเองที่ดูเหมือนตอนนี้วิญญาณจะหลุดลอยไปแล้วมาที่ศาลาริมน้ำ ซองจดหมายที่ยังไม่ได้เปิดผนึกยังอยู่ในมือของเธอ นัตกำซองจดหมายซองนั้นนิ่ง เขาคงไม่ทำอย่างนั้นใช่ไหม เขาจะเขียนมาเพื่ออธิบายกับเธอว่าเรื่องที่เพื่อนของเธอพูดมามัน...ไม่จริง
นัตรู้สึกว่าเธอได้สูญเสียหัวใจของเธอไป เธอให้หัวใจของเธอไปอังกฤษพร้อมกับเขา เธอแอบฝากหัวใจของเธอไปให้เขาดูแลรักษา เขาคงไม่ทิ้งขว้างมันใช่ไหม เขายังคงดูแลมันอย่างดีเหมือนวันที่ผ่านๆ มาใช่ไหม เหมือนวันที่เธอกับเขาอยู่เคียงข้างกัน
น้ำตาอุ่นๆ ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นไหลลงมาที่แก้มของนัต เธอยอมรับว่าเธอกลัว กลัวที่จะต้องเผชิญหน้า และยอมรับกับความจริง แต่ความจริงก็เป็นสิ่งที่ไม่ตาย และความจริงก็คือความจริงที่เราไม่อาจที่จะหลีกเลี่ยงได้เลย
...........มีต่อค่ะ.............
แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 48 12:47:35
จากคุณ :
mrs_ricken
- [
23 พ.ค. 48 11:02:27
]