ตอน นิราศเป็นเหตุ
เย็นนั้นปรานทัศน์ก็ได้ศึกษาเรื่องของสุนทรภู่อย่างจริงจังและเพื่อช่วยกวีเอกก่อนที่เรื่องราวที่เขาทำเสียไว้จะเละไม่เป็นท่าเสียก่อนทั้งเรื่อง พระอภัยมณีกับเรื่อง เกาะแก้วพิสดารกลัวว่าประวัติศาสตร์จะเปลี่ยนเขาจึงต้องขะมักเขม้นอย่างหนักทำให้เขาเกือบไม่ได้นอนในคืนนั้นแต่เขาก็เต็มใจและภูมิใจที่ได้มีส่วนช่วยคนที่เป็นถึงกวีเอกของไทยซึ่งตอนนี้กำลังขาดกำลังใจอย่างมาก จากเกลียดชังกลายเป็นเห็นใจ จากเห็นใจกลายเป็นผูกพันจึงทำให้ทั้งสองสนิทกันมาก
รุ่งเช้าทั้งสองช่วยกันคิดช่วยกันแต่งเรื่องพระอภัยมณี สุนทรภู่มีความตั้งใจที่จะเขียนแบ่งเป็นหกตอนและนำออกขายทีละตอนใหญ่ๆ หลังจากนั้นต่อมา 3 วันตอนแรกก็สำเร็จด้วยความร่วมมือจากปรานทัศน์ในการเปิดหนังสือเล่มนั้นช่วย พอเขียนเสร็จหน้าที่ในการคัดลอกลงในสมุดตับจากเป็นของสุนทรภู่ และปรานทัศน์มีหน้าที่ในการเย็บเล่มเท่านั้นเพราะเขาไม่กล้าเขียนเกรงว่าตัวหนังสือและลายมือของเขาจะไปทำให้ผู้คนพาลปาหนังสือทิ้งเป็นแถว หนังสือที่ออกมามีความยาว 35 หน้าซึ่งสุนทรภู่มีความสามารถในการคัดลอกเร็วมากไม่ทันถึงอาทิตย์หนังสือตับจาก 50 เล่มก็ได้ออกมาวางขายที่ตลาด แรกๆชาวบ้านได้อ่านหนังสือของสุนทรภู่ก็เหมือนจะไม่สนใจแต่เท่าที่ควรแต่พออ่านเจอสัตย์แปลกๆเข้าก็กลับหน้ามือเป็นหลังมือได้รับความนิยมอย่างสูงทั้งชาวบ้านชาววังอ่านกันจนติดงอมแงม ถึงกับมีคำสั่งมาจากจวนข้าหลวงแห่งหนึ่งให้เร่งเขียนตอนที่สองโดยเร็วแล้วจะมีรางวัลตอบแทนอย่างงาม ครั้งนั้นเองจึงทำให้สุนทรภู่มีชื่อเสียงอีกครั้งและทำให้เขาชื่นชมปรานทัศน์มากขึ้นเพราะมีความคิดแปลกใหม่หลังจากนั้นไม่นานนิทานเรื่อง
พระอภัยมณีก็จบบริบูรณ์ใช้เวลาประมาณ 3 เดือน ปรานทัศน์ทำสำเร็จแล้วเขาสามารถทำให้กวีเอกของไทยกลับมามีกำลังใจอีกครั้งหนึ่ง ต่อมาไม่กี่วันสุนทรภู่ก็ได้วางโครงการงานใหม่โดยงานนี้ปรานทัศน์ซึ่งอยู่กับสุนทรภู่เกือบทุกวันก็ยังไม่อาจรู้ จนงานเกือบจะแล้วเสร็จปรานทัศน์จึงได้รู้ว่าสุนทรภู่แต่งนิราศเรื่องใหม่มันคือ นิราศสหายแก้ว ซึ่งเป็นเรื่องพรรณนาตั้งแต่เขาเจอปรานทัศน์และตกยากมีปรานทัศน์คอยช่วยและยกย่องปรานทัศน์ให้เป็นกวีเอกคู่กับตัวเอง ซึ่งตามความเข้าใจของสุนทรภู่เข้าใจว่าปรานทัศน์เป็นกวีมาจากเมืองซึ่งเรียกว่าเมืองไทยและมีความสามารถไม่แพ้ตัวของสุนทรภู่เองจึงยกย่องมากและแต่งนิราศเป็นการขอบคุณ แต่ปรานทัศน์รู้ดีว่าถ้ามีนิราศบทนี้ก็อาจมีผลกับอนาคตได้ซึ่งทำให้ปรานทัศน์หนักใจมากแต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังคิดในแง่ดีอยู่บ้างว่านิราศบทนี้คงไม่เกี่ยวกับเขามากขนาดนั้นจนกระทั่งงานนี้เสร็จสุนทรภู่จึงให้ปรานทัศน์ดู
อ้าวทัศน์ เจ้ามาพอดีเข้ามานี่สักครู่หนึ่งได้ไหม ข้ามีบางอย่างจะให้เจ้าช่วยดูหน่อย สุนทรภู่เรียกปรานทัศน์ซึ่งกำลังหมกมุ่นเรื่องเวลาและโลกอนาคตของเขาเพราะว่าปรานทัศน์มาอยู่ที่นี่จะตกสี่เดือนแล้วเขาคิดถึงและเป็นห่วงบ้านมาก
อะไรหรือท่าน ปรานทัศน์เปลี่ยนสีหน้า
นี่ไงนิราศที่ข้าแต่งให้เจ้าน่ะ เสร็จพอดีเจ้าลองดูซิว่าชอบหรือไม่เพราะงานนี้เป็นของเจ้าข้ายินดีแก้ไขตามใจเจ้าทุกอย่างไม่ชอบตรงไหนบอกข้า ข้าคิดว่าใครได้อ่านก็คงต้องยกย่องเจ้า พอๆ กับยกย่องข้าเพราะเจ้าก็เป็นกวีเยี่ยงข้าแต่มิมีใครรู้ข้าจึงอยากจะประกาศให้ชาวบ้านรู้กันไปเลยว่าข้ามีสหายที่เป็นกวีมีความสามารถ ปราดเปรื่องอีกคน กรุงรัตนโกสินทร์จะได้ไม่มีแค่ขุนสุนทรโวหารเพียงผู้เดียวอีกต่อไปข้าชื่นชมเจ้า ผู้อื่นก็ต้องชื่นชมและได้รับรู้ด้วย เจ้าอาจจะเก่งกว่าข้าก็อาจเป็นได้ฉะนั้นคงไม่ขัดข้องนะทัศน์เจ้าอาจจะได้ถวายตัวรับใช้ในวังเยี่ยงข้าก็ได้นะ
ความตั้งใจของสุนทรภู่คือเขาจะส่งนิราศเรื่องนี้เข้าวังหลังถวายให้ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ (ต่อมาทรงได้สถาปนาพระอิศริยยศเป็นพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว พระเจ้าอยู่หัวคู่พระบารมี พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชการที่ 4) ซึ่งยังคงอุปถัมภ์สุนทรภู่อยู่เนืองๆ ตอนแรกปรานทัศน์ก็ไม่หนักใจการแต่พอได้อ่านเพียงนิราศบทแรกเขาก็เปลี่ยนความคิดทันที ซึ่งมันคงกระทบต่ออนาคตแน่นอน บทแรกของนิราศสหายแก้วมีอยู่ว่า
สหายกินหาง่ายใจไม่ห่วง
สหายแก้วหายากลำบากทรวง
มิหลอกลวงช่วยคิดจิตตรงกัน
กวีเอกจากเมืองไทยอันไกลโพ้น
มีชื่อต้นปรานทัศน์สมานฉันท์
เป็นมิตรแท้เพื่อนแก้วผ่องอำพัน
ประดับขวัญแก้วศรีกวีไกล
เอกพยางค์ปรานนั้นคือแสนโปรด
มิมีโทษชมชิดพิสมัย
พยางค์โทคือทัศนาไป
สุดแต่ใจของเจ้านั้นต้องการ
ปรานทัศน์อ่านเพียงบทแรกก็หน้าเสียถอดสีอย่างเห็นได้ชัด ซีดขาวประดุจไข่ปลอกสุนทรภู่เห็นดังนั้นจึงทักขึ้น
นี่ทัศน์ ทัศน์! มันไม่ดีหรือ ไม่ชอบตรงไหนข้าเปลี่ยนได้นะ สุนทรภู่พยายามซักอย่างเอาจริงเอาจัง
เอ่อ...ดีแล้วล่ะท่านข้าชอบมาก แต่... ปรานทัศน์อ้ำอึ้ง
แต่อะไรหรือ มันเป็นเยี่ยงไรเพียงท่านเอ่ยมาข้าพร้อมจะแก้ไข สุนทรภู่มีความตั้งใจจริงปรานทัศน์จึงไม่อยากบั่นทอนกำลังใจเพราะถ้าเขาเกิดขัดเรื่อง ชื่อ ความสามารถ ที่มีอยู่ในนิราศไปสุนทรภู่ต้องเสียใจมากแน่ๆ เขาจึงแก้สถานการณ์โดยแกล้งยืดเวลาในการจบเรื่องของสุนทรภู่ให้ช้ากว่านี้เผื่อจะมีแผนอะไรที่ทำให้นิราศบทนี้ไม่มีอยู่
เอ่อ ท่านขุนขอรับ นิราศชิ้นนี้มีกี่หน้าเพราะข้าชอบมากเหลือเกิน
ประมาณ 15 หน้าเห็นจะได้นะ ทำไมรึ ปรานทัศน์มีความคิดใหม่แวบขึ้นมาจึงแกล้งหยอกสุนทรภู่ไปเผื่อจะเปลี่ยนใจเลิกเขียนไปเอง
มันไม่เวอร์ไปหน่อยหรือขอรับแค่ชื่นชมเรื่องของข้าทำไมมันมีตั้งเยอะแบบนี้
เวอร์ อะไรหรือ เวอร์มันมีความหมายว่าเยี่ยงไรหรือ
ก็แบบ โอเวอร์ หรือทำอะไรมากจนเกินไปเขาเรียกว่าเวอร์นะท่านบ้านข้านิยมใช้กันเป็นคำของพวกตะวันตกนะท่าน เขาตอบ
เจ้าคิดเยี่ยงนั้นหรือมันเวอร์ไปหรือ สุนทรภู่ทำหน้าเสียและหยุดคิดครู่หนึ่ง อืม...เอาล่ะมันยังเวอร์ไม่พองั้นข้าขอแงต่ออีกแล้วกัน อันที่จริงเรื่องของเจ้ายังไม่หมดเลย ยังมีอีกเยอะมากนัก สุนทรภู่ยังคิดจำเยียนต่อยิ่งทำให้ปรานทัศน์มนไปอีกรอบ ตอนแรกนึกว่าจะเลิกเขียนที่ไหนได้โอ๊ยมึน ปรานทัศน์งึมงำ
ตกเย็นหลังจากที่ทั้งสองแยกย้ายกันแล้วสุนทรภู่ก็ดื่มเหล้าฉลองนิราศเรื่องใหม่ตามลำพัง ส่วนปรานทัศน์ขอตัวเข้าห้องเพื่อไปศึกษาเรื่องราวต่อไปจากหนังสือเล่มนั้น
ฮ้าว...เหนื่อยชะมัดแถมมีเรื่องพิเรนมาให้ปวดหัวอีกเรามไม่น่าโชว์ออฟมากมายเลย ปรางทัศน์ยังบ่นอยู่พลางเปิดหนังสือไปหน้าที่เขาคั่นไว้ปรากฏว่าต่อจากพระอภัยมณีแล้ว หนังสือเล่มนั้นไม่มีอะไรอีกนอกจากกระดาษเปล่า! ปรานทัศน์ตกใจมาก
เขาร้อนใจเป็นอย่างมากจะเป็นเพราะนิราศของสุนทรภู่เรื่องนั้นหรือเปล่าก็ไม่ทราบ เขาพยายามลองปิดแล้วเปิดใหม่อยู่หลายรอบก็ไม่เห็นตัวหนังสือเลยสักตัวเดียว เขาหาอยู่เกือบทั้งคืนลองวิธีแล้ววิธีเล่าก็ไม่เป็นผล จนใกล้รุ่งเขาเผลอหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อนทั้งคืนโดยไม่รู้เลยว่าสิ่งที่จะเกิดต่อไปเมื่อเขาตื่นขึ้นจะเปลี่ยนเขาไปได้เลยชั่วชีวิต
จากคุณ :
ขุนไกรพลพ่าย
- [
24 พ.ค. 48 09:44:09
A:61.90.94.74 X:
]