CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    เจ้าชายหิมะ ตอนที่ 15

    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W3465472/W3465472.html

    ตอนที่แล้ว

    =============  

    ตอนที่ 15

    หัวหน้าโจรฝ่ายขวายืนนิ่งมองหัวหน้าโจรฝ่ายซ้ายและบุตรชายคนเดียวเดินออกมาเผชิญหน้ากันอย่างช้า ๆ  ท่ามกลางสายตาของเหล่าทหารโจรที่ยืนรายล้อมอยู่   ขุนโจรวาร์เดอร์ยังคงสงบนิ่งอยู่กับที่  แต่ในหัวใจนั้นเป็นห่วงบุตรชายเหลือเกิน  และรู้ผลดีว่าสุดท้ายจะเป็นอย่างไร  เวลานี้เขายังทำอะไรไม่ได้  ได้แต่รอเวลาที่เหมาะสม

    ไฟท์เทอร์เดินอย่างสุขุมมองฝ่ายตรงข้ามพลางยิ้มเยาะอยู่ในทีและมั่นใจว่าตนเองเท่านั้นที่จะเป็นฝ่ายชนะ

    ซีนิธมองหัวหน้าโจรฝ่ายซ้ายอย่างมีสติตื่นเต็ม  ระมัดระวังทุกฝีก้าว

    “ข้าขอทดสอบซิว่า  วาร์เดอร์สอนอะไรให้เจ้าบ้าง”  พูดพร้อมกับถาโถมกำลังเข้าหาฝ่ายตรงข้ามทันที

    บุตรชายหัวหน้าโจรฝ่ายขวายกดาบขึ้นรับได้อย่างทันท่วงที   แต่พละกำลังที่มากกว่าของฝ่ายตรงข้ามที่พุ่งมาปะทะอย่างแรง  ทำให้เขาเซถอยหลังไปหลายก้าว  ร่างกายของหมอหนุ่มอ่อนเพลียจากการเดินทาง  อดหลับอดนอนหลายวันหลายคืนมาตลอด   ทำให้แม้แต่ด้านพละกำลังยังไม่อาจสู้ฝ่ายตรงข้ามได้   อีกฝ่ายไม่รอช้ารีบรุกทันทีที่ได้เปรียบ  ฟาดฟันดาบถี่ยิบอย่างรวดเร็ว  ซีนิธยังรับคมดาบของฝ่ายตรงข้ามได้   แต่ความแรงของพละกำลังทำให้เขาต้องออกแรงในการตั้งรับมากขึ้นและโอกาสเสียทีก็มีมากกว่า  หากเขารับผิดพลาดนั่นอาจหมายถึงชีวิต   จึงพยายามผละถอยออกมาตั้งหลักมากกว่าที่จะตั้งรับในระยะประชิดตัว

    ไฟท์เทอร์ไม่รอช้ารีบบุกรัวฟันทั้งซ้ายทั้งขวา  ทั้งบนทั้งล่างอย่างรวดเร็ว  ทำให้ซีนิธเกือบตั้งรับไม่ทัน  และเกิดช่องโหว่ให้ฝ่ายตรงข้ามหันมาใช้ศอกกระแทกเข้าที่หัวไหล่อย่างจังเมื่อมีโอกาส  ซ้ำยังเป็นหัวไหล่ข้างที่บาดเจ็บ  เลือดแดงข้นไหลทะลักออกมาอีก

    “อ๊าก!!”  ซีนิธขบฟันแน่นด้วยความเจ็บปวดสุดแสน  เซถอยหลัง  และถูกซัดด้วยแข้งล้มลงไปกองอยู่ที่พื้น  จังหวะนั้นเองดาบคมกริบก็ฟันลงบนร่างของหมอหนุ่มทันที  หมายปลิดชีวิตตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมาย

    ซีนิธพลิกตัวหลบทัน!!  แล้วขัดขาฝ่ายตรงข้ามล้มลง  รีบกัดฟันลุกขึ้นยืนให้เร็วที่สุด  ไฟท์เทอร์รีบลุกขึ้นมายืนอย่างรวดเร็วไม่แพ้กัน  สีหน้าบ่งบอกถึงความโกรธจัดที่หมอหนุ่มขัดขาเขาจนล้มลงไม่เป็นท่าก่อนหน้านี้  ดวงตาแดงก่ำ  แม้เขาจะอายุมากกว่าซีนิธถึงสองรอบ  แต่ยังคล่องแคล่วว่องไวดุจชายหนุ่มฉกรรจ์   แล้วพุ่งเข้ามาฟันดาบลงบนศีรษะของซีนิธอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ   หมอหนุ่มยั้งดาบฝ่ายตรงข้ามได้ทัน  แต่ทว่าถูกเข่าของหัวหน้าโจรกระทุ้งเข้าที่หน้าท้องและฟันเข้าที่แขน  ทำให้เซเสียหลักล้มลงไปกระแทกพื้น   เมื่อได้ทีดาบถูกยกขึ้นหมายสังหารชีวิตหมอหนุ่มให้ดับสูญ  คมดาบฟันลงมายังคอของซีนิธอย่างรวดเร็ว

    “ไม่…!!!  ซี…..นิธ….!!”  แดนเทียน์กรีดร้องเสียงหลงใจหายวาบ

    เสียงโลหะดาบเนื้อดีปะทะกันเกิดไฟประกายไฟวาบขึ้น!!  คมดาบที่หมายมุ่งตัดคอหมอหนุ่มเปลี่ยนวิถีไป  ซ้ำยังถูกถีบให้เซออกไปอีกต่างหาก   หัวหน้าโจรฝ่ายซ้ายเซถลาถอยหลังอย่างไม่ทันตั้งตัว

    “วาร์เดอร์!!“  

    ไฟท์เทอร์โพล่งออกมา  เมื่อมองหน้าผู้ขัดขวางอย่างถนัดตา

    “เจ้ากล้าขัดคำสั่งท่านริกเกอร์!!!”  

    สายตาคมกริบของวาร์เดอร์มองนิ่งอย่างไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด

    “ข้าไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้ถ้าซีนิธเป็นอะไรไป”  น้ำเสียงราบเรียบนั้นปราศจากความหวาดหวั่นใด ๆ ทั้งสิ้น  เพราะไม่มีอะไรน่ากลัวสำหรับเขามากเกินไปกว่า  การมีชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวโดยปราศจากคนที่เขารัก

    “ท่านพ่อ!!”  ซีนิธอุทานอย่างไม่เชื่อสายตา  หัวใจอันเหนื่อยล้ามืดมนหนทางกลับรู้สึกมีแรงกำลังเต็มเปี่ยมขึ้นมาทันที

    แดนเทียน์รีบวิ่งเข้าไปประคองซีนิธให้ลุกขึ้น

    ทหารทั้งหมดที่ยืนรายล้อมขยับตัวทันที!!  แต่หัวหน้ากบฎริกเกอร์ยกมือเป็นสัญญาณให้รอคำสั่ง  มหาโจรกัดฟันแน่น  นึกไม่ถึงเช่นกันว่า  ทหารคนสนิท  คนที่เขาโปรดที่สุด  คนที่เขาไว้ใจที่สุดจะกล้าทรยศเขาได้ลงคอ  แม้จะรู้สึกโกรธอย่างมาก  แต่ยังคงคุมอารมณ์ได้สงบนิ่ง  เขาจะต้องลงโทษคนทรยศให้สาสมแน่  ที่สำคัญเขามีไพ่ใบสุดท้ายที่มั่นใจว่าจะควบคุมขุนโจรวาเดอร์ได้อย่างง่ายดาย  เขาปล่อยให้หัวหน้าโจรฝ่ายซ้ายและขวาปะทะฝีมือกัน

    ความใจร้อนและใช้แต่อารมณ์ทำให้ไฟท์เทอร์เป็นรองวาร์เดอร์อยู่มาก  หัวหน้าโจรฝ่ายซ้ายไม่ชอบขี้หน้าวาร์เดอร์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว  ที่เป็นทั้งคนโปรดและคนสนิทของหัวหน้ากบฎริกเกอร์  ทั้งที่มาอยู่ทีหลัง  เป็นแค่เด็กถูกทิ้งไว้กลางป่า  แต่กลับได้รับความรัก  ความเอ็นดูจากหัวหน้ากบฎริกเกอร์กว่าใคร  แม้แต่เรื่องความรัก  โมเลนที่เขาแสนเสน่หาตั้งแต่ได้เจอเธอครั้งแรก  และพยายามออกตัวขอกับหัวหน้ากบฎริกเกอร์ด้วยซ้ำ  แต่เธอกลับถูกยกให้เป็นของขวัญแก่วาร์เดอร์  เขารู้สึกตลอดเวลาว่า  ชายคนนี้เกิดมาเพื่อแย่งทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเขา   เขาจะไม่ยอมเสียอะไรไปอีกแล้ว  นี่เป็นโอกาสอันดีที่จะกำจัดหนามหยอกอกออกไปอย่างไม่ผิด   และเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุดด้วย  โดยเฉพาะในสถานการณ์เช่นนี้

    ทั้งคู่ปะทะดาบกันไฟแลบ  คล่องแคล่วว่องไวในการใช้ดาบอย่างเชี่ยวชาญด้วยกันทั้งคู่  เสียงโลหะกระทบกันดังกังวาลก้องป่า  ไฟท์เทอร์บุกอย่างรวดเร็ว  ให้อีกฝ่ายได้แต่เป็นฝ่ายตั้งรับ  ขณะที่กำลังพยายามกดดาบลงบนดาบของวาร์เดอร์ด้วยพละกำลังมหาศาล  แต่ทว่าวาร์เดอร์ยังคงใจเย็นและพละกำลังแข็งแกร่งไม่แพ้กัน  เมื่อได้จังหวะจึงพลิกดาบเบี่ยงตัวหลบ  ทำให้ฝ่ายตรงข้ามเสียหลักเพราะกำลังที่โถมลงไปจนสุดกำลังทำให้เซถลาล้มลงไม่เป็นท่า  วาร์เดอร์ไม่รอช้า  วาดปลายดาบไปหยุดที่คอหอยของหัวหน้าโจรฝ่ายซ้าย  

    เสียงทหารโจรที่ส่งเสียงเชียร์กันดังลั่นเงียบลงทันที  เมื่อสถานการเป็นเช่นนี้

    ครู่หนึ่งวาร์เดอร์จึงลดดาบลง  แม้จะมีโอกาสเอาชีวิตฝ่ายตรงข้ามได้  หรือฟาดฟันให้อีกฝ่ายบาดเจ็บ  แต่เขาไม่ทำ  เพราะไม่อยากทำร้ายพวกเดียวกัน  แต่พอวาร์เดอร์หันหลังไป   กลับถูกไฟท์เทอร์ขัดขาให้ล้มลง  แล้วเหวี่ยงดาบฟันเข้ากลางลำตัวทันที!  วาร์เดอร์พลิกตัวหลบได้ทันอย่างว่องไว  รีบยกดาบรับคมดาบที่ฟาดฟันลงมาอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าฟาด

    หัวหน้าโจรฝ่ายขวา  พยายามดันดาบไปข้างหน้า  ในจังหวะเดียวกันนั้นยกขากระทุ้งท้องคนที่คล่อมอยู่ข้างบนแล้วเหวี่ยงร่างนั้นออกไป  รีบลุกขึ้นมายืน  พร้อมกับฟันดาบเข้าที่ลำตัวของหัวหน้าโจรฝ่ายซ้ายทันที  เมื่อถูกลอบกัดเขาไม่อาจปราณีฝ่ายตรงข้ามได้อีกต่อไป  แล้วแทงดาบเข้าที่ท้องซ้ำอีกครั้งอย่างรวดเร็ว  

    เลือดแดงข้นไหลเปรอะเปื้อนเครื่องแบบเต็มยศทหารหัวหน้าโจรฝ่ายซ้าย  แววตาวาวโรจน์ด้วยความโกรธแค้นชิงชังลุกโชนอยู่ในดวงตาดุดันคู่นั้น  

    วาร์เดอร์กระชากดาบออกมา  แล้วถีบร่างนั้นเซไปกองอยู่กับพื้นดิน  ไฟท์เทอร์ควรจะขาดใจตายคาที่  แต่ทว่าด้วยฤทธิ์ความศักดิ์สิทธิ์ของเหล้าในพิธีเซค์ที่ได้ดื่มในวันทำพิธีนั้น  ทำให้เขาขยับตัวลุกขึ้นมาได้อีก

    มหาโจรริกเกอร์มองเหตุการณ์อยู่ตลอดเวลา  ริมฝีปากนั้นขยับขมุบขมิบร่ายคาถาให้พลังแก่ร่างของหัวหน้าโจรฝ่ายซ้าย

    ไฟท์เทอร์เดินรี่เข้าหาวาร์เดอร์ราวกับไม่เคยได้รับบาดเจ็บใด ๆ  แม้เลือดจะยังไหลไม่หยุดก็ตาม   แววตาแข็งกระด้างราวกับถูกภูตผีสิงสู่  มองวาร์เดอร์ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อและฉีกร่างนั้นออกเป็นชิ้น ๆ  

    ไฟท์เทอร์ฟาดดาบลงมาปะทะ  วาร์เดอร์ยกดาบรับด้วยความว่องไว  สัมผัสด้วยความรู้สึก  พละกำลังของฝ่ายตรงข้ามมากขึ้นหลายเท่าตัว  และดูแข็งแกร่งขึ้นอย่างเหลือเชื่อ  ขุนโจรวาร์เดอร์รีบพลิกตัวหลบ  ไม่ต้องการปะทะกำลังอย่างเต็มที่  เพราะรู้ดีว่า  ไม่อาจต้านทานพละกำลังของคนที่อยู่ตรงหน้าได้  เพราะเขาไม่ใช่ของคนธรรมดาอีกต่อไป  ได้จังหวะจึงฟาดศอกกระแทกเข้าที่หน้าอกของฝ่ายตรงข้าม  แต่มันกลับแข็งแกร่งราวกับกระแทกกับแท่นหินมากกว่าที่จะเป็นเนื้อหนังของมนุษย์  จังหวะนั้นเองไฟท์เทอร์ได้ทีจึงเหวี่ยงแขนมากระแทกเข้าที่ใบหน้าของวาร์เดอร์อย่างแรง  จนผงะหงายไปข้างหลังล้มลงกับพื้น  เลือดกลบปากไหลทะลักออกมาตามมุมริมฝีปาก  

    มหาโจรริกเกอร์จ้องมองการต่อสู้อย่างสะใจ  รอยยิ้มบาง ๆ อันเยือกเย็นแต้มอยู่ที่มุมปาก  เขาไม่จำเป็นต้องเสียกำลังทหารส่วนใหญ่เลย  แค่ไฟท์เทอร์คนเดียวก็เกินพอ

    ซีนิธและแดนเทียน์เฝ้ามองการต่อสู้อย่างใจหายใจคว่ำ  เมื่อมองเห็นสถานการณ์ช่วงหลังนี้วาร์เดอร์เป็นรองด้านพละกำลังอย่างเห็นได้ชัด  แม้อีกฝ่ายจะแข็งแกร่งกว่า  แต่เขาและเธอเชื่อว่า  ต่อให้เก่งแค่ไหนก็ต้องมีจุดอ่อน  พยายามสังเกตเพื่อค้นหาจุดอ่อนของฝ่ายตรงข้าม  ต้องหาให้เจอให้ได้

    ไม่ว่าวาร์เดอร์จะเตะต่อยกระทืบกระทุ้งไฟท์เทอร์อย่างไร ก็ไร้ผล  ร่างนั้นแข็งแกร่งราวกับผีดิบคืนชีพ   แม้เลือดจะไหลออกตามบาดแผลต่าง ๆ ก็ตาม   แต่ทว่าก็เหมือนกับไร้ความรู้สึก  แถมยังถูกอีกฝ่ายรัวหมัดชกเอาจนจุกล้มกลิ้งไป  จึงพยายามไม่เข้าปะทะโดยตรง  แต่ก็ยังพลาดท่าจนได้  เมื่อไฟท์เทอร์ได้ทีจึงตามมากระทืบหน้าอกของวาร์เดอร์ที่นอนกลิ้งอยู่กับพื้น  สองมือประสานกันเงื้อดาบยกขึ้นสูง  ปลายดาบชี้ลงเบื้องล่างตั้งฉากกับพื้นดิน   ก่อนจะออกแรงแทงให้ลงตรงหัวใจของคู่อาฆาตพอดิบพอดีอย่างแม่นยำ

    “ฉึก!!!”  เสียงคมดาบแทงเข้าไปเนื้อแล้วถูกกระชากออกทันทีพร้อมกับเลือดสด ๆ แดงฉานที่ไหลทะลักออกมาเหมือนก๊อกแตก  แล้วยกดาบขึ้นสูงเตรียมแทงลงอีกครั้งอย่างไม่ยั้งมือ

    “แคร์เซีย!!”  วาร์เดอร์โพล่งออกมาด้วยความตกใจ   เมื่อมองเห็นร่างของหญิงสาวที่พุ่งตัวเข้ามากอดเขาเอาไว้  เพื่อรับคมดาบแทนเขา  มือรีบกวาดเศษดินขว้างใส่หน้าไฟท์เทอร์อย่างทันที  ก่อนที่ดาบจะพุ่งลงมาที่ร่างบอบบางนั้นอีกครั้ง  แล้วรีบพยุงร่างของเธอกลิ้งหลบไปทันที

    ไฟท์เทอร์ปักดาบลงสู่พื้นดิน  แล้วส่ายหัวดิก   เดินโซเซเปะปะไปมาอย่างเงอะงะ  แล้วแทงดาบลงดินไปมั่ว ๆ อย่างไม่รู้ทิศรู้ทาง   เนื่องจากมองไม่เห็นเพราะขี้ดินเข้าตาทั้งสองข้างอย่างจัง

    ทันใดนั้น!!  ผึ้งรังใหญ่ใกล้ต้นไม้บริเวณที่เหล่าทหารโจรยืนรายล้อมอยู่  ต่างแตกหือบินกระจัดกระจายไปทั่วไล่ต่อยพลทหารโจรหนีกันอุตตลุดไม่เป็นขบวน  เนื่องจากแดนเทียน์ขว้างก้อนหินใส่รังผึ้ง  ซีนิธรีบขว้างระเบิดควันยาสลบให้กระจายไปในอากาศแล้วพาทุกคนหนีไปทันที

    ==============  

    ดวงตาสีสนิมเหล็กคู่นั้นมองเจ้าหญิงเฟรนลี่ด้วยความห่วงใยราวกับจะถามไถ่ถึงอาการข้อเท้าพลิกว่าดีขึ้นหรือยัง  ขณะที่เจ้าชายแรร์เนสใช้มือประคบความร้อนให้ที่ข้อเท้า

    “ดีขึ้นมากแล้วล่ะ”  เจ้าหญิงตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส   เหมือนเขาไม่ต้องพูดก็รู้ความหมายของสายตาคู่นั้น  มองดูข้อเท้าตัวเอง  รอยเขียวช้ำเลือนหายไปเกือบหมดแล้ว  เพราะเจ้าชายใช้มือประคบความร้อนให้อยู่ทุกวัน

    “ขอบใจนะ”  อดสงสัยไม่ได้ทำไมมือของเขาถึงสั่งให้ร้อนให้เย็นได้  แต่ก็ไม่รู้จะถามบุรุษตรงหน้าอย่างไรดี

    สีหน้าของเจ้าชายแรร์เน็สเข้มขึ้น  คิ้วเริ่มขมวด  สายตามองตรงไปยังทางเข้าของปากถ้ำ  ยกมือแตะแขนหญิงสาวเบา ๆ ให้ลุกขึ้นเตรียมพร้อมและระมัดระวังตัว  เมื่อได้ยินเสียงคนกำลังเดินเข้ามาภายในถ้ำที่ทั้งคู่พักอยู่  เสียงฝีเท้าที่ได้ยินนั้น  ต้องมีมากกว่าหนึ่งคน  สายตามองสำรวจรอบถ้ำแล้วไม่มีที่ทางจะหลบซ่อนตัวได้เลย  เจ้าชายผมเทากระชับดาบในมือแน่นอย่างเตรียมพร้อม  เสียงฝีเท้านั้นดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ  

    เสียงฝีเท้านั้นหยุดลง!!

    เจ้าชายแรร์เน็สกวาดสายตาสำรวจผู้มาเยือนทีละคนอย่างช้า ๆ  บุรุษหนุ่มท่าทางสง่าผึ่งผายอุ้มหญิงสาวที่ดูท่าทางจะได้รับบาดเจ็บไม่ใช่น้อยเลยเดินเข้ามาด้วยสีหน้ากังวล  ชายหนุ่มที่เดินตามมาได้รับบาดเจ็บที่แขน  เดินกุมแขนเข้ามาโดยมีสาวน้อยคอยประคอง

    “ขอโทษนะคะ  เราไม่ได้มาร้าย  และเรามีคนเจ็บหนักมาด้วย  ขอพักที่นี่ซักคืนได้ไหม…”  แดนเทียน์เอ่ยขึ้นก่อนใคร

    “ได้สิ”  เจ้าหญิงเฟรนลี่รีบตอบ  มองหน้าหญิงสาวที่กำลังประคองชายหนุ่มหน้าคมแล้วจำได้  เธอนั่นเอง  ที่ถูกพวกโจรจับไป  พ่อแม่ของเธอถูกฆ่าตายหมด  นี่เธอหนีรอดมาได้แล้วหรือ?  คงถูกพวกโจรกำลังตามล่า  สมองคิดเดาเหตุการณ์ไปเรื่อยเปื่อย  แล้วขยับตัวจะเข้าไปช่วยเหลือ  แต่ถูกมือหนา ๆ ของเจ้าชายผมเทาดึงไว้

    “คงไม่มีอะไรหรอก”  เจ้าหญิงมองหน้าเจ้าชายเชิงขอร้อง  เจ้าชายจึงยอมปล่อยมือ

    วาร์เดอร์ประคองแคร์เซียวางลงกับพื้น  เลือดแดงสดยังไหลซึมออกมาไม่ยอมหยุด  เสื้อผ้าและเนื้อตัวของเขามีแต่เลือดแดงเกรอะกรังไปหมด  

    ซีนิธมองเจ้าหญิงเฟรนลี่นิ่งอย่างตกตะลึง  ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้พบกันอีกครั้ง   เขาจำดวงตาสีเขียวสดใสคู่นั้นได้ติดตาเสมอ  มองถัดไปยังบุรุษหน้าขรึมที่ยืนเข้มอยู่ไม่ไกลนัก  ครั้นนึกถึงตอนที่เขาตามเจ้าหญิงไปถึงกระท่อมร้าง  พอเจ้าหญิงเปิดประตูกระท่อมก็โผเข้ากอดชายคนหนึ่ง  แม้จะเห็นจากไกล ๆ  ก็ตาม  ชายผู้นั้นคือบุรุษคนนี้งั้นหรือ?  แถมแววตาบุรุษหน้าเคร่งขรึมช่างเป็นห่วงเป็นใยเจ้าหญิงดวงตาสีเขียวไม่น้อยเลย

    เจ้าหญิงเฟรนลี่ประสานสายตากับหมอหนุ่มนิ่งอย่างครุ่นคิด  เธอจำเขาได้เช่นกัน

    “โอ๊ย!!  จะฆ่าแกงกันหรือไง”  ซีนิธร้องเสียงดัง  เมื่อแดนเทียน์ใส่ยาและพันแผลที่ได้รับบาดเจ็บให้อย่างแรง  เธอหมั่นไส้ที่เขาเอาแต่จ้องมองเจ้าหญิงเฟรนลี่

    “ขอโทษนะ  นึกว่าไม่เจ็บ  มีคนที่เขาเจ็บกว่าเจ้าอีก”  แดนเทียน์สะบัดเสียง  แล้วเดินไปดูแคร์เซีย  ซีนิธรีบเดินตามไป

    “เจ้าไม่น่าทำแบบนี้เลย  แคร์เซีย…”  วาร์เดอร์รู้สึกเสียใจเหลือเกิน  ที่เธอต้องมาเจ็บแทนเขาอย่างนี้  พลางจับมือเธอไว้แน่น

    “ข้าไม่เคยเสียใจเลย  และดีใจที่สุดที่เห็นท่านปลอดภัย…”

    “แคร์เซีย…ท่านเป็นไงบ้าง”  ซีนิธถามอย่างห่วงใย  เมื่อตรวจดูบาดแผลแล้วหนักใจเหลือเกิน  เพราะแผลลึก  กว้างและยาว  ซ้ำยังโดนอภัยวะสำคัญ  แถมยังเสียเลือดไปมาก

    “ซี…นิธ…”  เสียงแคร์เซียแผ่วเบา  “ข้าไม่อาจอยู่ดูแลเจ้าได้อีกแล้ว…”

    “ท่านอย่าเพิ่งพูดอะไรเลย”  ซีนิธจับมือคนที่เขารักราวกับเป็นแม่คนที่สองไว้แน่น  รู้สึกใจหาย  ใจคอไม่ดีเอาเสียเลย  แม้เขาอาจเคยเห็นคนตายมาไม่น้อย  แต่หากคนที่ตายเป็นคนใกล้ชิด  เป็นคนที่เขารัก  เขาคงอดใจเสียไม่ได้

    “ข้ารู้ตัวดี…เวลาของข้าเหลือน้อยลงทุกที  ก่อนที่ข้า…จะตาย  ข้ามีเรื่องอยากสารภาพ…ต่อท่านวาร์เดอร์และเจ้าด้วย  ไม่งั้น…ข้าคงตายตาไม่หลับแน่…ให้ข้าได้พูดเถอะนะ”  แล้วหันแววตาเศร้าที่เต็มด้วยน้ำตาคลอหน่วยไปทางขุนโจรวาร์เดอร์

    “ข้ารู้สึกผิดต่อท่านมาก  ข้าจะไม่เสียใจ  แม้ท่านจะไม่ยอมอภัยให้กับข้าก็ตาม”

    วาร์เดอร์ขมวดคิ้ว  รู้สึกงง  และไม่เข้าใจว่าเธอกำลังจะพูดถึงเรื่องอะไรกันแน่

    “โมเลนไม่ได้ป่วยตายหรอก…แต่เธอโดนวางยาพิษ”  แคร์เซียพูดต่อ  น้ำตาที่คลออยู่รินละแก้มไปช้า ๆ

    วาร์เดอร์กับซีนิธมองหน้ากันอย่างงุนงง  มันหมายความว่ายังไง?

    “วันนั้น…………”   แคร์เซียพยายามรวบรวมกำลังทั้งหมดที่เหลืออยู่เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อ  15 ปีก่อน

    ============  

    แดดสีทองสาดส่องเข้ามาในห้องสี่เหลี่ยม  ปลุกหญิงสาวให้ตื่นจากการหลับไหล  2-3 ปีมานี้ เธอป่วยกระเสาะกระแสะมาตลอด  แต่วันนี้เธอรู้สึกดีขึ้นมาก   ลุกขึ้นจากเตียง   มองแก้วยาสมุนไพรที่ยังเต็มแก้วอยู่  ไม่ได้พร่องไปแม้แต่น้อยวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง  ยกแก้วนั้นไปเทใส่กระถางต้นไม้ประดับริมหน้าต่าง  เธอเบื่อเหลือเกินที่ต้องกินยาพวกนี้มาตลอดเป็นปี ๆ   6-7  วันมานี้จึงแอบเทยาทิ้ง   มองต้นไม้ประดับริมหน้าต่าง  ดูเหี่ยวเฉาชอบกล  ใบเริ่มเป็นสีเหลือง  นึกแปลกใจ
     
    “เจ้าคงไม่ชอบกินยานี้เหมือนกันสินะ”

    แดดใส ๆ  โอบกอดเธอไว้อย่างอบอุ่นและอ่อนโยน  ภายใต้ท้องฟ้าสีครามของยามเช้า  สายลมพัดพริ้ว  กิ่งไม้ใบไม้โบกสะบัดแกว่งไกวไปมาเป็นเพลงใบไม้  บรรยากาศสดชื่น  งดงามเหลือเกินทำให้เธออยากออกไปเดินเล่น  จึงเดินไปที่ประตู  เมื่อประตูเปิดออก  บุรุษผู้เป็นเจ้าของบ้านยืนนิ่งรออยู่ก่อนแล้ว

    “เจ้าจะไปไหน  โมเลน”  วาร์เดอร์เอ่ยถามด้วยเสียงเอื้ออาทรอย่างเคย

    “ข้า…”  แววตาสีเข้มคู่นั้นที่คอยมองเธออย่างห่วงใย  ทำให้เธอประหม่าจนเกือบพูดไม่ออก

    “ข้า…อยากออกไปเดินเล่น  นอนมาหลายวันแล้ว  2-3 วันที่ผ่านมา  ข้ารู้สึกดีขึ้นมาก  วันนี้หายแล้วล่ะ”  เธออธิบายอย่างกลัว ๆ ว่าเขาจะไม่ให้ไป  หลุบสายตาลงต่ำเหมือนเคย  ไม่กล้าสบตาชายหนุ่ม  กลัวเขาจะรู้ความในใจที่ต้องเก็บซ่อนไว้มาตลอด  ด้วยความรู้สึกผิดเป็นกำแพงกั้นระหว่างความรักของเขาและเธอ

    เขามองดูใบหน้าของเธอดูมีสีเลือดขึ้นมาบ้าง  และวันนี้เธอดูแจ่มใสกว่าทุกวัน

    “ให้ข้าไปนะ  วาร์เดอร์”  เธอพยายามอ้อนวอน

    “ได้…”

    คนฟังยิ้มแก้มปริด้วยความดีใจ

    “แต่…”  เขาหยุดเว้นจังหวะเล็กน้อย   สีหน้าคนฟังพลางหมองหม่นลงไปด้วย  รอยยิ้มแย้มบนใบหน้าคลายลง

    “ข้าจะไปเป็นเพื่อนเจ้า”

    โมเลนอึกอักอยู่ครู่หนึ่ง  อยากจะปฏิเสธความห่วงใยของเขาเหมือนทุกครั้ง  แต่กลับพูดไม่ออก  มันติดอยู่ที่ริมฝีปาก  15 ปีที่ผ่านมา  เธอพยายามไม่ไปไหนกับเขาสองต่อสอง  ไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ใกล้ชิด  แม้ว่าเธอจะชาเฉยกับเขาอย่างไร  เขาก็ยังดีกับเธอเสมอ  คอยดูแล  เป็นห่วงเป็นใยไม่เคยเปลี่ยนแปลง

    “ไปกันเถอะ  เดี๋ยวแดดจะแรง”  วาร์เดอร์ไม่รอให้อีกฝ่ายรับคำ

    แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 48 18:35:59

    แก้ไขเมื่อ 25 พ.ค. 48 22:03:18

    จากคุณ : ริเศรษฐ์ - [ 25 พ.ค. 48 22:00:43 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป