CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    ครั้งนี้คือรัก

    สวัสดีค่ะ วันนี้เอาเรื่องสั้นมาฝากกันอีกแล้ว มาให้อ่านกันหนุกๆ อิอิอิ
    ใครที่ชอบอ่านเรื่องสั้นมีข่าวดีมาบอก ที่เว็บ love-stories มีประกวดเรื่องสั้น ตอนนี้เอามาให้อ่านให้โหวตกันแล้ว 69 เรื่องแน่ะ สนใจไปอ่านกันได้ที่นี่เลยจ้า
    http://www.love-stories.net/contest_show48.php
    อ่านแล้วอย่าลืมโหวตด้วยนะคะ เปงกำลังใจให้คนเขียนค่ะ

    แต่ตอนนี้มาอ่านเรื่องสั้นของวาโยก่อนดีกว่านะคะ
    O^-^O

    ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
    ครั้งนี้คือรัก


    วิสราเดินออกจากห้องหัวหน้าด้วยสีหน้าที่ เพื่อนร่วมงานเห็นก็รู้ทันทีว่าไม่ควรเข้าไปทัก เพราะพายุกำลังตั้งเค้า คงต้องอาศัยคนใจกล้าหรือมีความอยากรู้อยากเห็นมากพอที่จะไปถามว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องนั้น

    เธอหงุดหงิดเพราะมาทำงานเกือบสาย ก็พี่ชายตัวดีดันหนีไปทำงานก่อนโดยไม่ยอมมาส่งเธอเหมือนทุกวัน ทำให้เธอต้องโบกแท็กซี่มาทำงานเพราะขืนอาศัยรถประจำทาง มีหวังมาเข้างานสายแน่ๆ มาถึงไม่ทันไร พี่แอนหรืออิรยา หัวหน้าตามสายงานของเธอก็เรียกเข้าไปพบในห้อง เพื่อมอบหมายงานชิ้นใหม่และนามบัตรเพื่อติดต่อลูกค้า นั่นทำให้เช้านี้เธออารมณ์เบิกบานขึ้นนิดหน่อย

    สาเหตุที่ทำให้เธอต้องหน้าบูดออกจากห้องพี่แอนทั้งที่ก่อนเข้าไปก็บูดอยู่แล้ว ไม่ใช่เพราะงานที่ได้เพิ่มขึ้นมาอย่างไม่คาดฝัน แต่เป็นคนที่อยู่ในห้องพี่แอนต่างหาก นายสิทธิชัย สามีพี่แอน เป็นคนที่เธอเหม็นเบื่อเป็นที่สุด ขนาดว่าแต่งงานจนมีลูกแล้ว ยังคอยส่งตาเล็กตาน้อยมาทางเธอ บางครั้งยังพูดเป็นนัยน์น่าเกลียดกับเธอตอนที่คิดว่าไม่มีใครได้ยิน

    ขนาดว่าตอนนั้นตอนนั้นใครๆ ในออฟฟิศคิดว่าเธอเป็นแฟนกับเพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง เธอยังถูกสามีพี่แอนแทะโลมไม่เว้นแต่ละวัน

    มันมาหนักข้อขึ้นก็ตอนที่เพื่อนชายที่เธอสนิทด้วยมีสาวน้อยน่ารักแวะเวียนมาที่ทำงาน ตอนนั้นวิสรากลุ้มมาก เพราะถึงแม้ทั้งเธอและเพื่อนคนนั้นจะไม่เคยพูดกันถึงเรื่องความรัก แต่ด้วยความสนิทสนม ทำให้เธอแอบมีหวังว่าทั้งเขาและเธอคงมีอะไรมากกว่าคำว่า “เพื่อน” แต่ผลสุดท้ายกลับเป็นไปว่าเธอนั้นคิดไปเองเพียงฝ่ายเดียว

    เธอถึงกับวีนใส่เพื่อนชายคนนั้นในวันที่รู้ว่เขาคิดกับแม่สาวน้อยน่ารักนั่นเกินกว่าน้องสาว ทั้งตัดพ้อต่อว่า ที่เขาทำตัวสนิท มารับมาส่งเธอจนเธอเข้าใจผิด แต่คำตอบของเขาก็ทำเธออึ้งไปเหมือนกัน

    เจยอมรับกับเธอว่า เคยได้ยินสิทธิชัยพูดจาในเชิงลวนลามเธอ ทำให้เขาไม่ไว้ใจที่จะปล่อยให้เธอกลับบ้านคนเดียว เพราะชื่อเสียงในเรื่องผู้หญิงของสิทธิชัยมีน้อยอยู่เสียเมื่อไหร่ พนักงานหญิงหลายคนทนทำงานที่นี่ต่อไม่ได้ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะหมอนั่น ที่เจคอยมาดูแลเธอเพราะความเป็นห่วงในฐานะเพื่อนเท่านั้น และที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษเพราะฐานะเธอค่อนข้างล่อแหลมในเมื่อสิทธิชัยได้หมายตาเธอไว้แล้ว และเขาก็ได้ขอโทษที่ความห่วงใยของเขาทำให้เธอเจ็บช้ำใจในเวลาต่อมา

    ในวันนั้นเธอจะทำอะไรได้นอกจากขอบคุณในความห่วงใยที่เขามีให้เสมอ วิสราตัดสินใจบอกเจ มันเป็นสิ่งที่เธอควรจะพูด แม้ความจริงเธออยากจะกรีดร้องให้รู้แล้วรู้รอดไป

    “ขอบใจนะเจที่ดูแลวิวเสมอ แต่วิวคิดว่าเจพอแค่นี้ดีกว่า ตอนนี้เจมีใครที่ต้องดูแลมากกว่าเราแล้วล่ะ เจก็คงไม่อยากให้ใครคนนั้นของเจมาเจ็บปวดเพราะเห็นเจใจดีกับคนอื่นใช่มั้ยล่ะ”

    แล้วเธอก็เป็นฝ่ายถอยห่างจากชีวิตเพื่อนชายที่เธอเคยสนิทที่สุด ถึงจะอดแปลบใจไม่ได้ที่เธอเห็นเขาเดินเคียงคู่กับคนอื่นแทนที่จะเป็นเธอ แต่เธอก็ดีใจที่เจมีความสุข

    นานวันเข้าหลังจากวิสราทำใจกลับมาเป็นวิสราคนเดิมได้ ก็นึกอยากตบปากตัวเองที่ให้เจคอยดูแลแต่คนของเขา เพราะหลังจากที่เรื่องเจมีแฟนแล้วร่ำลือออกไป นายสิทธิชัยก็กระลิ้มกระเหลี่ยกับเธอมากยิ่งขึ้น บางครั้งถึงกับจับมือถือแขนในเวลาที่คิดว่าพี่แอนไม่เห็น

    ดังนั้นพอเห็นหน้านายนั่นทีไร วิสราก็อยากจะขย้อนของเก่าออกมาให้หมดไส้หมดพุง เสียแต่ว่าตั้งแต่เช้าเธอยังไม่ได้กินอะไรมาเท่านั้น ไอ้ที่พอจะขย้อนออกมาได้คงมีแต่น้ำย่อยขมๆ ซึ่งก็คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ถ้าจะคายมันออกมา

    วิสรากลับมาให้ความสนใจกับงานชิ้นใหม่ที่เพิ่งได้รับมา บริษัทของลูกค้ากำลังจะเปิดสาขาใหม่ จึงจ้างบริษัทของเธอให้ตกแต่งออฟฟิศ วิสราคิดว่าที่งานนี้ส้มหล่นมาที่เธอน่าจะเป็นเพราะออฟฟิศใหม่นี้มันอยู่ย่านชานเมืองแถวบ้านเธอ เธอมองนามบัตรในมือ นครินทร์ เบญจรัตน์ ทำไมชื่อนี้มันคุ้นๆ นะ

    ปลายเล็บที่ถูกเคลือบไว้ด้วยสีชมพูอ่อน กดตามเบอร์หมายเลขบนนามบัตรอย่างไม่กลัวว่าเล็บจะหัก
    “ขอสายคุณนครินทร์ค่ะ”

    “ไม่ทราบว่าใครต้องการพูดด้วยคะ”

    “วิสรา จาก เอสดีซี ค่ะ”

    “คอยสักครู่นะคะ คุณนครินทร์กำลังติดสาย”

    แล้วเสียงดนตรีก็ดังขึ้นเพื่อช่วยบรรเทาไม่ให้คนรอต้องหงุดหงิด แต่วิสราไม่ต้องรอนาน เสียงทุ้มๆ ของผู้ชายคนหนึ่งก็ดังขึ้นมา

    “ไงวิว มีอะไรให้พี่ช่วยหรือไง?”

    วิวเบิกตาโพลง ไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายรู้ชื่อเธอ แต่เธอเกิดจำได้ต่างหากว่าเธอโทรถึงใครอยู่

    องค์ชายใหญ่พี่ชายองค์หญิงสิบสี่นี่นา...

    นครินทร์ไม่ได้มีเชื้อเจ้าแต่ประการใด แต่สาเหตุที่ในกลุ่มเพื่อนเธอเรียกเขาว่าองค์ชายใหญ่มีสาเหตุเนื่องมาจากเขาเป็นพี่ชายของนพเก้า เบญจรัตน์ เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มของพวกเธอต่างหาก และสาเหตุที่นพเก้าได้ฉายาว่าองค์หญิงสิบสี่ ก็เพราะชื่อนามสกุลของเจ้าหล่อนมีทั้งเก้า และห้าอยู่ในนั้น เพื่อนๆ ก็เลยจับมาบวกกัน แล้วยิ่งมารู้ว่าฐานะของนพเก้าล้ำหน้าเพื่อนๆ มากเลยยิ่งเหมาะใหญ่ เมื่อนพเก้าเป็นองค์หญิงงสิบสี่ ดังนั้นพี่ชายคนโตของนพเก้าจึงกลายเป็นองค์ชายใหญ่ไปโดยปริยาย

    “สวัสดีค่ะพี่นก วิวจะสอบถามเรื่องตกแต่งออฟฟิศใหม่น่ะค่ะ”

    “อ้าวเราเป็นคนจัดการเหรอ แบบนี้ออฟฟิศพี่มิเละแย่เหรอ?”

    กังวานหยอกล้อในน้ำเสียงของนครินทร์ ทำให้เธอรู้ว่าเขาเพียงล้อเล่นเท่านั้น

    “อ๊ะ...อย่าดูถูกกันนะคะ ถ้าเห็นฝีมือวิว พี่น่ะแหละจะตะลึงในไอเดียอันบรรเจิดของวิว” เสียงหัวเราะมาตามสายทำให้วิสราอดยิ้มไม่ได้ ทั้งๆ ที่เมื่อครู่ยังอารมณ์เสียอยู่แท้ๆ คุยกับคนอารมณ์ดีนี่ดีจัง

    “อย่าให้มันบรรเจิดนักแล้วกันพี่ไม่อยากเห็นออฟฟิศเป็นตลาดนัดศิลปะ แต่เป็นวิวก็ดีแล้วจะได้ไม่ต้องหาที่นัดให้ยุ่ง เจอกันบ่ายวันเสาร์บ้านพี่แล้วกันจะได้บอกยัยน้องให้เตรียมต้อนรับขับสู้”

    “ก็ดีสิคะ ไม่เจอน้องตั้งนานละคิดถึง เจอกันวันเสาร์แล้วค่อยตกลงเรื่องงานนะคะพี่นก”

    หลังจากที่นครินทร์ตอบรับทั้งสองก็ล่ำลากัน วิสราวางหูโทรศัพท์ด้วยรอยยิ้มที่แต้มอยุ่บนริมฝีปาก

    “สงสัยพี่วิวจะคุยกับชายหนุ่มรูปหล่อ เมื่อกี้ยังหน้าบูดอยู่เลย พอคุยโทรศัพท์ปุ๊บอารมณ์ก็ดีปั๊บ คนพิเศษเหรอคะ?”

    ทุกคนที่อยู่ในรัศมีการได้ยินคำถามของกระแตสาวน้อยที่เพิ่งเข้ามาฝึกงานในบริษัท เงี่ยหูมาฟังคนตอบของวิสราทันที เพราะทุกคนรู้ดีแม้จะไม่มีใครพูดก็ตามเรื่องที่วิสราอกหักจากนายเจซึ่งตอนนี้กำลังออกไปดูไซด์งานจึงไม่ได้มาร่วมวงไพบูลย์ในวันนี้ด้วย

    “เอ...ไม่รู้สินะ”

    คำตอบไม่เจาะจง กับรอยยิ้มลึกลับของวิสราทำให้ชายหนุ่มที่วิสราโทรไปหาเป็นที่ฮือฮาในออฟฟิศเป็นอันมาก และยิ่งบวกกับความป๊อปของวิสราในบริษัทมันช่วยเสริมข่าวให้กระพือไปทั่วออฟฟิศอย่างรวดเร็วไม่นานทุกคนก็มานั่งขบคิดถึงชายหนุ่มปริศนาคนนี้ว่าเป็นใครกันแน่


    “เป็นไงบ้างวิว ไม่ได้เจอกันตั้งนาน” นพเก้าร้องทักเพื่อนสาวจากระเบียงบ้านเมื่อเห็นวิสราก้าวลงจากรถ

    “แหม...ก็คนมันงานยุ่งนี่จ๊ะไม่ได้เตรียมตัวแต่งงานเหมือนใครบางคน” วิสราแซวเพื่อนขณะที่เดินเข้าไปในตัวบ้านของนพเก้า

    “บ้า” นพเก้าเขินจนหน้าแดง เลยเผลอพูดคำพูดยอดฮิตตอนที่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีออกมา

    “ว่าแต่นี่พี่นกไปไหนล่ะ ว่าจะถามรายละเอียดงานเสียหน่อย”

    “หายใจเข้าหายใจออกเป็นงาน นี่ถ้าไม่ใช่เกี่ยวกับงานคงไม่คิดแวะมาล่ะสิ” นพเก้าจับมือเพื่อนสาวจูงเข้าไปนั่งตรงที่เป็นส่วนห้องนั่งเล่น

    “ก็แหงสิยะ ฉันกะโผล่มาอีกทีวันแต่งหล่อนเลยล่ะ”

    “มันน่าน้อยใจจริงๆ แต่ช่างเหอะ ว่าแต่เธอกับคุณเจไปถึงไหนละ”

    วิสรากระพริบตาปริบๆ สงสัยเธอกับนพเก้าจะไม่ได้เจอกันนานเกินไปจริงๆ เพราะเรื่องของเธอกับเจเคลียร์กันไปตั้งครึ่งค่อนปีแล้วนี่ วิสราถอนหายใจเมื่อต้องมานั่งเล่าเรื่องราวเหล่านี้ให้เพื่อนสาวฟัง

    “ถามจริงเถอะวิว แกรักคุณเจจริงหรือเปล่า?” นพเก้าถามขึ้นหลังจากที่วิสราเล่าเรื่องในช่วงที่ห่างจากนพเก้าไปให้ฟัง

    วิสรานิ่งงันไปไม่คิดว่าเพื่อนจะถามอะไรแบบนี้ แต่แปลกเหลือเกินเธอน่าจะพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า “รัก” แต่เธอก็ไม่สามารถเอื้อนเอ่ยออกมาได้

    “ทำไมเงียบไปล่ะ ความจริงฉันก็คิดมาหลายทีแล้วว่าแกไม่ได้รักคุณเจหรอก แต่ที่แกมั่วนิ่มว่าเขากับแกรักกันเพราะแกเห็นว่ามันสะดวกดีมากกว่า”

    เมื่อเจอคำกล่าวหาแบบนี้ของเพื่อนวิสราถึงกับขมวดคิ้ว ไม่น่าเชื่อว่าเธอกำลังโดนเพื่อนเทศน์เรื่องความรัก อะไรกันการที่คนเรากำลังจะแต่งงานทำให้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความรักไปเลยหรือไง...

    “ยัยน้องพูดอะไรน่ะ การที่เราจะคบใครน่ะไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะ ความสะดวกมันเกี่ยวอะไร”

    “งั้นเปลี่ยนคำถามใหม่...ตอนที่แกรู้ว่าคุณเจชอบคนอื่นน่ะ แกรู้สึกยังไง เจ็บตรงนี้...” นพเก้าเอามือเคาะที่หน้าอกด้านซ้ายของเพื่อนสาว แล้วเปลี่ยนมาจิ้มที่หน้า “...หรือตรงนี้ของแกกันแน่ที่เจ็บ”

    ทำไมไม่ถามตรงๆ ว่าอกหักหรือหน้าแตก เอ...ตอนนั้นรู้สึกยังไงนะ จำไม่เห็นได้ สุดท้ายจำเลยคิดไม่ออกเลยต้องสารภาพตามตรง

    “จำไม่ได้แล้วล่ะ มันนานละ”

    “ก็นี่แหละนะ ฉันถึงว่าแกไม่ได้รักคุณเจ คนเราอกหักมีหรือจะลืมความรู้สึกนั้นไปง่ายๆ แกคิดว่าแกรักเขา เพราะเขามาคอยดูแล มารับมาส่งแกไปทำงานทำให้แกสบายจนเคยตัว แล้วแกก็เลยเหมาว่าตัวเองรักเขา เพราะว่าถ้าแกเป็นแฟนเขาแกจะได้สบายแบบนั้นไปตลอด”

    คนที่คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าแม่วงการแห่งความรัก เริ่มร่ายยาวทฤษฎีความรัก ว่าด้วยเรื่อง “รักสะดวก” ต่อไปเรื่อยๆ โดยที่คนที่ควรฟังมองขนมเค้กที่เด็กรับใช้กำลังเสิร์ฟกับกาแฟตาพราว วิสราไม่สนใจกาแฟนักแต่คว้าส้อมเล็กขึ้นมาหมายจะจัดการดับเบิ้ลชีทเค้กตรงหน้า แต่ยังไม่ทันได้ทำอย่างที่ตั้งใจก็ถูกมือบางๆ ของคนที่นั่งอยู่ด้วยกันฟาดผั๊วะลงมาที่ข้อมือข้างที่ถือส้อมไว้

    “นี่ได้ฟังฉันพูดบ้างหรือเปล่าเนี่ย”

    “ฟังสิ ก็สรุปว่าฉันไม่ได้รักนายเจแต่ฉันติดสบายเลยจะคว้าเขาเป็นแฟนไง” วิสราเลิกคิ้วยียวนใส่เพื่อน ไม่ค่อยเห็นด้วยกับนพเก้านัก ผิดหวังกับอกหักมันก็ไอ้เรื่องเดียวกันน่ะแหละ แล้วคนอกหักมันก็ต้องรักล่ะน่า

    นพเก้าถอนหายใจเสียงดัง ดีใจที่พูดให้เพื่อนรู้ตัวได้ว่าไม่ได้อกหัก ต้องเรียกว่าวิสราไม่เคยมีความรักจริงๆ เลยต่างหาก นพเก้าคงกลุ้มน่าดูถ้าได้รู้ว่าไอ้ที่เธอพูดไปทั้งหมดน่ะวิสราไม่เข้าใจเลยสักนิดเดียว เพียงแต่ทำท่าว่าเข้าใจเพื่อปัดเรื่องนี้ให้พ้นตัวเท่านั้น ว่าจะเทศนายัยเพื่อนตัวแสบอีกซักหน่อยแต่ร่างสูงๆ ของพี่ชายเข้ามาขัดจังหวะ เลยกลายเป็นว่านพเก้าต้องมานั่งฟังวิสรากับนครินทร์คุยแทน


    เย็นมากแล้วแต่วิสรายังไม่กลับบ้าน ทั้งๆ ที่คนอื่นกลับไปหมดแล้ว เพราะเธอต้องคอยเช็คงานที่ทำมาแต่ละวันว่าเป็นไปตามกำหนดหรือไม่ และมีตรงไหนที่ไม่เป็นไปตามแบบ

    วิสราไม่รู้ว่ามีใครคนหนึ่งคอยจับตาดูการทำงานของเธอตลอด และรู้ว่าเธอจะอยู่จนทุกคนกลับไปแล้ว ยิ่งเย็นมากเท่าไหร่อาคารสำนักงานเช่าแห่งนี้ก็ยิ่งมีคนน้อยลง ไม่ต้องพูดถึงออฟฟิศที่ยังแต่งไม่เสร็จแค่มีอะไรวูบมาอาจคิดว่าเป็นผีเอาง่ายๆ

    เมื่อเห็นว่างานของวันนี้เรียบร้อยดี วิสราจึงยอมกลับบ้านซึ่งไม่ไกลจากที่นี่นัก เธอเดินไปจนเกือบถึงลิฟต์ จึงได้รู้ว่าเธอไม่ได้อยู่คนเดียวที่นี่ มีคนยืนขวางระหว่างเธอกับประตูทางออกไปยังลิฟต์

    สิทธิชัย...

    แค่สบตาหมอนั่นเท่านั้น วิสราก็รู้สึกถึงอันตราย มือกระชับกระเป๋าสะพายแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว

    “คุณสิทมาตรวจงานเหรอคะ ส่วนของวันนี้เรียบร้อยแล้วล่ะค่ะ” วิสราทำเป็นทักแบบไม่รู้เรื่องรู้ราว ใจดีสู้เสือเข้าไว้ บางทีมันอาจไม่มีอะไรอย่างที่เธอกลัวก็ได้

    สิทธิชัยก้าวเข้ามาใกล้หญิงสาวมากขึ้น วิสราแข็งใจไม่ได้ตัวเองก้าวถอยไป เพราะไม่ต้องการให้อีกฝ่ายได้รับรู้ความกังวลของเธอ แต่สิทธิชัยยังไม่ยอมพูดอะไรกลับยกมือขึ้นมาสัมผัสแก้มนวลของหญิงสาว เธอปัดมือของอีกฝ่ายออกทันที

    “เอ๊ะ...คุณจะทำอะไรน่ะ” วิสราเริ่มขึ้นเสียง เมื่ออีกฝ่ายทำท่าว่าจะลามปาม แต่ข้อมือของเธอกลับโดนสิทธิชัยคว้าไว้

    “ก็ทำอย่างที่ฉันควรจะทำนานแล้วน่ะสิ ถ้าไม่มีไอ้เจมันมาคอยเป็นก้าง”

    วิสราพยายามจะดึงข้อมือตัวเองให้หลุดจากการเกาะกุมนั้น แต่สิทธิชัยกลับบีบแน่นยิ่งขึ้น

    “คุณสิท ขืนคุณทำอะไรฉันจะฟ้องพี่แอนจริงๆ ด้วย” วิสรายกเอาชื่อภรรยาของผู้ชายตรงหน้าขึ้นมาอ้าง ดวงตาเจ้าเล่ห์ กับรอยยิ้มของสิทธิชัยทำเอาเธอรู้สึกเย็นวาบไปถึงสันหลัง

    “แอนอยู่สมุยโน่น กว่าเขาจะกลับมาเธอเองมากกว่าที่ไม่อยากจะบอกให้แอนรู้”

    วิสราขนลุกกับเสียงหัวเราะน่าเกลียดหลุดออกมาจากปากหมอนั่น จริงด้วยสิพี่แอนไปดูงานต่างจังหวัด มิน่านายนี่ถึงได้กล้าหาญชาญชัยมาดักเธอถึงที่นี่ เธออาศัยช่วงเวลาที่สิทธิชัยกระหยิ่มใจว่าไปไหนไม่รอดเพราะเขายืนขวางประตูเอาไว้ ฟาดกระเป๋าสะพายเข้าที่ใบหน้าหมอนั่น

    สิทธิชัยไม่ทันตั้งตัวเลยเผลอคลายมือจากข้อมือหญิงสาว วิสราฉวยโอกาสกระชากแขนตัวเองเพื่อให้หลุดจากการเกาะกุมนั้น เธอกระแทกตัวใส่หมอนั่นหวังว่าจะเปิดทางให้เธอออกไปยังลิฟต์ หรือบันไดหนีไฟได้ แต่หมอนั่นกับเซไปเพียงเล็กน้อย แล้วคว้าเธอได้จากด้านหลัง

    วิสราใจหายวูบเมื่อตัวเองถูกลากถอยหลังกลับเข้าไปในออฟฟิศ เธอพยายามจะร้องโวยวาย แทนที่สิทธิชัยจะอุดปากเธอเขามันหัวเราะชอบใจ วิสราก็รู้ว่าความพยายามของเธอคงเสียเปล่า นอกจากออฟฟิศที่กำลังตกแต่งจะไม่เหลือใครแล้ว เวลานี้ก็เย็นมากแล้วแทบไม่มีคนเหลืออยู่ในอาคารสำนักงานแห่งนี้

    แล้วอะไรบางอย่างก็วาบเข้ามาในความคิดของเธอ ถ้าโดนกอดจากด้านหลัง ภาพนางเอกในภาพยนตร์เรื่องผ่านเข้ามาในหัว เป็นครั้งแรกที่เธอนึกรักรองเท้ามีส้นของเธอขึ้นมาเหลือแสน

    วิสรากระแทกส้นรองเท้าเข้ากับเท้าใหญ่โตของสิทธิชัย เธอไม่รอฟังเสียงโอดโอยของอีกฝ่ายเมื่อแขนที่รัดเธอยู่คลายออกเพียงเล็กน้อย เธอก็ถองศอกเข้ากับท้องของคนข้างหลังแบบเต็มแรงจนสิทธิชัยตัวงอแขนตกไปกุมท้องที่ถูกประทุษร้าย และวิสราก็อาศัยจังหวะนั้นกำกำปั้นทุบไปบนดั้งจมูกของอีกฝ่ายจนเขาต้องลงไปนอนกลิ้งกุมจมูกตัวเอง คราวนี้เธอหลุดจากพันธนาการของสิทธิชัยโดยสิ้นเชิง

    ด้วยกลัวว่าสิทธิชัยจะฟื้นตัวได้เร็วก่อนที่ลิฟต์จะขึ้นมาถึง และเธอก็ไม่คิดจะเปิดประตูหนีไฟอันหนักอึ้ง วิสราวิ่งกลับเข้าไปในออฟฟิศทิ้งร่างที่ยังครวญครางของสิทธิชัยไว้ ใครๆ อาจคิดว่าเธอบ้าที่กลับเข้าไปในนั้น มันเท่ากับเป็นหมูในอวย แต่วิสราเป็นคนตกแต่งที่นี่ เธอรู้ว่ามีอยู่ห้องหนึ่งที่ทำด้วยวัสดุทนทานไม่มีทางที่จะถูกพังง่ายๆ เธอสามารถเข้าไปขังตัวในห้องนั้นได้

    เธอกระแทกประตูปิดพร้อมกดล็อค ดีใจที่ห้องนี้มีกลอนประตูด้วยทำให้เธอจัดการลงกลอนเข้าอีกชั้น วิสรายืนพิงประตูแล้วค่อยๆ ทิ้งตัวลงนั่ง เสียงตะโกนเรียกชื่อเธอยังดังอยู่ข้างนอก แต่เสียงที่เธอได้ยินชัดที่สุดกลับเป็นเสียงเต้นถี่ๆ ของหัวใจเธอเอง วิสรานั่งหอบหายใจราวกับว่าเธอจะไม่มีโอกาสได้หายใจอีกแล้ว กระเป๋าสะพายที่เธอไม่รู้ว่ากำมันแน่นตลอดเวลาถูกปล่อยลงไปกองกับพื้น มือชื้นเหงื่อทั้งสองปาดเข้ากับกางเกงยีนที่สวมอยู่ รู้สึกหนาวเหน็บจับขั้วหัวใจ

    เสียงทุบประตูโครมด้านหลัง ทำให้เธอตกใจ สูดลมหายใจเพื่อระงับความกลัว

    “ฉันรู้นะว่าเธออยู่ในนี้ ออกมาเดี๋ยวนี้วิสรา!!”

    วิสราเงียบ อีกฝ่ายยังคงเรียกและทุบประตูต่อไป วิสรารู้สึกถึงแรงเตะ แรงกระแทกจากอีกฟากเป็นอย่างดี เพราะเธอยังคงพิงหลังแนบกับประตูบานนั้น

    เสียงดนตรีดังขึ้น...

    วิสรานิ่ง และเธอก็รู้ว่าอีกคนที่อยู่ข้างนอกนิ่งด้วยเช่นกัน โทรศัพท์มือถือ วิสรารีบควานมือเปะปะไปที่กระเป๋าของตัวเอง ชื่อบนจอเล็กๆ ทำให้เธอแทบร้องไห้โฮด้วยความโล่งใจ

    “พี่นก พี่นกมารับวิวที่ออฟฟิศพี่นกหน่อยค่ะ” เสียงสั่นเบาปนสะอื้นของวิสราถูกกรอกลงไปในโทรศัพท์เครื่องเล็กๆ นั้น เสียงที่ตอบกลับมาทำให้เธออบอุ่นขึ้นอย่างประหลาด

    “รอนะ พี่จะรีบไป”

    ไม่มีการถามเหตุผล เพียงแค่เธอเรียกร้องเขาก็มา...


    นครินทร์กดปุ่มรอให้ลิฟต์เปิดอย่างใจจดจ่อ ไม่ทักทาย ร.ป.ภ. ประจำอาคารซึ่งมักคุ้นกันเหมือนทุกทีฝ่ายนั้นก็แปลกใจในความรีบร้อนของชายหนุ่มอยู่ไม่น้อย แม้แต่ตัวนครินทร์เองก็ยังแปลกใจตัวเอง ถึงแม้วิสราจะไม่ได้พูดอะไรมากแต่น้ำเสียงแผ่วเบาราวกับว่าเจ้าของเสียงกำลังร้องไห้อยู่ทำให้เขาร้อนรนจนต้องรีบมาหาเธอโดยไม่รอฟังสาเหตุ

    ประตูลิฟต์เปิดออก นครินทร์ต้องแปลกใจที่เขาเห็นคนคุ้นหน้าเดินออกมาอย่างเร่งรีบจนแทบชนเขา เขาจำชื่อหมอนั่นไม่ได้ แต่จำได้ว่าอยู่บริษัทเดียวกับวิสรา หรือว่าวิสราจะมีเรื่องกับหมอนี่ ว่าแต่หมอนั่นกุมจมูกทำไม

    เสียงภายนอกเงียบไปนานมากแล้ว แต่วิสราก็ยังไม่ไว้ใจเธอไม่กล้าเปิดประตูออกไปดูให้แน่ใจ จึงได้แต่รอ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง วิสรารีบยกมันขึ้นแนบหู

    “พี่นกเหรอคะ?”

    “วิวอยู่ไหนน่ะ พี่มาถึงออฟฟิศแล้วนะ”

    วิสราอยากรีบลุกไปหานครินทร์แต่เข่าเธออ่อนจนแทบลุกไม่ไหว

    “วิวอยู่ห้องสีน้ำตาลค่ะ พี่นกมาหาวิวที” วิสราไม่คิดว่าเธอทนได้หากต้องเผชิญหน้ากับสิทธิชัยตามลำพังหากว่าเขายังรอเธออยู่ด้านนอก

    เสียงเคาะประตูแผ่วๆ ทำให้วิสราสะดุ้ง แต่เสียงที่เรียกชื่อเธอทำให้วิสรารีบลุกขึ้นปลดกลอนมือไม้สั่น

    “อยู่ได้ยังไงเนี่ยมืดๆ ทำไมไม่เปิดไฟ...วิว วิว! เป็นอะไรน่ะ!” นครินทร์ขมวดคิ้ว เมื่อประตูเปิดออกเขาเห็นว่าภายในห้องมืดสนิท เขาส่งเสียงบ่นที่เธอไม่ยอมเปิดไฟ แล้วก็ต้องอุทานอย่างตกใจเมื่อเห็นใบหน้าเปื้อนน้ำตาของหญิงสาว

    “พี่นก”

    นครินทร์รับร่างบางที่ผวาเข้ามาหาเขาอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก ท่าทางตกใจกลัวเหมือนเด็กน้อยหลงทางของหญิงสาวทำเอาเขาพลอยตกใจไปด้วย เขาสำรวจเนื้อตัวหญิงสาวในอ้อมแขนเห็นว่ายังดูปกติ ที่ผิดปกติคงเป็นเพียงอารมณ์ของเธอผู้นี้เท่านั้น

    “เกิดอะไรขึ้นวิว เกิดอะไรขึ้น!”


    วิสรานั่งดูทีวีอย่างเศร้าซึม ไม่คิดจะไปร่วมวงสนทนากับนครินทร์และวรยุทธพี่ชายเธอที่ระเบียงบ้าน สองคนนั้นคุยกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียดไม่ต้องบอกก็รู้ว่ากำลังคุยเรื่องเธออยู่

    เธอยังจำได้ถึงสีหน้าตกใจของวรยุทธเมื่อเห็นนครินทร์ประคองเธอเข้ามาในบ้าน วิสราอยากนั่งเงียบๆ คนเดียว จึงได้ปล่อยให้นครินทร์ถ่ายทอดเรื่องที่เธอเล่าให้เขาฟังแก่พี่ชาย

    หลังจากปรึกษาอะไรกันอยู่สักพัก นครินทร์ก็เห็นพี่ชายเดินหน้าเครียดเข้ามาหาเธอ
    “วิว ออกจากงานดีมั้ย?”

    คำแนะนำไม่สร้างสรรค์ของพี่ชาย ทำให้ปรอทให้สมองของวิสราพุ่งจี๊ดขึ้นมา

    “ทำไมวิวต้องออก ไอ้หมอนั่นต่างหากที่ต้องไสหัวไป วิวไม่ได้ทำอะไรผิดนะ!”

    “นึกแล้วว่าต้องพูดแบบนี้” วรยุทธถอนหายใจ “แกก็รู้ว่าพี่ต้องทำงานต่างจังหวัดบ่อยๆ จะให้คอยดูแลแกตลอดได้ยังไง”

    วิสราเข้าใจว่าพี่ชายห่วงและงานถ่ายภาพให้หนังสือสารคดีของเขาทำให้เขาหมดสิทธิ์ที่เฝ้าตามระวังเธอ แต่งานนี้เป็นงานที่เธอรัก แล้วเพื่อนเธอก็เยอะแยะ จะให้ทิ้งไปเพราะผู้ชายสั่วๆ คนเดียวได้ยังไง ถ้าเธอให้พี่ชายออกจากงานมาอยู่บ้านจะทำได้มั้ยล่ะ

    “วิวดูแลตัวเองได้ วันนี้วิวยังซัดซะหมอนั่นลงไปกองกับพื้นเลย” วิสรานึกสะใจไม่น้อย จำได้ว่าหมอนั่นถึงกับไปนอนกุมจมูกร้องโอดโอยไม่รู้ว่าดั้งหักหรือเปล่า

    “ถึงยังไงเราก็เป็นผู้หญิง ยิ่งตอนนี้ไม่มีนายเจ...” วรยุทธเงียบไป เพราะนึกขึ้นได้ว่านั่นเป็นอดีตที่ไม่ค่อยโสภานักของน้องสาว

    “ไม่รู้ล่ะ วิวไม่อยากหางานใหม่วิวชอบที่นี่” ถึงจะไม่ชอบคนบางคนก็เถอะ วิสราต่อในใจ

    “งั้นก็ตามใจ” วรยุทธพูดเสียงเนือยๆ

    วิสราแปลกใจที่พี่ชายยอมง่ายๆ ชักน้อยใจ นี่เธอเกือบเสียทีผู้ชายพี่ชายเธอเป็นห่วงแค่นี้เนี่ยนะ เธอเมินหน้าใส่พี่ชาย แล้วก็นึกได้ว่านครินทร์ยังไม่ได้จากไปไหน เขายืนฟังเธอคุยกับพี่ชายอยู่ไม่ห่างนัก แต่ก็ไกลพอที่จะให้ความเป็นส่วนตัวแก่สองพี่น้อง

    “ตกลงว่าวิวไม่ออกจากงานแน่นะ” นครินทร์ถาม

    วิสราพยักหน้าหงึกทั้งที่ใบหน้ายังบึ้ง เพราะงอนพี่ชายอยู่

    “งั้นเอาเป็นว่าอย่างที่ตกลงกันแล้วกันครับคุณนก ฝากน้องสาวผมด้วยแล้วกัน”

    “ไม่มีปัญหาครับ”

    คำพูดฝากฝังของพี่ชายทำเอาวิสรากระพริบตาปริบๆ สองคนนี้ตกลงอะไรกันเนี่ย?

    “อะไรกัน พี่วินทำไมอยู่ๆ ไปฝากวิวให้พี่นกช่วยดูแล”

    “พี่อาสาเองแหละวิว ยังไงบ้านพี่กับวิวก็ไม่ได้ไกลอะไรกันมากมาย พี่จะคอยรับส่งวิวเอง”

    “เอ๊ะ...ได้ยังไงคะ รบกวนพี่นกแย่ วิวดูแลตัวเองได้”

    “ถ้าแกดูแลตัวเองได้จริง ไอ้เรื่องแบบวันนี้คงไม่เกิดขึ้นหรอก” วรยุทธขัดขอน้องสาว

    ฝ่ายที่โดนขัดก็เกิดอาการหน้าเขียวหน้าม่วง เพราะเถียงไม่ออก มีอย่างหรือมาทำให้น้องตัวเองเสียหน้าต่อหน้าคนอื่นได้ยังไง

    “ยังไงซะ วิวก็ไม่อยากได้บอดี้การ์ด ไม่จำเป็นสักนิด พี่นกจะลำบากเปล่าๆ”

    “พี่ขอยืนยันว่าพี่ไม่ลำบากซักนิด”

    “นั่นไงเจ้าตัวเขายังว่าไม่ลำบาก แล้วแกแค่นั่งไปนั่งกลับจะมาบ่นอะไร”

    “แต่...”

    “หุบปากไปเลยวิว พี่กับคุณนกตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว หรือแกจะลาออกก็ได้นะ”

    สีหน้าจริงจัง กับทางเลือกอีกทางที่ผู้เป็นพี่เสนอให้ ทำให้วิสรายอมจำนน ยิ่งได้เห็นรอยยิ้มอบอุ่นที่นครินทร์ส่งมาให้ วิสราก็ต้องยอมรับว่าอุ่นใจขึ้นเยอะว่าจะมีเขาคนนี้คอยมาดูแล แม้เขาจะไม่ใช่พี่ชายของเธอก็ตาม แต่เธอก็รู้สึกว่าเขาเป็นคนสำคัญไม่แพ้พี่ชายทีเดียว


    เงาตามตัวใหม่ของวิสราเป็นที่ฮือฮาในออฟฟิศเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะเป็นหนุ่มรูปหล่อแล้ว ยังเป็นลูกค้าของบริษัทอีกด้วย

    วิสราเพียงยิ้มรับเสียงล้อเลียนในออฟฟิศเท่านั้น ขนาดไม่ได้พูดว่านครินทร์เป็นใครเกี่ยวข้องอะไรกันข่าวยังลือกันไปได้ทั่ว นี่แหละนะที่เขาว่าปากคนยาวกว่าปากกา การมารับส่งเธอของนครินทร์ทำให้สิทธิชัยแทบไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้เธออีก และยิ่งในที่ทำงานเธอพยายามที่จะไม่อยู่คนเดียวแล้วสิทธิชัยก็หมดโอกาสเข้ามายุ่งกับเธอไปเลย

    แต่ใครจะคิดว่าพอไม่มีโอกาสให้ฉวยเอากับเธอ นายสิทธิชัยจะไปออกลายกับคนอื่นต่อ

    เสียงเอะอะวุ่นวาย ตั้งแต่วิสราเหยียบเท้าเข้ามาในออฟฟิศ ดึงดูดความสนใจของเธอแทบทันที ยิ่งเห็นเพื่อนร่วมงานจับกลุ่มกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนความอยากรู้อยากเห็นก็ยิ่งมากเป็นทวีคูณ

    เธอเลือกเดินไปที่โต๊ะที่ใกล้ที่สุดที่มีคนอยู่ เพราะคนส่วนใหญ่ไปยืนจับกลุ่มกันอยู่ด้านใน

    “เจ...มีอะไรกันน่ะ”

    ชายหนุ่มผิวหน้าขาวตาดีเงยหน้าขึ้นสบตากับเธอ วิสราอดเปรียบเทียบกับคนอีกคนที่เพิ่งมาส่งเธอเมื่อครู่ไม่ได้นครินทร์ออกจะผิวคล้ำเล็กน้อย เรียกได้ว่าคมเข้มถ้าเทียบกับชายหนุ่มตรงหน้าเธอก็เรียกได้ว่าหล่อคนละแบบ

    “ก็ไม่มีอะไรมากหรอก แค่นายสิทธิชัยแฟนพี่แอนโดนเด้งไปอยู่สาขาต่างจังหวัดน่ะ”

    “หา!” วิสราอุทานอย่างตกใจ เพราะอิรยาเป็นหัวหน้าฝ่ายที่ค่อนข้างใหญ่ในบริษัท นี่ไม่รู้ว่านายสิทธิชัยไปเหยียบเท้าใครถึงเจอคำสั่งย้ายแบบกะทันหัน แต่ที่แน่ๆ ต้องเป็นคนใหญ่โตมีอำนาจพอที่จะสั่งย้ายพนักงานได้ตามใจชอบเป็นแน่

    เมื่อเห็นเพื่อนหนุ่มไม่มีทีท่าว่าจะขยายความต่อ วิสราก็ตรงดิ่งไปยังเพื่อนๆ ที่จับกลุ่มกันอยู่แล้ว

    “ยัยวิวมาพอดี รู้ข่าวหรือยัง?”

    “ข่าวเด็ดในรอบปี”

    ยังไม่ทันได้เข้าไปในกลุ่มดี เพื่อนๆ ก็ส่งเสียงทักกันให้ขรม

    “เป็นยังไงมายังไงล่ะ?” วิสราออกปากถามาทันทีเหมือนกัน

    “ก็เวรกรรมมันมีจริงน่ะสิ นายสิทธิชัยวิ่งชนตอเข้าเต็มๆ”

    “ยังไงๆ”

    “จำยัยหนูกระแตได้มั้ยล่ะ จริงๆ แล้วน่ะเป็นหลานสาวท่านประธานนะยะ”

    วิสราตาโตเมื่อได้ยินว่าเด็กฝึกงานในออฟฟิศ ที่วิ่งวุ่นช่วยงานในทุกอย่างจะเป็นถึงหลานท่านประธาน”

    “ไม่จริงมั้ง?” วิสราส่งเสียงครางในลำคอไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

    “จริงไม่จริง นายสิทธิชัยชีกอก็โดนเด้งไปอยู่สาขาต่างจังหวัดแล้วล่ะจ้า แถมโดนลดตำแหน่งอีกด้วย สะใจๆ”

    “เดี๋ยวๆ นี่หมายความว่าหมอนั่นไปลวนลามยัยกระแตเหรอคะ เวรกรรม!” วิสราไม่อยากเชื่อว่าพอหมดโอกาสกับเธอ นายสิทธิชัยก็คิดจะไปเคลมเด็กใหม่ แถมเป็นเด็กฝึกงานเสียด้วย นี่คงคิดว่าเล่นกับเด็กๆ จะง่าย กลายเป็นว่าเจอเด็กเส้นใหญ่เข้าไป คนที่คิดว่าตัวเองใหญ่เลยหงายหลังไม่เป็นท่า

    “เวรกง เวรกรรมอะไร สมน้ำหน้าจะตาย ผู้หญิงที่นี่น่ะมีใครไม่เคยมันแต๊ะอั๋งมั่ง”

    มันเป็นประโยคบอกเล่ามากกว่าจะเป็นประโยคคำถาม แต่พอมีคนตอบก็เล่นเอาสาวๆ ที่จับกลุ่มกันอยู่หันไปมองคนตอบเป็นตาเดียวกัน

    “เราไม่เคยโดน”

    พอเห็นหน้าคนตอบเท่านั้น ทุกคนก็กระพริบตาปริบๆ แล้ววงนินทาก็แตกฮือไม่สนใจคนที่อ้างว่าไม่เคยโดนนายสิทธิชัยลวนลาม ไม่มีใครคิดถามว่าทำไม เพราะวิชุเป็นหญิงสาวที่ออกมาดชายหนุ่มขืนหนุ่มที่ไหนเข้าไปแหยมสิ จะได้โดนหมัดสวนกลับมาเป็นแน่

    ทีแรกวิสราว่าจะแจ้งข่าวดีนี้กับนครินทร์องค์ชายใหญ่ที่ถูกลดตำแหน่งมาเป็นองครักษ์จำเป็นของเธอ  แต่ก็เปลี่ยนใจไปโทรหาพี่ชายแทน...

    เย็นวันนั้นวิสราจัดการเก็บกระเป๋าเก็บแบบรอคนบางคนที่โทรศัพท์มาบอกว่ากำลังมารับ ตอนนั้นเพื่อนๆ เริ่มทยอยกลับไปบ้างแล้ว แต่หนึ่งในคนที่กำลังปั่นงานอยู่นี่สิทำให้เธอสงสัยจนต้องลุกไปเคาะโต๊ะหมอนั่นเพื่อถามให้ได้ความ

    “แปลก...เจวันนี้ไม่ไปรับรุ้งเหรอ?”

    คนที่ถูกถามยอมสละเวลาอันมีค่าขื้นมองเธอ

    “รุ้ง ไปสัมมนาต่างจังหวัด แล้วนี่คุณนกไม่มารับหรือไง”

    วิสราลากเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ๆ มานั่ง ดีเหมือนกันพี่เพื่อนคุยแก้เหงา

    “เดี๋ยวคงมามั้ง เมื่อกี้โทรมาว่าจะถึงแล้ว”

    “ยินดีด้วยนะ ว่าจะพูดนานแล้วแต่ไม่มีโอกาส”

    คนที่ถูกแสดงความยินดีด้วยมองคนพูดอย่างไม่เข้าใจ คนพูดเลยต้องขยายความ

    “ดีใจด้วยเรื่องคุณนก เราดีใจนะที่วิวเจอคนที่ ใช่ สำหรับวิวเสียที”

    “จะบ้าเหรอ เรากับพี่นกไม่มีอะไรกันเสียหน่อย” วิสราตกใจเมื่อเข้าใจความหมายของคนพูด พอเห็นอีกฝ่ายทำท่าไม่เชื่อ เธอเลยต้องยืนยันคำพูดนั้น “พี่นกก็เหมือนนายเมื่อก่อนน่ะแหละ เขาไม่ไว้ใจแฟนพี่แอนเลยมาช่วยดูแลเราเท่านั้นเอง” วิสราไม่คิดบอกเพื่อนว่าพี่นกไปเห็นเธอตอนหน้าสิ่วหน้าขวานเข้าเลยเห็นห่วง แค่รู้ไม่กี่คนเธอก็อายจะแย่แล้ว

    “ถ้าวิวจะว่าแบบนั้นก็ตามใจ แต่เราขอบอกไว้นะว่าผู้ชายด้วยกันน่ะดูออก”

    “ตาหาเรื่องน่ะสิ”

    “มันก็ต้องมีมูลมั่ง ไม่งั้นเขาจะลือไปทั้งออฟฟิศเหรอ นั่นแน่ะพระเอกมาแล้วกลับไปได้แล้วไป๊”

    “ไล่เลยนะยะ เชอะ! เรามันไม่น่ารักเหมือนยัยรุ้งนี่นะ” วิสราอ้างถึงเพื่อนรุ่นน้องแฟนนายเจซึ่งเดี๋ยวนี้เธอถือเป็นน้องสาวได้อย่างสนิทใจ

    “แฟนเรา เราก็ว่าน่ารักว่าแต่วิว เคลียร์กับคนนั้นดีๆ แล้วกัน”

    เจทิ้งปริศนาไว้ให้เพื่อนสาวคิด เมื่อเห็นเค้าพายุทอนาโดกำลังก่อตัวบนใบหน้าของชายหนุ่มที่เพิ่งมาถึง พอร่างเพื่อนสาวคนสนิทลับไป เจก็ต้องถอนหายใจ วิสราเป็นคนฉลาดมากก็จริง แต่คนเราบางทีก็ทำอะไร คิดอะไรโง่ๆ ได้เหมือนกันถ้ามี “ความรัก” ยิ่งมีแบบไม่รู้ตัวแบบวิสราแล้วยิ่งน่าห่วง เขาไม่แน่ใจว่าควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับชีวิตวิสราอีกดีหรือไม่ ในเมื่ออดีตเขาก็ทำให้ชีวิตของเธอยุ่งพอแล้ว เมื่อความรักเป็นเรื่องของคนสองคน เขาคงไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่งในเรื่องนี้หรอก คงต้องปล่อยให้สองคนนั่นจัดการกันเอาเอง

    ตัดสินใจได้ดังนั้นเจก็กลับไปทำงานต่ออย่างตั้งใจ โดยมีภาพหญิงสาวเจ้าของหัวใจคอยส่งยิ้มเป็นกำลังใจให้ แม้ตัวจริงจะไม่ได้มาอยู่ด้วยก็ตาม


    วิสราเหลือบมองชายหนุ่มข้างตัว แปลกใจที่เห็นเขาอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก ทั้งที่ตอนโทรศัพท์มาน้ำเสียงก็ฟังดูปกติดี แต่พอมาเจอตัวเป็นๆ นครินทร์กลับดูหงุดหงิดชอบกล ไอ้ครั้นจะถามก็เห็นว่าเขาขับรถอยู่กลัวจะเสียสมาธิ เธอเลยตัดสินใจหาเรื่องไม่เครียดมาชวนเขาคุย เรื่องข่าวที่เธอเพิ่งรู้เมื่อเช้าท่าจะดี

    “พี่นกคะ เมื่อเช้าพอวิวมาถึงบริษัทนะ วิวได้ข่าวดีที่สุดในโลกเลยค่ะ” แล้วเหตุการณ์ที่เธอได้ยินมาเมื่อเช้าก็ถูกเล่าให้ชายหนุ่มซึ่งปัจจุบันถูกล้อว่าเป็นเงาตามตัวเธอฟัง แทนที่เขาจะดีใจกับเธอไอ้หน้าที่บึ้งๆ อยู่แล้วดันบึ้งตึงยิ่งกว่าเก่าเสียนี่

    “ก็ดีแล้วนี่ อีกหน่อยพี่คงไม่ต้องมารับส่งวิวแล้วเพราะพี่มันหมดความจำเป็นแล้ว”

    น้ำเสียงประชดประชันของนครินทร์ ทำเอาคนหวังดีอยากช่วยให้คนเครียดๆ หายเครียด มีน้ำโหขึ้นมา

    “เอ๊ะ...พี่นกจะหาเรื่องวิวหรือคะ วิวไม่รู้หรอกนะคะว่าพี่นกเป็นอะไร แต่มาลงกับวิวแบบนี้ถูกแล้วหรือคะ”

    “นั่นสินะ ก็วิวไม่รู้อะไรเลยนี่ ไม่เคยรับรู้อะไรเลย”

    นครินทร์ยังประชดไม่เลิก วิสราเห็นควรว่าเงียบไว้จะดีกว่าไม่รู้ว่าเขาไปกินรังแตนมาจากไหน ปกติเป็นคนอารมณ์ดีแท้ๆ ไหงวันนี้เกิดอารมณ์เสียแล้วมาพาลเอากับเธอได้ ถ้าเบื่อไม่อยากมารับมาส่งเธอก็ไม่เห็นต้องทำแบบนี้เลย บอกกันดีๆ ก็ได้

    วิสราอยู่ในโหมดน้อยใจเต็มที่เมื่อนครินทร์จอดรถที่หน้าบ้านของเธอ

    “วิว” นครินทร์เรียกหญิงสาวก่อนที่เธอจะก้าวลงจากรถของเขา มันทำให้เธอชะงักไป แต่ก็ไม่ยอมหันมามองเขาอยู่ดี  “วิวพี่ขอโทษด้วยแล้วกัน วันนี้พี่อารมณ์ไม่ค่อยดี”

    วิสราหันขวับมามองคนขอโทษอย่างเอาเรื่อง

    “พี่ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ วิวเข้าใจว่าวิวรบกวนพี่นกมาเยอะ พี่คงรำคาญต่อไปวิวคงไม่ต้องกวนพี่ให้มาดูแลวิวอีกแล้วล่ะค่ะ ขอบคุณนะคะที่ดีกับวิวเสมอ” วิสราลงจากรถแล้วเข้าบ้านอย่างรวดเร็วไม่เปิดโอกาสให้นครินทน์ได้พูดอะไรทั้งนั้น และไม่สนใจเสียงเรียกชื่อเธอของเขาด้วย

    “วิว!” นครินทร์เรียกชื่อหญิงสาวรุ่นน้องเสียงหลง เมื่อเจ้าหล่อนปิดประตูใส่หน้าเขาเอาดื้อๆ ทั้งที่เขารีบลงจากรถแล้วแต่ก็ไม่ทันวิสราอยู่ดี

    เขากดกริ่งหน้าบ้านเธอ แล้วยืนรออยู่ร่วมสิบนาที มือก็กดโทรศัพท์ทั้งเบอร์บ้านและเบอร์มือถือของวิสรา แต่ไม่มีทีท่าว่าหญิงสาวจะใจอ่อนมาเปิดประตูให้ หรือรับโทรศัพท์ แล้วช่วงนี้วรยุทธก็ไปทำงานต่างจังหวัดเสียด้วย ไม่มีทางที่เขาจะคุยกับวิสราให้รู้เรื่องวันนี้แน่

    นครินทร์เสยผม ถอนหายใจอย่างหงุดหงิด แต่สุดท้ายก็ต้องล่าถอยไป เขาคงต้องมาเคลียร์กับเธอวันหลังเสียแล้ว เพราะทั้งเขาและวิสราต่างก็ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะคุยกันได้ดีนัก รอสักหน่อยก็ดีให้ทั้งเขาและเธออารมณ์เย็นกว่านี้จะดีกว่า

    ถ้านครินทร์รู้ว่าโอกาสที่เขาจะได้เคลียร์กับวิสรายังนานอีกเป็นเดือน บางทีวันนี้เขาอาจจะนั่งแช่อยู่หน้าบ้านวิสราจนเธอใจอ่อนก็ได้ แต่ก็อย่างว่า เขาไม่รู้นี่นา...


    ดึกแล้วแต่แทนที่วิสนาจะนอน เธอกลับมาเดินเล่นในสวนกว้าง แสงจันทร์ค่อนข้างเต็มดวงในวันนี้ทำให้เห็นสวนได้ทั่วโดยมิต้องพึ่งแสงไฟนีออน วิสราทิ้งตัวนั่งบนชิงช้าที่ทำจากแผ่นไม้เล็กๆ แต่แข็งแรงถูกตรึงด้วยสายโซ่เส้นโตที่พาดกับกิ่งไม้ใหญ่ในสวนนั้นเอง

    ความจริงคืนนี้เธอไม่ควรมาอยู่ที่นี่  แต่ทนไม่ได้กับคำออดอ้อนของเพื่อนสาวที่ชักชวนเธอมาอยู่เป็นเพื่อนในคืนก่อนวันแต่งงาน จนเธอยอมมาค้างด้วย ทั้งๆ กลัวว่าจะเจอพี่ชายของนพเก้าแต่เธอก็กลัวด้วยว่าจะไม่ได้เจอเขา แต่สุดท้ายวันนี้เธอก็ไม่เจอเขา ทั้งๆ ที่เห็นพ่อ แม่ ญาติพี่น้องของนพเก้าวิ่งกันให้วุ่นกับงานวันพรุ่งนี้ แต่เธอกลับไม่เห็นพี่ชายแท้ๆ ของนพเก้า นครินทร์หายไปไหนนะ แต่เธอก็ปากหนักเกินว่าจะถามว่าที่เจ้าสาวอย่างองค์หญิงสิบสี่ได้

    มานั่งคิดย้อนหลังไป นี่ก็เกือบเดือนแล้วสินะที่เธอไม่ได้เห็นนครินทร์ เพราะเช้าวันถัดจากที่มี่เรื่องกัน วิสราก็รับงานใหม่จากหัวหน้าบินไปเชียงใหม่แบบด่วนจี๋ เพิ่งกลับมาเมื่อสองสามวันก่อนนี่เอง

    คิดถึง...

    คำนี้ดูเหมือนจะครอบคลุมความรู้สึกเกือบทั้งหมดเมื่อเธอนึกถึงนครินทร์ แม้ไม่ได้พูดคุย (เพราะเธอไม่รับโทรศัพท์เขา) ไม่ได้เห็นหน้า แต่เธอก็อ่านข้อความทุกประโยคที่เขาส่งมาในโทรศัพท์เครื่องเล็กๆ ที่เธอพกติดตัวไปไหนมาไหนด้วยเสมอ ข้อความสั้นๆ ที่ถูกส่งมาทุกวันแทบไม่ซ้ำ แต่ก็ทำให้เกิดความอบอุ่นในใจทุกครั้งที่ได้อ่าน

    เธอหายโกรธเขาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่วันแรกที่ไปอยู่เชียงใหม่ด้วยซ้ำข้อความแรกที่เขาส่งมาให้ ทำให้เธอแทบร้องไห้ ‘ดูแลตัวเองด้วยนะ’ ทั้งๆ ที่เธอทำไม่ดีกับเขา โกรธเขาทั้งๆ ที่เขาก็ขอโทษแล้วแท้ๆ แถมยังพาลไม่รับโทรศัพท์อีก ทีนี้เขาเลยไม่โทรมา ส่งมาแต่ข้อความให้เธอได้อ่านเท่านั้น

    แย่ยิ่งกว่านั้นคือตัวเธอเองไม่กล้าโทรไปขอโทษเขาเสียด้วย เพราะปล่อยไว้นานก็เลยยิ่งกลัว มานั่งคิดตอนนี้ถ้าเธอโทรไปขอโทษเขาทันทีคงไม่มากลุ้มอยู่อย่างตอนนี้ เฮ้อ...คิดไปก็ไม่มีประโยชน์เรื่องมันผ่านมาแล้ว

    วิสราเงยหน้ามองดวงจันทร์สีนวล พลางคิดว่าดวงจันทร์จะเหงาบ้างมั้ยนะที่ต้องส่องแสงโดดเดี่ยวอยู่เดียวดายยิ่งเจิดจรัสมากเท่าไหร่ก็ดวงดาวที่รายล้อมก็ยิ่งน้อยลง

    วิสรามัวแต่ใจลอยกว่าจะรู้ตัวว่าเธอไม่ได้อยู่เพียงคนเดียวในสวนกว้างแห่งนี้ กว่าจะรู้ตัวก็ตอนที่เธอหงายหลังเสียการทรงตัวเพราะมีคนมาจับโซ่ชิงช้าที่กำลังโล้ตัวอยู่ไว้ พร้อมกับเสียงหวีดร้องหลุดจากปากเธอ วิสราหลับตาปี๋เตรียมรับความเจ็บที่จะตามมาหลังจากที่เธอหล่นตุ้บไปบนพื้นหญ้า เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นเมื่อรู้ตัวว่าเธอยังนั่งอยู่ที่เดิมไม่ได้กลิ้งตกลงไปอย่างที่คิดไว้ แต่ไอ้แขนใหญ่ๆ ที่อยู่รอบตัวเธอ กับลมหายใจอุ่นๆ ที่รดบนผิวหน้านี่สิ

    “พี่นก!” วิสราอุทานเมื่อหันไปเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย จากนั้นอาการตกใจก็เปลี่ยนเป็นโกรธแทน “เล่นอะไรน่ะวิวตกใจนะ”

    “ขอโทษๆ พี่ไม่คิดว่าวิวจะตกใจขนาดนี้นี่”

    วิสราหน้าบึ้งเพราะน้ำเสียงของคนขอโทษที่นั่งคุกเข้าอยู่ด้านหลังเธอน่ะมันมีเสียงขลุกขลักแบบหัวเราะอยู่ในลำคอแฝงมาด้วยนี่นา

    “ไม่รู้ไม่ชี้ เอามือออกไปเลย” วิสราดันท่อนแขนที่โอบรัดอยู่รอบตัว ถึงแม้ว่าจะไม่แน่นหนานักเพราะติดโซ่ที่แขวนชิงช้าอยู่แต่มันก็ทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ ที่เขาและเธอใกล้ชิดกันขนาดนี้ แต่ยิ่งผลักแขนของชายหนุ่มออกไป มันกลับดูราวกับแน่นหนายิ่งขึ้น

    “กอดไว้แบบนี้น่ะดีแล้ว ยิ่งจับตัวยากๆ อยู่”

    คำพูดของนครินทร์เล่นเอาวิสราพูดไม่ออก ได้แต่นั่งตัวแข็งหน้าแดงก่ำ

    “วิวยังโกรธพี่อยู่หรือเปล่าเรื่องวันนั้น”

    ไม่จำเป็นต้องบอกว่าวันไหนก็ มันมีอยู่วันเดียวน่ะแหละ ถึงจะหายโกรธแล้ว แต่วิสราก็ขอเก็กไว้ก่อน เรื่องอะไรจะยอมบอกง่ายๆ ว่าหายโกรธแล้ว

    “พี่นกมีเหตุผลดีๆ ให้วิวมั้ยล่ะคะ?” วิสราแกล้งถามด้วยน้ำเสียงเมินๆ แต่คำตอบของนครินทร์เป็นคำตอบที่เธอคิดไม่ถึงเลยจริงๆ

    “ก็...พี่ไม่ชอบนี่...ที่วิวไปนั่งคุยกับนายเจ”

    “เอ๊ะ?!” แม้นครินทร์จะตอบด้วยน้ำเสียงแสนเบา แต่วิสราก็ได้ยินชัดก็เขาพูดอยู่ข้างหูเธอเองนี่นา

    “ไม่ต้องมา เอ๊ะ เลย นายเจนั่นน่ะแฟนเก่าวิวไม่ใช่หรือไง เรื่องอะไรไปนั่งเจ๊าะแจ๊ะกับมัน”

    วิสรากระพริบตาปริบๆ เมื่ออยู่ๆ ชายหนุ่มก็เกิดทำเสียงเหี้ยมเกรียมขึ้นมา

    “วิวจะคุยกับใครมันก็เป็นสิทธิ์ของวิวนะคะ เรื่องอะไรพี่นกต้องมาชอบหรือไม่ชอบด้วย” วิสรารู้สึกถึงอากาศเย็นวาบกลางดึกเมื่ออ้อมแขนที่กอดเธออยู่เมื่อครู่ คลายออกกะทันหัน

    “นั่นสินะ มันเรื่องของวิวนี่ พี่ไม่มีสิทธิ์”

    “พี่นกจะไปไหนล่ะคะ” วิสราถามดึงเสื้อด้านหลังของนครินทร์ไว้เมื่อเห็นว่าเขาลุกขึ้นยืนทำท่าจะผละไป

    เอาล่ะสิคนที่กำลังง้อเมื่อครู่ดันเป็นคนงอนเสียอย่างนั้น แล้วไอ้คนที่นั่งงอนอยู่จะทำยังไงล่ะ ก็ต้องเปลี่ยนเป็นคนง้อล่ะสิทีนี้

    “พี่ก็จะเข้าบ้านไง วิวจะได้ไม่ต้องมาหาว่าพี่ยุ่งเรื่องของวิวอีก”

    วิสรากัดริมฝีปากล่างตัวเองเบาๆ เธออาจเคยสงสัยว่าตัวเองจะเข้าใจผิดอีกหรือไม่ว่าเธอรักพี่นกเหมือนที่เธอเคยคิดว่าชอบเจ แต่หลังจากที่ห่างกันแม้เพียงไม่กี่วันเธอก็รู้ว่าความรู้สึกที่เธอเคยมีให้กับนายเจนั้นมันเรียกได้ว่าคนละเรื่องกับที่เธอมีให้นครินทร์

    “ก็วิวอยากให้พี่นกยุ่งนี่คะ” วิสราหลุดปากออกไปจนได้

    “ได้ทุกเรื่องเลยหรือไง?”

    ถึงนครินทร์จะยังไม่ยอมหันมามองเธอแล้วน้ำเสียงก็ยังฉุนเฉียว แต่วิสราก็รู้ว่าเขาเริ่มอามรณ์เย็นขึ้นมาหน่อยนึงแล้ว

    “ทุกเรื่องเลยค่ะ พี่นกหายโกรธวิวนะคะ เมื่อกี้วิวแค่ล้อเล่นเอง”

    “แม้แต่เรื่องนายเจพี่ก็ยุ่งได้เหรอ?” น้ำเสียงที่ถามยังพาลอยู่เล็กๆ

    “เจกับวิวเป็นเพื่อนกันเอง ยังไม่เห็นจะเคยคบกันเป็นแฟนเลย มีแต่คนเขาลือกันไปเอง”

    คราวนี้นครินทร์ถึงกับหันมามองเธอด้วยสายตาดุๆ

    “ไม่ต้องมาโกหกพี่เลยนะวิว ใครๆ เขาก็รู้กันว่า...”

    “ใครๆ ที่ว่านี่ใครกันคะ” วิสราสวนกลับก่อนที่นครินทร์จะพูดจบ

    พอเห็นท่าทางลุกขึ้นมามองอย่างเอาเรื่องของวิสรา นครินทร์ก็พูดเสียงอ่อนลงโดยไม่รู้ตัว

    “ทุกคนน่ะแหละ ใครๆ ก็เห็นว่าวิวกับนายเจสนิทกันจะตาย”

    “คำว่าเพื่อนกับคนรักมันต่างกันนะคะพี่นก”

    นครินทร์ยกมือบางๆ ทั้งสองข้างของหญิงสาวตรงหน้าขื้นมากุม

    “ถ้านายเจเป็นแค่เพื่อนสำหรับวิว งั้นพี่ถามได้มั้ยว่าใครคือคนรักสำหรับวิว” นครินทร์แอบยิ้ม เมื่อแสงจันทร์ในวันนี้บวกกับแสงไฟในสวนทำให้เขาเห็นใบหน้านวลเนียนของวิสราแดงเรื่อขึ้นมาถนัดตา แม้ไม่มีคำพูดแต่แววหวานในดวงตาของวิสราเป็นคำตอบอย่างดี แต่ก็มีบ้างที่คำพูดความในใจเพียงครั้งเดียวจะมีค่ามากกว่าการกระทำเป็นร้อยๆ ครั้ง “พี่รักวิวนะ รักมาตั้งนานแล้วอยากให้วิวรู้ตัวสักที เพราะพี่ไม่อยากคอยให้วิวรู้เองแล้ว”

    วิสราเขินจัดกับคำสารภาพรักของนครินทร์ ถึงจะพอเดาได้บ้างจากการที่เขาเข้ามาใกล้ชิด แต่เนื่องจากมีประสบการณ์มาก่อนว่าความใกล้ชิดไม่จำเป็นต้องเป็นความารักเสมอไป แต่มาเจอเขาพูดความในใจตรงๆ แบบนี้ก็ไม่กล้าสบตาชายหนุ่มตรงหน้าเอาเหมือนกันเลยได้แต่ก้มหน้างุด

    นครินทร์มองหญิงสาวด้วยสายตาเอ็นดู เขาเลื่อนมือข้างหนึ่งขึ้นเชยคางวิสราจนเห็นใบหน้าหวานๆ นั้นชัดเจน

    “ทำไมเงียบจัง ไม่ให้คำตอบพี่หน่อยเหรอคะ”

    สีหน้ายิ้มๆ ของคนถามกับแววตาแพรวพราวทำให้วิสราอดค้อนไม่ได้ เอ๊ะ...ทำไมหน้าพี่นกอยู่ใกล้จัง ใกล้กว่าเมื่อกี้อีก

    สัมผัสแผ่วเบาจากริมฝีปากเขาที่ริมฝีปากเธอทำให้สมองของวิสราโล่งไปหมด เนิ่นนานเท่าไหร่เธอก็ไม่ได้สังเกตเสียด้วย แต่รู้ตัวอีกทีเธอก็กำลังอิงอกคนที่เธอเคยเห็นเป็นแค่พี่ชายของเพื่อนเท่านั้น โดยที่ริมฝีปากของเขาคลอเคลียอยู่ที่ใบหูของเธอ

    “ตอบพี่นิดได้มั้ยคนดี แค่พยักหน้าก็ได้รักพี่บ้างมั้ย?”

    วิสราพยักหน้าหงึกๆ กับอกชายหนุ่ม แต่มาคิดอีกที เธอก็คิดว่าควรพูดออกไปเลยดีกว่า
    “วิวก็รักพี่นกค่ะ”  อ้อมแขนที่กอดเธอไว้ยิ่งรัดแน่นขึ้น วิสราเห็นว่าไม่ดีแน่แค่นี้เธอก็รู้สึกเปลืองตัวจะแย่แล้ว ขืนอยู่นานกว่านี้มีหวังได้เลยเถิดไปถึงไหน ถึงไหนแน่

    ดังนั้นจังหวะที่นครินทร์จะก้มลงมาจุมพิตเธออีกครั้ง วิสราก็ฉวยโอกาสที่เขาไม่ทันระวังผลักจนเขาเสียหลัก ส่วนตัวเองวิ่งหนีพลางหัวเราะคิกคักไปด้วย

    นครินทร์ไล่ตามแม่เพื่อนน้องสาวตัวดีที่แกล้งเขาแล้วยังมีหน้ามาหัวเราะจนทันกันที่ระเบียงหลังบ้าน เขาคว้าร่างโปร่งบางนั้นไว้ ตั้งใจว่าจะลงโทษให้หายหมั่นเขี้ยว แต่เสียงของบุคคลที่สามแทรกขึ้นมาเสียก่อน

    “อะแฮ่ม”

    ทั้งนครินทร์และวิสราเงยหน้ามองนพเก้าในชุดนอนสีชมพูหวานแหวว วิสรารู้สึกตัวว่ายังอยู่ในอ้อมแขนของพี่ชายคนโตของนพเก้าเลยรีบดันตัวเองออก ซึ่งอีกฝ่ายก็ยอมง่ายเพียงแต่ยังกุมมือเธอไว้แนบสนิท

    “ยัยน้องยังไม่นอนอีกหรือ พรุ่งนี้งานสำคัญของเราทำไมยังมาถ่างตาอยู่แถวนี้”

    “ก็มาควบคุมความประพฤติพี่น่ะสิ ยัยวิวน่ะเพื่อนน้องนะเรื่องอะไรจะปล่อยให้พี่นกแกล้ง”

    ว่าแล้วนพเก้าก็เข้ามาจับมือของพี่ชายกับเพื่อนสาวแยกออกจากกัน

    “มันจะมากไปแล้วนะยัยน้อง” นครินทร์โวย

    “ไม่มากไปหรอก พี่นกน่ะก็ไปอาบน้ำได้แล้ว ทำงานมาทั้งวันมากอดยัยวิวได้ไงยัยวิวเหม็นไปด้วยพอดี”

    วิสราขำกับใบหน้าของนครินทร์ที่คงเรียกได้ว่าปั้นหน้าไม่ถูก เพราะจะยิ้มก็ไม่ใช่จะบึ้งก็ไม่เชิง ด้วยกลัวว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะงอนเธอเลยส่งเสียงหวานปนอ้อนหน่อยๆ ไปให้

    “พี่นกไปอาบน้ำสิคะ จะได้หายเหนื่อย”

    “ก็ได้” นครินทร์รับปากอย่างง่ายดายเมื่อเจอลูกอ้อนของวิสราเข้า

    นพเก้าเห็นท่าพี่ชายจะเดินเข้ามาหาเพื่อนสาวอีก ก็ยืนบังวิสรา ขอเป็นทศกัณฑ์สักวันเถอะ

    “อาบน้ำเสร็จก็เข้านอนเลยนะคะพี่นก เพราะคืนนี้น่ะพี่หมดเวลาคุยกับวิวแล้ว น้องไม่ยอมให้เพื่อนเจ้าสาวขอบตาดำหรอก” ว่าแล้วนพเก้าก็ลากเพื่อนสาวจากไป ทิ้งให้พี่ชายตัวเองขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่คนเดียว

    “ช้าๆ หน่อยยัยน้องฉันเดินตามไม่ทัน” วิสราแปลกใจที่เพื่อนหยุดเดินทันที

    “เป็นไงดีกันแล้วใช่มั้ย ฉันล่ะลุ้นแทบตาย”

    “อ๋อ...นี่เป็นแผนเธอล่ะสิที่ให้ฉันมาค้างน่ะ”

    “ไม่งั้นเธอจะยอมเจอพี่ชายฉันเหรอ ตกลงโกรธกันเรื่องอะไรน่ะ บอกหน่อยสิ”

    วิสราส่ายหน้ากับเพื่อนสาวที่ริเป็นแม่สื่อแม่ชัก ยุ่งดีนักแกล้งซักหน่อยดีกว่า

    “ก็เพราะเธอน่ะแหละ มาพูดเรื่องทฤษฎีความรักความสะดวกอะไรไม่รู้ ฉันก็เลยคิดมากกลัวว่าเรื่องพี่นกมันจะไปซ้ำรอยกับนายเจอีก ความผิดเธอคนเดียวเลย”

    วิสราทำเป็นต่อว่าเพื่อนสาวแล้วชิ่งหนี ปล่อยให้นพเก้าได้แต่เกาหัวแกรกๆ สงสัยว่าตกลงมันเป็นความผิดของเธอละหรือ

    นพเก้ายักไหล่...ถึงจะไม่เข้าใจว่าตัวเองผิดตรงไหนแต่ก็ช่างเถอะ ยังไงเสียเธอก็ดีใจที่ในที่สุดพี่ชายเธอกับเพื่อนสาวก็สมหวังในความรักเสียที โลกนี้ช่างสดใสอะไรอย่างนี้นะ เห็นทีเธอต้องไปนอนบ้างละ วันนี้อาจเป็นวันขององค์ชายใหญ่กับองค์หญิงวิสรา แต่พรุ่งนี้น่ะวันขององค์หญิงสิบสี่อย่างเธอนะจะบอกให้...


    แก้ไขเมื่อ 29 พ.ค. 48 03:16:58

    จากคุณ : wayo - [ 29 พ.ค. 48 03:15:34 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป