CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    ขอโอกาสอีกครั้งให้ฉันได้บอก "รักเธอ" (ลงที่นี่ครั้งแรกฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ)

    ฉันกำลังวุ่นวายอยู่กับการจัดโต๊ะทำงานใหม่ ดูเหมือนอาณาเขตของฉันได้ลุกล้ำไปยังโต๊ะข้าง ๆ ที่ว่างอยู่ คงต้องจัดการทำอะไรสักอย่างก่อนที่เจ้าของคนใหม่จะเข้ามาใช้วันนี้ ฉันจึงค่อย ๆ รื้อกองหนังสือตั้งใหญ่ออกมาวางไว้บนโต๊ะ

    “เอะ ! นี่มันไดอารีสมัยมัธยมของฉันนี่ มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ฉันอุทานเบาๆ ด้วยความสงสัย เพราะจำไม่ได้ว่าเอาไดอารีมาไว้ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไร

    1 ปี แล้วซินะที่ฉันทำงานอยู่ที่นี่ เวลามันช่างผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน ใครกันนะที่บอกว่าเวลาจะช่วยเยียวยาหัวใจได้ สำหรับฉันแล้วเวลาไม่สามารถลบความทรงจำบางอย่างออกไปได้เลย แม้มันจะผ่านมา 7 ปีแล้วก็ตาม

    โอ๊ย ! ทำยังไงดีนะฉันถึงจะลืมมันได้สักที ยิ่งอาทิตย์นี้ฉันคิดถึงเรื่องนี้ทุกวันเลย อาจจะเป็นเพราะว่าใกล้จะถึงวันแห่งความรักแล้วก็ได้ มันเลยยิ่งตอกย้ำความรู้สึกที่ถูกเก็บมาเนินนาน ฉันค่อยๆ เปิดไดอารีอ่านทีละหน้า



    18 พฤษภาคม ….



    วันนี้เป็นวันเปิดเทอม และเป็นปีการศึกษาแรกที่โรงเรียนจะเปลี่ยนจากโรงเรียนหญิงล้วนเป็นโรงเรียนแบบสหศึกษา เมื่อเดินเข้ามาจึงเห็นนักเรียนชายเดินกันควักไขว่ดูแปลกตากว่าเคย ฉันเดินมาหยุดอยู่ใต้ต้นไม้ข้าง ๆ เสาธงซึ่งเป็นที่ประจำของกลุ่ม เพื่อน ๆ นั่งกันอยู่ก่อนแล้ว

    “ไงโย รีบมาทำไมเหลืออีกตั้งครึ่งชั่วโมงกว่าจะเข้าแถว” อุ๊แซวทันทีที่เดินเข้ามาใกล้ ๆ ปกติแล้วโยธกาคนนี้มักจะมาถึงโรงเรียนตอนเกือบๆจะเข้าแถวแล้วประจำ วันนี้มาเร็วกว่าเคยตั้งครึ่งชั่วโมง เพื่อน ๆ จึงรู้สึกแปลกใจ

    “เจอกันวันแรกก็กัดเลยนะ คิดถึงกันมากรึไง” ฉันตอบอย่างคนอารมณ์ดี พร้อมกับส่งยิ้มทักทายเพื่อนในกลุ่ม

    “โยเดินเข้าโรงเรียนมาแกสังเกตเห็นอะไรไหม” ปูถามเมื่อฉันนั่งลงมาแล้ว ฉันจึงมองไปรอบ ๆ โรงเรียนอีกครั้งจึงพบว่าห้องน้ำประจำที่พวกเราชอบไปทำสวยถูกเปลี่ยนเป็นห้องน้ำชายแล้ว สนามหญ้าข้างตึกที่พวกเราชอบไปนั่งเม้าถูกเปลี่ยนเป็นสนามบอลเล็ก ๆ และยังอะไรต่อมิอะไรอีกหลายอย่างถูกเปลี่ยนแปลงเพื่อต้อนรับนักเรียนชายที่เข้ามาในปีนี้

    ‘อืม เห็น’ ฉันหันกลับมาตอบ

    ‘แกคิดยังไง’ อุ๊ถามขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าฉันยังไม่ตอบสักทีจึงพูดต่อ

    ’เซ็งว่ะ จะเอาใจอะไรกันนักหนาแค่นักเรียนชายไม่กี่คน’ ไม่แปลกที่อุ๊จะรู้สึกอคติเล็ก ๆ กับนักเรียนชายที่เข้ามาใหม่ ก็ดูซิที่ประจำของพวกเราถูกเปลี่ยนไปเป็นของนักเรียนชายเกือบหมด

    “คนนี้น่ารักดีนะ” เสียงนักเรียนหญิงกลุ่มใกล้ ๆ คุยกัน พวกเราหันไปมองตามจึงเห็นนักเรียนชายคิ้วเข้มร่างสูง ผิวสีน้ำตาลกำลังเดินไปหน้าตึกเรียนที่มีเพื่อนนั่งรออยู่ เขาคงไม่ทันเห็นว่าตัวเองตกเป็นเป้าสายตาของนักเรียนหญิงที่อยู่บริเวณนั้น เพราะมัวแต่โบกมือให้กับกลุ่มเพื่อนที่นั่งรออยู่ ขณะที่กำลังเดินผ่านกลุ่มของฉันไป ฉันจึงแอบอ่านชื่อของเขาที่อกเสื้อ จึงรู้ว่าเขาชื่อ ‘วายุ’

    ‘โอ๊ยแย่แล้ว พวกนั้นอยู่สีเดียวกับเราล่ะ’ อุ๊อุทานเมื่อเห็นสัญลักษณะรูปดาวสีเหลืองที่ปกเสื้อของวายุ

    ‘ฮ่า ฮ่า ฮ่า’ ปูหัวเราะเบา ๆ เพราะรู้ดีว่าอุ๊กำลังคิดอะไรอยู่

    “เป็นอะไรอุ๊ ! กลัวว่าตัวเองจะตกอันดับหรือไง’ ปอนหันมากัดสาวทอมอย่างอุ๊ เธอจึงต่อยบ่าของปอนเบา ๆแทนคำตอบ

    วันนี้ไม่มีเหตุการณ์อะไรพิเศษ พวกเรายังคงใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานต่อไป ถึงแม้ว่าที่ประจำของเราจะถูกเปลี่ยนไปเป็นของนักเรียนชายบางส่วนก็ตาม……



    ความทรงจำสมัยมัธยมกำลังลอยวนเวียนอยู่ในสมอง ‘วายุ’ ชื่อนี้ยังคงมีอิทธิพลต่อหัวใจของฉันตลอดมาไม่เคยเปลี่ยน ถึงแม้จะผ่านมา 7 ปีแล้วก็ตาม



    ฉันรู้จักวายุตั้งแต่เขาเข้ามาเรียนที่นี่ วายุเป็นรุ่นน้องอยู่ม. 4 ส่วนฉันอยู่ม. 5 เราอยู่สีเดียวกันจึงเจอกันบ่อย ๆ แต่ก็ไม่ได้ทักกันหรอกนะเพราะวายุไม่รู้จักฉัน อ้าว ! ฉันรู้จักเขาก็จริงแต่เขาจะรู้จักฉันรึเปล่ามันก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ที่แน่ ๆ นักเรียนหญิงที่นี่ส่วนใหญ่รู้จักวายุ เวลาพวกเขาไปไหนมาไหนจะถูกจับตามองเป็นพิเศษ เนื่องจากทุกคนในกลุ่มหน้าตาค่อนข้างดี อย่างเช่นวายุหน้าตาคมเข้มรับกับผิวสีน้ำตาล อีกทั้งร่างสูงตามมาตรฐานชายยิ่งทำให้เขาดูเด่นขึ้น ส่วนเมคินเพื่อนซี้นั้นสูงขาว ตาโต จมูกโด่ง หน้าตารูปร่างออกจะคล้าย ๆ ลูกครึ่งทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีเชื้อเลยสักนิด จึงไม่แปลกที่จะเป็นขวัญใจของสาว ๆ ได้อย่างง่ายดาย เห็นจะมีแค่กลุ่มเดียวเท่านั้นแหละที่ไม่ค่อยชอบพวกวายุนักคือกลุ่มฉันเอง อันที่จริงจะเรียกว่ากลุ่มคงไม่ได้เพราะฉันรู้สึกเฉย ๆ ค่อนๆ ไปทางชอบมากว่า ก็นะ ! ไม่อยากบอกเลยว่าวายุนะสเป๊กเลยละ อย่าหาว่าฉันนอกคอกเลยนะเรื่องของหัวใจนะมันห้ามกันได้ที่ไหนล่ะ ฉันไม่เคยบอกให้เพื่อน ๆ ในกลุ่มเลยว่าฉันชอบวายุเพราะกลัวว่าจะถูกคัดค้าน จึงได้แต่เก็บความรู้สึกนี้ไว้ในใจเท่านั้น



    “เฮ้ย โย แกเคยได้ยินเรื่องของพวกเมคินบ้างรึเปล่า” อุ๊ถามเมื่อนั่งลงบนเก้าอี๊ประจำในโรงอาหารเรียบร้อยแล้ว

    “ไม่เคย ทำไมหรอ” ชื่อกลุ่มนี้เรียกความสนใจของฉันได้ไม่น้อย เดี๋ยวนี้หัวข้อสนทนาของนักเรียนหญิงที่นี่จะหนีไม่พ้นเรื่องของนักเรียนสุดป๊อปอย่างพวกวายุเลย

    “เขาว่านายเมคินเนี่ยทั้งเก็กทั้งหยิ่งน่าดูเลยล่ะ” อุ๊ใส่อารมณ์น่าดูคงเพราะไม่สบอารมณ์กับพวกวายุที่ทำตัวเด่นเกินหน้าเกินตาสาวทอมอย่างเธอ

    “ยังไงล่ะ เล่ามาซิ” ฉันเริ่มอยากรู้มากยิ่งขึ้น อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับเรื่องของวายุ ฉันอยากจะรู้ไปซะทั้งหมด ถึงแม้ว่าจะไม่เคยคุยกับเขาเลยสักทีก็ตาม

    “มีคนบอกว่าเมื่อวานตอนเย็นมีเด็กนักเรียนวิ่งตาม 2 คนนั่นไปแล้วเกิดตกท่อระบายน้ำ” อุ๊เว้นจังหวะสักครู่เพื่อดูความสนใจของผู้ฟัง “แล้วรู้ไหมนายเมคินนั่นทำยังยังไง” เธอยักคิ้วสองทีอย่างยียวน

    “ทำยังไงล่ะ” ฉันก็พลอยลุ้นไปด้วย

    “นายนั่นยืนหัวเราะเฉยเลยทั้ง ๆ ที่ตัวเองเป็นต้นเหตุแท้ ๆ กลับปล่อยให้เพื่อนอีกคน ชื่ออะไรนะ …อ๋อนายวายุ เข้าไปช่วยน้องคนนั้นแทน คิดดูซิว่านายเมคินนะแล้งน้ำใจขนาดไหน” อุ๊ยังบ่นต่อไปอีกยืดยาวโดยที่เสียงนั่นไม่ได้เข้าหัวฉันสักนิด เพราะมัวแต่นึกถึงใบหน้าคมเข้มกับผิวสีน้ำตาลของวายุ ทำยังไงนะฉันถึงจะได้รู้จักกับวายุมากขึ้น….

    “เร็ว ๆ ซิปูเดี๋ยวก็ไม่ทันเข้าชมรมหรอก” ฉันหันไปเร่งเพื่อนในกลุ่มเพื่อไปให้ทันชั่วโมงกิจกรรม ทุกๆ สัปดาห์ทางโรงเรียนจะจัดให้มีชั่วโมงกิจกรรม เพื่อให้นักเรียนใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์และรู้จักการปรับตัวในการเข้าสังคม พวกเราชอบการแสดงเลยเลือกที่จะอยู่ชมรมการแสดง และวันนี้ก็เป็นวันแรกของเทอมที่จะเข้ากิจกรรมของชมรม

    “ก็รีบอยู่นี่ไง ยังจะเร่งอีก” ปูบ่นพึมพำวิ่งตามหลังมาติด ๆ

    “โยแกจะรีบไปไหนว่ะ ห้องชมรมมันไม่หนีหรอก” อุ๊ถามด้วยความสงสัย กับอาการรีบร้อนของเพื่อน

    “ก็อาจารย์เอ๋ให้ไปหานะซิ บอกว่ามีเรื่องจะพูดด้วย” ฉันก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมอยู่ๆอาจารย์ถึงได้เรียกพบ เพราะปกติแล้วอาจารย์เอ๋มักจะปล่อยให้พวกเราทำกิจกรรมกันอย่างอิสระ สร้างสรรค์ได้เต็มที่ โดยอาจารย์จะดูอยู่ห่าง ๆ และคอยช่วยเหลือเมื่อมีปัญหา

    “เรียกพบด่วนรึไงถึงได้รีบขนานนี้” คราวนี้ปอนถามบ้าง

    “ก็ไม่ด่วนหรอกแต่อยากรีบไปเร็ว ๆ จะได้มีเวลาซ้อมละครนาน ๆ “ ตั้งแต่ปิดเทอมเราก็ไม่ได้ซ้อมละครกันอีกเลย วันนี้เลยรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้กลับมาซ้อมอีกครั้ง สักพักพวกเราก็มานั่งอยู่ในห้องชมรมโดยมีอาจารย์เอ๋นั่งรออยู่ในห้องก่อนแล้ว

    “อาจารย์เรียกพบหนูหรือค่ะ” ฉันรีบถามอาจารย์เมื่อเข้ามานั่งในห้องชมรมเรียบร้อยแล้ว

    “ใช่ ! “ อาจารย์พยักหน้าน้อยๆตอบก่อนจะพูดต่อว่า “ครูอยากให้ชมรมการแสดงของเราส่งละครไปแสดงในงานวันแม่ที่จะถึงนี้”

    “แต่เราก็จะส่งละครไปแสดงอยู่แล้วนี่ค่ะ” ปกติทุกครั้งที่โรงเรียนจัดงานชมรมของเราจะต้องเข้าร่วมทำกิจกรรมด้วยทุกครั้ง

    “ก็ใช่ แต่ที่ครูจะบอกก็คือครูอยากให้กลุ่มของวายุมาแสดงกับพวกเราด้วย”

    “ทำไมล่ะค่ะ พวกนั้นไม่ได้เป็นสมาชิกชมรมสักหน่อย” อุ๊รีบเถียงเมื่อรู้จุดประสงค์ของอาจารย์เอ๋

    “พวกเธอคงพอจะรู้อยู่ใช่ไหมว่าชมรมการแสดงของเรายังขาดอุปกรณ์อยู่หลายอย่าง เพราะงบประมาณเรามีจำกัด“ อาจารย์ทำหน้าเคร่งเครียดพร้อมกับถอนหายใจเมื่อพูดจบ

    “พวกเราทราบค่ะ แต่มันเกี่ยวกับพวกวายุยังไงคะ” อุ๊ยังคงซักต่อ

    “ถึงแม้ทางชมรมจะมีผลงานออกมาให้เห็นบ่อย ๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะได้งบมากขึ้นด้วย ทางเดียวที่จะทำให้เราได้งบเพิ่มขึ้นก็คือหาสมาชิกมาเพิ่ม”

    “แล้วกลุ่มนายวายุจะทำให้ชมรมเรามีสมาชิกเพิ่มขึ้นได้ยังไงล่ะค่ะ” ปอนที่นั่งฟังตั้งแต่ต้นถามขึ้นมาบ้างโดยมีปูพยักหน้าเห็นด้วยอยู่ด้านหลัง

    “พวกเธอก็น่าจะรู้อยู่แล้วนะว่ากลุ่มของวายุกำลังเป็นที่สนใจของนักเรียนอยู่ ถ้าเราติดประกาศรับสมัครนักแสดงโดยบอกว่าพระเอกคือใคร ครูคิดว่าคงมีคนสนใจไม่น้อยทีเดียว” อาจารย์เอ๋ยิ้มอย่างมั่นใจในความคิด

    “นั่นซินะ แต่ว่าอาจารย์ค่ะ แล้วพวกนายวายุจะยอมมาแสดงละครกับเราหรอค่ะ” ก็ตั้งแต่เปิดเทอมมายังไม่เคยเห็นพวกนั้นเข้าร่วมกิจกรรมของชมรมไหนเลย เห็นเอาแต่เล่นกีฬาอย่างเดียวเอง”

    “โยธกาเธอลืมไปแล้วหรือไงว่าครูนะเป็นใคร”

    “แล้วอาจารย์เป็นใครล่ะค่ะ” หรือว่าอาจารย์จะเป็นญาติกับพวกนั้น

    “ก็เป็นอาจารย์นะซิ”

    “อ้าว ! ” พวกเราร้องพร้อมกัน

    “ก็ถ้าครูไปขอร้องให้พวกนั้นมาช่วยแสดง พวกเธอคิดว่าเขาจะกล้าปฏิเสธครูหรอ” อาจารย์ทำเสียงจิจ๊ะก่อนอธิบายให้พวกเราฟัง มันก็จริงอย่างที่อาจารย์ว่าพวกนั้นคงไม่กล้าปฏิเสธอาจารย์หรอก

    ดังนั้นอาจารย์จึงให้ฉันไปตามพวกวายุมาพบอาจารย์ในห้องชมรมวันนี้เลย การหาตัวเขาไม่ใช่เรื่องยาก เพราะพวกเขามักจะนั่งกันเป็นกลุ่มอยู่ที่หน้าโรงอาหารซึ่งก็ไม่ไกลจากห้องชมรมเท่าไร ไม่กี่นาทีต่อมาฉันก็มาหยุดยืนอยู่ต่อหน้าพวกวายุ

    “เอ่อ สวัสดี” ทุกคนในกลุ่มหยุดกิจกรรมต่าง ๆ ที่กำลังทำอยู่เงยหน้ามองมาทางฉันเป็นตาเดียว เลยทำให้ฉันรู้สึกเขินขึ้นมานิดๆ

    “อาจารย์เอ๋ เอ่ออาจารย์ธิติมาที่ปรึกษาชมรมการแสดงเรียกพวกนายไปพบนะ” เสียงฉันค่อนข้างสั่นเมื่อเหลือบไปสบตากับวายุที่กำลังมองอยู่พอดี

    “เรียกพบเรื่องอะไรครับ” วายุพูดทำลายความเงียบที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นมา ฉันเผลอจ้องหน้าเขาอีกพักใหญ่จนวายุต้องถามอีกครั้ง “เรียกพบเรื่องอะไรครับ”

    “เอ่อ….เรื่องการแสดงละครวันแม่ที่จะถึงนี้” ฉันค่อย ๆ รวบรวมสมาธิขึ้นมาจนได้

    “แล้วชมรมการแสดงมันเกี่ยวอะไรกับพวกเราด้วยล่ะ” นายเมคินพูดเสียงห้วนขึ้นมาพร้อมกับยักคิ้วท่าทางกวน…ชะมัดเลย !

    “ถ้าอยากรู้ก็รีบไปพบอาจารย์ซิจะมัวมาถามทำไม” ฉันเริ่มฉุนกับกริยาห่าม ๆ ของนายเมคินที่ไม่ให้เกียรติในฐานะที่เป็นรุ่นพี่เลยสักนิด

    “ถ้าอย่างนั้นพี่ก็พาพวกผมไปเลยซิครับ” เมื่อเห็นว่าฉันเริ่มยัวะนายเมคินเพื่อนตัวแสบของเขา วายุเลยรีบพูดห้ามทับก่อนที่จะเกิดสงครามน้ำลายขึ้น

    จากคุณ : อารายะ - [ 29 พ.ค. 48 22:32:55 A:61.91.204.3 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป