กรุ๊ง กริ๊ง กรุ๊ง กริ๊ง เสียงบางอย่างแทรกผ่านเข้ามายังโสตประสาทภายในของ พภิตา พร้อมความรู้สึกอันแสนประหลาดที่สอดแทรกเลยผ่านไปสู่หัวใจให้หวั่นไหวอย่างหาสาเหตุมิได้ หญิงสาวพยายามมองหาเจ้าของเสียงนั่น ท่ามกลางผู้คนที่เดินผ่านไป-มา อย่างพลุกพล่านในย่านการค้าแห่งนี้ ร้านค้ามากมายนับสิบเรียงรายกันอยู่เป็นทิวแถวให้หญิงสาวได้เลือกหาสินค้าจับจองไปเป็นเจ้าของ ในที่สุดเธอหญิงสาวก็ค่อย ๆ หลับตาลงเพื่อสะกดหัวใจของความรู้สึกให้นิ่งเฉยและเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง พร้อมเท้าที่ก้าวเดินตามเสียงแห่งความสงสัยนั้นไป สุดท้ายปลายเท้าคู่นั้นก็มาหยุด ณ บริเวณบ้านไม้เล็ก ๆ หลังหนึ่ง
ประตูบ้านถูกเปิดรอไว้เสมือนว่าพร้อมจะต้อนรับแขกที่ไม่ได้รับเชิญอยู่ตลอดเวลา ภายในบ้านถูกบังตาไว้ด้วยม่านไหมสีทองนิ่มนวลน่าสัมผัส พภิตาอดไม่ได้ที่จะแหงนใบหน้า ใช้สายตามองเหนือประตูขึ้นไปยังบริเวณป้ายด้านบนซึ่งใกล้กับหลังคาที่ไม่สูงจากประตูบ้านเท่าไรนัก หากแต่ก็ต้องสะดุดสายตาเข้ากับป้ายของบ้านเล็ก ๆ หลังนี้
บ้านไม้
สะสมรัก
ชื่อบ้านว่าแปลกแล้ว หากแต่ป้ายเจ้าของชื่อกลับประหลาดเสียยิ่งกว่า
ประหลาดอย่างไรนั้นหรือ ก็ป้ายที่พภิตากำลังจับจ้องอยู่นี้ มันเป็นเพียงแค่กระจกเงาที่คนส่วนใหญ่มักจะนำมาใช้ส่องสะท้อนใบหน้าธรรมดา ๆ นี่เอง รอบกรอบกระจกถูกแต่งขอบไว้ด้วยไม้สักฉลุลายหัวใจสวยงาม หากแต่ในกระจกเงาบานนั้นกลับเหมือนว่าถูกส่องปุยขาว ๆคล้ายสำลีเลียงตัวกันเป็นตัวอักษรของชื่อบ้านไว้ ทำให้มองเห็นชื่อบ้านปรากฏอยู่ในกระจกบานนี้ เอหรือว่าเขาจะติดชื่อไว้ตรงบริเวณหลังคาที่งุ้มลงมาเล็กน้อยเพื่อกันฝนนี่ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็ต้องติดตัวหนังสือกลับด้านสินะ ไม่เช่นนั้นจะอ่านได้อย่างไร หญิงสาวเลื่อนสายตามายังกังหันลมทั้งสองด้านของป้ายชื่อบ้านที่ห้อยกระดิ่งอันเล็ก ๆ เอาไว้ //เสียงที่ได้ยินเมื่อสักครู่จะมาจากกระดิ่งคู่นี้รึเปล่านะ แต่ไม่ว่าลมจะพัดแรงสักเพียงใด เธอก็ไม่เห็นมีวี่แววว่ากังหันจะต้องลมหมุนหรือกระดิ่งจะสั่นไหวแม้แต่น้อย
หญิงสาวก้าวเท้าเข้าไปเพื่อที่จะพิสูทธิให้เห็นด้วยสายตาตัวเองว่าอักษรที่สะท้อนภาพออกมาจากป้ายที่ทำจากบานกระจกนั้น มันถูกสร้างไว้เช่นไรกันแน่ หากแต่เมื่อเท้าสำผัสลงไปบนพรหมบริเวณหน้าประตูบ้านก็ดลให้เธอเปลี่ยนใจ ค่อย ๆ จรดปลายเท้าก้าวผ่านประตูแหวกม่านไหมนั่นเข้าไปแทน เสียงกระดิ่งทำหน้าที่สั่นขึ้นพร้อมกังหันที่หมุนโต้ลมอย่างประหนึ่งว่ากำรับสู้รบกับลมพายุที่พัดเข้ามา ขณะที่ม่านถูกแหวกออกโดยหญิงสาวที่ถือวิสาสะลุกล้ำเข้าไปอย่างไม่มีผู้ใดเชื้อเชิญ
ภายในบ้านกลับมีของประดับเรียงรายอยู่มากมาย พภิตาเดาได้ว่าที่แห่งนี้คงจะเป็นร้านขายพวกของขวัญ ของสะสมของที่ระลึก รวมไปถึงของจุกจิกต่าง ๆ ที่มีวางเรียงรายไว้มากมายบางชิ้นก็ดูเหมือนจะถูกนำไปใช้งานบ้างแล้ว หากแต่บางชิ้นยังดูใหม่เหมือนรอที่จะให้เลือกจับจองไปเป็นเจ้าของ หญิงสาวยังคงสำรวจไปเรื่อยๆ อย่างสนใจ
ของส่วนใหญ่ในบ้านไม้แห่งนี้ล้วนแต่มีดีไซด์ที่แปลกตาออกไป และไม่ซ้ำกันเลยสักชิ้น ไม่ว่าจะเป็นปากกาที่มีปุ่มกดได้ทั่วทั้งด้ามหากแต่มีไส้ที่ใส่น้ำหมึกไว้แค่เพียงอันเดียว ถ้วยน้ำชาที่มีรอยบิ่นหากในนั้นกลับมีน้ำขุ่นอยู่ ใส่ไว้เพื่ออะไรกันนะ ดูสร้อยเส้นนี้สิสวยจัง หญิงสาวพยายามจ้องลึกลงไปในจี้แก้วคริสตัน ที่ดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ในนั้น แล้วเขาร้อยสร้อยนี่ไว้ยังไงกัน ทำไมเธอมองไม่เห็นเส้นด้ายหรือเอ็นเลยสักนิด คนประดิษฐ์ช่างเก่งเหลือเกิน จะว่าไปเธอก็มาแถวนี้ออกบ่อยแต่ทำไมไม่เคยเห็นร้านนี้เลยนะ จะว่าเพิ่งเปิดใหม่แต่เมื่อใช้สายตาสำรวจสภาพภายในร้านแล้วก็ไม่น่าจะใช่ มันเหมือนถูกใช้งานมานานพอสมควร
หญิงสาวยังคงใช้สายตาสำรวจไปเรื่อย ๆ จนในที่ก็มาสะดุดตาสะดุดใจไว้ที่กล่องสี่เหลี่ยมขนาดกลางสีฟ้าใส หน้ากล่องมีรูปหัวใจผ้ากำมะยีสีแดงปกคลุมไว้ หากสังเกตให้ดี ๆ จะพบว่าบริเวณกึ่งกลางหัวใจดวงใหญ่นั่นจะมีรูรูปหัวใจดวงเล็กฝังตัวอยู่เช่นกัน จากรูปลักษณ์ของกล่องนี่แล้วหญิงสาวคิดว่าน่าจะเป็นสมุดมากกว่ากล่องใส่ของแน่นอน เพราะตรงบริเวณด้านหน้าและด้านหลังมันคล้ายปกสมุดหนา ๆ แต่ดันมีขอบมาปิดบังไว้หมดจึงมองไม่เห็นแผ่นกระดาษด้านใน เธอเลยไม่แน่ใจว่าสิ่งถืออยู่นี่มันคืออะไรกันแน่ อะไรก็ไม่ทราบทำให้หญิงสาวรู้สึกสนใจมันมากมายนัก จนคิดอยากที่จะจับจองเป็นเจ้าของทันทีที่เห็น ในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะหยิบกล่องสีฟ้านั่นขึ้นมาดูอย่างเต็มความสนใจ เมื่อพยายามลองเปิดดูก็ไม่สามารถเปิดมันออกได้ เสมือนว่าถูกล็อกไว้ด้วยอะไรบางอย่าง ///เอหรือว่ารูนั่นจะเป็นรูกุญแจกันนะ
ใช้ไอนี่ช่วยจะดีกว่าไหมคะ หญิงสาวร่างบางแต่งกายด้วยเสื้อยืดสีขาวและกางเกงยีนต์สีซีด ๆ หากแต่จุดที่สะดุดตาที่สุดนั้นคงจะเป็นดวงตากลมตาโตและเรือนผมยาวดำขลับที่ถูกรวบไว้ด้วยผ้าลูกไม้ผืนสวย ผู้มาทีหลังยื่นลูกกุญแจที่ปลายดอกถูกตีแบนเป็นรูปหัวใจเล็ก ๆ ตรงไปยังบริเวณด้านหน้าของหญิงสาวผู้ล่วงล้ำพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ
อุ๊ย เสียงร้องเบา ๆ หลุดออกมาจากหญิงสาวผู้บุกลุกอย่างตกใจ ที่มีใครบางคนเข้ามาฉุดเธอออกจากภวังค์โดยไม่ได้บอกกล่าวให้เธอรู้ก่อนล่วงหน้า
เอ่อ คุณเป็นเจ้าของที่นี่เหรอคะ
ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ เพียงแต่ดิฉันเพิ่งจะถึงวาระที่จะมารับหน้าที่ดูแล สะสมรักเป็นวันแรก
พภิตามองหญิงสาวตรงหน้าอย่างสะดุดหูกับคำพูดที่ค่อนข้างจะคลุมเครือนั่น
ดิฉันหมายถึงร้านนี้ไงคะ คุณคงเห็นชื่อร้านแล้ว
อ้อ ค่ะ บ้านไม้สะสมรัก ชื่อแปลกดีนะคะ แต่ก็ฟังดูอบอุ่น เอเมื่ออาทิตย์ที่แล้วฉันก็มาที่นี่ ทำไมไม่เห็นร้านนี้เลยละคะ หรือว่าเพิ่งจะมาเปิดใหม่
ร้านแห่งนี้อยู่คู่กับมนุษย์ที่ต้องการความรักมานานแล้วค่ะ แต่ที่คุณไม่เห็นอาจจะเป็นเพราะว่ายังไม่ถึงเวลา
ของคุณ เจ้าของคำตอบเฉลยออกไปด้วยใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มรอยยิ้ม เจือจางไว้ หากแต่ถ้อยคำที่เปล่งออกมากลับยิ่งชวนให้งุนงงสงสัยมากขึ้นไปกว่าเดิม
ยังไม่ถึงเวลา
พภิตาทวนคำของหญิงสาวที่แนะนำตัวว่าเป็นเพียงผู้ดูแลร้าน อย่างงุนงงสงสัยอีกครั้ง ผู้หญิงคนนี้พูดอะไรแปลก ๆ แถมสำบัดสำนวนอีกต่างหาก สงสัยจะอ่านหนังสือนิยายมากไปรึเปล่า หรือไม่ก็อารมณ์ศิลปินมากไป ที่หญิงสาวคิดเช่นนี้เพราะพวกที่ชื่นชอบพวกงานศิลป์หรืออะไรแปลก ๆ มักจะพูดจาที่ค่อนข้างเข้าใจยาก และดูเหมือนเธอคนนี้ก็คงจะอยู่ในขอบข่ายนี้ด้วย จากการที่มองสังเกตของส่วนใหญ่ในร้านนี้ มักจะเป็นงานดีไซด์ออกไปทางใช้หัวคิดซะมากกว่า
เวลาที่คุณสังเกตไงคะ ปกติคุณอาจจะไม่เคยสังเกตก็ได้ ผู้ดูแลร้านคนเก่าเฉลยข้องสงสัยเมื่อเห็นใบหน้าลูกค้าสาวของเธอเริ่มจะเปลี่ยนแปลงไปเป็นเครื่องหมายคำถาม
อ๋อ ค่ะ นั่นสินะอาจเป็นเพราะฉันไม่เคยสังเกตอย่างที่คุณพูดก็ได้ ของในร้านคุณดีไซด์แปลกตาดีนะคะ บางอย่างก็ดูเหมือนพวกของเก่า ดูขลังค์ดี ไม่ทราบว่ารับมาจากไหนหรือคะเนี๊ยะ พภิตาหัวเราะเบา ๆ อย่างเข้าใจแต่ยังคงถามต่อไปเรื่อย ๆเหมือนจะชวนคุยซะมากกว่า
ไม่ใกล้ไม่ไกลหรอกค่ะ แต่ไปเองไม่ได้ ว่าแต่ว่าคุณสนใจไดอารี่เล่มนี้เหรอคะ เจ้าของคำตอบที่ฟังดูแล้วชวนให้สงสัย เริ่มต้นถามว่าเมื่อสังเกตเห็นใบหน้าลูกค้าสาวที่ดูเหมือนว่าเครื่องหมายคำถามจะวิ่งจู่โจมเข้ามาหาอีกครั้ง
ใช่ค่ะ นั่นไงเป็นไดอารี่จริง ๆ ด้วย คงต้องใช้กุญแจอันนี้เปิดใช่ไหมคะ อีกอย่างไม่เห็นมีราคาเลยไม่ทราบว่าราคาเท่าไหร่คะ
ผู้ทำหน้าที่ดูแลร้านหันสายตามาหยุดไว้ที่ไดอารี่ในมือของลูกค้าสาว พร้อมกับรอยยิ้มจาง ๆ เหมือนเช่นเคย หากแทนที่จะตอบเพื่อคลายความสงสัย เธอกลับเบี่ยงตัวเดินเลี่ยงตรงไปยังบริเวณเก้าอี้และโต๊ะตัวชุดไม่ใหญ่นัก ที่ซ่อนตัวอยู่มุมด้านในของร้าน มิน่าหละถึงได้มองไม่เห็นใครตอนเข้ามา พภิตาคิดพร้อมกับก้าวเท้าเดินตามผู้ดูแลร้านไป
พภิตาสังเกตเห็นบริเวณโต๊ะ-เก้าอี้ชุดนั้น ถูกแกะสลักลายกามเทพและหัวใจด้วยไม้สักทั่วทั้งตัวเรือนโต๊ะและเก้าอีกคล้าย ๆ กับป้ายกระจกหน้าร้านที่เธอให้ความสนใจก่อนจะเข้ามา บนโต๊ะลายฉลุที่ว่างเปล่านั่นคงมีเพียงขวดแก้วรูปร่างแปลก ๆคล้ายนาฬิกาทรายอยู่สองใบแต่คงจะไม่ใช่ เพราะไม่มีทรายอยู่ข้างในแม้แต่น้อย
ใบแรกเป็นเพียงขวดว่างเปล่าที่บริเวณฐานก้นแก้วกว้างใหญ่กว่า ลำตัวที่ค่อยๆจะแคบลงจนคล้าย ๆ ท่อยาวเรียวและลดเลี้ยวเคี้ยวคดไปมาเหมือนเขาวงกต ข้างในขวดเหมือนมีกลุ่มควันลอยตัวอยู่เป็นชั้น ๆ ก่อนถึงบริเวณปากขวดที่ถูกปิดไว้ด้วยจุกผ้าลูกไม้แทนฝา ส่วนถัดมาใกล้ๆ กัน
ขวดแก้วใบที่สองซึ่งมีขนาดและรูปลักษณ์คล้ายกับใบแรก หากแต่ต่างกันตรงที่ ขวดถูกกลับพลิกด้านกัน โดยตรงปากขวดแคบถูกตั้งไว้เป็นฐานรองรับลำตัวที่เป็นท่อยาวขึ้นไปและเวียนวนไปมาเหมือนเขาวงกตสุดปลายนั่นกลับกว้างขึ้นเป็นลักษณะของครึ่งวงกลม และมีหัวใจแก้วร้าวแตกสีชมพูดลอยอยู่ร่วมครึ่งหนึ่งของความกว้างในขวดนั้น ขวดใบที่สองเนี๊ยะนอกจากแปลกกว่าแล้วยังไม่มีที่เปิดอีกต่างหาก
จากคุณ :
dokyaka
- [
30 พ.ค. 48 17:38:41
A:203.150.87.49 X:
]